ทิฟฟานี่ย้ายป้าย “ปิด” ที่ห้อยไว้ตรงประตูออก “อย่าพูดงั้นเลย พวกเราก็เพื่อนกันทั้งนั้น และเพื่อนไม่มีทางรู้สึกแบบนั้น สามีของเธอเป็นคนที่มีเหตุมีผล แต่ยายแก่นั่นไม่ใช่เลย ถ้าเธออยากเก็บลูกชายเธอไว้คนเดียว งั้นเธอก็ไม่ควรปล่อยให้ลูกชายเธอแต่งงานเลย ยิ่งเห็นว่าเธอโดนระรานมันทำให้ฉันอยากจะปะทะสักที! เธอควรต้องพูดกับสามีเธอเกี่ยวกับการย้ายออกไปกับลูกของเธอได้แล้วนะ คนสูงอายุทั้งสองคนนั้นยังดูสุขภาพแข็งแรงดี ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลอะไรเลยจนกว่าพวกเขาจะแก่เกินกว่าไปไหนมาไหนเองไม่ได้”นายาถอนหายใจอย่างโล่งราวกับเพิ่งยกภูเขาออกจากอก “ถ้าเหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้น ฉันคงไม่ได้ตัดสินใจทำมันเพราะเกรงว่าสามีของฉันจะเป็นมลทิน มันดีที่หญิงสูงอายุสร้างความวุ่นวายในวันนี้ อย่างน้อย ตอนนี้ฉันก็มีคำอธิบายถึงเหตุผลในการย้ายออกแล้ว พูดตามตรงนะ ชีวิตแต่งงานของฉันมันดีมาก ฉันแค่เหนื่อยกาย เหนื่อยใจ จากพิษของพ่อแม่สามีของฉันแค่นั้น”เมื่อนายาออกไปรับลูกที่โรงเรียนในตอนบ่าย ทิฟฟานี่โผล่ไปที่ครัว อยู่ดี ๆ เธอก็ถามแอเรียนอย่างกังวลว่า “เธอคิดว่าฉันจะมีปัญหากับแม่ของแจ็คสันไหมถ้าฉันแต่งงานกับเขาจริง ๆ ในวันข้างหน้า
เมื่อเขาเข้ามาในรถ เขาก็เห็นว่าแอเรียนเลือกที่นั่งข้างคนขับในครั้งนี้ เขาไม่ได้รีบร้อนขับออกไป เพียงแค่เปิดแอร์แรงสุดและพยายามเริ่มบทสนทนา บางทีแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ทันได้สังเกตว่าเขาระมัดระวังตัวขนาดไหน“เธอสามารถหลับได้ตั้งแต่หัวค่ำเลยเหรอ?”แอเรียนยิ้มให้เขาเล็กน้อย “ฉันคงเหนื่อยมากพอหลังจากทำความสะอาดบ้านและอาบน้ำ ที่จริงแล้ว ตอนนี้ฉันก็เริ่มง่วงแล้วแหละ ฉันค่อนข้างเหนื่อยมากในทุกวัน คุณใช้สมองหาเงินแต่ฉันใช้แรงหาเงิน”มาร์คนิ่งไปชั่วขณะ “ที่จริงแล้วเธอก็ใช้สมองทำงานได้เช่นกันนะ…”แอเรียนพยายามพูดติดตลกกับเขา “ใช้สมองในการเป็นคุณนายเทรมอนต์และคอยให้คุณเลี้ยงดูฉันเหรอ? แน่นอนว่าคุณล้อเล่น คุณรู้ว่าฉันไม่ชอบพึ่งพาคนอื่น มาร์ค ฉันคิดว่า แจ็คสันและทิฟฟี่อาจจะแต่งงานกัน ยิ่งทำให้คุณมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเขา ฉันมั่นใจว่า เราอาจจะได้เจอกันบ่อยขึ้น ฉันไม่สามารถเกลียดคุณถึงจุดที่เราไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้บนโลกใบนี้ แต่ฉันไม่สามารถเป็นคุณนายเทรมอนต์ได้เหมือนกัน ดังนั้น... คุณอยากทบกวนเรื่องหย่าดูหน่อยไหม? มันคงไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่จะคงความเป็นเพื่อนไว้” ในตอนนี้ ในที่สุดมาร์คก็เข้าใจ
ความเงียบของเขาทำให้แอเรียนถามด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ทำไมคุณถึงไม่พูด ? หรือว่ากำลังโกหกอยู่? คุณโกหก! ข้าวปั้นตายได้ยังไง? มันจากไปแล้ว ทำไมคุณถึงไม่บอกความจริงกับฉัน?” มาร์คพ่นบุหรี่และเงยหน้าขึ้นมอง “ฉันไม่ได้โกหก เฮนรี่โทรหาฉันหลังจากเธอลงจากรถ เธอโทรหาเขาได้เลยก็ได้ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน ฉันไม่มีเหตุผลจะต้องหลอกเธอ ฉันยอมรับว่า ฉันผิดที่ไม่ได้ดูแลมันให้ดี” แอเรียนยืนพิงกำแพงด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเหมือนเด็กน้อยที่สูญเสียของรัก มีเพียงการร้องไห้ที่ช่วยลบเลือนความรู้สึกได้ “คุณไม่ชอบมันตั้งแต่แรก คุณเกลียดมันจะตาย! มันเป็นความผิดของคุณที่ไม่ยอมให้ฉันพามันไป! ทำไมคุณต้องกีดกันทุกอย่างที่ฉันชอบ ? มันเป็นแค่แมว! มันอาจจะเป็นแมวที่น่ารังเกียจในสายตาคุณ แต่มันสำคัญกับฉัน!” เธอไม่ได้สังเกตว่ามาร์ค ผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ต่อหน้าเธอมานานแล้วจุดบุหรี่ทันทีที่เขาเข้ามา เธอคิดมาตลอดว่ามาร์คไม่เคยชอบข้าวปั้นแต่เธอไม่ได้สังเกตว่าเขากำลังจุดบุหรี่เพื่อลบเลือนความเจ็บปวดและความขุ่นเคืองในหัวใจของเขา มาร์คก้มหน้าต่ำลงและยังคงเงียบสนิทจนกระทั่งแอเรียนเดินมาข้างหน้าและขว้างหมอนที่อยู่บนโซฟาไปที่อกของเขา
ดิคไม่เคยรู้ถึงความคิดของเอลลี่ที่มีต่อแอเรียน เขาไม่กล้าตั้งข้อสังเกตใด ๆ เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเจ้านาย เอลลี่ดูแคลนดิคมากขึ้นไปอีกที่ไม่กล้าแม้แต่จะพูดความคิดของเขาออกมาและเดินออกไปพร้อมกับแก้วน้ำในมือ ในออฟฟิส มาร์คโทรหาพ่อบ้านเฮนรี่ และบอกเขาเกี่ยวกับการจัดการงานศพของข้าวปั้น เขาไม่ต้องการให้เรื่องนี้สร้างปัญหาระหว่างเขากับแอเรียนไปมากกว่านี้ ดังนั้นเขาจึงพยายาม อย่างที่สุดในการทำอะไรก็ตามที่เขาจะทำได้ ในอพาร์ทเม้น แอเรียนได้ยินเสียงเคาะประตูทันทีที่เธอตื่นนอนก่อนนาฬิกาจะปลุก ความทรงจำของเธอเลือนราง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเธอกลับมาที่ห้องนอนได้อย่างไร เมื่อเธอเดินผ่านห้องนั่งเล่น เธอสังเกตเห็นผ้าห่มผืนบางที่ถูกพับไว้อย่างเรียบร้อยบนโซฟา แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีการใช้ แต่เธอก็รู้ได้ว่าเมื่อคืนมาร์คไม่ได้กลับ เธอเปิดประตูออกมา ก็เห็นช่อดอกไม้ที่ใหญ่มากจนบังคนส่งของที่อยู่ข้างหลังเกือบครึ่งตัว กลิ่นหอมของดอกไม้พลันเตะจมูกเธอทันที เธออึ้งไปชั่วขณะ มาร์คกำลังพยายามจะทำอะไร? ทำไมเขาส่งดอกไม้มาให้เธอทุกวัน? “คุณผู้หญิงครับ ช่อดอกไม้ของคุณครับ รบกวนเซ็นตรงนี้หา
“มันควรจะเกิดขึ้นมานานแล้ว ชีวิตของเธอจะต้องเป็นไปได้ดีเพราะตอนนี้เธอได้เริ่มใช้ชีวิตแบบครอบครัวสามคนอย่างเป็นทางการแล้ว แค่เพิกเฉยต่อแม่สามีและพยายามหลีกเลี่ยงการมีปฏิสัมพันธ์กับเขา ฉันรู้ตั้งแต่แวบแรกที่เห็นเขาแล้วว่าเขาไม่ใช่คนดี” นายายิ้มแต่ไม่พูดอะไร คนฉลาดและใจดีอย่างเธอจะไม่พูดร้ายถึงแม่สามีลับหลังไม่ว่าเขาจะร้ายแค่ไหนก็ตามหลังจากที่ร้านขนมปิดในตอนเย็น แอเรียนและทิฟฟานี่ก็นั่งแท็กซี่ไปที่โรงพยาบาล วันนี้แจ็คสันไม่ได้มาให้เห็นเลยแต่พวกเธอกลับไปเจอเขาที่โรงพยาบาลแทน มาร์คก็อยู่ที่นั่นด้วยห้องพยาบาลเริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นทันที เอริกนั่งไขว่ห้างอยู่บนเตียงพลางเคี้ยวแอปเปิ้ลที่แจ็คสันปอกให้เขาอย่างมีความสุข “พวกคุณเป็นอย่างไรกันบ้าง? นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาการของผมกำเริบ แต่ไม่มีอะไรร้ายแรง ดังนั้นพวกคุณไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี้นานหรอก ผู้หญิงที่คุณแนะนำมาให้ ดูแลผมเป็นอย่างดี ผมต้องขึ้นค่าแรงให้เธอสักหน่อยแล้ว!”ทิฟฟานี่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจและพูดอย่างมีชีวิตชีวา “แน่นอน! ฉันกับแอริคัดเลือกเธอมาเอง! ฉันคิดว่าในอีกไม่กี่วันคุณน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว จากนี้ไปคุณจะต้องดูแลร่างกา
'ไม่นับแอรี่ คินซีย์เหรอ?' คือสิ่งที่แอเรียนต้องการจะพูดแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ สิ่งนี้ได้รบกวนเธอมาเสมอ จริง ๆ แล้วเธอไม่อยากถูกเตือนว่าสามีของเธอเคยออกเดทกับน้องสาวของเธอเองมาร์ครู้ว่าเธอคิดมากอีกแล้วเมื่อจู่ ๆ เธอก็เงียบไป “เธอคิดอะไรอยู่? อย่าเก็บมันไว้ คุยกับฉันสิ”เธอขดริมฝีปากของเธอ “ฉันแค่คิดว่าคุณโหดร้ายเกินไป แอรี่เคยเดทกับคุณ แต่สุดท้ายคุณกลับส่งเธอเข้าคุก ตอนนี้ชีวิตของเธอพังทลายไปแล้ว”เธอตั้งใจสังเกตสีหน้าของเขาขณะที่เธอพูดโดยต้องการดูว่าเขาจะตอบสนองอย่างไร“จริงอยู่ว่าแอรี่กับฉันเคยเดทกันมาก่อน” มาร์คตอบอย่างใจเย็น “แต่ฉันยอมคนที่มาทำร้ายเธอไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม”แอเรียนไม่พอใจกับคำตอบของเขา เขาไม่ได้ร่วมทำร้ายเธอพร้อมกับแอรี่เหรอ? แต่ตอนนี้เขากลับมาชำระบาปของตัวเองและยอมรับด้วยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างเขากับแอรี่อย่างนั้นเหรอ?'จริงอยู่ว่าแอรี่กับฉันเคยเดทกันมาก่อน' คำพูดเหล่านี้ทำให้ปากของเธอมีรสเปรี้ยว “คุณทั้งคู่ทำสิ่งเดียวกัน คุณไม่ได้ดีไปกว่ากันเลย ในเมื่อคุณจะไม่ยอมคนที่ทำร้ายฉัน คุณควรจำไว้ว่าคุณไม่ควรให้อภัยตัวเองด้วย”จู่ ๆ มาร์คก็หัวเราะออกมา “เฮ
เขาสงบอารมณ์ของตนเองและสั่งอาหารกลับบ้านให้ทิฟฟานี่ จากนั้นเขาก็เดินออกไปที่ห้องโถงทางเดินและโทรหาเบอร์แปลกนั้น ไม่นานนักเสียงผู้หญิงก็รับสาย “คุณต้องการอะไรแจ็คสัน? ลูกชายของเรากำลังงอแง เราคุยกันทีหลังได้ไหม?"ความหงุดหงิดของเขาเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อได้ยินเสียงร้องของเด็ก "ผมแค่อยากจะบอกว่าอย่ารบกวนผมจนกว่าผลการตรวจจะออกและอย่าโทรหาผมด้วย เมื่อผลออกมาและพิสูจน์ว่าเด็กคนนี้เป็นของผม ผมจะจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้คุณ ถ้าทำไม่ได้ก็อยู่ให้ห่างจากผม!”เขาวางสายทันทีและแอบเช็ดเหงื่อเย็นออกจากคิ้วของเขา ทิฟฟานี่จะตรวจสอบโทรศัพท์ของเขาเป็นครั้งคราว เขาสั่นสะท้านเมื่อนึกถึงผลที่จะตามมาหากเธอได้เห็นข้อความนั้นหลังจากที่ลบข้อความที่ไม่เหมาะสมทั้งหมดเขาก็กลับไปที่ห้องราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่นานหลังจากนั้นทิฟฟานี่ก็ออกมาจากห้องน้ำพลางพันเพียงผ้าเช็ดตัวรอบตัวเธอ น้ำหยดลงจากผมสีเข้มของเธอ ขาที่ยาวและเรียบเนียนของเธอน่าดึงดูดเป็นพิเศษ ทว่าวันนี้เขาไม่มีอารมณ์ เขาไม่สามารถเข้าสู่อารมณ์นั้นด้วยภาระที่อยู่ในใจของเขาได้ทิฟฟานี่ไม่คุ้นเคยกับด้านที่จริงจังของเขา เธอเดินไปหาเขาและนั่งบนตักของเขา
แจ็คสันถอนหายใจอย่างโล่งอกแต่รู้สึกผิดในเวลาเดียวกัน เมื่อเขาพาเธอมาที่นี่เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเรื่องมันจะจริงจังขนาดนี้ ตอนนั้นเขาเพียงได้รับโทรศัพท์จากผู้หญิงคนนั้นโดยบอกว่าเธอมีเรื่องสำคัญจะบอกเขา เขาไม่ได้สนใจมันมากนักแต่เพราะกลัวว่าซัมเมอร์จะรู้เรื่องในอดีตของเขาและจู้จี้เขาอย่างไม่รู้จบ เขาจึงตัดสินใจมาที่นี่โดยแสร้งทำเป็นว่ามาร์คต้องการความช่วยเหลือจากเขาที่บริษัทและจัดการนัดพบกับผู้หญิงคนนั้นในเมืองนี้ จากนั้นเขาก็พาทิฟฟานี่มาด้วยเพื่อให้เธอได้สนุกกับแอเรียนและให้กำลังใจเธอเขาไม่ได้คาดคิดว่าเรื่องนี้จะวนเวียนอยู่เหนือการควบคุม สภาพทางอารมณ์ของเขาพังทลายเมื่อเขาได้เจอเด็กคนนั้น วันนี้เขาเพิ่งไปพบผู้หญิงคนนั้นและพากันไปตรวจดีเอ็นเอก่อน เขาหลีกเลี่ยงการติดต่อกับทิฟฟานี่เพราะเขากลัวว่ามันจะชัดเจนเกินไปและเธอจะจับได้วันรุ่งขึ้น ทิฟฟานี่ถ่ายทอด “การค้นพบ” ของเธอจากเมื่อคืนนี้ให้แอเรียนเมื่อเธอไปถึงร้านกาแฟ “มีคนส่งข้อความถึงแจ็คสันเมื่อวานนี้ตอนกลางดึก ฉันคิดว่าเป็นแฟนเก่าคนหนึ่งของเขาส่งมาและฉันบอกตัวเองว่าฉันจะฆ่าเขาถ้าเขายังคงติดต่อกับผู้หญิงเหล่านั้น กลายเป็นว่ามันเป็นแค่คำขอ