ขณะที่เฉียวสือเนี่ยนกำลังสู้รบกับล้อรถอยู่นั้น เสียงของฮั่วเยี่ยนฉือก็ดังอยู่ข้างหูทันทีที่เงยหน้า เขาก็เดินมาถึงข้างรถแล้วแม้ว่าเฉียวสือเนี่ยนจะรู้สึกเสียหน้าอยู่บ้าง แต่เธอไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่จะมาไม่พอใจเพราะเรื่องแบบนี้เธอเบะปากเล็กน้อย ก่อนที่จะปลดเข็มขัดนิรภัย แล้วออกมาจากที่นั่งคนขับฮั่วเยี่ยนฉือขึ้นไปนั่งแทนที่ หมุนพวงมาลัยด้วยท่าทีสุขุม จากนั้นก็เหยียบคันเร่งถอยรถ และล้อรถด้านขวาก็ขึ้นมาจากหลุมได้จริง ๆ !ไม่นานนัก ฮั่วเยี่ยนฉือก็ลงมาจากที่นั่งคนขับอย่างคล่องแคล่ว “ไปขับต่อสิ”เฉียวสือเนี่ยนเบะปากอีกครั้ง แล้วขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับเพิ่งจะคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จ คิดไม่ถึงเลยว่า ฮั่วเยี่ยนฉือก็ขึ้นมานั่งที่นั่งข้างคนขับด้วย!“คุณขึ้นมานั่งทำไม?” เฉียวสือเนี่ยนขมวดคิ้วลูกตาดำขลับของฮั่วเยี่ยนฉือปรายตามองเธอแวบหนึ่ง เขาไม่ตอบ ทว่าถามกลับ “ทำไมถึงทำผมทรงนี้ล่ะ?”เฉียวสือเนี่ยนมองผมม้วนเป็นลอนยาวประบ่าที่ตัวเองเพิ่งไปทำมาผ่านกระจกมองหลัง “นี่มันผมของฉัน จะทำทรงไหนก็เรื่องของฉัน เกี่ยวอะไรกับคุณด้วยไม่ทราบ!”ใบหน้าหล่อเหลาของฮั่วเยี่ยนฉือเขียวคล้ำขึ้นมาเล็กน้อย“ค
เหมือนกับคนเมาสักคนที่เดินซวนเซ แล้วตัวก็ชนเข้ากับผนังอย่างไรอย่างนั้นเฉียวสือเนี่ยนแปลกใจนัก ในบ้านก็มีแค่ป้าหวังกับฮั่วเยี่ยนฉือ แล้วใครกันที่ดื่มเหล้าแบบนี้?“ผ่าง” จู่ ๆ ประตูห้องของเธอก็เปิดออกฮั่วเยี่ยนฉือเดินเข้ามาแล้ว!ร่างกายเขาโงนเงนเล็กน้อย ดวงหน้าหล่อเหลาแดงก่ำผิดจากปกติ ที่หน้าผากมีเหงื่อผุด หางตาเองก็แดงเรื่อเฉียวสือเนี่ยนสัมผัสได้ถึงอันตราย เธอรีบปิดคอมพิวเตอร์ หมายจะเชิญคนออกไป“คุณดื่มมาเหรอ?”เฉียวสือเนี่ยนถามไปพลาง พยายามเปิดบานประตูเบา ๆ ไปพลาง “ป้า—— อุ๊บ!”ยังไม่ทันที่จะตะโกนเรียกชื่อป้าหวังได้ครบถ้วน ริมฝีปากของเธอก็เจ็บแปลบ เป็นฮั่วเยี่ยนฉือที่ปิดปากเธอเอาไว้!“คุณ......”เฉียวสือเนี่ยนตื่นตกใจจนอยากจะผลักเขาออก ทว่าฮั่วเยี่ยนฉือกลับก้มจูบเธออย่างรุนแรงตัวของฮั่วเยี่ยนฉือร้อนระอุ ทั้งยังกอดเธอเอาไว้แน่น ไม่เหลือพื้นที่ให้เธอได้ดิ้นรนขัดขืน จากนั้นก็ดันเธอชิดเข้ากับประตูพร้อมกับช่วงชิงลมหายใจของเธอไปเฉียวสือเนี่ยนเหวี่ยงหมัดออกไปหมายจะทุบเขาสักที แต่มือก็ถูกเขากดเอาไว้บนบานประตู!ชายหญิงมีกำลังแตกต่างกันชัดเจน เฉียวสือเนี่ยนถูกกดจนไม่อาจขยับเขยื
‘ไม่ต้องมองดูแหล่งที่มา ไม่ต้องถามถึงจุดจบ กินข้าวสามมื้อ มีน้ำใจต่อฤดูกาลทั้งสี่ แล้วคุณจะเข้าสู่ชีวิตกับคนที่ถูกเวลาและสภาพอากาษที่ดีที่สุดในที่สุด ด้านล่างมีภาพหนึ่งภาพที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรส และภาพถ่ายเซลฟี่ด้านข้างของป๋ายอีอีจากภาพถ่ายและข้อความ ดูเหมือนว่าเป็นแค่เพียงการแบ่งปันภาพศิลปะ แต่ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าในรูปเซลฟี่ของเธอ ถ่ายติดแขนผู้ชายคนหนึ่งมาด้วยผู้ชายสวมเสื้อเชิ้ต นาฬิกาที่สวมใส่บนข้อมือดูเรียบง่ายและหรูหรา———เฉียวสือเนี่ยนรู้สึกคุ้น ๆ เหมือนหนึ่งในนาฬิกาที่ฮั่วเยี่ยนสือชอบใส่ ที่แท้ฮั่วเยี่ยนฉือก็อยู่กับป๋ายอีอีนี่เอง ก็ไม่แปลกหรอก คืนนั้นเขามีความอยากมาก ๆ แต่เธอก็ไม่เอาใจเขา ยิ่งปกติแล้วฮั่วเยี่ยนฉือมักชอบรักษาตัวให้พ้นจากปัญหายุ่งยากและไม่อยากมีเรื่องอื้อฉาว เขาจึงไม่อยากมีทางเลือกอื่น นอกจากต้องไประบายความอยากกับคนรักของเขาความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งคู่คงดีขึ้นมากในช่วงไม่กี่วันมานี้ จึงทำให้ป๋ายอีอีแสดงอารมณ์ออกมาแบบนั้น เฉียวสือเนี่ยนแค่นหัวเราะออกมาหนึ่งคำ พร้อมลบป๋ายอีอีออกจากรายชื่อเพื่อนในวีแชท เมื่อก่อนเพื่อหวังจะเข้าใจ ‘สถานการณ์ของศัตรู
เฉียวสือเนี่ยนเผยยิ้มขึ้น “ฉันเพิ่งสมัครคลาสซ่านโฉ่วไปน่ะ” โจวหยางหยิงรู้สึกชอบใจ “บังเอิญจริง ๆ ผมเป็นโค้ชสอนซ่านโฉ่วพอดี” ค่อนข้างบังเอิญจริง ๆ ตอนแรกคิดว่าเราจะได้เจอกันอีกครั้ง ก็ตอนหารือเรื่องความร่วมมือ ไม่คิดว่าจะได้เจอกันเร็วขนาดนี้ “งั้นต่อจากนี้รบกวนนายต้องดูแลฉันแล้วล่ะ” เฉียวสือเนี่ยนหัวเราะพลางเอ่ย “คุณยุ่งอยู่ ฉันขอตัวก่อนนะ” “พี่สาว…” โจวหยางหยิงเรียกเธอเอาไว้ “มีอะไรอีกเหรอ” เฉียวสือเนี่ยนเอ่ยถาม โจวหยางหยิงเอ่ยอย่างเขินอายเล็กน้อย “เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้ว ผมไม่รู้ว่าจะตอบแทนคุณยังไง ไม่อย่างนั้นให้ผมเลี้ยงดื่มคุณสักแก้วดีไหม?” เฉียวสือเนี่ยนยกยิ้มขึ้นพลันส่ายหน้า “ครั้งหน้าเถอะ วันนี้ฉันไม่อยากเสียเวลาการทำงานของคุณ” “ไม่เป็นไรเลย ผมกำลังจะเลิกงานพอดี” โจวหยางหยิงตอบมาทันควัน โจวหยางอิง ตัวเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ยิ่งแสดงท่าทางแบบนี้เหมือนกับเด็กไม่มีผิด ทันใดนั้นเฉียวสือเนี่ยนก็เข้าใจเหล่าพี่สาวเหล่าหม่ามี๊อะไรอย่างนั้นเลย รูปร่างหน้าตาแบบนี้ของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกเอ็นดูจริง ๆ เฉียวสือเนี่ยนโค้งยิ้มมุมปาก แล้วหัวเราะออกมาหนึ่งคำ “ในเมื่อเป
เฉิงหว่านซินส่งข้อความยาวเป็นพืดให้เธอ มีทั้งรูปภาพ วิดีโอ และข้อความเสียง เฉียวสือเนี่ยนดูรูปภาพก่อน เป็นภาพที่เฉิงหว่านซินถ่ายที่ชั้นล่างและติดกับประตูบ้านพักของไป๋อีอี วิดีโอปรากฏหลายนาทีอยู่ เฉียวสือเนี่ยนจะเปิดวิดีโอฟัง ‘เนี่ยนเนี่ยน ฉันสั่งสอนนังเลวป๋ายนั่นแทนแกแล้ว! ฉันทนเห็นแกทุกข์ทรมานไม่ได้หรอกนะ!’เมื่อฟังจบ โจวหยางอิงก็เดินเข้ามาพร้อมกับชานมพอดี“พี่สาวน้อยครับ ชานมกุหลาบเผือกของพี่ได้แล้วครับ” “ขอบใจจ่ะ” เฉียวสือเนี่ยนรับมาพลางลุกขึ้น “ขอโทษนะ ฉันมีธุระนิดหน่อย ต้องขอตัวก่อน”โจวหยางอิงเห็นว่าท่าทีของเธอดูนิ่งไป เขาเข้าใจทันที เลยไม่ถามอะไร พร้อมโบกมือให้เธออย่างมีมารยาท “พวกเราเจอกันตอนฝึกนะ” “โอเค” เฉียวสือเนี่ยนเดินออกมาจากร้านชานม ขึ้นมานั่งบนรถ และเปิดดูวิดีโอที่เฉิงหว่านซินส่งมาในวิดีโอ เฉิงหวานซินเคาะประตูบ้านของป๋ายอีอี ตอนที่เห็นว่าฮั่วเยี่ยนฉือก็อยู่ที่นั่นตอนนั้น เธอวางมาดอาละวาดด่าป๋ายอีอีว่า หน้าไม่อาย เป็นเมียน้อยคนอื่น ไม่นึกเลยว่าจะแอบไปพบกับสามีคนอื่นอย่างลับ ๆ ป๋ายอีอีรู้สึกอับอาย เธอพยายามอดกลั้น “คุณเฉิงคะ ฉันแค่อยากจะขอบคุณเยี่ย
ฮั่วเยี่ยนฉือมองไปยังเฉียวสือเนี่ยนที่ยืนอยู่บนโซฟาอย่างเย็นชา “เรื่องของฉันเธอไม่ต้องกังวล ถ้าหากอยากหย่าจริง ๆ ก็แสดงความจริงใจออกมา!” เขาพูดขณะที่โยนสัญญาข้อตกลงในการหย่าทิ้ง และเดินตรงมานั่งที่โต๊ะทำงานหากจะโทษก็โทษที่ครั้งก่อนเธอไม่ได้ฮึดสู้ยืนกรานว่าจะหย่าร้างจนถึงที่สุด จึงทำให้ฮั่วเยี่ยนฉือไม่เชื่อเธออีกเรื่องราวมันถึงยุ่งยากถึงขนาดนี้เฉียวสือเนี่ยนรู้สึกซวยนิดหน่อย เธอลงมาจากโซฟา รับหนังสือข้อตกลงมาเตรียมตัวจะกลับห้อง“เฉียวสือเนี่ยน อย่าก่อเรื่องบ่อย ฉันไม่สามารถอดทนดูสิ่งที่เธอทำได้ทุกครั้ง” ฮั่วเยี่ยนฉือเอ่ยเตือนอย่างเย็นชาเขาหมายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับป่ายอีอีนั่น เขาคิดว่าเธอถึงขั้นทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้น เพราะแค่อยากให้เขากลับมาบ้านเหรอ? บ้าไปแล้ว! “คุณทนได้หรือไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน?” เฉียวสือเนี่ยนแหงนหน้าขึ้นเอ่ยอย่างยั่วยุ “ถ้าคุณไม่เซ็นข้อตกลงการหย่าสักที ฉันก็จะไม่ยอมหยุด ให้คุณเสียใจจนตายไปเลย!” หลังจากพูดจบ เธอคร้านจะสนใจว่าฮั่วเยี่ยนฉือมีปฏิกิริยาอย่างไร เธอเชิดหน้าและเดินจากไป! กลับมาถึงห้องเฉียวสือเนี่ยนก็รู้สึกท้อแท้ ไปตายซะฮั่วเยี่ยนฉื
เฉียวสือเนี่ยนส่งสายตาเย็นชากลับไปให้ฮั่วเยี่ยนฉือจะมีใครอีก มีแต่นายเท่านั้นแหละ! ทั้งเอาแฟลชไดรฟ์ของเธอไป ทั้งยังไม่ยอมรับสายเธอ ฮั่วเยี่ยนฉือมองออกว่าเฉียวสือเนี่ยนไม่พอใจ เขาจึงอดกลั้นความโกรธของเขาเอาไว้ “ฉันได้อ่านโครงการของหมิงเหมาแล้ว ดูตั้งใจทำดีหนิ” “ด้วยความพยายามของเธอ ฉันจะให้โอกาสเธอได้ไปฝึกงานที่ธนาคารเพื่อการลงทุนป๋อโจว” ในเวลานี้ โจวเทียนเฉิงมีไหวพริบมาก เขานำเอกสารวางไว้ตรงหน้าเฉียวสือเนี่ยนเฉียวสือเนี่ยนขมวดคิ้วพลางรับมา มันเป็นหนังสือการว่าจ้างของเด็กฝึกงานจากฮั่ว กรุ๊ป“ฉันบอกตอนไหนว่าฉันจะไปเป็นเด็กฝึกงานที่ป๋อโจว” เฉียวสือเนี่ยนหัวเราะ เขาคิดว่าเฉียวสือเนี่ยนไม่พอใจกับสถานะเด็กฝึกงาน ฮั่วเยี่ยนฉือจึงรักษาความอดทนเอาไว้พลางเอ่ย “ฮั่ว กรุ๊ปมีข้อกำหนดการจ้างงานที่เข้มงวดมาก มีแต่แผ่นการลงทุนอย่างเดียว ไม่เพียงพอสำหรับมาตรฐานของพนักงานประจำ”“ตราบใดที่เธอยังคงใช้ความสามารถที่มี เขียนหนังสือวางแผนไปเรื่อย ๆ ตั้งใจเรียนรู้ หนึ่งเดือนถัดมาก็จะผ่านโปรและได้เป็นพนักงานประจำ แล้วบริษัทจะจัดหาตำแหน่งงานที่เหมาะสมให้กับเธอ” มีจุดบกพร่องมากมายในคำพูดของเขา จ
โม่ซิวหย่วนมองไปทางเฉียวสือเนี่ยนด้วยความเหยียดหยามเล็กน้อย“คุณคิดว่าในสถานการณ์ที่ป๋อโจวไม่มีการเสนอราคา หมิงเหมาจะทิ้งเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ แล้วมาร่วมมือกับเราเหรอ?”เฉียวสือเนี่ยนเอ่ย “สถานการณ์ปกติก็คงไม่ แต่ถ้ามีคนกระตุ้น ก็ไม่แน่ค่ะ”“โอ้?” โม่ซิวหย่วนจัดท่านั่ง และสนใจที่จะฟังเฉียวสือเนี่ยนพูดต่อจากนี้มากเฉียวสือเนี่ยนเปิดโทรศัพท์ของตัวเอง นำข้อมูลจากด้านในออกมาหนึ่งฉบับ และส่งไปยังด้านหน้าโม่ซิวหย่วน“เซี่ยลี่สยงผู้รับผิดชอบของหมิงเหมา ฉันรู้ข้อมูลเล็กน้อยของเขาผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้ยินว่าตอนนั้นที่เขาเปิดโรงงานสุราขึ้นมาได้ นอกจากจะมีสูตรพิเศษแล้ว ยังอาศัยการสนับสนุนทางการเงินจากครอบครัวพ่อแม่ภรรยาของเขาด้วย ดังนั้น เขาจึงเชื่อฟังภรรยาทุกอย่าง เรียกได้ว่าภรรยาคุมเข้ม”“คุณเฉียววางแผนจะชักชวนเซี่ยลี่สยงให้ร่วมมือกับพวกเราผ่านภรรยาของเขา?”น้ำเสียงของโม่ซิวหย่วนราบเรียบเล็กน้อย ความอดทนก็ใกล้จะหมดแล้วยังนึกว่าเฉียวสือเนี่ยนเป็นฝ่ายเสนอความร่วมมือ จะมีความคิดที่ดีแค่ไหน แต่ก็เป็นเพียงแค่ที่รองกระถางดอกไม้เขาผลักคืนโทรศัพท์ของเฉียวสือเนี่ยน “เกี่ยวกับเรื่องการดำเนินจดทะ