ขาเรียวก้าวลงจากแท็กซี่และเดินเข้ามาในส่วนต้อนรับของคอนโด เสียงฮัมเพลงดังอยู่ในลำคอเบาๆ บ่งบอกว่าเธอกำลังอารมณ์ดีแค่ไหน เธอหอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังไปที่หน้าลิฟต์ กดเรียกเพียงไม่นานลิฟต์ตัวใหญ่ก็เปิดกว้าง
ดอกแก้วเดินเข้าไปในลิฟต์ที่มีกระจกเงารอบด้าน เธอกดชั้นที่ยี่สิบสาม ก่อนจะชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นเล็บของตัวเอง
มันแปลกตา... เพราะเธอไม่เคยทาเล็บแบบนี้มาก่อน และแน่นอนว่าเธอไม่ได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง เล็บสีนู้ดสวยนี้เจ้น้ำเป็นคนเลือกให้เธอทั้งหมด
ดอกแก้วหันไปมองกระจก ภาพสะท้อนของคนในนั้นช่างแปลกตาเหลือเกิน เส้นผมที่เคยเป็นสีดำสนิทถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลอ่อน ดัดเป็นลอนเบาๆ เหมือนไม่ได้ตั้งใจแต่ยังดูสวย ใบหน้าที่เคยจืดสนิทถูกแต่งแต้มเล็กน้อยให้พอมีสีสัน เสื้อผ้าที่เคยเป็นแค่กางเกงขายาวและเสื้อยืดก็เปลี่ยนเป็นชุดเดรสสั้นเข้ารูป แว่นหนาๆที่เคยใส่ก็แปรเปลี่ยนเป็นคอนแทกเลนส์สายตาไร้สี
ทั้งหมดนี้... เจ้น้ำเป็นคนลากเธอไปทำทั้งนั้น รวมถึงเครื่องสำอางถุงใหญ่ และเสื้อผ้าใหม่ๆ ที่อยู่ในถุงนี่ด้วย เจ้น้ำเลือกให้เธอ และออกเงินให้เธอก่อน
.
‘นี่มันแพงมากเลยนะเจ้’
เธอค้านหัวชนฝา ไม่ยอมรับทั้งเสื้อผ้าและเครื่องสำอางแพงๆ นั่น จนเจ้น้ำต้องมันยัดใส่มือและไม่ยอมรับคืน ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไรก็ตาม
‘เอาไปเถอะ เงินแค่นี้ มีเมื่อไหร่ค่อยเอามาใช้’
‘แต่…’
‘นี่ดอกแก้ว... แกรู้ไหมว่าคนที่ทั้งหล่อและรวยอย่างเสี่ยน่ะมีผู้หญิงเสนอตัวให้มากแค่ไหน ไม่ใช่แค่แกหรอกนะ เด็กในร้านฉันเกือบครึ่งเคยเสนอตัวให้เสี่ยมาแล้วทั้งนั้น แต่เสี่ยไม่เคยสนใจ เสี่ยเป็นคนเลือกมาก และเขาก็เลือกแก แกจะปล่อยตัวเองโทรมๆ แบบนี้ไม่ได้ อย่าให้เสียโอกาสที่ได้มาสิ’
‘ถ้าเสี่ยจะมาหาฉันก็ต้องแต่งตัวอยู่แล้ว แต่วันนี้เสี่ยไม่ได้มา ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องแต่งนี่เจ้’
‘จำเป็นสิ!!’ เจ้น้ำเสียงดังจนเธอเผลอหลับตาปี๋ด้วยความตกใจ ‘ถ้าสมมติว่าเสี่ยอยากมาหาแกโดยไม่บอกล่วงหน้าล่ะ? แล้วมาเจอแกในสภาพเป็นอิเพิ้งแบบนี้ รับรอง... ไม่เกินเดือนหรอก เสี่ยเบื่อแกแน่ๆ แกต้องหัดแต่งตัวให้เป็นปกติ ไม่ว่าเสี่ยจะมาหรือไม่มาก็ห้ามปล่อยให้ตัวเองโทรม ทาปากทาแก้มให้มีสีสันบ้าง ใส่เสื้อผ้าสวยๆ หน่อยก็ยังดี ส่วนแว่นหนาๆ นี่ไม่จำเป็นไม่ต้องหยิบมาใส่เลยนะ ถ้าไม่อยากถูกทิ้งเร็วแกต้องทำตามที่ฉันบอก’
.
เจ้น้ำทั้งพูดทั้งขู่จนเธอต้องยอมในที่สุด หลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นตุ๊กตา ถูกเจ้น้ำลากเข้าร้านเสริมสวย ร้านเสื้อผ้า และร้านเครื่องสำอางเป็นสิบๆ ร้าน รวมถึงสอนให้เธอเลือกของพวกนี้ด้วย
ไม่ใช่ว่าเธอเลือกไม่เป็น เรื่องแบบนี้มันเป็นเหมือนสัญชาติญาณของผู้หญิงอยู่แล้ว แต่เจ้น้ำเลือกของพวกนี้เก่งกว่าเธอ เสื้อผ้าที่เจ้น้ำเลือกมามันเหมาะกับเธอและดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ แต่กว่าจะได้ของทุกอย่างครบ เธอก็เป็นหนี้เจ้น้ำไปหลายหมื่น รายนั้นไม่ได้ทวงหรือกำหนดวันคืนเงิน แต่เธอก็ตั้งใจไว้แล้วว่าได้เงินเมื่อไหร่จะใช้คืนทันที
ติ๊ง!
ลิฟต์โดยสารพาขึ้นมาถึงชั้นยี่สิบสามตามที่ต้องการ หญิงสาวรอให้ประตูลิฟต์เปิด ก่อนจะเดินหอบหิ้วข้าวของไปตามทางเดิน
ห้องที่เธออยู่อาศัยเป็นห้องมุม ทำให้ห่างไกลจากลิฟต์พอสมควร แต่ก็แลกมาด้วยวิวที่สวย ห้องกว้าง และรับแสงรับลมได้มากกว่าห้องอื่นๆ ดอกแก้วรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับการต้องเดินไกล
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
นิ้วเรียวกดรหัสหกหลักที่เป็นคนตั้งเองอย่างคล่องแคล่ว เมื่อรหัสถูกต้องประตูบานหนักๆ ก็เปิดออกกว้าง ลมเย็นๆ จากเครื่องปรับอากาศปะทะเข้าที่ใบหน้าเป็นอย่างแรกทำให้คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันที
“ฉันลืมปิดแอร์เหรอ?”
ดอกแก้วถามตัวเองเบาๆ เธอจำได้ว่าเธอปิดไฟฟ้าทุกอย่างก่อนออกจากห้องเรียบร้อยแล้ว แต่ทำไมในเวลานี้เครื่องปรับอากาศถึงยังทำงานอยู่ได้
“ช่างเถอะ” ดอกแก้วเลิกให้ความสนใจ เธอหันไปเปิดไฟจนสว่างทั้งห้อง ก่อนจะปิดบานประตูลง
“กลับมืดเชียว”
“อ๊ะ!”
ฟุ่บ!
เสียงทักทายแปลกๆ ทำให้ร่างอิ่มสะดุ้งโหยง เผลอปล่อยของในมือหล่นกระจาย หญิงสาวหอบหายใจถี่ ก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายเต้นกระหน่ำอย่างตื่นตระหนก เธอไม่ได้อยู่ในห้องนี้คนเดียว!!
ใคร?!
ใครกันที่รู้รหัสห้องของเธอ ดอกแก้วจำได้ว่าไม่เคยบอกมันกับใคร หรือว่าจะเป็น... โจร!?
“ย้อมผมเหรอ?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อคนหน้าประตูยังไม่ยอมหันกลับมา ดวงตาคมไล่สำรวจเรือนร่างอิ่มเงียบๆ เหมือนว่าเธอจะผอมลงเล็กน้อย “ผอมลงด้วยใช่ไหม?”
“.....”
“ทำไมไม่ยอมหันกลับมา?”
“คะ คุณเป็นใคร? ต้องการอะไร?”
เสียงสั่นๆ และคำถามแปลกๆ ทำให้พิธานขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฉะ ไม่มีอะไรให้ และห้องนี้ก็ไม่ใช่ของฉัน”
“ดอกแก้ว?” พิธานตัดสินใจเรียกชื่อ ร่างสูงลุกขึ้นยืน ก้าวเดินเข้าไปหาเธออย่างเชื่องช้า
แต่เสียงก้าวเดินนั้นยิ่งทำให้ดอกแก้วสติแตกมากกว่าเดิม เหมือนสมองมันหยุดทำงานกะทันหัน ไม่ยอมตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมโจรถึงได้รู้ชื่อเธอแบบนี้ เธอคิดเพียงแค่อย่างเดียวคือเธอยังไม่อยากตาย
”ดอกแก้ว” พิธานเดินเข้าไปหยุดอยู่ใกล้ๆ แต่อีกคนกลับขยับเข้าหาประตูมากกว่าเดิม “ดอกแก้ว...”
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะ”
“ดอกแก้ว”
มือหนาขยับไปวางบนไหล่เล็ก ดอกแก้วสะดุ้งเฮือก เธอหลับตาปี๋ ตัวสั่นกว่าเดิมจนพิธานสัมผัสได้
“หยะ อย่ามาแตะตัวฉันนะไอ้โจรชั่ว!!” หญิงสาวกลั้นใจด่าผู้บุกรุกอย่างเหลืออดเมื่อถูกคุกคาม เธอขยับไหล่แรงๆ ให้มือนั้นหลุดไป แต่ก็ไม่เป็นผล “ปล่อย!”
“ดอกแก้ว” พิธานตัดสินใจเขย่าไหล่เล็กแรงๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนที่เขาจะโดนเธอด่าไปมากกว่านี้ “ฉันเอง เสี่ยพิธาน”
เสี่ยพิธาน
ดวงตากลมเปิดขึ้น ภาพแรกที่เธอเห็นคือประตูไม้สีอ่อนในระยะประชิด สัมผัสอุ่นๆ บนไหล่ยังไม่จางหายไป สมองของเธอเหมือนจะเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง ดอกแก้วรีบคิดวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้อย่างรวดเร็ว
เริ่มจาก.. มีใครบางคนอยู่ในห้องตอนเธอกลับมา แอร์ถูกเปิดไว้จนเย็นฉ่ำ เขาทักเธอ ถามเธอเรื่องสีผม เรื่องหุ่น และเรียกชื่อเธอด้วย
และที่สำคัญ เขาบอกว่าตัวเองคือเสี่ยพิธาน
เสี่ย... ผู้ชายที่เป็นเหมือนเจ้าชีวิตของเธอในเวลานี้
“สะ เสี่ย!”
ดอกแก้วยอมหันกลับไปมองในที่สุด มือที่อยู่บนไหล่หลุดลงเพราะการหมุนตัวของเธอ พิธานไม่ถือสา เขาเอามือข้างนั้นสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
ดอกแก้วเบิกตากว้าง ผู้ชายตรงหน้าคือเสี่ยจริงๆ ด้วย หญิงสาวลุกลี้ลุกลนรีบยกมือขึ้นไหว้อย่างลุแก่โทษ
“ขอโทษค่ะ ดอกแก้วไม่คิดว่าเป็นเสี่ย...”
“และคิดว่าเป็นโจร?”
“ขอโทษค่ะ” หญิงสาวก้มหน้างุด ไม่ยอมสบตาคมคู่นั้น “ดอกแก้วขอโทษค่ะเสี่ย”
ดอกแก้วก้มหน้ามองพื้น ในใจทั้งร้อนรนและรู้สึกโกรธตัวเอง อยู่ดีไม่ว่าดี ไม่ทันไรก็หาเรื่องใส่ตัวเองแล้ว มีอย่างที่ไหนไปหาว่าเสี่ยเป็นโจร ถ้าเขาไม่ชอบใจจนไม่อยากเลี้ยงเธอต่อก็คงโทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง ตอนนี้เสี่ยคงโกรธจนไม่อยากเห็นหน้าเธอไปแล้ว
“หึ...”
แต่ผิดคาด เพราะเสียงหัวเราะเบาๆ นั้นไม่ได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่เธอกลัวแม้แต่นิด ดอกแก้วรีบเงยหน้าขึ้นมอง เสี่ยกำลังยิ้มอยู่จริงๆ ด้วย ถึงจะดูแทบไม่ออกเลยก็ตาม
“ฉันผิดเองที่ไม่ได้บอกเธอก่อน”
“ไม่ใช่ค่ะ เสี่ยไม่ผิด ดอกแก้วผิดคนเดียวที่ไม่เตรียมตัวและตื่นตูมแบบนี้”
“ช่างเถอะ... ถ้ามัวแต่หาคนผิดวันนี้คงไม่ได้ทำอะไร”
คำว่า ทำอะไร ของพิธานทำให้ดอกแก้วใจเต้นแรงอีกครั้ง เขามาหาเธอวันนี้ เพราะเขาอยาก ทำอะไร กับเธอใช่ไหม?
และเขาก็มีสิทธิ์ทุกอย่าง จะลากเธอเข้าห้องนอนตอนนี้เลยก็ยังได้ แม้เธอจะยังไม่พร้อมแต่ก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธอะไรทั้งนั้น
ไม่เป็นไรนะดอกแก้ว ครั้งแรกอาจจะตื่นเต้น แต่ต่อไปก็จะชินเอง
ดอกแก้วบอกตัวเองซ้ำๆ จนในที่สุดจังหวะหัวใจก็กลับมาเต้นปกติ
“เสี่ยจะ...”
“เธอทำกับข้าวเป็นหรือเปล่า?” ดอกแก้วไม่ทันได้พูดจบ พิธานก็ถามคำถามแทรกขึ้นเสียก่อน “ฉันหิว ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่ลงเครื่อง”
“คะ?”
หญิงสาวทวนเสียงสูง เอียงคอเล็กน้อยด้วยความฉงน เสี่ยทำให้เธอแปลกใจอีกแล้ว เธอคิดว่าเขาจะรีบใช้บริการอย่างว่ากับเธอเสียอีก ไม่คิดว่าเขาจะมีเวลามานั่งกินข้าวแบบนี้
รีบทำให้เสร็จๆ ระบายความใคร่แล้วก็จากไป นี่คือสิ่งที่เสี่ยควรทำไม่ใช่เหรอ?
“ทำไม่เป็นเหรอ? งั้นสั่งมาแล้วกัน”
“ปะ เป็นค่ะ ดอกแก้วทำเป็น” ดอกแก้วรีบตั้งสติ ตอบกลับเสียงสั่นในตอนแรกและฉะฉานในตอนท้าย “เสี่ยอยากทานอะไร หรือทานอะไรไม่ได้บ้างคะ?”
“ฉันอยากกินอาหารไทย ขอรสจัดหน่อยนะ เอาเป็นต้มยำกุ้งก็ได้ เธอทำได้หรือเปล่า?”
“ได้ค่ะ เสี่ยนั่งรอแก้วก่อนนะคะ รับรองว่าไม่นาน”
พิธานพยักหน้ารับและเดินกลับไปนั่งที่โซฟาอย่างไม่เรื่องมาก ตาคมมองตามหญิงสาวที่รีบเอาข้าวของที่ร่วงลงพื้นเข้าไปเก็บในห้องนอน ก่อนจะหายเข้าไปในครัวเล็กๆ อย่างเพลิดเพลิน
ตอนนี้เขาหิวจนไส้กิ่ว ขอกินอะไรรองท้องก่อนดีกว่า ส่วน อะไรๆ ที่ต้องใช้แรงเยอะๆ เอาไว้คืนนี้ก็ไม่สาย...