สองวันต่อมา
มื้อเช้าบ้านหิรัญภักดีเป็นไปอย่างทุกวัน คนทำอาหารคือกุลธิรัตน์ ที่เปลี่ยนเมนูไม่ซ้ำกัน คนในบ้านกินอาหารตามปกติ ส่วนแม่ครัวหลังจากอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดเรียบร้อย หล่อนออกจากบ้านหลังใหญ่ เช่นสามวันที่ผ่านมา
“กาแฟค่ะคุณอิฐ” ช้อยวางถ้วยกาแฟแทนที่ชามข้าวต้มทะเล ธรรม์บดีจิบดื่ม เขารู้สึกถึงรสชาติที่ไม่เหมือนเดิม
“ทำกาแฟเป็นแบบนี้” ธรรม์บดีถามสาวใช้ “เหมือนกาแฟชงสำเร็จรูปเลย”
“ใช่ค่ะ เป็นกาแฟสำเร็จรูปค่ะ” ช้อยตอบ “พอดีเครื่องชงกาแฟเครื่องใหม่ที่เพิ่งซื้อมา ช้อยกับนางทำไม่เป็นค่ะ คุณลูกหมีสอนแต่ก็จำไม่ได้”
“แล้วทำไมลูกหมา...เอ๊ย! ลูกหมีไม่ชงล่ะ” ธรรม์บดีถามต่อ
“คุณลูกหมีไม่อยู่ค่ะ เธอทำกับข้าวเสร็จก็ออกไปข้างนอกค่ะ ไปมาสามวันแล้วค่ะ”
“ไปไหน” ปกติธรรม์บดีไม่สนใจว่า ภรรยาไปไหนมาไหน ทว่าวันนี้อยากรู้มาก
“ไม่ทราบค่ะ ช้อยไม่ได้ถามค่ะ คุณลูกหมีก็ไม่ได้บอก”
“ย่าก็สังเกตนะว่า หลายวันมานี้ลูกหมีออกไปข้างนอกทุกวัน กลับมาก็ค่ำๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปไหน แต่ก็ดี ย่าจะได้ไม่เกะกะลูกตา” เดือนดาวไม่สนใจกุลธิรัตน์สักเท่าไหร่ หากไม่ติดว่า เสียเงินสามสิบล้านให้เพื่อนจอมเจ้าเล่ห์ นางไล่หล่อนออกจากบ้านแน่ ที่ให้อยู่อย่างน้อยก็สามารถใช้งานไม่ต่างกับคนรับใช้ได้ และหวังว่า กุลธิรัตน์จะมาทายาทให้ตน คลอดเมื่อไหร่ เฉดหัวออกจากบ้านเมื่อนั้น
“คงเบื่ออยู่บ้านมั้งคะคุณแม่ คงรู้ตัวน่ะค่ะว่า คนที่นี่ไม่ชอบหน้า” มณีคาดเดา
“หรือไม่ก็อาจมีนัดกับใคร ถึงได้ออกจากบ้านทุกวัน” ประโยคนี้กระแทกใจธรรม์บดีอย่างจัง ทำให้เขานึกย้อนไปเมื่อวันที่เจอกุลธิรัตน์เดินกุมมือผู้ชายในห้างสรรพสินค้า เขาตั้งใจพูดเรื่องนี้กับหล่อน แต่พอกลับถึงบ้าน เขาทำใจคุยกับหล่อนไม่ได้ เพราะแค่หน้ายังไม่อยากมอง
“ผมไปทำงานก่อนนะครับ” ธรรม์บดียกมือไหว้ผู้อาวุโส ลุกขึ้นเดินออกจากห้องกินข้าวเพื่อเดินทางไปทำงาน ขณะเดินไปยังรถยนต์ สมองเขานึกถึงกุลธิรัตน์ อยากรู้ขึ้นมาทันใดว่า หล่อนไปไหนทุกวัน
ธรรม์บดีขับรถออกจากซอยบ้าน เขาเลี้ยวรถออกถนนใหญ่ ขับออกไปราวห้าสิบเมตรจะเจอป้ายรถเมล์ ความที่วันนี้การจราจรค่อนข้างหนาแน่น เนื่องจากเกือบถึงไฟแดงรถเกิดอุบัติเหตุ เขาจึงอยู่เลนซ้ายมือสุด ขณะรอรถขยับ สายตามองเห็นกุลธิรัตน์ หล่อนยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์ และกำลังเปิดประตูรถยนต์ยี่ห้อหรู นำเข้าจากต่างประเทศ ยี่ห้อรถและรุ่น ธรรม์บดีรู้ราคาดี มันสูงถึงยี่สิบห้าล้านบาท ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า เจ้าของรถต้องมีฐานะดีมากๆ
“ไปไหน ไปกับใครวะ” ความอยากรู้แน่นอกมาก “ท่าทางรวยไม่เบา”
รถก็ติด จะขยับไปเลนกลางเพื่อดูหน้าคนขับชัดๆ ก็ไม่ได้
“หรือว่าจะเป็นแฟนยัยลูกหมาวะ” คิดเองเออเองคนเดียว “แม่งรวยนี่หว่า มิน่าถึงไม่ยอมเลิก คิดจับปลาสองมือนี่เอง ร้ายไม่เบาเลยนะ ยัยลูกหมา”
จังหวะที่ธรรม์บดีรอมาถึง เมื่อเลนกลางขยับ เขาจึงเลื่อนรถไปเลนดังกล่าว ขับไปอีกประมาณยี่สิบเมตรก็เห็นรถคันหรูที่กุลธิรัตน์นั่งอยู่ ทว่ากระจกรถติดฟิล์มกันแสง ไม่สามารถมองเข้าไปด้านในได้ เขาเห็นเพียงทะเบียนรถ ไม่รู้เหตุใดเขารีบจดทะเบียนรถคันนั้นทันที
“แล้วกูจะจดไว้ทำห่าอะไรวะ”
จดเสร็จก็บ่นกับตัวเอง มองรถยนต์สีแดงเพลิงที่กำลังเลี้ยวไปทางซ้ายตรงแยก ส่วนทางที่เขามุ่งหน้าไปทำงานคือทางตรง ธรรม์บดีได้แต่มองด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก...บอกไม่ถูกจริงๆ
สถานสงเคราะห์เด็กบ้านพันดาว คือจุดหมายปลายทางของเจ้าของรถสีแดงเพลิง คนขับรถนำรถมาจอดหน้าอาคารสูงสองชั้น ก่อนที่คนในรถจะก้าวลงมา แล้วพากันเดินเข้าไปในอาคาร
“สวัสดีค่ะคุณนิ ลูกหมี”
อำพร หัวหน้าดูแลเด็กและเจ้าหน้าที่ทักทายสองสาว ชนิตพรกับกุลธิรัตน์พนมมือไหว้อำพร ที่ยกมือรับไหว้
“นิพาลูกหมีมาส่งค่ะ ขอโทษนะคะที่วันนี้มาส่งช้า มีรถเกิดอุบัติเหตุน่ะค่ะ รถเลยติดยาว” ชนิตพรบอกกล่าว
“ช้านิดช้าหน่อยไม่ว่ากันค่ะ”
“ลูกหมีขอตัวไปดูเด็กๆ ก่อนนะคะพี่นิ” กุลธิรัตน์บอก ชนิตพร
“ไว้ตอนบ่ายพี่มารับนะ”
“ลูกหมีกลับเองก็ได้ค่ะ พี่นิจะได้ไม่ลำบากมารับ เผื่อพี่นิมีธุระ” กุลธิรัตน์กล่าวอย่างเกรงใจ
“พี่ไม่มีธุระที่ไหนหรอก ไว้พี่มารับนะ”
“ค่ะ ลูกหมีไปก่อนนะคะ” คนพูดยิ้มให้ชนิตพรกับอำพร จากนั้นจึงเดินไปทำหน้าที่ของตน
“ลูกหมีเข้ากับเด็กๆ ได้ดีเลยค่ะ นิสัยก็น่ารักด้วย” อำพรพูดกับชนิตพร “ทำงานไม่เกี่ยงด้วยค่ะ จนบางครั้งพี่ไม่กล้าใช้ลูกหมี อาจเป็นเพราะลูกหมีแค่มาช่วยงานไม่กี่วัน”
เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งลาออกไป ทำให้ขาดคนทำงาน ด้วยจำนวนเด็กที่ต้องดูแลมีเกือบหกสิบคน เมื่อขาดไปหนึ่งคน คนที่เหลืออยู่ก็ต้องเหนื่อยมากขึ้น เพราะต้องเจียดเวลามาทำหน้าที่แทน ชนิตพรที่รับหน้าที่ดูแลภาพรวมของสถานสงเคราะห์รู้เรื่อง จึงเปิดรับสมัครเจ้าหน้าที่คนใหม่
มีคนสนใจสมัครหลายคน ทว่ากลับเข้าตาเพียงหนึ่ง แต่คนนั้นมาทำงานได้สิ้นเดือนนี้ เนื่องจากรอให้งานทำบุญเลี้ยงวันเสียชีวิตบิดาร้อยวันผ่านไปก่อน จะได้ไม่ต้องลางานเพื่อจัดงานดังกล่าว อีกหลายวันกว่าจะถึงสิ้นเดือน ชนิตพรต้องการหาคนมาช่วยงานชั่วคราว หล่อนสอบถามมิ่งเมือง หนึ่งในเด็กในสถานสงเคราะห์ที่เคยดูแลว่า รู้จักใครที่พอรับงานนี้หรือไม่
บทที่ 86 “น้าคงจำผมได้ใช่ไหมครับ เจ้าของเงินห้าแสนที่ให้น้าแก้กรรมให้เมียผมเมื่อสิบวันก่อน” ธรรม์บดีถามหลังจากทรุดตัวนั่งบนโซฟา “ค่ะ จำได้ค่ะ” เสียงตอบค่อนข้างสั่น หัวใจเต้นแรง “ไหนล่ะครับ หลักฐานว่าน้าแก้กรรมให้แล้ว ตั้งแต่จ่ายเงินไป ผมไม่ได้รับการติดต่อจากน้าเลย” ธรรม์บดีทวง สมใจแม้ว่าใจหวาดหวั่น แต่นางตั้งสติได้ เปิดคลิปที่บันทึกไว้ให้ธรรม์บดีดู “นี่ไงคะ น้าว่าจะส่งให้ดูก็ลืมทุกที” สมใจทำสีหน้าปกติ “คลิปนี้หรือครับ ที่น้าทำพิธีให้เมียผม” ธรรม์บดีถามย้ำ “แน่ใจนะครับว่าเป็นพิธีแก้กรรมให้เมียผม” “ใช่ค่ะ คลิปนี้แหละค่ะ” สมใจตอบไม่ติดขัด ครั้งนี้สมใจใจไม่สู้ดีนัก นางต้มตุ๋นคนมาเยอะ ไม่เคยถูกจับได้เลยสักครั้ง แม้บางหนจะคล้ายถูกจับผิดได้ แต่ก็ผ่านช่วงนั้นมาได้ ทว่าเวลานี้ นางใจเต้นระส่ำมาก กลัว กังวลอย่างบอกไม่ถูก “เอ...ผมว่าคลิปนี้ผมเคยเห็นนะครับ” ธรรม์บดีพูด ขณะหยิบมือถือตนขึ้นมาเปิดคลิป ก่อนหันหน้าจอมมือถือให้สมใจดู “นี่ไงครับ พิธีกรรมเหมือนกันเลย เป็นแบบนี้แล้ว คลิปที่น้าให้ผมดู จะใช้พิธีกรรมที่น้าทำให้เมียผมจริงหรื
บทที่ 85 “พี่อิฐ...อา...พี่อิฐ” เขาเร่งเร้าอารมณ์กุลธิรัตน์เก่งมาก จุดเชื่อมต่อขยับเข้าออกเนิบช้า บางจังหวะมีเผลอกระแทกแรงๆ แต่เพียงไม่กี่ครั้ง มือใหญ่ทำงานอยู่สองจุดคือ หนึ่งนวดเฟ้นทรวงอกสล้างทั้งสองข้าง หมนุยอดถันบ้างบางเวลา จุดที่สองคือ เนินสวาทเต็มมือ เขาวางนิ้วลงบนเม็ดกระสัน สะกิดบ้าง บดบี้บ้าง ทำงานควบคู่กับเอวใหญ่กระชั้นกายแกร่งเข้าสู่คูหาสวรรค์ “พี่อิฐ พี่อิฐ”“ลูกหมี...ที่รัก...อา” ความสุขสมของกุลธิรัตน์ โอบรัดลำทวนใหญ่จนเขาเสียวไปทั่วตัว เร่งจังหวะมากขึ้นอีกหน่อย เพื่อให้ตนทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า “ที่รัก...ที่รักของพี่”ธรรม์บดีหยุดแช่นิ่งตัวตนในจังหวะสุดท้าย กอดร่างอวบอิ่มไว้แน่น จูบหัวไหล่หล่อนเบาๆ หลังจากดึงกายชายออกจากตัว เขาอุ้มร่างคนท้องเข้าห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำให้หล่อนสดชื่น เวลานอนจะได้หลับสบาย แล้วเสร็จก็พาภรรยามานอนที่เตียง“พี่รักลูกหมีนะครับ” เช่นทุกคืนก่อนนอน ที่เขาเอ่ยคำนี้ ก้มหน้าจูบหน้าผากกุลธิรัตน์“ลูกหมีรักพี่อิฐค่ะ” ผลัดกันบอกรัก เติมความหวานให้กันและกัน ธรรม์บดียิ้ม เอนตัวนอนข้างหล่อน โอบกอดภรรยาที่รักสุดหัวใจ และไม่มีวันให้ใครทำร้ายหล่อนได้แม้แต่ปลายก้อย หาก
บทที่ 84 “วันนี้ลูกหมีคงตกใจน่าดู พี่จูบปลอบขวัญละกันนะครับ”ธรรม์บดีรั้งร่างอวบเข้ามากอด เขาบรรจงแนบปากลงบนกลีบปากนุ่มละมุน ตรึงใจเขาเรื่อยมาแม้ว่าผ่านมาหลายปี กุลธิรัตน์เป็นสตรีคนเดียวในโลกที่ธรรม์บดีปรารถนา และวางหัวใจให้ จุมพิตครั้งนี้ไม่ต่างกับครั้งก่อน ยังคงอ่อนหวาน อ่อนโยนและเรียกร้องไปในที เปรียบเสมือนเป็นจุดเริ่มต้นของบทเพลงรัก ที่เขากำลังป้อนให้ภรรยา อายุครรภ์หกเดือนไม่ใช่ปัญหา ธรรม์บดีรู้ดีว่า ตนต้องทำอย่างไร ให้เขาและภรรยามีความสุข ในขณะเดียวกันก็ทะนุถนอมลูกน้อยในครรภ์ หลังจากจุมพิตปากหวานสะท้านใจจนพอใจ เขาละห่างเพื่อจัดการชุดนอนของกุลธิรัตน์ให้พ้นตัว เมื่อหล่อนอยู่ในสภาพไร้ซึ่งอาภรณ์ เขาวางมือลงบนท้องนูน ลูบแผ่วเบา คล้ายทักทายคนสำคัญในนั้น ร่างอวบอิ่มถูกดันให้นอนราบบนที่นอน ธรรม์บดีเอนตัวเกยก่าย มือใหญ่วางลงบนดอกบัวสล้าง ที่ใหญ่กว่าปกติเล็กน้อย บีบเบาๆ เคล้นหนักมือพอประมาณ “พี่รักลูกหมีที่สุดในโลก” ธรรม์บดีเอ่ยคำหวาน จุมพิตปากสาวอีกรอบ ไม่นานนักเขาเปลี่ยนเป้าหมายไปยังแก้มนวล แวะเวียนหอมหลายฟอด ปลุกความซ่านสยิวให้สาวเจ้าตรง
บทที่ 83 “น้าดูดวงให้ใครมาเยอะค่ะ แล้วทุกคนก็เชื่อตามที่น้าแนะนำ แต่ก็มีบ้างค่ะที่ไม่เชื่อ คนเชื่อและทำตามก็ดีไป แก้กรรมได้ทัน บางคนไม่เชื่อ ไม่ทำตามที่น้าบอก เลยเกิดเรื่องไม่ดี อย่างคนนึงค่ะ น้าบอกว่าหลานที่เกิดมาถ้าเป็นผู้ชายจะดี แต่ถ้าเป็นหญิงไม่ดี เธอกลับไม่เชื่อน้าค่ะ สุดท้ายก็ได้หลานผู้หญิง ครอบครัวเลยวิบัติ ถ้าเชื่อน่าแล้วทำตามล่ะก็ คงไม่เป็นแบบนี้” สมใจพูดโอ้อวดกุลธิรัตน์หน้าเสียขึ้นมาทันใด มีความตกใจเข้าแทรก เพราะเรื่องราวคล้ายกับลัดดา ที่เชื่อหมอดูมากเหลือเกิน หล่อนจับมือสามีไว้แน่น ซึ่งธรรม์บดีรับรู้ได้ว่า ภรรยารู้สึกเช่นไร เดือนดาว มณี กรกนกทำหน้าเหมือนมีอะไรติดในใจ กับเรื่องราวคุ้นๆ “แล้วโหงวเฮ้งเมียผมเป็นยังไงครับ มีอะไรร้ายแรงหรือเปล่าครับ” ธรรม์บดีถามราวกับว่าสนใจ เขาอยากรู้ว่า สมใจจะมาไม้ไหน “แล้วพอจะบอกผมได้ไหมครับว่า ชื่อของคนที่คุณบอกว่า ไม่เชื่อคำพูดคุณ แล้วครอบครัววิบัติ คือใคร” “ได้สิคะ ยกตัวอย่างคนนี้ค่ะ ชื่อลัดดา น้าบอกเธอว่า ถ้าหลานเกิดมาเป็นผู้หญิงจะไม่ดี แต่เธอไม่เชื่อค่ะ ให้หลานสาวเกิดมาจนได้ ก็เลยเกิดเรื่องไม่ดี” สมใจได้รับเ
บทที่ 82 วันหยุดยาวหลายวัน สองครอบครัวมีทริปเที่ยวทะเล ตามที่ธวัฒน์ชลอยากมา สถานที่ที่ทั้งหมดเลือกคือ ทะเลแถวจังหวัดตรัง บ้านพักริมทะเลของญาติกรกนกคือบ้านพักของพวกเขา ครั้งนี้มากันครบองค์ประชุม นอกจากเหตุผลตามใจธวัฒน์ชล อีกเหตุผลหนึ่งคือ ธรรม์บดีมาติดต่อซื้อบ้านพักที่อยู่ห่างไปสี่ร้อยเมตร เจ้าของประสบปัญหาทางการเงิน จึงขายในราคาต่ำกว่าราคาประเมิน เมื่อฐากูรรู้เรื่องจึงนำมาบอกธรรม์บดี เขาสนใจเพราะคิดว่า ต่อยอดได้ ผ่านมาสี่ปีความพยายามฐากูรในการผลิตทายาทไม่เป็นผล ทั้งวิธีธรรมชาติและพึ่งวิวัฒนาการทางการแพทย์ ทั้งสองจึงไม่รีบเร่ง คิดในแง่บวกคือ หากมีบุญวาสนาต่อกัน ทายาททั้งคู่คงมาเอง การไม่รีบร้อน ปล่อยไปตามบุญพาวาสนา ทั้งคู่ตกลงกันว่า สุดท้ายไม่มีลูกจริง ก็จะเลี้ยงหลานที่เกิดจากกุลธิรัตน์กับเก็จมณี เพราะถือว่า เป็นคนในครอบครัวทั้งสองเช่นกัน เอ่ยถึงเก็จมณี ความรักครั้งแรกของหล่อนพังทลาย เมื่อเขาคนนั้นคือน้องชายตนเอง เก็จมณีจึงกลบความรักของตนไว้ก้นบึงหัวใจ ไม่เปิดใจรับใครทั้งสิ้น แม้คนที่มาจีบ บางคนโปรไฟล์เลิศ หล่อ รวย ดูดีมีชาติตระกูล หล่อนขอรับชายเ
บทที่ 81บ้านหิรัญภักดีหลังเท่าเดิม เพิ่มเติมคือ สมาชิกในบ้าน และความสุขที่มากขึ้นทุกวัน คนที่สร้างความสุขใจให้ทุกคน เป็นใครไม่ได้นอกจากเด็กชายธวัฒน์ชลหรือน้องชอปเปอร์ วัยสี่ขวบ จุดศูนย์รวมแห่งความรัก สร้างความบันเทิงให้ทุกคนไม่น้อย ไม่เพียงแค่ครอบครัวหิรัญภักดีที่ได้รับความสุข ครอบครัวอนันตเสรีได้รับความสุขเช่นกัน โดยเฉพาะกรกนก นางมีความสุขนอกจากมีหลานชายไว้อุ้มชู เก็จมณีลูกสาวนอกสายเลือดที่นางรักไม่ต่างกับลูก เป็นคนดีขึ้นมากแบบหนึ่งล้านเปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ไม่คิดทำอะไร เวลานี้เป็นเจ้าของร้านสเต็กที่ได้รับความนิยมในเวลาเพียงแค่หกเดือน ชื่อร้านของเก็จมณี ไม่ได้เลิศหรู เป็นภาษาต่างประเทศที่หลายร้านมักใช้ หล่อนใช้ชื่อ ร้านสเต็กกรกนก เพราะคิดว่า มารดาคือสิ่งมงคลที่สุดสำหรับชีวิต เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน และเป็นแม่ที่ให้โอกาสลูกเสมอ โดยเฉพาะกับหล่อน ลูกที่นางไม่ควรได้รับโอกาสจากใคร นิสัยเก็จมณีเปลี่ยนไปเช่นกัน จากใช้ของฟุ่มเฟือย เก่งแต่ซื้อ แต่ไม่ค่อยใช้ เข้ากับคำพูดที่ว่า ของมันต้องมี โดยไม่สนใจเรื่องราคา เวลานี้เก็จมณีไม่ใช่นักช็อป หล่อนใช้ของที่มีอยู่สลับกันไป