"ก็ไม่ปกติหรอก เพราะปกติเพิร์ลเป็นคนรักษาภาพลักษณ์"
"อ้อ วันนี้ไม่ปกติสินะ" ศีตลาพึมพำ เริ่มนึกอยากให้คุณไข่มุกเสียงวิทยุแปดหลอดนั่นเดินกลับมา เพราะตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลก ๆ ที่ต้องนั่งอยู่กับธามสองต่อสองหลังเพิ่งคุยกันเรื่องมีลูกทำลูกอะไรนั่น แต่เขาก็ไม่ทำให้เธออึดอัดใจนาน เพราะชายหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นยืน สีหน้าของเขากลับมาเป็นการเป็นงานอีกครั้ง "ถึงคุณจะตอบตกลงทันทีแบบไม่เสียเวลาคิด แต่เรื่องนี้ก็ใหญ่โตเกินกว่าจะตัดสินใจปุบปับ ผมจึงจะขอให้คุณกลับไปคิดทบทวนอีกสักรอบ... หลาย ๆ รอบ ระหว่างนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องศักดิ์สยาม ผมจะให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูแลเขาเองรวมถึงเรื่องที่เขาต้องนอนโรงพยาบาลด้วย..." "ขอบคุณนะคะ" "ส่วนเรื่องอุ้มบุญ...ผมอยากให้คุณกลับไปคิดดูอีกสักหนึ่งสัปดาห์ ถ้าเวลาน้อยไปก็คิดต่อจนกว่าคุณจะได้คำตอบที่่ตัวเอวจะไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง ผมไม่อยากใช้่เรื่องคดีของพี่ชายคุณมาบีบให้คุณทำเรื่องอะไรที่ยิ่งใหญ่และสำคัญแบบนั้น ตกลงนะครับ กลับไปคิดดูก่อน..." เด็กสาวสูดลมหายใจลึก ก่อนพยักหน้า "ค่ะ แล้วฉันจะกลับไปคิดดู" * * * * *"อะไรนะ! มีคนย้ายนายศักดิ์สยามไปอยู่ที่อื่นน่ะเหรอ"
"ใช่ครับคุณไข่มุก ไม่ยอมบอกด้วยว่าย้ายไปโรงพยาบาลไหน อ้างว่าจะส่งผลเสียต่อรูปคดี"
"ฝีมือธามแน่ ๆ"
ไข่มุกกัดฟันกรอด อยากจะปาโทรศัพท์ทิ้งระบายอารมณ์เมื่อทนายความที่เป็นผู้ช่วยส่วนตัวของหล่อนด้วยเพิ่งโทรมารายงานว่าไม่สามารถเข้าพบศักดิ์สยามได้ ไข่มุกต้องการต่อรองกับชายหนุ่มว่าหล่อนจะยอมช่วยเหลือเรื่องคดี น้องสาวของศักดิ์สยาม นังลูกตาลอะไรนั่นจะได้ไม่ต้องยอมขายตัวให้สามีของหล่อนเพื่อแลกกับความช่วยเหลือ
แม้ธามจะยืนยันว่าเขาไม่ได้คิดจะมีความสัมพันธ์ทางกายกับเด็กสาวคนนั้น แต่เธอที่ยังอยู่ในฐานะภรรยา อย่างไรก็ต้องรู้สึกหึงหวง ธามยังเป็นของหล่อน เป็นสามีตามกฎหมาย ตามประเพณี สังคมนี้รับรู้ว่าเขาและเธอยังเป็นสามีภรรยากัน
แล้วเรื่องอะไรจะยอมให้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ที่ทั้งสาวกว่า บริสุทธิ์กว่า เข้ามาใกล้สามีของหล่อนได้
ไข่มุกแน่ใจว่าธามคงไม่ยอมคุยเรื่องนี้กับเธออีก เขาเองก็ใจแคบ บีบให้เธอมีทางเลือกแค่สองทาง คือถ้าไม่ยอมตั้งท้องเอง ก็ต้องให้เด็กสาวคนนั้นมาอุ้มท้องให้... ไม่ว่าจะทางเลือกไหนไข่มุกก็ไม่มีทางยอมเลือก ดังนั้นหญิงสาวคิดว่าเธอคงจะเหลือทางเลือกเดียว คือต้องไปดักคอนังเด็กลูกตาลนั่นอีกครั้ง...ด้วยตัวเอง * * * * *“เฮ้ยไอ้ตาล วันนี้เลิกเรียนแล้วไปกินชาบูกันมั้ย”
ลลิตาเพื่อนร่วมวิทยาลัยหันมาถามก่อนจะเริ่มเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้
“เออนั่นสิ ไม่ได้กินตั้งนานแล้วเหมือนกัน ไปนะ ๆ”
อีกคนคะยั้นคะยอ ศีตลาฝืนยิ้ม
“ขอโทษทีนะพวกแก ไปไม่ได้จริง ๆ พี่ต้นเข้าโรงพยาบาลน่ะ อยากไปหาพี่มากกว่า”
“อ้าวเหรอ พี่ต้นเป็นอะไรน่ะ” ลลิตาตกใจ เธอเป็นคนเดียวที่รู้จักกับศักดิ์สยาม เพราะเป็นเพื่อนกับศีตลามาตั้งแต่ยังเด็ก
“ก็...แค่อาหารเป็นพิษนิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก พวกแกไปกันเถอะ เอาไว้คราวหน้าเราค่อยไปด้วยก็แล้วกัน”
อาจเพราะแต่ละคนอายุยังน้อยจึงไม่มีเพื่อนคนไหนละเอียดลึกซึ้งมากพอจะมองเห็นแววหม่นในดวงตาของศีตลา อาจารย์เข้าห้องมาพอดี ทุกคนจึงเลิกคุยกัน แต่วิชาเลขาฯ คาบนั้น ศีตลาเรียนไม่รู้เรื่อง เธอคิดวนไปวนมาแต่กับเรื่องข้อเสนอที่ธามให้
ตอนที่ธามถามว่าเธอรู้ไหมว่า 'อุ้มบุญ' คืออะไร ตอนนั้นเธอตอบเขาไปว่า 'พอจะเข้าใจ'แต่เมื่อกลับมา เด็กสาวก็ยังคงพิมพ์คำค้นหาในกูเกิ้ลเพื่อจะได้เข้าใจมันมากขึ้น บทความเกี่ยวกับการอุ้มบุญขึ้นแสดงเป็นพรืด แต่แค่เนื้อหาหน้าแรกก็สามารถตอบคำถามได้กระจ่างดีพอแล้ว
“...การอุ้มบุญ คือ การให้หญิงคนอื่นตั้งครรภ์จากการปฏิสนธิภายนอกร่างกายแทนคู่สามีภรรยาที่ไม่สามารถมีลูกได้ การปฏิสนธิอาจใช้สเปิร์มและไข่จากคู่สามีภรรยาดังกล่าว หรือเป็นสเปิร์มหรือไข่จากคนใดคนหนึ่งผสมกับสเปิร์มหรือไข่ที่ได้รับบริจาคจากผู้อื่น แล้วจึงนำตัวอ่อนฝังเข้าไปในมดลูกของหญิงที่อุ้มบุญ...”
แบบนี้เอง คุณธามจึงได้ยืนยันกับภรรยาของเขาว่า ระหว่างเขากับผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่อุ้มบุญ จะไม่มีอะไรเกินเลยต่อกัน
แต่ถึงอย่างนั้น ศีตลาก็ยังรู้สึกพะอืดพะอม เมื่อคิดว่าจะต้องมี ‘ตัวอ่อน’ ที่ผสมจากสเปิร์มและไข่ของคนแปลกหน้า เข้ามาฝังตัวอยู่ในมดลูกของเธอ... เธอผู้ซึ่งแค่จับมือเพศตรงข้ามก็ยังไม่เคยสักครั้งเลยในชีวิตนี้
“เฮ้ย! ไอ้ตาล เป็นอะไรไปวะ หน้าซีดเชียว”
ลลิตาที่นั่งโต๊ะชิดกันหันมากระซิบถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อสังเกตเห็นว่าเพื่อนมีท่าทางแปลก ๆ ศีตลาส่ายหน้าและพยายามตอบไปว่าไม่เป็นไร...แต่จู่ ๆ ใบหน้าของลลิตาก็คล้ายมีเงาสีดำมาแทนที่ ก่อนที่ความรับรู้ทุกอย่างของเด็กสาวจะดับวูบลง
* * * * *
สามปีก่อน‘ตาลอยากเรียนที่ วธก. เหรอ’
ศักดิ์สยามถามย้ำอย่างประหลาดใจ เมื่อน้องสาวคนเดียวเดินมาบอกว่า หากเรียนจบมัธยมศึกษาชั้นปีที่สามแล้ว เธอกับเพื่อนจะไปสมัครเรียนต่อสายอาชีพ ที่วิทยาลัยธุรกิจกรุงเทพ หรือชื่อย่อว่า วธก.
ศีตลาพยักหน้า
‘ใช่...ซื้อใบสมัครแล้วด้วย ตาลกับลี่จะไปสมัครสอบด้วยกัน’
‘ลิลลี่ด้วยเหรอ พี่นึกว่าลี่จะอยากสอบเข้าเตรียมฯ เสียอีก พี่ชายลี่ก็เรียนเตรียมฯ นี่นา’
‘ลี่มันบอกว่าสอบแข่งไม่ไหวหรอก สู้มาเรียนสายอาชีพดีกว่า ช่วยที่บ้านทำงานได้ด้วย’
ศักดิ์สยามพยักหน้าน้อย ๆ ลิลลี่ หรือ ลลิตา เป็นลูกสาวคนเล็กของครอบครัวที่ทำธุรกิจ มีบริษัทและโรงงานใหญ่โตเป็นของตัวเอง คงไม่แปลกหากลลิตาจะเรียนด้านนี้เพื่อกลับไปช่วยงานครอบครัว
แต่น้องสาวของเขาไม่เหมือนกัน...
'พี่อยากให้ตาลเรียนสายสามัญ ตาลหัวดีนะ เรียนเก่ง...เรียนสามัญน่าจะมีอนาคตมากกว่า'
'โอ้โห นี่พูดจากปากคนที่เรียนจบ ปวช.* ปวส.* แล้วก็ไปต่อปริญญาตรี จนได้ทำงานดี ๆ เป็นถึงผู้จัดการเนี่ยนะ'
ศีตลาหยอกพี่ชาย เข้าใจดีว่าศักดิ์สยามต้องการจะบอกอะไร
'ที่ตาลเลือกเรียนสายอาชีพ ก็เหตุผลเดียวกับที่พี่ต้นเลือกนั่นแหละ คือ เราจะได้ทำงานไปด้วยได้ ตาลก็แค่อยากเดินตามรอยพี่ชายตัวเอง''ไม่ใช่เพราะกลัวพี่จะส่งเรียนไม่ไหวหรอกหรือ'
ศักดิ์สยามถามตรง ๆ...
==== [ หมายเหตุท้ายเรื่อง : *ปวช. ย่อมาจาก ประกาศนียบัตรวิชาชีพ - หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพเป็นวุฒิการศึกษาที่เทียบเท่ากับมัธยมศึกษาตอนปลาย*ปวส. ย่อมาจาก ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง เทียบเท่าวุฒิอนุปริญญา หากเรียนต่อมหาวิทยาลัยอีก 2 ปีในสาขาที่เกี่ยวข้องก็จะได้รับวุฒิปริญญาตรี ]แต่วีณายังไม่ทันได้ถาม... ก้อยก็รีบวิ่งกลับมาเคาะประตูด้วยท่าทางตื่นเต้น"คุณท่านคะ คุณท่าน!""อะไร! มีอะไร!""คุณธามกลับมาแล้วค่ะ มาถึงก็ถามหาคุณท่านทันทีเลยค่ะ!"* * * * * ตอนแรกธามคิดว่าอาจจะพักสมองอยู่ที่เชียงรายต่ออีกสองสามวันแต่ปีขาลเตือนเขาว่า เรื่องบางเรื่อง ปล่อยไว้นานก็จะยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง 'ถึงยังไงคุณน้าก็เป็นแม่ของมึงนะธาม เลี้ยงดูกันมาขนาดนั้น จะไม่มีเยื่อใยความผูกพันกันเลยก็คงไม่ใช่ มึงกลับไปคุยกับแม่ดี ๆ เถอะ อย่างน้อยก็จะได้ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีอะไรค้างคา'ขนาดคนที่หุนหันพลันแล่นอย่างปีขาลยังบอกแบบนี้ ธามจึงนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ มาทันทีเมื่อเลขาฯ บอกว่าท่านประธานฯ ไม่เข้าบริษัท เขาจึงมาที่บ้าน และก็เจอธัญญาจริง ๆ ในห้องทำงานของธัญญา มีกันเพียงสองคนแม่ลูก ชายหนุ่มใจชื้น อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้ไล่เขาทันทีที่เห็นหน้า"มาทำไม ต้องการอะไร""ผมอยากรู้ความจริงครับ ว่าผมเป็นลูกของ...คุณทีน่า...จริง ๆ ใช่ไหม""แกยังไม่ได้ไปถามมันอีกเหรอ""ผมยังไม่ได้ไปเจอเธอเลยครับ ผมอยากมาคุยกับแม่ก่อน เพราะสำหรับผม คุณทีน่าก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า แม่ต่างหากที่ยังเป็นแม่ของผม""แต่สำ
หลังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ปีขาลถึงกับนั่งงงอยู่เป็นนานสองนานถ้าไม่ใช่เพราะคนเล่าคือ "ธาม" เพื่อนที่แสนจะสุขุม จริงจัง และไม่เคยล้ออะไรใครเล่น เขาก็คงนึกว่ากำลังฟังละครวิทยุอยู่แน่ ๆ"แล้วป่านนี้แม่มึง...ทั้งสองแม่ ไม่ตามหาตัวมึงให้วุ่นหรือวะ จู่ ๆ หลบมาแบบนี้""ไม่รู้"ธามตอบเนือย ๆ "แม่...หมายถึงแม่ตามกฎหมาย คงไม่อยากเห็นหน้ากูเท่าไหร่ แต่คุณทีน่า บอกตรง ๆ ว่ากูยังช็อก..."ชายหนุ่มนึกถึงหญิงคนนั้น คนที่ดวงตาซึ้งดูเศร้าแต่ก็จับใจเขาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น"กูถูกชะตาเขามากตั้งแต่วันแรกที่เจอที่โรงแรม รู้สึกอยากเข้าใกล้ อยากรู้จัก... ไม่ใช่เชิงชู้สาว แต่เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...""เขาเองก็คงอึดอัดอยากบอกมึงเหมือนกันว่าเป็นแม่..."ปีขาลคาดเดาจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนหน้า"ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าไม่เพราะคุณน้าธัญญาดันเกลียดแม่ที่ให้กำเนิดมึงน่ะไอ้ธาม..."นี่ปีขาลก็เดาอีก แต่ธามพยักหน้าเห็นด้วย"เท่าที่ได้ยิน แสดงว่าพ่อกับคุณทีน่าลักลอบมีอะไรกัน จนเกิดเป็นกูขึ้นมา กูก็คือลูกชู้ ลูกนอกสมรส ที่แม่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะอยากทำร้าย เพื่อที่แม่แท้ ๆ จะได้เ
เวลาสองทุ่ม จังหวัดเชียงรายไร่อรุณเบิกฟ้าเปิดไฟสว่างไสวตั้งแต่ปากทางเข้าไร่มาจนถึงตัวเรือนด้านในเพราะผู้มาเยือนโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าหลายชั่วโมงแล้วว่ากำลังจะมา เมื่อรถเล็กซัส แอลเอ็กซ์-หกร้อย มาถึงจึงมีคนงานคอยเปิดประตูให้ และเจ้าของไร่ตัวสูงใหญ่ยืนเท้าสะเอวรอต้อนรับด้วยสีหน้าดีใจแกมโล่งใจที่เพื่อนมาถึงโดยปลอดภัย"ไงมึง"ปีขาลทักสั้น ๆ พลางเข้าไปโอบเพื่อน ตบหลังเบา ๆ หนึ่งที แล้วหันไปทักทายลุงธงคนขับรถของเพื่อนสนิท"สวัสดีครับลุง ขับมาไม่ได้พักเลยสินะครับ""ก็มีแวะปั๊มบ้างครับ"ลุงธงยิ้มเหนื่อย ๆ ไม่รู้กี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้ขับรถออกต่างจังหวัด เพราะปกติที่ขับรถให้นาย ไกลสุดก็แค่อยุธยา"ที่จริงคุณธามแกจะขับเองครับ บอกให้ผมกลับบ้านได้เลย แต่ผมขอมาด้วย อย่างน้อยจะได้เปลี่ยนมือกัน...นี่ก็ออกมาเลย เสื้อพงเสื้อผ้าอะไรไม่มีสักตัวเลยครับ"ลุงธงบอกอย่างเป็นห่วงมากกว่าจะฟ้อง"ผมให้แม่บ้านเตรียมห้องกับพวกกับข้าวกับปลาไว้ให้ลุงแล้ว ไปกินข้าวก่อนก็แล้วกันนะลุง เดี๋ยวเสื้อผ้าสะอาด ๆ ให้แม่บ้านหาให้แป๊บเดียว...แม่ต้อย ฝากดูแลลุงเปิ้นกำเน่อ""เจ้า"แม่บ้านวัยกลางคนรับคำแล้วพาลุงธงเดินหายเข้าไปด้านหลั
ธามยังจับต้นชนปลายไม่ถูก...เขาอยากจะคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก เขากำลังถูกแกล้ง แต่สีหน้าของผู้หญิงสูงวัยสองคนที่กำลังมองมาที่เขาก็จริงจังเกินกว่าจะคิดเช่นนั้น"ทำไมแม่พูดอย่างนั้นล่ะครับ ก็แม่เป็นแม่ผม...""ใช่ แม่ควรจะเป็นแม่ของแก แม่ก็เคยเชื่อแบบนั้น"ธัญญาหันกลับไปมองทิพย์ลาวัณย์อย่างเจ็บแค้น"ฉันให้แกมาอุ้มบุญลูกของฉัน แต่แกกับทิมกลับสวมเขาให้ แอบไปมีอะไรกันตอนไหนฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยคิดจะระแวงเลยสักครั้ง แต่ตอนแกเกิด สายตาของแกกับทิมทำให้ฉันสงสัยและตัดสินใจแอบตรวจดีเอ็นเอ จึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย... แกหลอกฉันตลอดแปดเก้าเดือนที่ท้อง แกกับทิม เลวทั้งคู่""แม่...นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้วนะครับ""จนป่านนี้แล้วยังไม่ชัดอีกหรือไง"ธัญญาหันมาตอบเสียงดังจนแทบเป็นตะโกน"ฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของแก ฉันแค่เลี้ยงแกมา เพราะว่าแม่แท้ ๆ ของแกมันเป็นชู้ มันแค่อุ้มท้องแล้วก็คลอด แล้วก็ต้องหนีไปอยู่เมืองนอกเพราะทนขายขี้หน้าไม่ได้ที่แอบนอนกับผัวของพี่สาว..."ธามหน้าซีดเผือด ไม่กล้ามองทิพย์ลาวัณย์ให้ชัด ๆ ด้วยซ้ำ ธัญ
ธัญญาก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องรอให้เชิญ ทิพย์ลาวัณย์เบี่ยงตัวหลบให้โดยอัตโนมัติทั้งที่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่ต้องฟังคำสั่งของญาติผู้พี่อยู่เสมอ...แต่เธอก็อนุญาตให้ธัญญาเข้ามาแค่คนเดียว บรรดาผู้ช่วยผู้ติดตามของเขา เธอให้รออยู่ด้านนอกธัญญามองไปรอบ ๆ ห้องพักที่มีห้องนอนย่อยสองห้อง มีชุดครัว มุมนั่งเล่นดูโทรทัศน์ และมุมอ่านหนังสือ ทุกอย่างดูสะดวกสบายครบครันสมเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม"ฉันไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว ธามเขายังดูแลได้ดีทีเดียว ดูดีกว่าตอนทิมยังอยู่เสียอีก""พี่ธัญมาทำไมคะ"ทิพย์ลาวัณย์ถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม ญาติผู้พี่ของเธอคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อแค่ทักทายอย่างแน่นอนธัญญาหันกลับมาทันที "แกต่างหากกลับมาทำไม 'กล้า' กลับมาทำไม หรือมันนานเกินไปจนแกลืมไปแล้วว่าแกสัญญาอะไรกับฉัน""ใช่ค่ะพี่ธัญ มันนานเกินไปแล้ว"ทิพย์ลาวัณย์ยอมรับ แววตาและน้ำเสียงอ่อนลงอย่างอ้อนวอน"มันสามสิบกว่าปีแล้วนะคะ พี่จะไม่ให้ฉันกลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเลยหรือไง ฉันแค่อยากพาลูกชายฉันกลับมาเที่ยว... ไม่ได้มาเพราะต้องการจะรบกวนอะไรพี่... ขนาดงานศพพี่ทิม ฉันยังไม่มาเลย เท่านั้นยังไม่มา
เย็นนั้นลูกชายบอกว่าจะขอออกไปดินเนอร์กับเพื่อนใหม่ 'ที่อื่น'"มีบาร์ชั้นดาดฟ้าที่มองลงไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาครับ แวนอยากลองไปที่นั่น""ไปกับสาวก่อน แล้วค่อยพาแม่ไปวันหน้าใช่ไหม"ทิพย์ลาวัณย์แกล้งถาม แต่อีแวนยิ้มและพยักหน้าจริงจัง"แน่นอนครับ ถ้าร้านโอเคแวนจะพาแม่ไปอีกแน่นอน...""แล้วจะกลับดึกไหมลูก"อีแวนลังเลเล็กน้อย"น่าจะดึก หรืออาจจะค้างที่อื่นครับ"ทิพย์ลาวัณย์ตกใจนิด ๆ อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่"ระมัดระวังตัวให้ดีนะแวน ที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่อเมริกา""ครับ ไว้ใจได้ครับ"ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ่ยก่อนก้มลงจูบแก้มสองข้างของมารดา แล้วขอตัวออกจากห้องไปเพื่อไปตามนัดกับเพื่อนใหม่ที่เขาว่า ทิพย์ลาวัณย์ไม่เซ้าซี้ถามว่าใคร แม้จะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นสาวสวยคนที่ส่งยิ้มให้ลูกชายเธอเมื่อเช้าเมื่อลูกชายไม่อยู่ ทิพย์ลาวัณย์เลยคิดว่าอาจจะโทรสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมาก่อนบนห้อง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สุภาพสมวัยแล้วหยิบผ้าคลุมไหล่สีเลือดหมูลงไปที่ห้องอาหาร..."วันนี้มีดนตรีสดด้วยหรือคะ"เธอเอ่ยกับพนักงานอย่างแปลกใจตอนที่พนักงานมารับออเดอร์"ใช่ค่ะ ทุกวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ กับวันหยุดย