แชร์

เล่ม 2 ตอนที่ 1 ชีวิตใหม่

ผู้เขียน: MACARONI/1Millionmilesaway
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-13 21:28:41

           สิบแปดปีต่อมา

          ยามนี้หิมะแรกตกโปรยปรายราวกับละอองฝนไปทั่วทั้งแคว้นฉิน ทำให้ผู้คนที่ออกมาเที่ยวเดินชมงานรื่นเริงประจำปีต่างรู้สึกเบิกบานใจ บ้างอธิษฐานขอให้พบแต่ความสงบสุข บ้างขอให้ได้เจอคนรักในเร็ววัน มีไม่น้อยที่มัวแต่เล่นสนุกสนานอยู่บนลานน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย

          “ศิษย์พี่รอข้าด้วย!” เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กอายุเจ็ดขวบดังขึ้นเพราะไสลากเลื่อนตามศิษย์พี่ของเขาไม่ทัน

          “ซิ่นเฉิง ข้าจะไปรอเจ้าที่เส้นชัย รีบ ๆ ตามมาเล่า” หญิงสาวผู้หนึ่งตอบกลับ

          “ศิษย์พี่หลวนเล่อ แบบนั้นไม่เรียกว่ารอแล้วขอรับ คราวนี้ท่านยอมข้าหน่อยไม่ได้หรือ” ซิ่นเฉิงรีบไสลากเลื่อนให้เร็วขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นว่านางใกล้จะถึงจุดหมายแล้ว สีหน้าของเขาดูจริงจังเสียจนศิษย์อีกสองคนที่ยืนดูรู้สึกเอ็นดู

          “หลวนเล่อ เจ้าโตจนป่านนี้แล้วยังชอบแกล้งเขาอยู่เรื่อย เพลา ๆ บ้างเถิด” น้ำเสียงหวานละมุนเอ่ยปากห้ามปราม

          “ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ฟังที่ศิษย์พี่พูดเลยนะขอรับ” ศิษย์น้องของนางชี้ให้ดูคนทั้งสองที่ตั้งหน้าตั้งตาไสลากเลื่อนอย่างสุดกำลัง

          “เฮ้อ! ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมอาจารย์ถึงฝากฝังงานทุกอย่างไว้กับเจ้า เหลียนเฟิน” นางตบบ่าเขาแล้วส่ายหน้าปลงกับนิสัยไม่รู้จักโตของหลวนเล่อ

          เหลียนเฟิน ศิษย์วังธาราเหมันต์อายุสิบแปดปี กำลังยืนมองศิษย์พี่ศิษย์น้องของตนเองด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข พลางคิดถึงอาจารย์ของเขาที่ปิดด่านกักตนเมื่อปีที่แล้ว

          “คิดถึงอาจารย์หรือ” ศิษย์พี่หญิงซีหลิวถามเขา “กว่าอาจารย์จะออกด่าน เจ้าคงจะฝึกวิชาขั้นสูงผ่านแล้วกระมัง”

          “ใช่ ๆ อาจารย์ต้องภูมิใจในตัวเขามากแน่ ๆ” ศิษย์พี่หญิงหลวนเล่อพูดสมทบ แม้นางจะมีอายุมากกว่าเหลียนเฟินสองปี แต่นางไม่เคยคิดว่าตนเองจะต้องเก่งกาจกว่าเขา ในเมื่อมีคนเก่งทุกอย่างแทนนางแล้ว นางขอใช้ชีวิตสบาย ๆ จะดีกว่า

          ขณะที่ทั้งสี่คนกำลังพูดคุยกัน เสียงระฆังบอกเวลาย่ำค่ำก็ดังเหง่งหง่างก้องกังวาน

          “ใครแพ้ต้องสละถ้วยของหวาน” ซิ่นเฉิงหันมาท้าหลวนเล่ออย่างเคยก่อนจะออกตัววิ่งนำหน้านางไปหลายก้าว

          “เจ้าซิ่นเฉิง อย่ายุ่งกับถ้วยของหวานข้านะ” หลวนเล่อตะโกนตามหลัง เพราะรู้ว่าของหวานวันนี้เป็นของโปรดนาง ทำให้อีกสองคนที่เหลือได้แต่หัวเราะกับความสดใสของคนทั้งคู่

          “สองคนนั้นเล่นได้ทุกเวลาจริง ๆ เลย เหลียนเฟิน” ซีหลิวเอ่ยปาก

          “ศิษย์พี่หลวนเล่อเล่นกับซิ่นเฉิงคนเดียวนี่ขอรับ กับผู้อื่นนางไม่ยอมให้ถึงเพียงนี้หรอก” เหลียนเฟินยิ้มให้เพราะรู้ว่าศิษย์พี่หญิงผู้นี้เอ็นดูซิ่นเฉิงมาก

          “ซิ่นเฉิง เจ้าระวังสะดุดล้ม” ทว่านางห้ามไม่ทันแล้ว เด็กน้อยหัวทิ่มพื้นน้ำแข็งจนหน้าผากปูดแดง ทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้

          “อย่าเพิ่งร้อง!” หลวนเล่อตะโกนก้องพร้อมร่ายอาคมหนึ่งส่งมาทางซิ่นเฉิง พลันบาดแผลเยียวยาในพริบตา “ไม่เป็นไรแล้ว”

          “ไม่เจ็บแล้ว เดี๋ยวข้ายกของหวานมื้อนี้ให้ ดีหรือไม่” หลวนเล่อลูบศีรษะปลอบใจ

          “ศิษย์พี่...” เขามองหน้าศิษย์พี่ทั้งสามคน รู้สึกอบอุ่นใจเมื่ออยู่กับพวกเขา

          “วันนี้ข้ายอมให้เจ้าขี่หลัง มานี่สิ” เหลียนเฟินพูดแล้วนั่งลงข้าง ๆ เขา

          ด้านหน้าประตูสำนัก รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าของอาจารย์อาผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด เขาส่ายหัวปนเอ็นดูเหล่าลูกศิษย์ของตนเอง สายตามองไปยังอีกฟากหนึ่งของทะเลสาบที่อยู่ไกลโพ้น “หมิงฮวา ข้าอยากให้เจ้าได้เห็นลูกศิษย์ของเจ้าในเวลานี้จริง ๆ รีบออกด่านมาหาพวกเขาเถิด”

          นับตั้งแต่เกิดเรื่องวุ่นวายครั้งนั้น วังธาราเหมันต์ก็ปิดสำนักไม่ให้ผู้ใดได้เข้าใกล้สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ หมิงฮวายังคงเศร้าเสียใจกับการจากไปของหนิงเกอ แต่นางไม่ปล่อยให้ตัวเองอาลัยอาวรณ์นานนักเพราะรู้ว่าโลหิตมารของหวังเยี่ยนหลงร้ายกาจเพียงใด วันหนึ่งคนผู้นั้นอาจหวนกลับมาที่แห่งนี้อีกก็เป็นได้

           หมิงฮวาขออาจารย์แยกตัวไปฝึกวิชาและหาวิธีแก้ทางโลหิตมารของหวังเยี่ยนหลงในถ้ำน้ำแข็งตามลำพัง สุดท้ายแล้วจึงแน่ใจว่าดอกกล้วยไม้น้ำแข็งจะทำให้ร่างกายสามารถต้านทานความเจ็บปวดจากโลหิตมารได้

           ทว่า หมิงฮวายังคงมีเรื่องหนึ่งที่ค้างในใจตลอดมา นางฝึกวิชาวันแล้ววันเล่าให้ตัวเองแข็งแกร่งจนเป็นมือหนึ่งที่ไม่มีใครเทียบได้ หากวันข้างหน้ามีคนอย่างหวังเยี่ยนหลงบุกมาที่สำนักอีกครั้ง นางจะได้ปกป้องทุกคนไว้ได้

            เวลาผ่านไปหลายปี ศิษย์ของนางเติบโตขึ้นมากจนนางไว้วางใจ ฝากภาระหน้าที่หลายอย่างได้ จึงขอกักตนปิดด่านเพียงลำพังอีกครั้งเพื่อหวนคำนึงคิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ

           หลายวันต่อมา

           เหลียนเฟินและศิษย์รุ่นเดียวกันเข้าสนามประลองวิชาขั้นกลางเป็นวันสุดท้ายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาไม่เคยกังวลแม้แต่น้อยเพราะรู้ว่าฝีมือของตนเองไม่เป็นรองใคร ทั้งยังได้อาจารย์ที่เก่งกาจที่สุดอย่างหมิงฮวาพร่ำสอนเช้าจนค่ำ อดหลับอดนอนหลายวัน ไม่มีทางที่เขาจะสอบตกอย่างแน่นอน

           “ศิษย์พี่หญิงหลวนเล่อ ท่านว่าศิษย์พี่เหลียนเฟินจะผ่านด่านหรือไม่” ซิ่นเฉิงหันหน้าไปหานางพร้อมพนันว่าเขาจะผ่านไปได้อย่างง่ายดาย

           “เขาเป็นศิษย์อันดับสามของสำนักเรา เรื่องแค่นี้หลับตายังทำได้ ข้าพนันว่าผ่านแน่นอน” หลวนเล่อยิ้มอย่างมั่นใจ

           “ข้าพนันว่าผ่าน ท่านต้องบอกว่าไม่ผ่านสิ มิเช่นนั้นแล้วจะเอาของรางวัลจากผู้ใดกันเล่า” ซิ่นเฉิงทำหน้าครุ่นคิดพลางหันไปทางศิษย์พี่หญิงซีหลิวและศิษย์สำนักคนอื่น ๆ แต่ทุกคนก็พร้อมใจกันส่งสายตาตอบเขาว่า “ผ่าน!”

           เหลียนเฟินเรียกกระบี่เงินสลักลายออกมา ตั้งท่ารอรับการโจมตีจากคู่ต่อสู้ สายตาเฉียบแหลมทำให้เขาหลบหลีกคมกระบี่ของอีกฝ่ายได้ทุกกระบวนท่า พลันร่ายอาคมไปที่กระบี่เงินของเขา ไอเย็นแผ่ออกมาตามด้วยลำแสงสีฟ้าพาดผ่านฉับไวเฉียดหน้าของคนตรงข้ามจนเจ้าตัวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

           “เหลียนเฟิน เจ้าเกือบทำหน้าอันหล่อเหลาของข้าเสียโฉมแล้วนะ” เสียงของศิษย์ร่วมสำนักตะโกนบอกเขา “อาจารย์ ทำไมไม่มาประลองกับเขาเองเล่า ส่งข้ามาทำไมกัน” สวีเลี่ยงหรงหันไปพูดกับอาจารย์ของเขาที่ยังคงหัวเราะไม่หยุด เจ้าศิษย์ผู้นี้ไม่ได้ห่วงว่าตนเองจะสอบตกแต่กลับห่วงหน้าตายิ่งกว่าอะไร

           “ข้าผิดเองที่คำนวณฝีมือเจ้าพลาดไป เช่นนั้นลดหนึ่งขั้นให้เจ้าฝึกกับศิษย์น้องอีกหนึ่งปีก็แล้วกัน” อาจารย์อาโบกมือพร้อมเรียกเหลียนเฟิน

           “มาประลองกับข้าอีกสักหนึ่งตา หากเจ้ายืนหยัดได้หนึ่งก้านธูป ข้าจะให้เจ้าสอบผ่าน”

           เหลียนเฟินโค้งคำนับกำกระบี่ไว้แน่นไม่หวาดหวั่น ด้านข้างมีศิษย์พี่ศิษย์น้องเริ่มวางเดิมพันกันอีกครั้ง เพราะเห็นว่าคู่ต่อสู้เป็นถึงอาจารย์อา

        “ศิษย์พี่หลวนเล่อ ครั้งนี้ข้าพนันว่าชนะ” ซิ่นเฉิงเอ่ยท้านางอีกรอบ แต่ศิษย์สำนักทุกคนกลับหันมาหาเขาพร้อมบอกอย่างพร้อมเพรียง “ข้าก็ด้วย ชนะแน่นอน”

        แต่แล้วก็มีเสียงหนึ่งตะโกนก้อง “เช่นนั้น ข้าพนันว่าเขาแพ้” ทุกคนจึงหันมามองยังต้นเสียง ผู้ใดกันมั่นใจนัก ไม่รู้หรือว่าเหลียนเฟินเก่งกาจเพียงใด ต่อให้หนึ่งชั่วยามก็สามารถยันพลังของอาจารย์อาได้

          ครั้นพอได้เห็นต้นเสียง ซิ่นเฉิงก็โวยวายขึ้นมาในทันที “อาจารย์อา ท่านพนันเข้าข้างตนเองมากเกินไปแล้ว อยากต่อเวลาอีกสักนิดหรือไม่ขอรับ”

          “อาจารย์อา อย่าได้ฟังเสียงพวกนั้นนักเลยขอรับ ข้าพร้อมแล้ว” ฉับพลันสายตาของเหลียนเฟินก็เปลี่ยนไป

          หมิงฮวา ลูกศิษย์เจ้าช่างเหมือนเจ้าจริง ๆ เขาคิดในใจรู้ดีว่าเหลียนเฟินต้องทำได้อย่างแน่นอน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 12 เกิดใหม่อีกกี่ครา วานวาสนาผูกกันไม่เสื่อมคลาย (จบ)

    สามเดือนต่อมาเช้าวันหนึ่งเสี่ยวหยุนมองเหลียนเฟินที่กำลังนอนหลับใหลในอ้อมกอดของเขา สายตาเต็มไปด้วยความรักท่วมท้นในใจก่อนจะพึมพำร่ายอาคมอย่างหนึ่งขึ้นมาพลันกรีดปลายนิ้วจนได้เลือดหยดหนึ่งหลอมรวมกับลูกกลมสีฟ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แม้เป็นวิชาที่เขาเพิ่งคิดค้นขึ้นมาได้แต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกเสี่ยวหยุนตั้งชื่ออาคมนั้นว่า “พันธะวิญญาณ” อาคมที่สามารถผูกวิญญาณของพวกเขาทั้งสองไว้ด้วยกันในทุก ๆ ชาติ ไม่ว่าเหลียนเฟินจะเกิดเป็นผู้ใด อยู่ที่ไหน เขาจะรู้ได้ในทันที นับต่อจากนี้ไม่มีพรากจากลมหายใจของร่างบางในอ้อมกอดสัมผัสแผ่นอกกว้างของเขาเตือนสติให้รู้ตัว ล้มเลิกความคิดเช่นนั้น เสี่ยวหยุนยิ้มมุมปากพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบีบอาคมนั้นให้แตกสลายไปริมฝีปากจุมพิตหน้าผากเรียกเหลียนเฟินด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฟูเหรินของข้า”“อืม…” เหลียนเฟินยังคงงัวเงียพลันได้รับจุมพิตที่แก้ม โลมเลียลงลำคอ สัมผัสเรียวลิ้นร้อนชื้นดูดเม้มก่อนจะถูกใครบางคนคร่อมร่างกายท่อนบนเอาไว้“ฟูเหริน ท่านยังไม่ตื่นอีกหรือ” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำ

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 11 ความรู้สึกที่โหยหา(NC)

    เหลียนเฟินนอนนิ่งบนแผ่นอกของเขา ส่วนล่างกระตุกบีบแก่นกายที่ค้างอยู่ราวกับเชิญชวนจึงถูกพลิกตัวเป็นฝ่ายนอนใต้ร่างพลางโดนเสี่ยวหยุนจับขาสองข้างยกขึ้นแล้วขย่มสะโพกเป็นจังหวะ“ข้าเพิ่งจะ…อ๊ะ...” เหลียนเฟินไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องเม้มปากตัวเองอีกครั้ง มือสองข้างจับหมอนที่วางอยู่ ขยำจนผ้ายับยู่ยี่ ลมหายใจร้อนหอบถี่ ฟังแล้วยิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายเกิดความต้องการอย่างยิ่งยวดแก่นกายที่ครูดเข้าออกเร่งขึ้นอย่างเร่าร้อนจนน้ำที่ปล่อยเอาไว้เมื่อครู่กระเซ็นเปรอะเปื้อน คนกระทำยิ้มมุมปากชอบใจยิ่งนักที่ได้เห็นร่องรอยของเขาบนตัวคนรักเมื่อโพรงเนื้อโอบรอบจนมิดแน่นขนัดยิ่งเสียวซ่านจนตาเหลือกลอย “อือ… เหลียนเฟิน” ในใจวนเวียนแต่คำว่า อีกนิด ข้าขออีกนิดในขณะที่คนใต้ร่างแทบคุมสติตัวเองไม่อยู่ พึมพำแผ่วเบา “ข้าไม่ไหวแล้ว… อย่าเพิ่งขยับ”“จะให้ข้าหยุดจริงหรือ” เขาเอ่ยถามแต่ส่วนลับยังคงกระทุ้งเข้า ๆ ออก ๆ บดเบียดภายใน หยอกล้อเหลียนเฟินเพราะอยากเห็นสีหน้าแดงระเรื่อ สุขสม พลันวางขาทั้งสองข้างลงแล้วพลิกตัวเหลียนเฟินให้นอนคว่ำในพริบตาก่อนจะยกส

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 10 ความรักเอ่อล้น (NC)

    เหลียนเฟินโอบแขนรอบคอของเสี่ยวหยุนกดแรงโน้มตัวเขาลงมาหา จ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตาพลันยิ้มอ่อนโยน เอ่ยกระซิบยืนยันความรู้สึกของตัวเอง “ข้ารักเจ้า”คนได้ฟังคำรักน้ำตาไหลเอ่อไม่อาจกั้นด้วยความรู้สึกผิดระคนกับความรู้สึกอื่น ๆ ในใจ แม้รู้ตัวว่าไม่สมควรมายืนอยู่ข้างเขาแต่เวลานี้ก็ไม่อาจขยับกายหรือเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายได้เลยเขารักเหลียนเฟิน ผู้เป็นฟูเหรินของเขาและไม่อยากถูกพรากจากอีกแล้ว ทั้งยังดีใจเพราะใบหน้าที่มองเขาในเวลานี้ไม่ใช่ใบหน้าของคนที่เกลียดชังเขาจนต้องจ่อปลายกระบี่เข้าหาราวกับแค้นเคืองกันมาเนิ่นนาน“เสี่ยวหยุน” เสียงเรียกหาอ่อนหวานจับใจ “ยังคงจำได้อยู่ใช่หรือไม่ว่าเวลานี้เจ้าคือฟูจวินของข้า”“…” เขาพยักหน้าเล็กน้อย เม้มปากแน่นแล้วกอดเหลียนเฟินเอาไว้ครั้นสะสางความหลัง ปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างพลันคลี่คลาย ไม่มีสิ่งใดติดค้างกันอีกต่อไปหวังซีซวนและพรรคพวกแวะมาหาพวกเขาเหมือนอย่างเคย สังเกตได้ว่าบรรยากาศระหว่างพวกเขาทั้งสองคนดูอึมครึมเล็กน้อย ดวงตาเสี่ยวหยุนบวมช้ำปรากฏเด่นชัดจนอดถามไม่ได้“

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 9 ความทรงจำหวนคืน

    ครั้นเรื่องราววุ่นวายที่ใจกลางตลาดจบลงไปได้ด้วยดี เหลียนเฟินจึงพาเสี่ยวหยุนกลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้านหลังน้อย พลางขอให้หวังซีซวนช่วยกลั่นยาสมุนไพรให้เขาจนกว่าจะหายดีเขาหลับลึกอยู่หลายวันเพราะใช้เรี่ยวแรงร่ายวิชาอาคมโดยไม่สนขีดจำกัดของตัวเองเพียงเพราะเป็นห่วงเหลียนเฟินและไม่อยากให้สถานการณ์ยืดเยื้อใบหน้าสงบนิ่งยามหลับใหลทำให้เหลียนเฟินโล่งใจได้บ้างว่าเขาคงไม่ได้ฝันร้ายเหมือนที่ผ่านมาจึงปล่อยให้คนตรงหน้าพักผ่อนให้เต็มที่“ท่านเซียน เขาเป็นอย่างไรบ้างขอรับ” หลี่จิ้นหลิงแวะมาเยี่ยมเพราะได้ข่าวว่าเสี่ยวหยุนยังไม่ฟื้น“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เขาเพียงแค่ต้องนอนให้เยอะ ๆ ก็เท่านั้น” เหลียนเฟินยิ้มให้อีกฝ่ายนึกขอบคุณที่เขาช่วยหาตำราต้องห้ามจนพบ“หากท่านเซียนต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องใด อย่าได้ลังเลใจที่จะบอกข้านะขอรับ” หลี่จิ้นหลิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องฟื้นฟูพลังชีวิตของท่าน ถ้าตำราต้องห้ามไม่ได้ผล ข้ายินดีหาหนทางอื่น”เหลียนเฟินส่ายหน้าเข้าใจดีว่าทุกคนเป็นห่วงแต่ว่าเขาเตรียมใจเอาไว้แล้ว ไม่ว่าผลที่ได้จะออกมาเป็น

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 8 ปกป้องคนรัก

    “ปล่อยคุณหนูหลี่” เหลียนเฟินพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะเห็นอีกฝ่ายเคลื่อนไหวรวดเร็ว เขากำกระบี่ในมือไว้แน่นพลันยกขึ้นมากันท่าไม่ให้เสิ่นหยางพุ่งตัวเข้าใกล้ระยะประชิดก่อนจะม้วนตัวแล้วถีบคนตรงหน้ากระเด็นไปอีกทางด้วยแรงที่ออมไว้สามส่วน“ฝีเท้าหนักใช่เล่น” เขาเอ่ยชม รอยยิ้มกวนประสาทราวกับถูกใจอย่างยิ่งยวด “อย่าขัดขืนนักเลย เมื่อครู่ข้าเพียงยั้งมือเอาไว้เท่านั้นเพราะไม่อยากทำให้ร่างกายของท่านเซียนมีบาดแผล”เสิ่นเหยา แฝดผู้พี่ที่จับตัวหลี่ฮวาเอาไว้ลูบปลายจมูกตัวเอง “หากท่านเซียนยินยอมมากับพวกข้า ข้าจะคืนสตรีนางนี้เป็นการแลกเปลี่ยน”“เช่นนั้นปล่อยนางก่อน” เหลียนเฟินไม่ตกลงง่าย ๆ และเป็นห่วงความปลอดภัยหลี่ฮวาที่เวลานี้กำลังกลั้นน้ำตาไม่ร้องไห้เสียงดังด้วยความหวาดกลัว“ท่านเซียนคงไม่รู้ว่าข้าเป็นผู้ใดจึงพยายามเล่นแง่ยืดเวลาออกไปใช่หรือไม่ แต่ข้ายืนยันได้เลยว่าสองชั่วยามต่อจากนี้ไม่มีผู้ใดเข้ามาก้าวก่ายที่แห่งนี้ได้อย่างแน่นอนและหากทุกสิ่งไม่เป็นอย่างที่ข้าต้องการ ข้าจะทำลายหมู่บ้านให้ราบคาบ” เสิ่นหยางประกาศก้อง คำพูดของเขาทำให้ชาวบ้านขวัญ

  • เกิดใหม่อีกครา วานวาสนาไม่ข้องเกี่ยว   ตอนพิเศษ 7 พรรคมารก่อความวุ่นวาย

    ครั้นพูดคุยเรื่องตำราต้องห้ามเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็กลับมายังบ้านหลังน้อยจึงได้เห็นว่าหลี่จิ้นหลิงกำลังนั่งเล่นอยู่ตั่งไม้กับเหลียนเฟินแววตาเสี่ยวหยุนเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามว่า “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”“ข้าเห็นว่าท่านเซียนเมาหลับไป วันนี้จึงอยากมาดูให้แน่ใจว่ามีอาการใดหรือไม่” เขายักไหล่พูดด้วยสีหน้าสบายอารมณ์หากแต่เสี่ยวหยุนอารมณ์ดีจึงไม่ใส่ใจแล้วเดินไปนั่งข้างเหลียนเฟิน เอ่ยกับเขาว่า “ข้าต้องไปหอสมุดวังหลวง คุณชายหวังซีซวนบอกว่าที่นั่นมีตำราเก็บไว้อยู่ อาจช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตของท่านได้”“เขาไม่ได้บอกหรือว่าที่แห่งนั้นห้ามให้คนนอกเข้าไป” เหลียนเฟินหรี่ตามองคนตรงหน้าที่ทำท่าเหมือนรู้ทุกอย่าง “หากคิดไปขโมยตำรามาก็หยุดแต่เพียงเท่านั้นเถิด พลังชีวิตของข้ามีแค่ครึ่งเดียวแล้วอย่างไร ไม่เห็นหรือว่าข้ายังแข็งแรงดี”“ไม่อยากอยู่กับข้านานกว่านี้หรือ” สีหน้าของเขาเศร้าสร้อยหากต้องล้มเลิกความตั้งใจ รู้ว่าบำเพ็ญคู่จะสามารถยืดอายุขัยออกไปได้ แต่หากพลังชีวิตของเขากลับมาเหมือนเดิม ย่อมมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันนานมากขึ้นไปอีกเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status