เพราะรักคำเดียวทำให้ ‘หัสวีร์’ ถึงกับสูญสิ้นทุกอย่าง พ่อแม่จากไปด้วยอุบัติเหตุ ธุรกิจจากความรักของครอบครัวล้มละลาย น้องสาวที่ปกป้องจนวินาทีสุดท้ายทั้งที่เขาเคยใจร้ายขนาดนั้น เพราะรักที่มีให้ ‘สรัล’ เป็นได้แค่บันไดดอกไม้ให้เหยียบย่ำพยุงตัวไม่เหลือสักอย่างแม้กระทั่งลมหายใจ' จิตสุดท้ายที่ยังไม่ไปไหนทำให้ได้รู้ว่าพ่อที่แม่เคยบอกว่าเสียตั้งแต่เขายังไม่เกิดเป็น 'มาเฟีย' แถมช่วยเหลือในฐานะคู่ค้ามาตลอด เกิดชาติหน้าฉันใด ‘พุดซ้อน’ ดอกนี้ไม่ขอส่งกลิ่นหอมเพื่อใครและจะทำตนเยี่ยงต้นสลัดไดที่คุณมากมายแต่ก็ตายได้ถ้าไม่ระวัง ด้วยแรงอธิษฐานหรือแรงแค้นก็ไม่ทราบได้ทำให้เขาย้อนเวลากลับมาจัดการเอาคืนให้สาสมกับสิ่งที่พวกมันเคยทำและการใช้อำนาจในฐานะลูกชายมาเฟียมันก็ไม่ได้แย่หรอกนะ
View Moreปัง ปัง ปัง
เสียงปืนรัวสนั่นก้องไปทั่วเกาะและกระชั้นชิดขึ้นเรื่อยๆทำให้คนที่กำลังวิ่งต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้นแต่ไม่สามารถเร่งตามใจคิดมากนักเพราะมีคนเจ็บที่ต้องไปด้วย
“วินปล่อยนัท ปล่อยนัทไว้ตรงนี้แล้วรีบหนีไป”
“ไม่ เราต้องไปด้วยกัน ไม่ต้องพูดแล้ววินไม่ฟัง”
น้ำเสียงกระด้างของหัสวีร์เป็นสิ่งที่มนัสวีคุ้นชินยามที่เจ้าตัวเอื้อนเอ่ยกับเธออยู่เป็นนิจกับสายตาเย็นชาเท่านั้น จำไม่ได้แล้วว่าพวกเขาพูดคุยกันดีๆตามประสาพี่น้องล่าสุดเมื่อไหร่กันนะ
แต่ยามนี้เธอมีโอกาสสัมผัสมันอีกครั้งกับความรักและห่วงใยถึงแม้ครั้งนี้อาจเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตก็ไม่นึกเสียใจเพราะเธอได้พี่ชายคนเดิมกลับมาแล้ว
หัสวีร์มองใบหน้าที่ซีดเซียวจากการเสียเลือดของอีกฝ่ายเพราะถูกยิงที่แขนก็ยิ่งร้อนใจหากไม่ถูกไล่ล่าจนต้องเปลี่ยนเส้นทางเพื่ออ้อมเขาคงถึงท่าเรือและพามนัสวีไปโรงพยาบาลได้เร็วกว่านี้
เกาะแห่งนี้เป็นของเขาไม่สิถ้าจะให้ถูกต้องบอกว่าเคยเป็นต่างหากเลยจดจำได้เกือบทุกเส้นทางเพราะตอนนี้มันเป็นของสรัลไอ้สามีชั่วที่ทรยศหักหลังและทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาที่มีกันแค่สองพี่น้องโดยที่ไม่เคยระแวงสงสัยแม้เพียงสักนิด เขางอกไม่รู้ตัวแม้น้องสาวเตือนก็ไม่ฟังแถมพูดจาร้ายๆใส่อีกฝ่ายจนไม่น่าให้อภัย
“เป็นแค่น้องนอกไส้อย่ามายุ่ง จะไปไหนก็ไปซะ!”
นึกสมเพชตัวเองจริงๆยามที่สรัลบอกว่าขอไปประชุมงานคู่ค้าที่ฮ่องกงเองทุกครั้งเขาจะได้ไม่เหนื่อยมากแค่ที่นี่บริษัทก็ยุ่งเยอะแล้ว แต่ไม่เคยรู้ว่าอีกฝ่ายไประเริงชู้กับเมธัสคู่แข่งทางธุรกิจพร้อมวางแผนทำลายและเหยียบย่ำเขาให้จมดิน
เขาโง่งมจนวินาทีสุดท้ายหลังจากที่เขากลายเป็นบุคคลล้มละลายเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าจะพามาใช้ชีวิตที่นี่จนบั้นปลายอย่างมีความสุขโดยไม่สนใจเงินทองใดๆ หัสวีร์นึกดีใจเหลือเกินที่เลือกคู่ชีวิตไม่ผิดถึงจะไม่เหลืออะไรแต่คนๆนี้ก็ไม่เคยคิดจะทิ้งกัน
โง่จนไม่รู้ว่าถูกหลอกมาขายด้วยแผนการของเมธัสที่อยากเหยียบหัสวีร์ให้จมแบบไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดในนรก กว่าจะรู้ว่ามีภัยก็ตอนเห็นคนชุดดำเฝ้าหน้าบ้านพักเต็มไปหมดกับคนที่ตนเองเคยไล่ให้ออกจากชีวิตอย่างมนัสวีถูกขังเอาไว้ หลังจากที่ตัดขาดกันไปก็ไม่ได้ติดตามข่าวคราวรู้แค่ว่ากลับไปบริหารโรงเรียนสอนศิลปะของผู้เป็นพ่ออย่างถาวรแล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้
พวกเขาไม่ใช่พี่น้องร่วมสายเลือดทั้งแม่ของหัสวีร์และพ่อของมนัสวีแต่งงานกันและต่างฝ่ายก็มีลูกติดอายุห่างกันเพียงปีเดียว เมื่อตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันทั้งคู่ให้ความรักแก่เด็กทั้งสองอย่างเท่าเทียมไม่เคยแบ่งลูกฉันลูกคุณ ทำให้เด็กน้อยที่เติบโตมาด้วยกันรักกันเฉกเช่นพี่น้องร่วมสายเลือด เติบโตอย่างงดงามท่ามกลางความรักและความอบอุ่นระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองคน
แต่แล้วความสุขก็ถูกกระชากจนขาดวิ่นด้วยการจากไปของพ่อและแม่ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ท่ามกลางความเสียใจอย่างท่วมท้นแต่ต้องเดินไปข้างหน้า
เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างปกติโดยหัสวีร์ไปบริหารงานบริษัทออกแบบอัญมณีของแม่ส่วนมนัสวีสานต่องานศิลปะของพ่อเพราะความสามารถที่แตกต่างกันแต่ยังคงเกื้อกูลเสมอ จนกระทั่งมีมือคู่หนึ่งของสรัลหยิบยื่นเข้ามามอบความรักและเติมพลังใจให้โดยไม่เคยเอะใจเลยว่ามันคือหลุมพรางระดับเริ่มต้นทั้งงานและสายสัมพันธ์ของครอบครัวเพียงหนึ่งเดียว
ค่อยๆกัดกร่อนจากภายในทีละนิดๆซึ่งหลายครั้งสินค้าที่บริษัทเขาออกแบบดันเหมือนกับบริษัทคู่แข่งอย่างเมธัส ปัญหาการขนส่งล่าช้าจนเสียค่าปรับให้กับลูกค้าเป็นจำนวนมหาศาล การยักยอกภายในจนนำไปสู่หายนะล้มละลาย
“ที่ผ่านมาไม่รู้สึกรักวินเลยเหรอครับพี่รัน”
หัสวีร์ถามคนตรงหน้าที่เอาแต่เงียบและหลบสายเขาอยู่ข้างๆเมธัสด้วยความเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ
“รู้ตัวว่าโง่นักก็แค่ทำตัวดีๆแล้วนอนอ้าขาเป็นอีตัวบนเตียงให้แขกที่กูหาให้ก็พอทั้งแกและน้องสาวจอมแส่นั่นแหละ”
“ไอ้เมธัส ไอ้ชั่ว”
พลั่ก!
“วิน!”
“เบามือหน่อยพวกแกสินค้าช้ำหมดเดี๋ยวราคามันจะตก”
หัสวีร์ตัวสั่นไปหมดไม่ใช่เพราะความกลัวแต่เป็นความเคียดแค้นหลังจากได้รับรู้เรื่องราวยิ่งทำอะไรคนตรงหน้าไม่ได้แล้วก็ยิ่งเกลียดตัวเองมากขึ้นที่โง่เหมือนที่เมธัสด่าไว้จริงๆ จนทำให้น้องสาวอย่างมนัสวีติดร่างแหมาด้วยเพราะรับรู้แผนการโดยบังเอิญเลยมาอยากเตือนพี่ชายแต่ถูกจับได้เสียก่อน
พวกเขาถูกขังเพื่อรอการส่งต่อไปยังผู้ซื้อเหมือนสินค้าชิ้นหนึ่งแต่หัสวีร์ไม่ยอมจำนนง่ายๆให้กับคนที่ฉากหน้าคือนักธุรกิจอัญมณีระดับแนวหน้าของไทย ส่วนเบื้องหลังเป็นนายหน้าค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาดจึงออกอุบายและหลบหนีออกมาในที่สุดพร้อมปืนคนละกระบอกแต่พลาดท่าถูกจับได้จนทำให้น้องสาวบาดเจ็บ
“นัทอดทนอีกนิดนะเดี๋ยวก็ถึงเรือแล้ว”
แม้เหนื่อยใจแทบขาดแต่พวกเขาก็พักไม่ได้
“เฮ้ย พวกมันอยู่นั่น”
เป็นอีกครั้งที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางใหม่เพราะถูกดักข้างหน้า
หน้าผา? เขาต้องพาน้องกลับหลังไปอีกทางก่อนที่พวกมันจะตามมาทัน
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือดังขึ้นก่อนที่หัสวีร์และมนัสวีจะหันหลังกลับ
“ว้า หนูของเราไปต่อไม่ได้แล้วสิ ทำไงกับพวกมันดีน้า”
“วินจะถ่วงเวลาไว้เองนัทรีบหนีไปตอนได้รับสัญญาณนะ”
“ไม่ วินนั่นแหละหนีไปนัทจะถ่วงเวลาไว้เอง”
“กระซิบกระซาบอะไรกัน! หนียังไงก็ไม่รอดหรอกนอกจากพวกแกจะหายตัวไปจากตรงนี้ได้เองน่ะนะ”
พวกมันยิ่งรุกคืบเข้าพวกเขาก็ยิ่งถอยหลังออกใกล้หน้าผามากขึ้น
“ฉันไปทำอะไรให้นอกจากคู่แข่งทางธุรกิจก็ไม่เคยบาดหมางจนแกต้องจองเวรกันขนาดนี้”
หัสวีร์ถามเมธัสไม่ใช่แค่อยากถ่วงเวลาเท่านั้นแต่ต้องการรู้เหตุผลที่อีกฝ่ายเหยียบเขาให้จมขนาดนี้
“ความจริงแค่ต้องการล้มคู่แข่งอย่างแกเท่านั้นแต่บังเอิญว่าคนของฉันดันหวั่นไหวกับแกนี่สิ ออกปากแก้ตัวให้ทั้งที่แต่ก่อนเป็นเด็กดีเชื่อฟังขนาดนั้น ก็แค่อยากจัดการตัวปัญหาให้มันสิ้นซาก”
เจ็บแทบกระอักเลือดเพิ่มขึ้นอีกคือการได้รับรู้ว่าสรัลไม่ได้นอกใจไปหาเมธัสแต่เป็นเขาต่างหากที่เป็นหมากสถานะชู้ แม้ได้แต่งงานอยู่กินอย่างออกหน้าออกตาแล้วก็ตาม
“เลิกถ่วงเวลาได้แล้ว เฮ้ยไปเอาตัวพวกมันมา”
เมธัสออกคำสั่งให้ลูกน้องไปลากคนทั้งสองกลับมา
“ถ้าพวกแกเข้าพาพวกฉันจะกระโดดลงไปตอนนี้เลย”
หัสวีร์พูดแทรกก่อนที่พวกนั้นจะเข้ามาใกล้พร้อมเดินถอยหลังไปสู่หน้าผามากยิ่งขึ้น
“นี่แกขู่ฉันเหรอ”
“หึ กับคนที่ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วมันเหมือนการขู่มากนักเหรอเมธัส”
พอได้คิดตามก็พาให้ร้อนใจมากขึ้นเมธัสไม่อยากมีปัญหากับคนที่จ่ายเงินซื้อพี่น้องคู่นี้เพราะอิทธิพลของอีกฝ่ายครอบคลุมธุรกิจสีเทามากกว่าธุรกิจถูกกฎหมายที่เป็นฉากบังหน้า บอสมาเฟียลูกครึ่งอเมริกันสัญชาติจีนขึ้นชื่อเรื่องความเลือดเย็นแม้อายุล่วงเลยเลขห้าแต่ยังคงดูดีและหล่อเหลา
“แกต้องการต่อรองอะไรว่ามา”
ยิ่งเห็นสายตาร้อนรนทำให้หัสวีร์แน่ใจว่าบุคคลที่ต้องการซื้อพวกเขานั้นยิ่งใหญ่จนเมธัสไม่กล้าต่อกรด้วยแน่นอน
“ให้พี่รันเป็นคนมารับฉันจะยอมไปด้วยดีๆ”
“เฮอะ แกยังหวังลมๆแล้งๆอยู่อีกเหรอวะ ไม่ต้องฟังไปเอาพวกมันมา”
“เดี๋ยวก่อน ให้รันเป็นคนพาเขามาดีกว่านะครับเมษอีกอย่างคุณมาร์ติโน่ก็กำลังจะถึงแล้วรันไม่อยากให้คุณมีปัญหากับเขา”
จะอ้วก รักกันดีเหลือเกินนะ
นี่คือสิ่งที่หัสวีร์และมนัสวีคิดตรงกัน
“เอาเถอะถือซะว่าทำบุญเพื่อความสุขของแกเป็นครั้งสุดท้ายก็แล้วกัน”
คนที่เคยขึ้นชื่อว่าสามีสาวเท้าเข้ามาอย่างไม่เร่งรีบกับสายตาที่มองมาเหมือนกับว่ารู้สึกผิด? ให้ตายเถอะเขาอยากจะควักลูกตาคู่นั้นมาเหยียบให้เละเสียจริง ระยะทางสั้นลงทีละนิดๆระหว่างนั้นเขาได้อธิบายถึงแผนการให้กับคนด้านหลังฟัง
“เส้นทางซ้ายมือจะมีสปีดโบ๊ทจอดอยู่ไม่ไกลพอเสียงปืนดังปุ๊บให้รีบวิ่งทันทีอย่าหันกลับมาเด็ดขาด”
“ไม่เอา ถ้าจะตายเราก็ต้องตายด้วยกัน”
“วินขอร้องได้ไหม มีชีวิตอยู่เพื่อคนโง่คนนี้เถอะนะ”
พูดด้วยน้ำเสียงเว้าวอนกับน้องสาวต่างสายเลือดโดยไม่ละสายตาจากการเคลื่อนไหวของคนทรยศ
หนึ่ง
สอง
สาม
ปัง!
ไม่เคยจับปืนแต่พอรู้วิธีใช้มาบ้าง รู้ว่าโอกาสที่เป็นไปได้มีน้อยกว่า 0.1% แต่ก็ดีกว่ายืนรออีกฝ่ายหยิบยื่นความอัปยศอย่างไม่สิ้นสุดมาให้
แม้จะแค้นมากแค่ไหนแต่ยังวู่วามไม่ได้รอให้คนที่หมายหัวอยู่ในระยะไม่น่าพลาดจะด้วยความแค้นที่สุมอกจนล้นเป็นแรงขับเคลื่อนหรืออย่างไรทำให้กระสุนที่ออกจากรังเพลิงเจาะกลางหน้าผากสรัลอย่างพอดิบพอดี
ไม่ทันได้ระวังตัวเพราะคิดว่าคนตรงหน้าไร้พิษสง เสียงปืนดังพร้อมกับเหมือนมีอะไรแตกโพล๊ะในหัว ก่อนที่จะล้มตึงและเสียชีวิตคาที่ไปพร้อมคำถามคาใจว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
ปัง ปัง ปัง ปัง
“วินอย่าร้องนะ นัทเจ็บนิดเดียวไม่เป็นไร อึก!”
“ฮึก เด็กโง่ พี่ขอโทษ”
คนเป็นพี่รู้สึกจุกอยู่ในอกไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำพูดได้มากกว่านั้นก่อนจะพลิกตัวเป็นเกราะกำบังแทนน้องสาวที่กำลังปกป้องเขาอยู่จนลมหายใจสุดท้ายสิ้นสุดลง เสียดายที่มันเหลือแค่นัดเดียวเสียดายที่เขายิงปืนไม่เป็นเป็นไรเขาจะไม่ยอมไปผุดไปเกิดแต่ตามจองเวรคนพวกนั้นตลอดไป
แค้นแม้กระทั่งวิญญาณที่ออกจากร่างยังเฝ้ามองเหตุการณ์หลังจากนั้นไม่ได้ไปไหน ภาพการต่อสู้เบื้องหน้าระหว่างพวกเมธัสที่กำลังเสียเปรียบกับกลุ่มผู้มาใหม่แสนคุ้นตาเมื่อรับรู้ว่าทั้งเขาและน้องสาวไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว
อยากได้สินค้าอย่างพวกเขาขนาดนั้นเลยเหรอ?
ไม่ใช่ ความรู้สึกแรกบอกแบบนั้นหัสวีร์รับรู้ถึงความผิดปกติของชายวัยกลางคนตรงหน้าที่มีดวงตาสีเฮเซลเดียวกันกับเขา และพวกเราเจอกันในฐานะคู่ค้าคนสำคัญทางธุรกิจแม้ไม่เคยคาดเดาความคิดหรือจับอารมณ์ได้แต่ไม่เคยรู้สึกถึงภัยคุกคามอย่างที่สรัลเคยเตือนถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นบอสมาเฟียในคราบนักธุรกิจก็ตาม
'มาร์ติโน เฉิน'
เดินมายังร่างไร้ลมหายที่ปกป้องกันและกันไว้จนวินาทีสุดท้ายหลังจากออกคำสั่งให้กำจัดเมธัสและพวก แม้สีหน้ายังเฉยชาแต่แววตาสีเฮเซลกำลังสั่นไหวเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด
มาช้าเกินไปถ้ารีบจัดการพวกหนอนบ่อนไส้ให้เร็วกว่านี้ลูกชายของเขาคงไม่เป็นแบบนี้ แรกพบเจอก็กลัวว่าเด็กคนนี้จะมีอันตรายจนไม่อยากใกล้ชิดเกินกว่าคู่ค้ารายใหญ่ให้ศัตรูที่มีแทบทุกที่เอะใจ ถ้าคอยจับตาดูคนรอบตัวหัสวีร์ว่าใครคิดร้ายก็กำจัดทิ้งทันที แล้วอย่างไรสุดท้ายก็ปกป้องไว้ไม่ได้ทั้งคนรักและลูกในสายเลือด
“จับโยนลงไปก้นทะเลทำลายหลักฐานซะ”
ไคล์มือขวาคนสนิทออกคำสั่งหลังจากเห็นว่าเก็บงานเรียบร้อย
“บอสครับแล้วนายน้อยกับน้องสาวจะกลับคฤหาสถ์หรือว่าให้อยู่ข้างนายหญิงดีครับ”
“หัสวีร์รักแม่และครอบครัวของเขามากให้พวกเขาพักผ่อนอยู่ข้างกันเถอะ”
“ครับบอส”
“แล้วไปจัดการพวกนิจอนันต์ให้สิ้นซากทำให้มันเป็นหมาจนตรอกอยู่อย่างทรมานแล้วค่อยส่งไปขาย”
ความจริงตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มสับสนไปชั่วขณะแม่เคยบอกว่าพ่อของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุตั้งแต่เขายังไม่เกิด แล้วตอนนี้ไม่ใช่แค่พ่อยังไม่ตายแถมเป็นมาเฟียทรงอิทธิพลจากจีนแผ่นดินใหญ่อีกต่างหากเพราะแบบหรือเปล่าทุกครั้งที่เขาได้พบอีกฝ่ายในฐานะคู่ค้าถึงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันหรือไม่ปลอดภัยใดๆแม้เจอสายตาที่อ่านไม่ออก ทั้งที่คนอื่นเคยเตือนว่าคนๆนี้ไว้ใจไม่ได้แถมขึ้นชื่อเรื่องความเลือดเย็นไม่ไว้หน้าใคร
หัสวีร์ยืนมองส่งร่างเขาและน้องสาวจนลับสายตาป่านนี้นัทคงได้ไปหาพ่อกับแม่แล้วสินะ เราคงไม่ได้เจอกันอีกเพราะคนอย่างพี่มันบาปเหลือเกิน
จากนั้นเดินไปยังกลุ่มคนที่กำลังทิ้งร่างสรัล เมธัส และบรรดาลูกสมุนพร้อมหินถ่วงลงสู่ก้นทะเล ทำไมพวกมันตายง่ายกันจังนะยังไม่สาสมกับสิ่งที่ทำไว้กับพวกเขาเลยความแค้นนี้มันสุมอกมากเหลือเกิน สุมเหมือนไฟผลาญจากนรกไม่มีผิด
หากได้เจอกันอีกครั้งเขาสาบานไว้เลยว่าจะเป็นคนลงมือเองให้พวกมันทรมานเหมือนตายทั้งเป็นยิ่งกว่าเขาเป็นร้อยเท่าพันเท่าพาไปจุดสูงสุดแล้วค่อยกระชากลงมา ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมันภูมิใจหนักหนา
เรียนรู้การใช้อาวุธที่เล็งยังไงไม่ให้โดนจุดสำคัญค่อยๆเชือดอย่างช้าๆไปทีละนิด รวมไปถึงศิลปะป้องกันตัวเพื่อปกป้องคนที่รักเขาอย่างแท้จริง และใช้อิทธิพลของพ่อเหยียบพวกมันซ้ำๆไม่ให้มีที่ยืนจนต้องกราบเท้าอ้อนวอนเพื่อให้เขามอบความตายให้เสียที
“ปล่อยกู!”เซฟเฮ้าส์ส่วนตัวย่านชานเมืองไม่ไกลจากสนามแข่งรถ Steed King มากนัก ห้องใต้ดินที่ถูกซ่อนตัวปรากฏเงาร่างกำยำเปลือยเปล่าของมาเฟียต่างวัยถึงสองคนถูกพันธนาการด้วยโซ่ล่ามทั้งแขนขากำลังถูกมดแดงหลายรังที่จิตรกรสั่งให้มาโปรยที่พื้นไต่ขึ้นตัวและกัดจนจุดแดงขึ้นเป็นจ้ำโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ยิ่งส่วนอ่อนไหวกลางกลายด้วยแล้วกรีดร้องแทบจะทุกครั้งที่ปากเล็กเจาะผิวเนื้อจนน้ำตาเล็ดและคนที่โดนเยอะสุดคงหนีไม่พ้นมู่ตงเฉิงที่ตอนนี้มีสภาพราวกับศพ ลมหายใจแผ่วเบาใกล้ตายเต็มที เพราะแผลจากคมกระสุนที่ไม่ได้รับการรักษาห้ามเลือดแล้วระหว่างที่รอนายน้อยตระกูลมู่ตามล่าจางเฟิงก็ผ่านไปหลายชั่วโมงอวัยวะเพศบวมเป่ง เลือดไหลอาบย้อมแดงฉานมีทั้งจุดที่แห้งกรังและเป็นลิ่ม“แค่นี้ก็ทนไม่ได้แล้วเหรอจางเฟิง”จิตรกรเดินเข้ามาในห้องนั่งลงไขว่ห้างมองใบหน้าคับแค้นใจของมาเฟียใหญ่ที่ถูกเอาตัวกลับมาจัดการในไทยมีเพียงกระจกกั้นเท่านั้นด้วยแววตาเย็นชา“ไอ้จิตรกร แน่จริงก็ฆ่ากูเลยสิวะ”ความรู้สึกของการพ่ายแพ้ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเป็นสิ่งที่เจ้าของดวงตาสีขี้เถ้ายอมรับไม่ได้ว่าตัวเองจะตกต่ำจากผู้ล่ากลายเป็นเหยื่อน่าสมเพศเสียเอง เคียดแค้
จำเลยหมายหัว คนที่ 0 และ 4จางเฟิง/วิคเตอร์สถานะ : มาเฟียหนึ่งในสามผู้ทรงอิทธิพลเจ้าของธันเดอร์เลค คาสิโน ผู้ค้าอาวุธเถื่อนและสร้างองค์กรค้ามนุษย์ในฮ่องกงมู่ตงเฉิงสถานะ : บอสมาเฟียสายรองตระกูลมู่ความผิด : ร่วมมือกันฆ่าและกวาดล้างตระกูลมู่สายหลักเพื่อจะได้รวบอำนาจเข้ตระกูลจาง (คดีเก่า), ร่วมมือกันจับจิตรกรเพื่อกำจัดกับหัสวีถูกฉีดสารเสพติดเพื่อกระตุ้นความต้องการก่อนลงมือข่มขืน (คดีใหม่)จางเฟิงเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของผู้นำมาเฟียตระกูลจางอย่างจางเฟยหลงเจ้าของดวงตาสีขี้เถ้าซึ่งถอดนิสัยความโหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรมจากผู้เป็นพ่อทั้งหมดและดูเหมือนว่าจะมีมากกว่าด้วยซ้ำฆ่าคนครั้งแรกในวัย 8 ปี ด้วยด้ามปากกาแหลมแทงหัวใจเพื่อนร่วมชั้นเพียงเพราะอีกฝ่ายไม่แบ่งของเล่นให้แถมยังหัวเราะชอบใจมองดูการกระตุกเกร็งจนแน่นิ่งพี่เลี้ยงที่ดูแลล้วนเปลี่ยนรายวันเพราะหายสาบสูญทันทีโดยไม่ต้องมีเหตุผลเพียงแค่หายใจก็กลายเป็นคนผิดได้วัย 11 ปี วางยาอาจารย์ประจำชั้นเพราะถูกตักเตือนเรื่องที่เอาเท้ามาวางพาดไว้บนโต๊ะในขณะที่สอนอยู่วัย 14 ปี สั่งให้ลูกน้องไปฉุดรุ่นพี่เดือนโรงเรียนมาข่มขืนและส่งต่อให้ลูกน้องรุมโทรมจนขา
ทันทีที่จิตรกรมาถึงหน้าประตูธันเดอร์เลคคาสิโนก็พบกับเหล่าลูกน้องมาเฟียร่วมร้อยคนพร้อมอาวุธครบมือประจัญหน้าต้อนรับเขาอย่างดีใบหน้าคมมองอย่างเย็นชาครั้งนี้ชายหนุ่มก็พาคนมากฝีมือมาไม่น้อยเช่นกันทั้งของตัวเองและตระกูลมู่การต่อสู้เริ่มต้นขึ้นทันทีที่นายน้อยตระกูลมู่ยิงแสกเข้ากลางหน้าผากคนที่คาดว่าเป็นระดับหัวหน้าตายคาที่เมื่อมีการปะทะก็ย่อมมีการสูญเสียและฝ่ายจิตรกรนั้นล้วนเต็มใจเพราะที่ตามมาแทบทั้งสิ้นมีความแค้นฝังหุ่นกับจางเฟิง เมื่อไม่มีกำลังย่อมบุกมาทวงคืนไม่ได้แต่ตอนนี้มีโอกาสก็ลุยทันที คงจะเป็นฝั่งคาสิโนมากกว่าที่เสียเปรียบเพราะสายที่แทรกซึมอยู่ในกลุ่มมาเฟียเกือบครึ่งในนี้จากปลายกระบอกปืนและคมมีดที่หันมายังคนนอกที่บุกรุก อยู่ๆก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ลำคอเพราะเพื่อนข้างกายเจอหน้ากินดื่มอยู่ทุกวันแทงลึกหมุนบิดจนคอเกือบขาดอย่างไร้ความปราณีกระสุนที่ออกจากรังเพลิงทุกลูกล้วนเข้าเป้าพลั่กขายาวถีบชายฉกรรจ์ที่ถูกคมมีดปักตัดขั้วหัวใจดวงตาเบิกโพลงร่างกระตุกเกร็งให้พ้นทางโดยไม่ได้ให้ความสนใจอีกก่อนเดินเข้าลิฟท์ไป“เกะกะ”ระหว่างทางที่ขึ้นกบด้านก็มีพวกลูกสมุนมาเฟียเข้ามาขัดขวางอยู่เรื่อยๆแต่ก็ถูก
ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว“หาตำแหน่งเจอหรือยัง”น้ำเสียงเคร่งขรึมพร้อมกับทำแผลที่ถูกคมกระสุนไปด้วยถามชยุตลูกน้องคนสนิททันทีหลังจากออกคำสั่งนำตัวมู่ตงเฉิงไปขังไว้แล้วรีบไปช่วยหัสวีร์“ตอนนี้คุณวินอยู่ใกล้กับสมุทรปราการเป็นพื้นที่ส่วนตัวขนาดใหญ่ครับห่างจากที่นี่เกือบหนึ่งชั่วโมงครับ”“ฉันให้เวลาครึ่งชั่วโมงต้องไปถึงที่นั่น”“ครับ”จิตรกรรอไม่ได้แล้วเขาเสียเวลาที่นี่มามากพอแม้คนของมาร์ติโนจะนำไปก่อนหน้านั้นก็ตามชยุตค้นหาเส้นทางลัดจากดาวเทียมทันทีที่สิ้นสุดคำสั่งหากว่าเขาทำไม่ได้คงหลุดออกจากตำแหน่งแน่นอนรถยนต์แล่นด้วยความเร็วมิดไมล์ประหนึ่งติดปีกบินแต่ถึงยังไงก็ไม่ทันใจเจ้าของดวงตาสีรัตติกาลอยู่ดีตอนที่มาถึงลูกน้องของมาร์ติโนได้เคลียร์ทางไว้หมดแล้วซึ่งเป็นการซุ่มโจมตีโดยที่ไม่ให้คนข้างในรู้ตัวเพราะกลัวนายน้อยตระกูลเฉินจะเป็นอันตรายแม้จะอยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคลจำนวน 50 ไร่ที่ไม่มีคนหาเจอแต่ก็สมเป็นจางเฟิงที่ยังรอบคอบ ลูกน้องที่เฝ้ากะจากสายตาไม่ต่ำกว่า 50 คนแน่นอนส่วนมาร์ติโนมาถึงทีหลังจิตรกรไม่กี่นาทีมาถึงตัวบ้านมีคนเฝ้าอยู่สองคนด้านหน้าจิตรกรพร้อมกับชยุตตรงเข้าไปจัดการโดยไม่ให้
เย็น?ชื้น?รำคาญจังไปให้พ้นนะเจ็บเฮือกความเจ็บจี๊ดที่ลำคอทำให้หัสวีร์สะดุ้งตื่นขึ้นมาเปลือกตาสีอ่อนกระพริบถี่เพื่อปรับโฟกัส กลุ่มผมสีดำของใครบางคนกำลังสัมผัสกับแก้มขวาคือสิ่งแรกที่เห็นลิ้นร้อนที่ไล้อยู่ตรงคอขาวพร้อมขบกัดเนื้ออ่อนจนเจ็บแปลบคือสิ่งสองที่รู้สึก ไอ้บ้าเอ้ยใครวะเนี่ยจำได้ว่าพอไปถึงท่าเรือเฉลิมกิจแล้วชายคนรักขอแยกตัวไปคุยโทรศัพท์ก่อนเพราะสนามแข่งมีปัญหา หัสวีร์เดินมาถึงเรือขนส่งสินค้าของตัวเองซึ่งมีลูกน้องคอยเช็คอยู่หน้างานอยู่แล้วแต่สิ่งที่แปลกใจคือไม่คุ้นหน้าแถมยังทำท่าทางมีพิรุธราวกับไม่คาดคิดว่าเขาจะมาแล้วจริงดั่งคาดเพราะสายตาเหลือบไปเห็นอีกฝั่งที่ไม่ไกลกันนักกำลังถ่ายสินค้าแต่บรรจุภัณฑ์ที่ตีลังป้องกันความเสียหายไม่ใช่ของลักษิกาเจ็ม ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำขึ้นเองล้วนจดจำง่ายเพราะบทเรียนจากชีวิตที่แล้วพอรู้ว่าถูกจับได้ฝ่ายนั้นจึงละทิ้งงานไม่ได้มาเผชิญกับเขาโดยตรงแต่กลับวิ่งหนีไปทางตู้คอนเทนเนอร์เปล่าด้วยความคิดที่ว่าหากจับได้หนึ่งคนแล้วมาเค้นหาความจริงจะได้รู้ว่าใครเป็นคนสั่งการโดยขาดการไตร่ตรองถึงอันตรายข้างหน้าจึงวิ่งไล่ตามไป ทันทีที่เข้าไปในดงตู้เปล่าชายคน
ท่าเรือเฉลิมกิจ เป็นท่าขนส่งทางน้ำที่มีสำคัญในภาคตะวันออกซึ่งธุรกิจหลายประเภทเลือกใช้บริการเพื่อจัดส่งสินค้าไปยังต่างประเทศเพราะหากมีสินค้าในปริมาณที่มากการขนส่งทางน้ำย่อมมีค่าใช้จ่ายถูกลงกว่าขนส่งทางอากาศถ้าไม่ใช่สิ่งที่บูดเสียง่ายแทบทุกเจ้าย่อมเลือกการขนส่งทางเรือตอนนี้หัสวีร์และจิตรกรเดินทางมาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงพากันเดินเข้าไปทันทีแต่ในระหว่างนั้นมีสายเรียกเข้าจากทีมช่างที่ Steed King คนพี่จึงปลีกตัวออกมาคุยด้านนอกพอเสร็จเรียบร้อยจึงตามเข้าไปแต่กลับหาคนรักไม่เจอ โทรหาแล้วไม่รับสายจนร้อนใจเพราะหากไม่ได้พกโทรศัพท์มือถือมาก็ยังมีสมาร์ทวอทช์ติดตัวซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่ที่จะไม่ได้ยินเห็นพนักงานที่กำลังขนของอยู่แถวนั้นจึงเข้าไปสอบถาม“คุณครับเห็นผู้ชายใส่สูทสูงประมาณนี้ดวงตาสีทองไหมครับ”“เอ คนที่ใส่ชุดสีกรมท่าไหมครับ”“ใช่ครับ”“ผมเห็นเขาเดินไปทางนั้นนะ”ชายหนุ่มเดินมาเรื่อยๆแต่กลับไม่พบใครมีแค่ตู้คอนเทนเนอร์วางเรียงอยู่เต็มไปหมดรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลและเป็นห่วงคนน้องมากอย่างนึกเจ็บใจตัวเองว่าประมาทเกินไปวินน้องอยู่ไหนนะ นิ้วเรียวกดโทรหามาร์ติโนเพื่อค้นหาตำแหน่งของหัสวีร์แต่ย
“อยากให้ผมช่วยงั้นเหรอครับ”ดวงตาสีขี้เถ้าจับจ้องชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างนึกสนุกยิ่งเห็นถึงความโกรธแค้นในแววตาก็ยิ่งเหยียดยิ้มมุมปาก“คนของผมไม่มีใครรอดสักคนแต่มันกลับยังรอด”เสียงกลั้วหัวเราะในลำคอดังขึ้น“แน่สิครับเพราะขนาดของที่รับปากว่าจะเอามาให้ผมยังไม่ได้เลยนี่”“คุณจางให้ผมทำอะไรก็ได้ขอแค่อย่างเดียวให้มันตายอย่างทรมานสมกับที่ทำลายชีวิตของอาเธอร์”“รอบนี้คนของมาร์ติโนมาช่วยไว้”“แล้วมาร์ติโนมาเกี่ยวอะไรด้วย”มู่ตงเฉิงเอ่ยอย่างหัวเสียที่มีคนนอกเข้ามายุ่งแถมอีกฝ่ายมีอิทธิพลมากจนแตะไม่ได้“ก็..คนที่ผมอยากได้เขาเป็นลูกชายของมาร์ติโน”“อะไรนะ! ทำไมคุณไม่บอกผมก่อน”“แล้วมันต่างกันยังไงในเมื่อคนของคุณก็พลาดอยู่ดี หึ”แม้จะเจ็บใจแต่บอสมาเฟียสายรองตระกดูลมู่ต้องเก็บอาการไว้ยิ่งเห็นท่าท่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวที่นั่งพิงโซฟาอย่างสบายใจพร้อมใช้สายตาคมกริบมองมา เพราะมีแค่ชายหนุ่มตรงหน้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ช่วยเขาได้ตอนนี้ไอ้เด็กเมื่อวานซืนมันรู้แล้วแน่นอนว่าใครส่งคนมาฆ่าแม้ยังไม่เคลื่อนไหวก็เถอะเพราะฉะนั้นจะรีรออีกไม่ได้ หลังจากพูดคุยข้อแลกเปลี่ยนกันเสร็จมู่ตงเฉิงก็ขอตัวกลับทันทีเพราะมีสิ่ง
จำเลยหมายหัว คนที่ 5มู่ตงหยาง/อาเธอร์สถานะ : สายรองตระกูลมู่ความผิด : ส่งมือปืนมากำจัดจิตรกรในระหว่างเดินทางไปพบคู่ค้าที่ชลบุรีและหลังออกจากงานศพของหัสวีร์ในคืนแรกมู่ตงหยางหรืออาเธอร์ ลูกชายเพียงคนเดียวของผู้นำตระกูลสายรองอย่างมู่ตงเฉิง หากจะนับญาติกันจริงๆก็ถือว่าใกล้ชิดกันอยู่มากเพราะปู่ของอาเธอร์ก็คือมู่เหยาเป็นพี่ชายต่างมารดากับมู่เอิน ที่เกิดจากความผิดพลาดตอนถูกวางยาโดยเลขาเพิ่งรับมาทำงานคิดใช้ทางลัดเอาเต้าไต่ ก่อนงานแต่งเพียงหนึ่งเดือนกับหญิงคนรักอย่างเทียนเฟยฮวาแม่ของมู่เอินแม้มู่เหยาจะใช้สกุลมู่ก็จริงแต่กลับไม่ได้ถูกยอมรับเข้าตระกูลหลักถูกเลี้ยงดูเพียงเพราะว่ามีสายเลือดอยู่ครึ่งหนึ่งรับผิดชอบแค่เรื่องเงินทองเท่านั้น เติบโตมากับความรุนแรงมีแม่ที่ติดเหล้าถูกด่าทอทุบตีจนมีแต่รอยช้ำตามร่างกายเนื่องจากผิดหวังอยากเป็นนายหญิงจนตัวสั่นจนต้องมาระบายโทสะกับลูกตัวเอง ตั้งแต่จำความได้โดนกรอกหูทุกวันว่าเขามันตัวซวยจนอายุ 12 ปี แม่ก็จากไปด้วยโรคตับแข็ง พอเทียนเฟยฮวาทราบเรื่องด้วยความบังเอิญก็เกิดความสงสารเพราะวัยไล่เลี่ยกันกับลูกชายจึงช่วยพูดกับสามีให้รับมาดูแลภายใต้รั้วเดียวกันไม่มี
แกร่กฉิบหายแล้วผลั๊วะปัง!วิน!นายน้อยตระกูลเฉินกำลังซุ่มตัวอย่างเงียบเชียบรอจังหวะที่ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาใกล้ถึงระยะแต่ดันพลาดเหยียบกิ่งไม้แห้งทำให้อีกฝ่ายหันกระบอกปืนมาหาจึงเตะเสยเข้าที่ปลายคางและปืนให้ห่างตัวก่อนหลุดมือกลับไกถูกลั่นพอดี ชายชุดดำที่เหลือจึงวิ่งกรูไปที่ต้นเสียงรวมถึงจิตรกรด้วยส่วนคนที่กำลังจะหนีข้อเท้าถูกกอดไว้แน่นจากชายที่เลือดกลบปากอยู่บนพื้นก่อนถูกเสยคางซ้ำอีกรอบจนแน่นิ่งไป“อย่าขยับนะมึงไม่งั้นกูยิงไส้แตก วางปืนลงเร็ว!”ปืนหกกระบอกถูกจ่อมาที่คนๆเดียวหัสวีร์จำใจต้องวางปืนและยกมือขึ้นด้วยความจำนนพร้อมถูกควบคุมตัวแต่ตาคมยังกวาดดูคร่าวๆหาช่องทางการหลบหนี“คนนี้ใช่ไหมลูกพี่”“เออ ห้ามช้ำแล้วพวกมึงสามคนไปตามหาไอ้จิตรกรเดี๋ยวมีคนมาสมทบอีก”“คนสองคนต้องเยอะขนาดนี้เลยเหรอ”“เออสิ น่าจะฤทธิ์เยอะดูจากคนของเราที่ถูกเก็บเงียบๆไปนี่ไง”คิ้วขมวดมุ่นเมื่อได้ยินการสนทนาศัตรูตอนนี้ก็ไม่ได้มีใครถึงถามไปก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดีดวงตาสีอำพันยามสะท้อนกับแสงมองเห็นการเคลื่อนไหวของชายคนรัก เมื่อสบตากันจึงส่ายหน้าเบาเป็นสัญญาณว่าอย่าเข้ามาดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจแต่ไม่ยอมทำตาม
Comments