โถงอาหารที่ฮูหยินเฉิงเชิญแขกมา เป็นส่วนที่อยู่ในเรือนหลัง เรือนหน้ายังมีอีกโถงหนึ่ง มีโถงเล็กใหญ่ โถงใหญ่มีโต๊ะหลายตัว โถงเล็กมีแค่ตัวเดียวนางพาองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นมาถึงโถงอาหารเรือนหลังของตนเอง คนรับใช้ก็นำอาหารออกมา ดูแล้วประณีตมากกลิ่นลอยเตะจมูก จานที่จัดวางก็สวยงามองค์หญิงใหญ่ฝูอวิ้นพอได้กลิ่นน่าอร่อยก็ท้องร้องขึ้นมาแต่ตอนที่นางเห็นบนโต๊ะมีจานชามวางอยู่สามชุด ก็มองฮูหยินเฉิงอย่างไม่เข้าใจ"ท่านน้าเฉิง พวกเราสองคนแล้วยังมีใครมากินด้วยอีกหรือ? ขาดไปหนึ่งชุดหรือเปล่า?"สามคน จะคิดอย่างไรก็ไม่ค่อยถูกนางเองก็ไม่เห็นว่ามีใครเข้ามายิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่ามากับอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ? เช่นนั้นก็ควรจะเป็นสี่สิ"นั่งลงเถอะ ไม่ต้องเกรงใจ"ฮูหยินเฉิงดึงนางลงมานั่งก่อน จากนั้นจึงถอนใจเอ่ยขึ้นว่า "เมื่อครู่อายวนสั่งคนมาบอกข้าแล้ว ว่าคืนนี้เขาจะกินข้าวกับพระชายาที่เรือนหน้า ไม่เข้ามาแล้ว ข้าคิดว่าพระชายาคงไม่อยากจะเข้ามาที่เรือนหลังของข้า และคงไม่อยากมานั่งกินข้าวกับข้าด้วยกระมัง"พูดออกมาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจเหมือนถูกฟู่จาวหนิงรังเกียจ ในใจรู้สึกแย่มากองค์หญิงใหญ่ฝ
ฟู่จาวหนิงกำลังกินขาปูอยู่ ตอนนี้เนื้อขาปูมันเกินกว่าที่นางจินตนาการไว้เสียอีก สดหวานกว่าที่เคยกินมาก่อนหน้าหลายเท่าเลยทีเดียว!นั่นเป็นความแตกต่างที่เห็นได้ชัดมาก ยิ่งไปกว่านั้นคุณภาพเนื้อก็สดนุ่ม นางกินไปจนซาบซึ้งแทบร้องไห้เลยไม่เคยกินปูที่อร่อยแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ!แล้วยังมีกุ้งมังกรยักษ์อีก เนื้อกุ้งนั่นมันเด้งดึ๋งสุดๆ เลย! รสตกค้างก็หวานมากบวกกับน้ำจิ้มที่นางปรุง สดใหม่จนแทบจะกลืนลิ้นตัวเองลงไปเลยทีเดียวเซียวหลันยวนตอนแรกก็คีบเนื้อก้ามปูขึ้นมา ฟู่จาวหนิงให้เขาลองดูก่อนว่ามีปฏิกิริยาอะไรไหมตอนที่เขารอ ฟู่จาวหนิงก็กินเนื้อปลาหมึกสดไปอีกหลายชิ้น ตรงนี้นางใช้มีดแกะสลัก ผัดอย่างรวดเร็วจนม้วนห่อเหมือนดอกไม้ กัดลงไปก็เด้งสู้ฟันแล้วยังมีกลิ่นหอมเฉพาะของปลาหมึกสด บวกกับความเผ็ดนิดๆ ของขิงซอย อร่อยจนตานางเปล่งประกายเซียวหลันยวนพอเห็นท่าทางของนาง ความอยากอาหารก็พุ่งขึ้นมา เขากระทั่งกลืนน้ำลายเอื๊อกจากความอยากอาหารเป็นครั้งแรกท่าทางนี้สำหรับเขาแล้วเหมือนตบฉาดเข้าที่หน้าเลย ถูกจาวฟู่จาวหนิงเห็นเข้าเสียแล้ว มือนางข้างหนึ่งถือแท่งปูอยู่ หัวเราจนตตัวโยนจากนั้นนางจึงยื่นมือมาแตะชีพ
"ความหมายของเจ้าคือ ตอนนี้คนที่อยู่ในห้องอาหาร คืออ๋องเจวี้ยนกับพระชายาอ๋องเจวี้ยนหรือ?""ใช่แล้ว" คนใช้พยักหน้า"ทำไมถึงเป็นพวกเขาล่ะ? พวกเขาทำไมถึงกินอาหารกันที่โถงหน้า? ฮูหยินไม่ได้มาเชิญพวกเขาไปกินที่เรือนหลังด้วยกันหรือ?"อาหารที่เตรียมไว้ให้อ๋องเจวี้ยนส่งไปที่เรือนหลังแล้วแท้ๆ"พวกเขายังทำอาหารกันเองด้วยนะ!"เหล่าว่านตอนนี้อดเหงื่อแตกขึ้นมาไม่ได้ถ้าหากคนเหล่านั้นเป็นอ๋องเจวี้ยนกับพระชายาล่ะก็ แล้ววันนี้เขาทำอะไรลงไปเนี่ย!เสี่ยวเฉิงเองก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว สีหน้าเองก็เปลี่ยนไปทันที "ลุงเหล่าว่าน คนนั้นๆๆ ที่พวกเราให้นางไปทำอาหารทะเลเอง..."คนงามนั่นคนงามคนนั้น น่าจะเป็นพระชายาอ๋องเจวี้ยนใช่ไหม?ตอนนี้พอคิดแล้วก็แน่ใจว่าใช่แน่ ถ้าเป็นหญิงสูงศักดิ์ทั่วไปจะมีท่วงท่าสง่าแบบนั้นเสียที่ไหน? แตกต่างกับที่พวกเขาเคยเห็นมาก่อนมาก"แต่พระชายาอ๋องเจวี้ยนทำไมถึงไม่ได้วางท่าวางมาดเลยล่ะ?"เหล่าว่านกลับรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตอนที่ลวี่กั่วเข้ามากำชับพวกเขา บอกว่าพระชายาอ๋องเจวี้ยนเป็ฯคนที่กำเริบเสิบสานมาก ไม่เห็นใครในสายตา ดังนั้นฮูหยินจึงไม่ค่อยชอบนางแต่ว่า เรื่องที่ปรุงอาหารทำเ
"ท่านอ๋องกับพระชายากำลังกินข้าว มีอะไรหรือ?""ข้าคือเหล่าว่านพ่อครัวของอุทยานเขา ท่านอ๋องรู้จักข้าอยู่ ข้าเข้าไปคารวะท่านอ๋องกับพระชายาได้ไหม?"เหล่าว่านอยากเข้าไปเห็นอาหารทะเลเหล่านั้น ฟู่จาวหนิงทำออกมาอย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้นเซียวหลันยวนก็เหมือนจะรู้จักเขาด้วย ไม่เจอกันนานแล้ว ท่านอ๋องมาที่นี่ จะเข้าไปคารวะเสียหน่อยไม่ได้เลยหรือ?"ข้าอยากไปขอโทษพระชายาด้วย ข้ามันมีตาหามีแววไม่ ก่อนหน้านี้ไม่รู้จักพระชายา แล้วยังให้พระชายาลงมือทำอาหารเองอีก..."ฟู่จาวหนิงที่อยู่ข้างในได้ยินเสียงของเหล่าว่าน ก็เช็ดๆ มือ บอกับเซียวหลันยวนว่า "ข้าออกไปคุยกับเขาสักคำสองคำนะ""ไม่กินแล้วหรือ?""ข้าอิ่มแล้ว ท่านเองก็ควบคุมหน่อย อย่ากินทีเดียวเยอะไปนัก"นางเพิ่งเคยเห็นเซียวหลันยวนปล่อยใจกับการกินแบบนี้เป็นครั้งแรก กินไปเยอะขนาดนี้ ปกติเขากินของได้จำกัดจำเขี่ยมาก"รู้แล้ว" เซียวหลันยวนยังคงกินบะหมี่คลุกหอยฝานอยู่ น้ำจิ้มพวกนั้นรสชาติดีมาก แล้วหมี่นี้พอต้มก็เอาไปผ่านน้ำเย็นด้วย ทำให้อร่อยขึ้นไปอีกฟู่จาวหนิงกำลังจะออกไป เซียวหลันยวนก็เสริมมาคำหนึ่ง "ถ้าหากเหล่าว่านยังดูถูกเจ้าอีก ก็ไม่ต้องไว้หน้าเขาแ
นางโบกไม้โบกมือ พวกของชิงอีจึงขึ้นหน้ามาขวางให้พวกเขาถอยออกไปท่าทางขององครักษ์จวนอ๋อง เหล่าว่านเองก็ไม่กล้าจะไปหาเรื่องด้วยหลังจากเดินไป เสี่ยวเฉิงดูโกรธหน่อยๆ"ลุงเหล่าว่าน ดูสิครั้งนี้ดันไปฟังลวี่กั่วพูดจาไร้สาระ ถ้าไม่ไปเชื่อคำว่าร้ายพระชายาของนาง พระชายาคงจะบอกวิธีทำปูยักษ์พวกนั้นแล้ว""ข้าเองก็คิดไม่ถึงว่พระชายาจะแตกต่างกับที่ลวี่กั่วพรรณนาไว้แบบนี้ ครั้งนี้โดนนังลวี่กั่วหลอกเข้าแล้วจริงๆ"เหล่าว่านเองก็โกรธขึ้นมา"พรุ่งนี้พวกเขาจะขึ้นยอดเขาโยวชิง ลวี่กั่วจะต้องไปบอกคนข้างกายเจ้าอารามเพื่อว่าร้ายพระชายาแน่" เสี่ยวเฉิงเอ่ยขึ้น"พรุ่งนี้เจ้าไม่ใช่ว่าต้องไปยอดเขาโยวชิงหรือ? พอดีเลย เจ้าไปคอยจับตาไว้ คอยขวางอย่าให้ลวี่กั่วพูดจาไร้สาระ""อืมๆ! ข้าจะจับตานางไว้" เสี่ยวเฉิงประสานหมัดเขาไม่ชอบลวี่กั่วมาตลอดอยู่แล้วพอฮูหยินเฉิงได้รับคำพูดของเซียวหลันยวน ทั้งเสียใจเศร้าใจผิดหวัง แต่ก็จนปัญญาคืนนี้พวกเขาก็ได้แต่หลับไปกับความกังวลในใจของแต่ละคนเช้าวันถัดมา ฮูหยินเฉิงให้คนไปเตรียมข้าวเช้า จะให้พวกเขากินกันแล้วค่อยขึ้นยอดเขาโยวชิง แต่กลับได้ข่าวที่ไม่คาดคิด"เจ้าว่าอะไรนะ? พว
ที่นี่เรียกว่าลานหินยื่น ก็เพราะมีหินเรียบก้อนใหญ่ยักษ์ก้อนหนึ่งยื่นออกมาจากหน้าผา แล้วด้านล่างเป็นพื้นว่างเปล่าจากทางเดินบนเขา มีเนินดินเล็กๆ สองสามลูกและพุ่มไม้หนาแน่นขวางกั้นอยู่ ระหว่างกลางไม่มีทางเดิน คนทั่วไปถ้าเดินผ่านก็จะมองไม่เห็นจุดชมทิวทัศน์ที่ยอดเยี่ยมนี้อยู่พวกเขาเมื่อครู่พอลงจากรถม้าก็เดินผ่านป่าเข้ามา ถ้าเซียวหลันยวนไม่ได้บอก ก็ไม่รู้เลยว่ายังมีที่แบบนี้อยู่ลานเรียบผืนหนึ่งยื่นออกไปกลางอากาศ ข้างๆ ยังมีพุ่มดอกไม้ขึ้นอยู่พุ่มใหญ่ พอลมภูเขาพัดมา ดอกไม้โบกสะบัดส่งกลิ่นหอมเข้ามาเป็นระยะมองออกไปเป็นทะเลหมอกขาวผืนใหญ่ เมฆขาวสงบซ้อนทับกัน ราวกับเป็นทะเลสีขาวเงียบสงบ งดงามยิ่งใหญ่ราวบทกวีขอบฟ้ามีแสงจ้าสีส้ม ตะวันใกล้ขึ้นภาพงามอยู่ตรงหน้านี้แล้วลานหินยื่นตรงนั้น มีชายคนหนึ่งในชุดสีขาวบริสุทธิ์ เกล้าผมสูง ผมดำแซมขาว มือข้างหนึ่งไพล่หลัง หันหลังให้พวกเขา กำลังชื่นชมทะเลหมอก มีท่าทีราวกับเซียนที่พร้อมจะเหาะเหินจากไปได้ทุกขณะทั้งๆ ที่ได้ยินเสียงของพวกเขา แต่อีกฝ่ายก็ไม่หันกลับมามองมีแค่เขาที่ยืนอยู่ตรงนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนฟ้าดินนี้มีข้าเพียงผู้เดียว คนอื่นอย่าได้
ถังอู๋เจวี้ยน! แต่ก่อนนางรู้จัก 'เพื่อนออนไลน์' คนหนึ่งจากเว็บบอร์ดการแพทย์ที่มีชื่อเสียง แต่ว่าถังอู๋เจวี้ยนไม่ใช่หมอ ทว่าเป็นคนไข้คนหนึ่ง เขาป่วยเป็นโรคหายาก ดังนั้นจึงแย่ตัวอยู่ในเว็บบอร์ดการแพทย์นั้นอยู่นาน หนึ่งคืออยากจะหาความหวังในการรักษา สองเพื่อหาคนที่ป่วยแบบเดียวกับเขาแต่ถังอู๋เจวี้ยนถึงแม้จะเป็นคนป่วย แต่สภาพจิตใจกลับเจิดจ้าเหมือนดวงตะวัน กระทั่งว่า ตอนที่เว็บบอร์ดการแพทย์จัดกิจกรรมอะไรสักอย่าง เขาก็จะออกเงินสนับสนุนอย่างใจกว้าง ในเว็บบอร์ดมีคนไม่น้อยที่เคยได้ยินชื่อของเขา ให้ฉายากับเขาว่า เซียนถังหลักๆ คือรู้สึกว่าสติจิตใจของคนผู้นี้เปิดกว้างกว่าที่จะเป็นคนป่วยบนโลกใบนี้ฟู่จาวหนิงรู้จักเขาในเว็บบอร์ด และมีครั้งหนึ่งที่นางเขียนรายงานออกหน่วยแพทย์ตรวจรักษาการกุศลที่ต่างประเทศ ด้านในเอ่ยถึงโรคที่เขาเป็นมาประโยคหนึ่ง ถังอู๋เจวี้ยนก็เขียนจดหมายส่วนตัวให้นาง สอบถามเรื่องเกี่ยวกับด้านนี้หลังจากที่ได้คุยกันฟู่จาวหนิงก็พบว่าถังอู๋เจวี้ยนมีความคิดเห็นของตนเองต่อโรคภัยไข้เจ็บหลายโรคเลยทีเดียว นางยังสงสัยว่าเขาอ่านตำราแพทย์ไปนับไม่ถ้วน แม้จะไม่เคยไปสอบ ไม่มีประสบการณ์การตรวจรัก
รถม้าออกเดินทางต่อ นอกจากเสียงรถม้ากีบม้าแล้ว คนทั้งหมดล้วนเงียบงันกันหมดสิ่งนี้ทำให้ฟู่จาวหนิงรู้สึกแปลกประหลาดเหมือนว่าทุกคนกำลังแอบเตรียมจะฟังพวกเขาคุยกันอยู่น่าจะเพราะพวกเขาก็กังวลว่าสองคนจะทะเลาะกันกระมัง?ฟู่จาวหนิงนั่งไปที่ด้านหนึ่ง ยื่นนิ้วออกไปจิ้มเอวเซียวหลันยวนเบาๆ"นี่"เซียวหลันยวนไม่ขยับ กระทั่งขนคิ้วก็ยังไม่ขยับหรือว่าจะหลับไปแล้วจริงๆ?เพราะวันนี้ตื่นมาเช้ามากจริงๆ หรือเปล่า?ฟู่จาวหนิงพิงเข้าไปอีก ยื่นเข้าไปที่หน้าเขา จนได้ยินเสียงลมหายใจของเขาที่มั่นคงและแผ่วเบามากตอนนี้นางไม่กล้ายืนยันว่าเขาไม่สนใจนาง หรือว่าหลับไปแล้วจริงๆวันนี้เองก็ตื่นเช้ามากจริงๆ เมื่อคืนนี้ไม่ได้นอนเต็มอิ่ม มองเขาไปครู่หนึ่ง ฟู่จาวหนิงก็รู้สึกง่วงขึ้นมาแล้ว เอนตัวพิงไปข้างๆ และหลับไปขณะที่รถม้าโคลงไปเคลงมาหลังจากนางหลับไป เซียวหลันยวนก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเขามองหญิงสาวที่พิงหลับไปอยู่ข้างๆ ในใจก็มีความจนใจหลั่งทะลักออกมา เอาพรมบนตัวมาคลุมเบาๆ บนตัวนาง"เขาชิงถง ถังอู๋เจวี้ยน" เขาเอ่ยชื่อนี้ขึ้นมาเสียงต่ำแล้วจึงมองไปยังฟู่จาวหนิงด้วยความสามารถการสังเกตที่เฉียบคมไร้เทียมทานของเข
ฟู่จาวหนิงรู้ เซียวหลันยวนเดิมทีก็ไม่ใช่คนที่จะโหดร้ายกับประชาชน น่าจะเพราะพวกเขาทำเกินไปกันจริงๆนอกจากด่านางบีบคั้นนางแล้ว ยังมีความรู้สึกทรยศอยู่บ้างต่อสิ่งที่เขาทำไว้มากมายในอดีตเซียวหลันยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ แน่ และยังมีอีกจุด เรื่องครั้งนี้ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เบื้องหลังจะต้องมีคนกำลังยุยงประชาชนพวกนั้นอยู่แน่นอนนางเดาว่าเซียวหลันยวนรู้จุดนี้ ดังนั้นจึงพาคนลงจากเขาฟู่จาวหนิงอันที่จริงก็รำคาญอยู่ เดินทางมายอดเขาโยวชิงนับพันลี้ ใครจะคิดว่าจะมีคนทำเรื่องแบบนี้ลับหลัง แล้วยังพุ่งเป้ามาที่นางอย่างเห็นได้ชัดนางผิดใจคนไปเท่าไรแล้วกันนะ?ฟู่จาวหนิงบอกไม่สนก็คือไม่สน ออกไปเดินเล่นทันที หลังจากมาถึงนางยังไม่ได้ไปดูจริงๆ เลยว่าอารามโยวชิงมีหน้าตาอย่างไรทิวทัศน์ในอารามโยวชิงสง่างดงามมาก แต่ละจุดล้วนเป็นทิวทัศน์หมด มีกระทั่งมุมเล็กๆ ที่เห็นได้ถึงความใส่ใจ อย่างเช่นใต้ระเบียง ก้อนหินซ้อนเรียงกันสามก้อน บนก้อนหินยังมีตะไคร่เป็นภาพทิวทัศน์เล็กๆ มีต้นกล้าเล็กๆ โตอยู่ในรอยแยกหิน นั่งอยู่ราวระเบียง พอเห็นภาพนี้ก็จะถูกดึงดูดไปหรือบนหน้าต่างหินที่แกะสลักดอกหยวนเซียวห้อยลงมา ข้า
ฟู่จาวหนิงกินข้าวเช้าแล้วแต่เซียวหลันยวนก็ยังไม่กลับมา จึงให้สืออีไปหาสืออีเองก็ออกไปพักหนึ่งถึงกลับมา ดูท่าทางโมโหหน่อยๆ ด้วย หลักๆ คือได้ยินว่าคนพวกนั้นพูดอะไรกันนั่นล่ะแต่ต่อมาการกระทำของเซียวหลันยวนก็ทำให้เขาสบายใจขึ้นมากหลังจากกลับมาก็เลือกคำพูดส่วนหนึ่งมาบอกกับฟู่จาวหนิง"ท่านอ๋องไล่คนออกไปแล้วขอรับ และคนเหล่านั้นไม่ใช่ว่าลงเขาไปแล้วจะไม่เป็นไร พวกขเาคงไม่รู้แน่นอนว่าผลลัพธ์จะรุนแรงแค่ไหน""ท่านอ๋องหลายปีนี้ก็ช่วยเหลือจื่อซวีเอาไว้มาก ก่อนหน้านี้การค้าขายและเส้นทางการค้าส่วนหนึ่งของเจ้าอุทยานเฉิน ก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่จัดคนมาช่วยเหลือ การสนับสนุนลับๆ พวกนี้คงจะขาดหายไปด้วยแล้ว จื่อซวีหลังจากนี้ไม่มีทางจะคึกคักแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก""และยังมีร้านยาในเมืองอีก วัตถุดิบยาเหล่านั้นก็ล้วนเป็นท่านอ๋องที่ออกเงินอุดหนุน ไม่อย่างนั้นพวกเขาคิดว่าวัตถุดิบยาในเมืองนี้จะขายได้ถูกแบบนั้นหรือ? แล้วก็หมอเฉียวในเมืองนั่นอีก ก็เป็นท่านอ๋องที่จัดมาให้ ทุกปีท่านอ๋องก็ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง ดังนั้นค่ารักษาของเขาจึงเก็บแค่พอเป็นพิธี"หลายปีนี้อุทยานเขาเฉิงอวิ๋นผิดใจกับใครไว้ ตอนที่ทำอะไรด้านนอก
คนตายไม่จำเป็นต้องรักษาอะไร"อ๋องเจวี้ยน...""ไสหัวไป"เซียวหลันยวนพอโบกมือ กำลังภายในก็พัดพวกเขาลอยออกไป"จำไว้ เป็นข้าที่ไม่ให้พระชายาออกมาพบพวกเจ้า"มีเรื่องอะไรก็ซัดมาทางเขานี่หลายปีนี้เขาตอบแทนให้เมืองจื่อซวีไม่น้อยแล้วจริงๆคนพวกนี้ล้มแล้วล้วนลุกกันไม่ขึ้น หน้าขาวซีด ไม่ว่าจะป่วยจริงป่วยปลอม ตอนนี้ไม่มีคนไหนที่แกล้งแล้ว รู้สึกเสียใจกันขึ้นมาจริงๆเซียวหลันยวนหมุนตัวจากไป หลังจากออกไปก็เหล่มองซางจื่อผาดหนึ่ง"ถ้าคนพวกนี้ยังไม่ไป หรือลงจากเขาไปแล้วข้ายังได้ยินคำก่นด่ากล่าวโทษพระชายาอีกล่ะก็ ข้าจะจัดการครอบครัวเขาเสียให้หมด"ซู๊ดซางจื่อจนใจ "เชื่อว่าพวกเขาไม่กล้าแน่""เมืองจื่อซวีไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะมาตัดสินใจได้ ถ้าข้าพูดพฤติกรรมวันนี้ของพวกเขาให้ชาวเมืองฟัง ลองดูว่าชาวเมืองจะคิดว่าพวกเขาทำถูกหรือไม่"พอได้ยินคำนี้ของเซียวหลันยวน คนเหล่านั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไปพวกเขายังไม่รู้ที่ไหนว่าตนเองทำอะไรผิดไป?ประชาชนคนอื่นไม่กล้ามาทำแบบนี้กับพระชายาอ๋องเจวี้ยน! ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนอีกไม่น้อยที่รอให้พระชายามีเวลาลงเขาไปเพื่อตรวจรักษาการกุศล พวกเขายังได้ยินอีกว่า มีบางคนเตรี
สายตาเซียวหลันยวนกวาดไปทางพวกเขาอย่างเย็นชา มองดูปฏิกิริยาของพวกเขา"สิบหกปีก่อน รู้ว่าที่เมืองจื่อซวีนี้ไม่มีหมอ จะรักษาทีก็ลำบาก เจ้าอุทยานเฉินของอุทยานเขาเฉิงอวิ๋นก็กังวลมาก เพราะพ่อของเขาก็ป่วยตายที่นี่ ดังนั้นนี่จึงกลายเป็นแผลในใจเขา อต่ว่าในเมืองตอนนั้นก็ยากจนมาก การเดินทางสัญจรก็ติดขัด นอกจากหมอเท้าเปล่าที่เป็นคนในท้องถิ่นแล้ว จะไม่มีหมอคนอื่นเข้ามาเปิดโรงหมอที่นี่"คำพูดเหล่านี้ของเซียวหลันยวน ทำให้พวกเขาอดเงียบลงมาไม่ได้ สีหน้าเองก็ซับซ้อนขึ้นมาก็จริง พวกเขาในฐานะประชาชน แล้วยังอายุปูนนี้กันแล้ว เรื่องพวกนี้ต้องรู้อยู่แล้ว"ดังนั้น เจ้าอุทยานเฉินจึงคิดว่า ขอแค่ให้เมืองคึกคักขึ้นมา ก็สามารถดึงดูดหมดมาได้ และอาจจะทำให้ทุกคนมีเงินขึ้นมาบ้าง บางคนคนของตนเองอาจจะเปิดโรงยา แล้วเชิญหมอมาประจำได้""หมอเฉียวที่เมือง ไม่ใช่ว่าถูกเชิญมาสิบปีแล้วหรือ? ถึงเขาจะไม่ได้เป็นหมอเทวดา แต่วิชาแพทย์ก็ถือว่าดีอยู่ พวกปวดหัวเป็นไข้ หกล้มกระแทกฟกช้ำ เขาก็รักษาได้หมด เขาเองก็เปิดโรงยาด้วย ยาในร้านก็ขายในราคาต่ำสุดให้กับประชาชน"ตอนนี้ซางจื่อพูดความเป็นจริงออกมา"อันที่จริงร้านยานี้ ก็เป็นท่านอ
ซางจื่อขมวดคิ้ว เขาได้ยินเสียงฝีเท้าอ๋องเจวี้ยน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงของเขา หรือว่านี่ยังจะคอยดูว่าคนเหล่านี้ยังจะพูดอะไรออกมาอีก?เขารู้สึกว่า คนเหล่านี้ยิ่งพูดอีกมากแค่ไหน อย่าว่าแต่พวกเขากำลังป่วยเลย อ๋องเจวี้ยนคงจะให้พวกเขาไปตายๆ กันให้หมดเสียด้วยซ้ำเขาถอนหายใจ ยกเสียงสูงขึ้นมา"ทุกคนฟังข้าพูดหน่อย อ๋องเจวี้ยนแม้จะเคยอยู่ในยอดเขาโยวชิง แต่เขาก็ไม่ได้ติดค้างสิ่งใดกับประชาชนที่เมืองเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้น พระชายาอ๋องเจวี้ยนก็เรียนแพทย์มาก่อนที่จะแต่งงานด้วย ไม่ใช่คอยรักษาแต่เฉพาะคนชั้นสูงอย่างที่พวกท่านเจ้าพูดกัน พระชายาเป็นคนจิตใจดีงาม แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่พวกเจ้าจะมาคุกคามด้วยวาจาได้แบบนี้""อาจารย์น้อยซางจื่อ ท่านพูดแบบนี้พวกเราไม่เห็นด้วยนะ พวกเรามาคุกคามนางตรงไหน?""ใช่เลยใช่เลย ถ้าพวกเราจะคุกคามนาง ยังต้องลำบากลำบนปีนเขาขึ้นมาตั้งแต่ฟ้าไม่สางทำไม? ให้นางตั้งโต๊ะตรวจที่ด้านล่างเขาก็พอนี่?"ซางจื่อโมโหขึ้นแล้ว"ปกติยอดเขาโยวชิงก็เป็นกันเองกับทุกคน แต่ตอนนี้พวกเจ้าฟังบ้างไหมว่าตัวเองพูดอะไรออกมา? นางเป็นถึงพระชายา ยังต้องมาถูกพวกเจ้าคุกคามให้ไปรักษาโรคให้พวกเจ้ารึ? ต่อให้นางไม
เมื่อครู่นางออกไปดูแล้ว ไปฟังอยู่พักหนึ่ง แทบทำนางโกรธจัดเลยทีเดียวทั้งที่ยังเช้าขนาดนี้ พวกเขามีสิทธิ์อะไรจู่ๆ พอขึ้นเขามา คุณหนูก็ต้องรีบลุกจากเตียงนอนมาดูอาการพวกเขาทันทีแบบนี้?แล้วก็ ตัวเองก็ป่วยอยู่แล้ว ยังปีนเขาขึ้นมาทำอะไรกัน? เป็นลมล้มพับไปจะโทษใครได้?แล้วเรื่องนี้ยังโทษมาถึงตัวคุณหนู ยังบอกว่านางเลือดเย็นไร้ความปราณี มีคนพูดแย่กว่านี้ด้วย แต่นางไม่กล้าพูดออกมาจริงๆ พูดแล้วนางก็โมโหมีคนยังบอกว่าที่คุณหนูเรียนแพทย์ เพื่อจะรักษาแต่คนชั้นสูงเท่านั้นใช้ไหม ทำไมตอนมาถึงเมืองไม่บอกพวกเขาสักคำแล้วแอบหนีขึ้นเขามา?ฟังเอาแล้วกันว่านี่มันบ้าบอแค่ไหน? ต้องโดนสัตว์ป่าอะไรแทะสมองไปถึงพูดแบบนี้ออกมาได้?น่าโมโหเสียจริงฟู่จาวหนิงฟังคำโมโหของนาง พลางล้างหน้าล้างตา พอเช็ดหน้าเสร็จ หลังจากทายาบำรุงผิวหน้าที่ทำขึ้นมาเองไปชั้นหนึ่ง นางจึงบอกกับเสี่ยวเยว่ว่า "ถึงคนอื่นจะน่าชิงชัง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาโมโหแต่เช้าตรู่ ความโมโหไม่ดีกับสุขภาพ ผ่อนคลายไว้ ยิ้มเข้าไว้""คุณหนู ท่านทำไมยังยิ้มออกอีก?"ฟู่จาวหนิงหัวเราะ "เสี่ยวเยว่ ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะมีอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าตอนที่อยู่ในสวนตระก
คืนนี้ ฟู่จาวหนิงฝังเข็มตาสว่างสดชื่นให้กับเซียวหลันยวน แล้วยังสอนเขาไปอีกสองสามรอบ ให้เขามาฝังให้ตนเองส่วนไหนที่นางฝังเองได้ นางก็จัดการฝังเองตรงๆก่อนที่จะนอน นางยังยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าปากไปในปากเขา"กินนะ""นี่คือยาอะไร?" เซียวหลันยวนกลืนยาลงไปก่อนแล้วค่อยถามนางฟู่จาวหนิงเองก็ยัดให้ตัวเองไปเม็ดหนึ่ง "ยาแก้พิษ"เซียวหลันยวนยิ้มๆ "เจ้าอารามไม่คิดจะทำร้ายพวกเราจริงๆ""นอนเถอะ"ฟู่จาวหนิงเองก็ไม่คิดจะโต้ปัญหานี้อีก จึงตบลงไปบนบ่าเขาพูดกันตอนนี้มันไม่มีความหมายอะไรเซียวหลันยวนเอียงตัวมองนาง เขายังอยากจะพูดอะไรกับนางอีกหน่อย แต่ฟู่จาวหนิงก็หลับตาไปแล้ว เพียงไม่นานลมหายใจก็สม่ำเสมอขึ้นมาหลับไวขนาดนี้เชียว? แปปเดียวก็หลับลึกซะแล้วเซียวหลันยวนกุมมือนางเบาๆ หลับตาลงบ้างเช่นกันสิ่งที่เขาไม่ได้บอกฟู่จาวหนิงคือ ก่อนหน้านี้ เขาสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดเฉือนมีดพันเล่ม แต่นอกจากนั้นแล้ว ข้างหูเขายังได้ยินเสียงกรีดร้อง คร่ำครวญอีกนับไม่ถ้วน มีทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กมีเสียงสนั่นหวั่นไหวราวกับฟ้าถล่มพสุธาแยก คนมากมายกำลังวิ่งหนี ตะโกนคร่ำครวญตามหาครอบครัวเพื่อเอาชีวิตรอดที่เ
พวกของเสี่ยวเยว่ไม่กล้าถามอะไรมาก"ไปพักกันเถอะ" ฟู่จาวหนิงไม่คิดจะให้พวกเขาลำบากใจ ให้พวกเขากลับไปพักผ่อนกันทุกคนถอยออกไปในลานบ้านแสงจันทร์กระจ่างใส พอยิ่งดึกแสงจันทร์กับแสงดาวก็ยิ่งเจิดจ้า แต่ไม่รู้ว่าเพราะอารมณ์พวกเขาไม่ค่อยดีหรือเปล่า ตอนนี้มองดูแล้วกลับรู้สึกว่าแสงแบบนี้มันขาวซีดแถมยังดูเย็นชาฟู่จาวหนิงคิดจะดึงมือออก แต่ก็ดึงไม่ได้เซียวหลันยวนกุมมือนางไว้แน่น จนมือนางแทบจะแดงอยู่แล้วนี่แสดงว่าในใจเขาไม่สงบเอามากๆเดิมทีถ้านางไม่ได้ลองด้วยตัวเอง นางก็คงจินตนาการไม่ออกว่าจะเจอกับการชี้นำแบบไหน แต่พอนางไปลองด้วยตัวเอง ก็น่าจะพอเข้าใจได้ว่าภาพที่หลั่งเข้าไปในหัวเขาคืออะไรไม่มีอะไรมากกว่าต้องปล่อยนางไป จึงจะมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าแต่ว่า แต่ในส่วนของนางยังมีภาพที่เขาผลักนางเข้าไปในห้วงลึกดำมืดด้วยนะ นางยังไม่พูดอะไรเลย หรือเขายัง "เห็น" นางแทงกระบี่เข้าไปที่หัวใจเขาด้วย?"ท่านจับจนข้าเจ็บมือแล้วนะ" นางเอ่ยขึ้นเซียวหลันยวนเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน รีบคลายมือออกทันที"ขอโทษด้วย หนิงหนิง" เขามองข้อมือนาง เป็นวงแดงจริงๆ เขารีบยกมือนางขึ้นมาแล้วลูบนวดเบาๆ"ในใจว้าวุ่นขนาดนั้นเชีย
ส่วนฟู่จาวหนิงเองก็มองมาทางเขา เพราะเซียวหลันยวนไม่ได้ยื่นมือมาประคองนางในตอนแรก แต่กลับมองนางอย่างงงงันหน่อยๆฟู่จาวหนิงยังไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไร ใจก็ดำดิ่งหน่อยๆยังดีที่ตอนนางมองไปอีกครั้ง เซียวหลันยวนก็ยื่นมือมาดึงนางลุกขึ้นแล้ว จากนั้นไข่มุกหมึกในมือนางก็ส่งคืนไปยังเจ้าอาราม"คืนให้ท่าน"พริบตาที่เจ้าอารามยื่นมารับ เสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้น ไข่มุกหมึกลูกนั้นแตกละเอียดกะทันหันคนทั้งหมดล้วนตกตะลึง มองไปทางเศษหินที่รวงลงมานั่นพวกเขาล้วนถือไข่มุกหมึกกันมาแล้ว เดิมทีก็ยังดีดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวอะไรเลย ยิ่งไปกว่านั้นตัวลูกปัดหยกก็ตันและแข็งแกร่ง หล่นลงพื้นก็ไม่แน่ว่าจะแตกด้วยซ้ำแต่ตอนนี้จู่ๆ มันก็เป็นแบบนี้ไปแล้วเจ้าอารามโค้งตัวลงเก็บชิ้นส่วนหยกขึ้นมา หยิบขึ้นมามองๆ"ไข่มุกหมึกทำนายดารา ข้าเองก็เหลืออยู่แค่เม็ดเดียวด้วย"อยู่กับเขามาหลายสิบปี ใช้มาก็ตั้งหลายครั้ง ตอนนี้จู่ๆ ก็แตกเสียแล้วเซียวหลันยวนยื่นมือตัวเองออกมา "ข้าไม่ได้ออกแรงนะ""แล้วก็ไม่เหมือนบีบจนแตกด้วย"เจ้าอารามพูดพลางมองไปทางฟู่จาวหนิงฟู่จาวหนิงหรุบตาลง เศษหินบนพื้นเหล่านั้น "หรือพวกท่านสงสัยว่าข้าทำ