ดูถูก?อย่างไรเจ้ากรมซุนก็เป็นถึงขุนนางขั้นสามชั้นพิเศษในราชสำนัก ต่อให้เป็นเสิ่นจิ้นพบเจอ ก็ไม่สามารถใช้สายตาเช่นนี้มองเขา นับประสาอะไรกับเสิ่นอวี้ที่เป็นเด็กน้อยเรือนส่วนหลัง…แปลก!แปลกเกินไปแล้ว!จ้านอวิ๋นเซียวครุ่นคิด ไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นในใจเจียงจิ่วไม่ได้รับคำตอบ เมื่อก้มหน้าก็พบว่าท่านอ๋องของตนเองกำลังมองคุณหนูเสิ่นสามอย่างใจจดใจจ่อ ราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขาเจียงจิ่วหมดคำพูด อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเสิ่นอวี้ไม่รู้ว่านางมีอะไรดี ถึงทำให้ท่านอ๋องของตนเองเฝ้าคำหนึ่งไม่ลืมเลือน…แต่เมื่อแวบมองไป ก็กลับรู้สึกว่าดูเหมือนนางก็ไม่เลวเช่นกันอย่างน่าประหลาด แม้อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ นางยังคงมั่นอกมั่นใจ แลดูสงบยิ่งกว่าเจ้ากรมซุนเล็กน้อยเสียอีกเจอผีหลอกจริงๆแม้แต่คนอื่นก็มีสีหน้าที่แตกต่างกัน อดไม่ได้ที่จะเริ่มวิจารณ์เสียงเบา“ข้าฟังไม่ผิดกระมัง? นางสงสัยว่าหนังสือแต่งงานนั่นไม่ใช่ของตัวเองหรือ? จะบอกว่าเจ้ากรมซุนดูผิดก็คงไม่ได้กระมัง?”“ไม่น่าแปลกใจที่นางเผชิญเรื่องตัดหัวก็นิ่งมาก ปล่อยให้ซ่งหว่านฉิ่งก่อกวนตลอดโดยไม่อธิบาย ที่แท้มีเรื่องเช่นนี้รออยู่นี่เอง!”“
เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!นางส่ายศีรษะไม่หยุด พยายามปลอบใจตนเองตั้งแต่นางเข้าจวนโหว เสิ่นอวี้ไม่เคยปิดบังอะไรนาง หนังสือแต่งงานฉบับนั้นถูกวางอยู่ใต้กล่องเครื่องประดับของนางมาโดยตลอด เสิ่นอวี้รังเกียจหนังสือแต่งงานฉบับนั้นมาก ด้วยเหตุนี้กล่องเครื่องประดับจึงถูกทิ้งให้ว่างเปล่า นางไม่เคยใช้กล่องเครื่องประดับใบนั้นอีกนางหยิบหนังสือแต่งงานออกมาจากตรงนั้น จะเป็นของปลอมได้อย่างไรกัน?ซ่งหว่านฉิ่งราวกับเหม่อลอย ครุ่นคิดวนเวียนเรื่องนี้อยู่พักใหญ่จึงจะสงบลง พลันเงยหน้ากล่าวอย่างชัยชนะอยู่ในมือ “น้องหญิง เจ้าเลิกแก้ตัวเสียเถอะ สารภาพผ่อนหนักเป็นเบา ปฏิเสธลงโทษสถานหนัก ขอแค่เจ้ายอมรับความผิดอย่างสัตย์จริง ฮ่องเต้และท่านอ๋อง พวกเขาต้องให้อภัยเจ้าแน่นอน!”ตอนนี้นางมั่นใจมาก หนังสือแต่งงานฉบับนี้เป็นของจริงแน่นอน เสิ่นอวี้แค่กำลังแก้ตัว นางกลัวถูกฆ่า ดังนั้นจึงปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าแต่เวลาเดียวกัน นางก็อดสงสัยไม่ได้เหตุใดเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว นางเตือนเสิ่นอวี้ไปแล้วว่าหนังสือแต่งงานฉบับนี้ถูกนำออกมาจากใต้กล่องเครื่องประดับของนาง นางกลับไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด?กลับกันเป็
ยิ่งกว่านั้นเวลานี้เอง มีคนเดินเข้ามาจากนอกประตู พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ใช่แล้วเจ้ากรมซุน ท่านถือหนังสือแต่งงานไว้ แต่กลับบอกอะไรไม่ได้ ปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อ หรือกำลังรอท่านอ๋องเฒ่าโกรธ เมื่อฆ่าน้องหญิงสามของข้าจนยากจะกู้คืนสถานการณ์ ท่านจึงจะยอมมอบหนังสือแต่งงานออกมา?”“เมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้หนังสือแต่งงานเป็นของปลอม จุดประสงค์ของคนบางคนก็บรรลุแล้ว ข้าพูดถูกหรือไม่?”คนคนนี้พูดจาเฉียบขาดและเย็นชากว่าเสิ่นจิ้นมากทำให้เจ้ากรมซุนมีเหงือเย็นตกที่มุมหน้าผากโดยตรงเสิ่นอวี้หันไปมอง ก็เห็นขุนพลหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างทะมัดทะแมง ใบหน้าเปี่ยมล้นด้วยคุณธรรมคนหนึ่งเดินเข้ามาเมื่อเทียบกับขุนพลบู๊ทั่วไป เขาแลดูองอาจกว่าเยอะมาก บนตัวยังมีกลิ่นอายของหนอนหนังสือเสี้ยวหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับหนอนหนังสือในสำนักราชบัณฑิต บนร่างกายของเขากลับถูกปกคลุมด้วยเจตจำนงที่เยือกเย็นประเภทหนึ่ง ราวกับลมหนาวข้ามพรมแดน สมกับที่ได้รับฉายาว่า ‘ขุนพลขงจื๊อ’เขาก็คือพี่ใหญ่ของนาง องครักษ์เดินเหิน[footnoteRef:1]เสิ่นฉือ [1: องครักษ์เดินเหิน ในสังคมศักดินา ไม่ใช่ทหารรักษาพระองค์ทุกคนจะสามรถถือดาบเพื่ออารักขา
นางมองจ้านอวิ๋นเซียวแวบหนึ่ง แววตาเผยเจตนายิ้มจ้านอวิ๋นเซียวตะลึงงัน เมื่อหวนคืนสติ นางมองไปทางองค์หญิงใหญ่แล้ว ในดวงตาไม่เพียงไม่รู้สึกผิด แต่ยังมีแววของการรอดูงิ้วเล็กน้อย“...” หางตาของจ้านอวิ๋นเซียวกระตุก สีหน้าซับซ้อนนี่นางกำลังถือว่าตนเองเป็นคนโปรดจึงหยิ่งยโส มั่นใจว่าเขาจะปกป้องนางแน่นอนหรือ?รู้สึกอัดอั้นในใจเล็กน้อย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดมีความหวานชื่นเสี้ยวหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามา ทำให้อยากหัวเราะ แต่สุดท้ายก็อดกลั้นเอาไว้ เผยให้เห็นสีหน้าอันน่าเกรงขามองค์หญิงใหญ่ที่เดิมทีก็มีไฟโทสะอั้นอยู่เต็มอก เห็นปฏิกิริยานี้ของเสิ่นอวี้ ก็ยิ่งรู้สึกว่านางถือว่าลูกชายของตนเองชอบนาง จึงสามหาวทำอะไรตามใจชอบจึงอดกลั้นไม่ไหว กล่าวอย่างโมโหทันที “ผู้ใหญ่ใจกว้างอะไร ข้าจะบดกระดูกคนที่รังแกและดูหมิ่นข้าแล้วนำไปโปรยทิ้ง! ในเมื่อหนังสือแต่งงานเป็นของจริง เช่นนั้นก็ลากเสิ่นอวี้ออกไป โบยแปดสิบไม้ใหญ่”แปดสิบไม้ใหญ่ ต่อให้เป็นขุนพลที่แข็งแรงในกองทัพก็รับไม่ไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเด็กน้อยเรือนส่วนหลังอย่างเสิ่นอวี้ โบยเสร็จกลายเป็นเศษเนื้อแน่นอนซ่งหว่านฉิ่งได้ยินแล้วอดไม่ได้ที่จะปลื้มใจ กำลังคิดจะ
ความน่าเกรงขามที่ได้มาจากการเข่นฆ่าในสนามรบ ใช่สิ่งที่สาวใช้เรือนส่วนหลังสามารถแบกรับไหวหรือ? มือของสาวใช้สองคนที่จับตัวเสิ่นอวี้สั่นสะท้าน รีบปล่อยนางทันที และก้มหน้าถอยไปยืนด้านข้างเสิ่นอวี้ยืนอย่างมั่นคง จัดแจงเสื้อผ้าที่ไม่ได้ยุ่งเหยิงบนร่างกายอย่างไม่ใส่ใจ พลางหันไปเล่นลูกไม้เดิมกับจ้านอวิ๋นเซียวอีกครั้ง “ขอบคุณบุญคุณช่วยชีวิตของท่านอ๋องเจ้าค่ะ”เหมือนครั้งก่อนไม่มีผิด ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่คำเดียว“...”จ้านอวิ๋นเซียวตะลึงงันจนสำลัก มุมปากกระตุกอย่างไม่สามารถสังเกตเห็นหนึ่งทีแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด มีความรู้สึกขบขันอันเย็นชาที่แปลกประหลาดพุ่งพรวดเข้ามาในใจ สุดท้าย…มองบนใส่นางแวบหนึ่งพลันเสิ่นอวี้ยิ้ม รู้สึกว่าการมองบนของเขามันหมุนวนเวียนซ้ำๆ ทำให้หัวใจนางเต้นเร็วเล็กน้อยเวลาสั้นๆ ที่ทั้งสองสบตากัน ตกไปอยู่ในสายตาของซ่งหว่านฉิ่ง ทำให้นางอิจฉาจนแทบคลั่ง สายตาที่จ้องเสิ่นอวี้แทบลุกเป็นไฟนางไม่เข้าใจ เสิ่นอวี้ทำเรื่องเช่นนี้ เหยียบย่ำศักดิ์ศรีของจวนอ๋องเช่นนี้ เพราะอะไรอ๋องหมิงหยางถึงยังต้องปกป้องนางอีก?ไฟริษยาลุกโชน นางทนไม่ไหวเริ่มดิ้นรน หันไปตะโกนใส่สาวใช้สองคนที่จั
องค์หญิงใหญ่กำมือแน่น ถลึงตาจ้องมาที่นาง โมโหที่นางกล้าต่อล้อต่อเถียง แต่ลูกชายของนางกลับชอบคนแบบนี้ จึงต้องอดทนก่อนชั่วคราวแต่ตัวนางเองก็ไม่ใช่คนโง่ หลังจากถลึงตาใส่เสิ่นอวี้ นางหันไปมององค์ชายสามกับเจ้ากรมพิธีการซุนศึกชิงบัลลังก์ในราชสำนัก องค์ชายสามหยวนเฉินกับองค์ชายใหญ่หยวนเฟิงต่อสู้กันอยู่ตลอด ทั้งคู่เสมือนน้ำกับไฟ ตระกูลจ้านสนับสนุนองค์ชายใหญ่หยวนเฟิง เขาจึงเป็นศัตรูขององค์ชายสามหยวนเฉินองค์ชายสามจึงไม่ต้องการให้การหมั้นของตระกูลเสิ่นและตระกูลจ้านดำเนินต่อไป วันนี้เจ้ากรมซุนรีบพุ่งเข้าไปแย่งชิ้นส่วนหนังสือสมรสในมือของเสิ่นอวี้ เกรงว่าเขาคิดจะชิงลงมือก่อน จึงบอกว่าหนังสือสมรสถูกฉีกไปแล้วเป็นเรื่องจริงเดิมทีจากนิสัยของเสิ่นอวี้แล้ว เรื่องหนังสือสมรสถูกฉีกก็ไม่มีอะไรให้โต้แย้ง ทว่าท่าทางเฉยเมยของนาง กลับทำให้นางอดสงสัยไม่ได้ในเวลานี้สายตาขององค์หญิงใหญ่สงบนิ่งขึ้นมาหลายส่วน มององค์ชายสามกับเจ้ากรมซุนที่กำลังกระสับกระส่ายทั้งสองคนรู้สึกใจหาย พวกเขารู้สึกเหมือนว่า “คนเกรี้ยวกราด” ที่เสิ่นอวี้พูดถึงก็คือตัวเขากับซ่งหว่านฉิง แต่เขายังรู้สึกไม่อยากเชื่อถึงอย่างไรเสิ่นอวี้
เสิ่นอวี้มีสีหน้าเฉยเมย ก้มหน้ามองนางเงียบๆชาติก่อนรอจนวินาทีสุดท้ายถึงเผยธาตุแท้ แต่นางไม่รู้เลยว่าลูกพี่ลูกน้องของนางคนนี้จะหน้าไม่อายถึงขั้นนี้ ถูกตบจนเป็นแบบนี้แล้วยังสาดโคลน1 ใส่นางอีก?อีกทั้งยังพูดออกมาได้ค่อนข้างดี ถึงขั้นพูดจนทุกคนเชื่อ!ท่านอ๋องจ้านเดิมทีกำลังหายโมโห แต่เมื่อได้ยินประโยคนี้ก็โมโหอีกครั้ง “ให้เอามาติดกันหรือ? เจ้าคิดว่าสัญญาหมั้นของจวนอ๋องข้าเป็นอะไรกัน! เป็นยาหนังสุนัข2 หรือ!”ยาหนังสุนัขสี่คำนี้ทำให้เสิ่นอวี้เจ็บปวดเมื่อก่อนนางมักจะว่าจ้านอวิ๋นเซียวเช่นนี้เวลานี้เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของท่านอ๋องจ้าน จึงแทงใจนางเข้าเต็มๆ นางอดหันหน้าไปมองจ้านอวิ๋นเซียวไม่ได้ความเจ็บปวดที่ถูกซ่อนในแววตาของบุรุษ เหมือนถูกเข็มทิ่มแทง เสิ่นอวี้เจ็บปวดใจ นางเก็บอารมณ์เอาไว้ มองซ่งหว่านฉิงอย่างลึกซึ้ง “เจ้าพูดเก่งดีนะ” ซ่งหว่านฉิงตะลึงงัน ไม่เข้าใจว่าความตายกำลังมาเยือนแล้วทำไมถึงยังใจเย็นได้ขนาดนี้?ขณะที่กำลังจะพูดกลับถูกท่านอ๋องจ้านพูดขัดด้วยความโกรธ “ในเมื่อเป็นยาหนังสุนัข เช่นนั้นวันนี้ต่อให้ต้องถลกหนังออกมาก็ต้องทำ! ใครก็ได้ จัดการนางซะ!”เสิ่นอวี้หลี่ตาลง
เสิ่นอวี้ก็เงยหน้ามองเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจจ้านอวิ๋นเซียวกำลังคิดจะพูด ก็รู้สึกถึงสายตาดวงหนึ่งมองมาที่เขา จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกมึนงงเล็กน้อยคนไม่รู้จักบุญคุณอย่างเสิ่นอวี้ ตอนนี้รู้จักหึงแล้วหรือ?แต่ไม่นานก็สลัดความคิดนี้ทิ้งไปจะเป็นไปได้อย่างไรนางมีแต่ฉวยโอกาสที่เขาชอบนาง เพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ หลอกใช้เขาแล้วก็ทำร้ายเขา ช่วยคนอื่นมาจัดการเขา...เขาเคยชินแล้วขี้เกียจคิดแล้วว่านางวางแผนอะไรอีก จึงหันไปมองซ่งหว่านฉิงกล่าวว่า “สิ่งที่ข้าต้องการคือหลักฐาน” ดวงตาของเขาสงบนิ่ง เหมือนไม่ได้ยินคำสารภาพรักของซ่งหว่านฉิงก่อนหน้านี้แม้แต่น้อย ราวกับก้อนหินที่ไม่อาจถูกกัดเซาะอย่างไรอย่างนั้นเสิ่นอวี้อดหัวเราะออกมาไม่ได้สีหน้าของซ่งหว่านฉิงน่าเกลียดขึ้นมาอีกครั้ง ท้ายที่สุดทำได้เพียงกัดฟันกล่าว “หนังสือสมรสก็คือหลักฐาน องค์หญิงใหญ่ก็พูดแล้ว หนังสือสมรสนี้สร้างจากกระดาษไหมหลวง ทำของปลอมไม่ได้ ไม่มีใครกล้าทำของปลอม” “ถ้าท่านอ๋องจะโทษก็โทษข้าเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะข้าชื่นชอบท่านอ๋องมานาน และรู้สึกเจ็บปวดที่ท่านอ๋องถูกน้องหญิงกล่าวด้วยวาจาหยาบคาย ยังทำร้ายขาทั้งสองข้างของท่านอ๋อง ก็