Share

บทที่ 3

จื่อซูเข้าเรือน เมื่อเห็นเสิ่นอวี้ฟิ้นแล้ว ใบหน้าที่เปียกปอนเผยให้เห็นรอยยิ้มทันที “คุณหนูฟื้นแล้ว? นี่มันเยี่ยมไปเลย!”

ถานเซียงอดไม่ได้ที่จะกล่าว “นางมาทำอะไรเวลานี้? หากไม่ใช่เพราะนางกับหลิ่วอี๋เหนียงยุแยงตะแคงรั่ว คุณหนูของเราก็ไม่เดินมาถึงขั้นนี้…”

เสิ่นอวี้ได้ยินแล้วยิ้มอย่างขมขื่น

สาวใช้ทั้งหลายต่างก็มองเข้าใจมากว่านาง รู้ว่าซ่งหว่านฉิ่งกับหลิ่วอี้เหนียงไม่มีเจตนาดี มีแต่นางที่มักจะรู้สึกว่าหลิ่วอี๋เหนียงคือแม่แท้ๆ ของนาง ซ่งหว่านฉิ่งคือลูกพี่ลูกน้องแท้ๆ ของนาง

โดยเฉพาะหลังจากเข้าตระกูลเสิ่น ซ่งหว่านฉิ่งยิ่งช่วยนางทุกอย่าง ทำให้นางเชื่อใจนางมากขึ้น

เพียงแต่นางมองข้ามไปหนึ่งอย่าง

ความช่วยเหลือของนาง ไม่ได้ช่วยไปในทางที่ดี แต่เป็นการผลักนางลงนรก

ตอนนั้น นางกับหลิ่วอี๋เหนียงสองคน เมื่อว่างก็จะพูดข้อเสียของจ้านอวิ๋นเซียวให้นางฟัง เปรียบเทียบกันว่าองค์ชายสามดีอย่างไร

เมื่อนานวันเข้า นางหลงใหลองค์ชายสามขึ้นเรื่อยๆ และรังเกียจจ้านอวิ๋นเซียว

หากไม่มีอะไรผิดพลาด นางฝ่าท่ามกลางสายฝนมาครั้งนี้ น่าจะมาเพื่อหนุนคลื่นลมให้สูง อยากให้นางกับจวนอ๋องหมิงหยางแตกคอกันอย่างสมบูรณ์ บีบคั้นตระกูลเสิ่นต้องยืนข้างองค์ชายสาม

นึกถึงตรงนี้ เสิ่นอวี้อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง

เวลานี้ ซ่งหว่านฉิ่งเข้ามาแล้ว

นางสวมชุดกระโปรงผ้าไหมสีชมพู ปักปิ่นระย้าผีเสื้อ ทั้งๆ ที่เป็นชุดของเด็กผู้หญิง แต่เมื่อสวมใส่บนร่างกายนาง กลับให้ความรู้สึกนิ่งสงบ สืบทอดสายเลือดเดียวกับหลิ่วอี๋เหนียง

เสิ่นอวี้ตะลึงงันเล็กน้อย อี๋เหนียงกับหลานคล้ายคลึงกันเช่นนี้ ถึงขั้นเหมือนยิ่งกว่านางที่เป็นลูกแท้ๆ อีกหรือ?

สติไม่ทันหวนคืน ซ่งหว่านฉิ่งได้เดินเข้ามาจับมือของนางไว้แล้ว พลางกล่าว “ในที่สุดน้องหญิงก็ฟื้นเสียที หลายวันนี้พี่หญิงร้อนใจแทบแย่ แต่ฮูหยินใหญ่กลับออกคำสั่งไม่ให้เข้ามา ไหนให้พี่หญิงดูหน่อย บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”

นางจับไหล่ของเสิ่นอวี้ ตรวจดูตั้งแต่หัวจรดเท้า

เสิ่นอวี้มองนางอย่างสงบ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงจะพูดอย่างเรียบเฉย “พี่หญิงเข้าจวนโหวมาก็ปีกว่าแล้วกระมัง?”

เดือนสามปีนั้น มารดาของซ่งหว่านฉิ่งป่วยตาย

บิดาของนางเป็นผีพนัน ติดหนี้ไม่จ่าย สุดท้ายถูกคนตีตายในโรงพนัน

หลิ่วอี๋เหนียงเวทนาที่นางไร้บิดามารดา จึงอยากรับนางเข้าจวนโหว

แต่ไม่ว่าอย่างไรฮูหยินใหญ่ก็ไม่เห็นด้วย

เมื่อหมดหนทาง หลิ่วอี๋เหนียงจึงให้นางไปขอร้องฮูหยินใหญ่

ฮูหยินใหญ่นางกู้มาจากจวนราชครู ขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีที่เพียบพร้อมรอบด้าน แม้นางไม่ได้ให้กำเนิดโดยฮูหยินใหญ่ แต่ฮูหยินใหญ่ปฏิบัติต่อนางกับพี่หญิงใหญ่ไม่ต่างกัน เพียงเพราะเข้มงวดกับนางมากกว่าเล็กน้อย เสิ่นอวี้จึงไม่ชอบนางมากนัก

จริงๆ นางไม่อยากไปขอร้อง

กระทั่งซ่งหว่านฉิ่งคุกเข่าตรงหน้านาง ใช้ดวงตาคู่หนึ่งที่นองไปด้วยน้ำตามองนาง ร้องไห้กล่าวอ้อนวอน “น้องหญิง ข้าเหลือแต่เจ้ากับหลิ่วอี๋เหนียงแล้วที่เป็นญาติ ขอร้องช่วยข้าด้วยเถอะ ข้าไม่รู้จะไปที่ไหนแล้วจริงๆ ข้าเคยได้ยินอี๋เหนีนงพูดว่า แม้ฮูหยินใหญ่เข้มงวดกับเจ้า แต่ก็เห็นเจ้าเป็นลูกแท้ๆ…หากเจ้าไปขอร้องนาง นางต้องอนุญาตแน่นอน!”

เสิ่นอวี้เห็นนางร้องไห้อย่างน่าเวทนา จึงไปขอร้องฮูหยินใหญ่แล้ว

วันนั้นก็ฝนตกเหมือนวันนี้เช่นกัน

นางคุกเข่าอยู่ที่นอกประตูเรือนฮูหยินใหญ่ เวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ[footnoteRef:1] ฮูหยินใหญ่ก็วิ่งออกมาอย่างเร่งรีบ ดึงนางลุกขึ้น และคลุมเสื้อคลุมพานางเข้าเรือน ขมวดคิ้วถามนาง “นางคุ้มที่จะให้เจ้าทำร้ายร่างกายตัวเองหรือ?”  [1: หนึ่งเค่อ เทียบเท่าเวลา 15 นาที]

ตอนนั้นนางพูดอย่างหนักแน่น “คุ้มเจ้าค่ะ”

ในสายตาของนาง ฮูหยินใหญ่เป็นคนนอก

ซ่งหว่านฉิ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง มีความเป็นญาติมากกว่าฮูหยินใหญ่และพี่หญิงใหญ่

ในดวงตาฮูหยินใหญ่ฉายแววบาดเจ็บ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

ซ่งหว่านฉิ่งเข้าจวนโหวทั้งเช่นนี้

นางยกเรือนของตนเองให้ซ่งหว่านฉิ่ง หลิ่วอี๋เหนียงใช้ไม้อ่อนหว่านล้อมไม่หยุด ให้ท่านพ่อเสิ่นจิ้นตกลงจัดลำดับอาวุโสตามอายุ ซ่งหว่านฉิ่งกลายเป็นคุณหนูรองของตระกูลเสิ่น ส่วนนางเสิ่นอวี้ที่เป็นคุณหนูรองที่แท้จริงกลายเป็นคุณหนูสาม

“ใช่ ปีกว่าแล้ว”

ซ่งหว่านฉิ่งเสยผมทีหนึ่ง มองไปทางเสิ่นอวี้

เห็นเพียงนางกำลังกวาดสายตามองตนเองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างสงบ ดวงตากลมโตที่ไร้เดียงสาคู่นั้น มองตอนนี้กลับสงบราวบ่อน้ำเย็น ทำให้นางเกิดความรู้สึกจำต้องก้มหน้าหลบ

ชั่วขณะนางประหลาดใจ

เสิ่นอวี้ชักมือกลับจากฝ่ามือของนาง ชำเลืองมองแวบหนึ่ง “พี่หญิงมาหาข้ามีธุระหรือ?”

สติซ่งหว่านฉิ่งหวนคืน รีบกล่าวเข้าประเด็นทันที “พอเจ้าฟื้น พี่หญิงก็วางใจแล้ว เพียงแต่จวนอ๋องหมิงหยางไม่ใช่มนุษย์จริงๆ! คนที่ใช้อำนาจรังแกผู้อื่นอย่างพวกเขา หากเจ้าแต่งงานด้วยจริงๆ เจ้าต้องทนทุกข์แน่นอน!”

“เกิดอะไรขึ้น?”

เสิ่นอวี้หรี่ตา เงยหน้ามองนางอย่างใจเย็น

ได้ยินเพียงซ่งหว่านฉิ่งกล่าวอย่างเกินจริง “ก็ท่านลุงเขยไปเยี่ยมอ๋องหมิงหยางไม่ใช่หรือ แต่คนของจวนอ๋องกลับไม่ให้เข้า นั่นไม่ใช่จงใจทำให้ท่านลุงเขยอับอายหรือ! อีกอย่างเจ้าก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ไม่เห็นจวนอ๋องหมิงหยางถามไถ่เลย กลับกันองค์ชายสามยุ่งหน้ายุ่งหลัง ทั้งหาหมอ ทั้งส่งยาสมุนไพร!”

“ข้าว่านะ เจ้าแต่งงานกับจ้านอวิ๋นเซียว ไม่สู้แต่งงานกับองค์ชายสามยังดีเสียกว่า!”

เดิมทีเสิ่นอวี้ก็รังเกียจจ้านอวิ๋นเซียวภายใต้การเป่าหูของนางกับนางหลิ่วอยู่แล้ว และยังชื่นชอบองค์ชายสาม ชาติที่แล้วเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็ยิ่งเอือมระอาจวนอ๋องหมิงหยาง

และเมื่อรู้ว่าจ้านอวิ๋นเซียวถูกพิษไร้ทางแก้ ต่อไปต้องนั่งอยู่บนรถเข็นเท่านั้น ในใจไม่เพียงไม่รู้สึกผิด และยังพูดว่ามันเป็นสิ่งที่เขาสมควรโดน ใครใช้ให้เขามาเกาะแกะตนไม่เลิก ยิ่งไม่พูดถึงเรื่องที่ตนเองนัดเขาออกไป

ไม่เพียงแค่นี้ ยังรีบวิ่งไปขอความดีความชอบจากองค์ชายสามอย่างไร้ยางอาย ถูกผู้คนหัวเราะเยาะเหตุใดไม่ล้มตายไปเสีย

ฮูหยินใหญ่จะพานางไปขอโทษจวนอ๋อง

นางกลับโต้เถียงฮูหยินใหญ่ ทำนางโมโหจนกระอักเลือด

จนกระทั่งต่อมานางจึงจะรู้ จริงๆ แล้วในคืนนี้เอง ขณะที่นางกำลังอยากให้จ้านอวิ๋นเซียวไปตายเสียเดียวนี้ ซ่งหว่านฉิ่งกลับแอบออกไปส่งยาให้จ้านอวิ๋นเซียว

นึกถึงตรงนี้ มีประกายที่เยือกเย็นแล่นผ่านแววตาเสิ่นอวี้

ซ่งหว่านฉิ่งคิดว่านางโมโห จึงกล่าวอย่างตีเหล็กต้องตีตอนร้อน “ข้าว่านะ ในเมื่อเขาจวนอ๋องหมิงหยางไร้ความกรุณาไร้คุณธรรม พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าพวกเขา หากข้าเป็นเจ้านะ ข้าจะฉีกหนังสือแต่งงานของอ๋องหมิงหยางต่อหน้าทุกคน ในวันเกิดหลังจากนี้สิบวันของพระชายาเฒ่า เขาจะได้ไม่มาเกาะแกะเจ้าอีก!”

ชาติที่แล้ว เสิ่นอวี้ฟังคำพูดของนาง

นางทำเช่นนั้นจริงๆ เช่นเดียวกับคนโง่ ทำให้จวนอ๋องหมิงหยางอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ท่านอ๋องเฒ่าบันดาลโทสะจะฆ่านาง กระทั่งฮ่องเต้ก็ไม่ได้ห้าม

หากไม่ใช่เพราะจ้านอวิ๋นเซียวขอความเมตตาให้นาง นางตายไปนานแล้ว!

เสิ่นอวี้เงยหน้าขึ้น มองดูสายตาที่คาดหวังของซ่งหว่านฉิ่ง พลันเหวี่ยงฝ่ามือตบใส่ใบหน้านางกะทันหัน!

ได้ยินเพียงเสียง ‘เพี้ยะ’ ดังขึ้น ซ่งหว่านฉิ่งปิดใบหน้าครึ่งหนึ่งฉับพลัน มองนางอย่างไม่เชื่อสายตา “น้องหญิง เจ้า…”

มือของเสิ่นอวี้สั่นเล็กน้อย เอ่ยปากเสียงแหบแต่เด็ดขาด “ข้าหวังว่าเจ้าจะจำสถานะของตนเองได้ ข้ากับจ้านอวิ๋นเซียวเป็นอย่างไร แล้วกับองค์ชายสามเป็นอย่างไร ล้วนไม่ถึงคราวที่คนนอกคนหนึ่งมาพูดสามว่าสี่!”

ซ่งหว่านฉิ่งงงงวย มองนางอย่างไม่เชื่อสายตา “เจ้าว่าข้าเป็นคนนอกหรือ?”

ตั้งแต่นางเข้าจวนโหว เสิ่นอวี้ก็เห็นนางเป็นพี่สามแท้ๆ มาโดยตลอด อะไรก็ยอมนาง อะไรก็ฟังนาง นี่เป็นครั้งแรกที่ว่านางเป็นคนนอก และลงมือโดยตรง!

ไม่รอให้นางหวนคืนสติ เสิ่นอวี้ได้ออกคำสั่งไล่แขกแล้ว “จื่อซู ส่งแขก”

“คุณหนูซ่งเชิญ”

จื่อซูก้าวออกมา ลากซ่งหว่านฉิ่งออกไป

เมื่อเห็นว่าคนไปแล้ว ถานเซียงอดกล่าวอย่างดีใจไม่ได้ “คุณหนูตีได้ดี! พูดได้เยี่ยม! บ่าวว่านะเจ้าคะ คุณหนูซ่งไม่ใช่คนดี! องค์ชายสามกับหลานสาวสายตรงของเจ้ากรมพิธีการซุนมีสัญญาหมั้น ส่วนคุณหนูกับอ๋องหมิงหยางก็เป็นคู่หมั้นคู่หมายตั้งแต่วัยเด็ก ดูจากการกระทำของนาง สุดท้ายแล้วจะไม่กลายเป็นเรื่องตลกหรือ?”

เสิ่นอวี้ไม่ได้พูดอะไร

ชาติที่แล้วแม้แต่สาวใช้ทั้งหลายยังมองเรื่องราวเข้าใจ นางกลับนางมืดตามัว สุดท้ายไม่เพียงทำร้ายทั้งตระกูลเสิ่น สาวใช้ทั้งสี่คนก็ล้วนตายเพราะเรื่องนี้

คิดแล้วก็เสียใจกับสิ่งที่ตนทำลงไปยิ่งนัก

เรื่องเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือ ต้องช่วยขาของจ้านอวิ๋นเซียวกลับคืนมา

เมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งอย่างจึงจะมีโอกาสพลิกกลับ

นางลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จัดแจงอย่างลวกๆ พลางกล่าว “พวกเจ้าอยู่ที่นี่ หากท่านแม่ถามถึง ก็บอกนางว่าข้าไปหาหมอให้อ๋องหมิงหยาง!”

พูดจบก็หยิบร่มออกจากเรือนแล้ว

ซงลู่ไล่ตามออกมา กล่าวอย่างประหลาดใจ “ในที่สุดคุณหนูก็สนใจอ๋องหมิงหยางแล้ว…เพียงแต่ตอนนี้ฝนตกหนัก ท่านก็มีข้าขึ้นสูง หมอในเมืองถูกท่านอ๋องเฒ่าเชิญไปหมดแล้ว ต่อให้ท่านไปก็ไม่เจอใครเจ้าค่ะ”

เสิ่นอวี้กำลังอยากพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเย่ว์กุ้ยกระโจนเข้ามาจากประตูใหญ่ “แย่แล้ว อ๋องหมิงหยางเจ็บสาหัสหมดสติล้มไม่ฟื้น ท่านอ๋องเฒ่าประกาศ จะให้ทำตระกูลเสิ่นของเราไม่สามารถอยู่ในเมืองหลวงอีกต่อไป”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status