สัปดาห์ต่อมา
BBK Engineering
หญิงสาวแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาถูกระเบียบตั้งแต่หัวจรดเท้า ก้าวอย่างรีบเร่งเข้ามายังอาคารสำนักงานของบริษัท สิ่งแรกคือพุ่งไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อสอบถามว่านักศึกษาฝึกงานต้องไปรายงานตัวที่ใด ใบหน้าสวยพยักหน้าหงึกๆ หลังเจ้าหน้าที่ท่าทางกระฉับกระเฉงผายมือไปทางลิฟต์ให้เธอขึ้นไปยังชั้นสาม แผนกบุคคล ใยไหมกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่แล้วรีบก้าวขายาวๆ เนื่องจากใกล้ถึงเวลาเริ่มงานเต็มแก่
หลังจากใยไหมขึ้นลิฟต์ไปได้เพียงไม่นาน รองประธานบริษัทหน้านิ่งก็เดินผ่านประตูเข้ามา ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนค้อมศีรษะให้เป็นการทำความเคารพ
สายตาดุดันจริงจังปรายตามองผ่านๆ ด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนเขาจะคิ้วขมวดหรี่สายตาพินิจ แผ่นดินก้าวตรงไปหาพนักงานสาวที่ถือถุงของกินเต็มมือ ยืนตัวสั่นท่ามกลางเพื่อนสาวอีกสองคนเมื่อโดนรังสีพิฆาตจ้องเขม็งมา
"เธอน่ะ!..."
"ค่ะ!"
สาวโชคร้ายหลับตาปี๋ยืนหลังตรงหัวใจสั่นหวิวรับรู้ได้ถึงลางร้ายที่ย่างกรายเข้ามา หลังจากรองประธานโหดฝีปากคมมาหยุดยืนต่อหน้า ทำให้เพื่อนในกลุ่มขยับถอยห่างปล่อยให้เธอเผชิญหน้ากับชายบ้าอำนาจโดยไม่อาจให้ความช่วยเหลือได้
"นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว จะเข้างานในอีกห้านาที แต่ยังมัวมายืนคุยกันสนุกสนาน"
"..."
"แล้วดูการแต่งตัว ชายเสื้อหลุดออกมานอกกระโปรง ไปแจ้งชื่อที่แผนกบัญชี ผมจะหักเงินคุณวันนี้ ครั้งหน้าอย่าให้ผมเห็นพนักงานคนไหนแต่งกายไม่เรียบร้อยอีก!"
"แต่ว่า..." เธอพยายามจะเอ่ยแย้งด้วยใบหน้าซีดเผือด แต่เมื่อเห็นสายตาคมกริบตวัดมอง ก็ไม่มีคำใดหลุดออกมาจากปากอีก ก้มหน้าหวาดกลัวพร้อมน้ำใสเอ่อคลอรอบดวงตา
แผ่นดินตวัดสายตามองพนักงานสาวอีกสองคนด้านหลัง ทำพวกเธอขนลุกวาบรีบก้มหน้าหลบสายตา ก่อนเขาจะเบือนหน้าออกไม่ใส่ใจ แล้วมุ่งหน้าตรงไปทางลิฟต์เมื่อเห็นทั้งคู่แต่งกายเรียบร้อยดี โดยไม่สนลูกน้องสาวที่ถูกตำหนิแม้แต่น้อย
ร่างสูงเดินหลังตรงสง่าผ่าเผยราวกับราชนิกุลดูเย่อหยิ่งจองหอง ก้านนิ้วเรียวยาวจิ้มไปยังปุ่มลิฟต์ ทุกการขยับร่างกายรวมถึงใบหน้าหล่อคมเข้มสะกดทุกสายตาได้เป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าเล่นหูเล่นตายั่วรองประธานหนุ่มสุดหล่อ ต่างทราบดีถึงอารมณ์ไม่คงเส้นคงวาเอาแน่เอานอนไม่ได้ แถมแผ่นดินยังขึ้นชื่อเรื่องคำพูดจารุนแรงทำคนถูกว่าหน้าชา น้ำตาตกกันเป็นแถบๆ
ทุกคนในบริเวณนั้นตั้งแต่ พนักงาน รปภ. เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ แม่บ้าน ไม่กล้าแม้จะหายใจดังด้วยซ้ำ รอจนกระทั่งเขาก้าวเข้าลิฟต์และประตูเหล็กงับปิดลงถึงได้พ่นลมหายใจออกมาพร้อมกันเพื่อระบายความตึงเครียด โล่งใจที่เช้าวันนี้แผ่นดินไม่ไล่ใครออก
ทันทีที่รองประธานจากไปแล้ว สาวคนเมื่อครู่ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น ทำให้เพื่อนสาวต้องรีบเข้ามาปลอบ
"ใจเย็นนะแก โดนหักเงินนิดเดียวเอง ไม่เป็นไรนะ"
"ฮืออออ อะไรวะเนี่ย แค่ชายกระโปรงแลบแค่นี้เอง ถึงจะต้องหักเงินกันด้วย...อึก...มันไม่เกินไปหน่อยเหรอ!"
"ชู่~ เบาๆ คุณแผ่นดินเขาเนี้ยบมาก เรารีบกลับแผนกกันเถอะ เดี๋ยวจะถูกเพ่งเล็งมากกว่านี้"
พนักงานคนอื่นได้แต่มองตามสามสาวด้วยความสงสาร แต่นี่ก็ถือเป็นเรื่องปกติที่พบเห็นได้ประจำ เป็นที่รู้กันว่าใครบังเอิญเดินเจอรองประธานหนุ่มในบริษัทถือว่าดวงตกสุดๆ ตั้งแต่ชายหนุ่มก้าวขึ้นมารับตำแหน่งรองประธาน ทุกคนในบริษัทก็ต้องแอ็กทีฟและรอบคอบกว่าเดิมขึ้นอีกสามเท่าตัว เพราะเขาขึ้นชื่อเรื่องความโหด พูดจาเถรตรงไม่ไว้หน้าใครทั้งสิ้น เพียงแค่เดือนแรกที่เข้ารับตำแหน่ง แผ่นดินก็ไล่พนักงานออกเกือบสิบคน ทำให้กิตติศัพท์เรื่องความเข้มงวดเป็นที่เลื่องลือ
"แฮก แฮก" ใยไหมยืนหอบหายใจอยู่หน้าป้ายแผนกบุคคลหลังจากรีบเร่งขึ้นมาให้ถึงก่อนเวลาเข้างาน เธอสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่พยายามปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอแล้วจึงผลักประตูเข้าไปรายงานตัว
สายตาหงุดหงิดของหญิงวัยกลางคนอายุอานามประมาณสี่สิบปี สวมแว่นหนาเตอะ ท่าทางจริงจังราวกับคุณครูฝ่ายปกครอง ตวัดมองเด็กฝึกงานไม่พอใจนัก พร้อมเหลือบสายตาขึ้นมองนาฬิกาบนผนัง เมื่อเหลือเวลาอีกสองนาทีก็จะถึงเวลาเข้างานแล้ว ทำให้ใยไหมได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนกลับไปด้วยความรู้สึกผิด
เรื่องนี้คงโทษใครไม่ได้นอกจากการจราจรของกรุงเทพ ทั้งที่ใยไหมคิดว่ากะเวลาเผื่อเอาไว้แล้ว แต่ระยะทางระหว่างบริษัทและคอนโดค่อนข้างไกลกันพอสมควร แถมที่ตั้งบริษัทก็ไม่ได้อยู่ติดถนนหลักอีก หลังจากลงจากรถไฟฟ้าก็จำเป็นต้องโบกวินมอเตอร์ไซค์ต่อ ลัดเลี้ยวหนีรถติดผ่านซอกซอยต่างๆ กว่าจะมาถึงที่ได้ก็เล่นเธอเกือบจะสาย
"เกือบสายตั้งแต่วันแรกเลยนะยะ ถ้าทำตัวแบบนี้ต่อไประวังอยู่ไม่ถึงวันฝึกงานจบแน่ๆ" ปวีณาหัวหน้าแผนกบุคคลค่อนแขวะเด็กใหม่ ซึ่งใยไหมก็ไม่คิดจะตอบโต้หาเรื่องกลับ ในเมื่อครั้งนี้เธอเป็นคนผิดจริง ได้แต่ก้มหน้ารับคำตำหนิโดยดี
"จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบวันนี้อีกแน่นอนค่ะ"
"แล้วฉันจะคอยดู ชื่ออะไร"
"ธาริกา นิภารันดร์ ค่ะ"
หัวหน้าแผนกไล่มองการแต่งกายของสาวตรงหน้าอีกครั้ง พลางเปิดเอกสารรายชื่อนักศึกษาฝึกงานในเทอมนี้ ก่อนจะส่งกระดาษดังกล่าวมาให้เธอเซ็นชื่อ และแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับกฎระเบียบข้อบังคับมากมายของบริษัท จนใยไหมอยากจะขอยกมือเบรกแล้วเอามือถือขึ้นมากดบันทึกเสียงไว้เหลือเกิน เพราะมันเยอะมาก!
กว่าปวีณาจะอธิบายจบก็กินเวลาไปหลายนาที ตอนกระทั่งเก้าโมงสิบห้า แต่หัวหน้าแผนกบุคคลก็ดูเหมือนจะไม่สนใจว่าเธอจะเข้าแผนกเลตแล้ว ปล่อยให้หญิงสาวยืนกระสับกระส่ายก้มมองตัวเลขบอกเวลาบนนาฬิกาข้อมือที่เดินไปเรื่อยๆ ขณะรออีกฝ่ายทำบัตรประจำตัวให้ด้วยความช้าระดับเต่าคลาน
"เอ่อ...อีกนานไหมคะ" ใยไหมกลั้นใจถามออกไป แล้วก็เป็นไปตามคาดเมื่อถูกสายตาพิฆาตของคุณครูฝ่ายปกครองตวัดมองฉุนเฉียวกลับ
"มาทำเองไหมล่ะ ใครใช้ให้เธอมาช้าขนาดนี้กัน!"
"ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้อยากจะเร่ง แต่กลัวไปรายงานตัวที่แผนกช้าแล้วหัวหน้าจะตำหนิเอา"
"นั่นเรื่องของเธอจ้ะ...เอ้าเสร็จแล้ว! แผนกเธอขึ้นไปชั้นห้า ออกจากลิฟต์แล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปสุดทางเดินเลย"
ปวีณากลอกสายตารำคาญใจพร้อมยื่นบัตรประจำตัวให้เด็กฝึกงาน ใยไหมค้อมศีรษะขอบคุณรีบคว้าบัตรแล้วหมุนกายเดินออกจากแผนกบุคคลทันที สายตาคู่สวยเหลือบมองหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งสวมเสื้อช็อปคณะวิศวะมหาลัยดังคู่กับกางเกงยีนเพื่อความคล่องตัว เดินสวนผ่านประตูที่ใยไหมเพิ่งออกมา เธอได้แต่ภาวนาให้สาวคนดังกล่าวไม่ถูกคุณป้านั่นสวดยับเนื่องจากเลตกว่าเวลารายงานตัวพอสมควร
ในขณะที่ยืนรอลิฟต์อยู่ สายตาอยากรู้อยากเห็นก็แอบสอดส่ายมองผ่านกระจกใสเข้าไปด้านในเป็นระยะ ก่อนจะนิ่วหน้า เมื่อเห็นหัวหน้าแผนกวัยใกล้หมดประจำเดือนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ประจบเอาใจสาวคนนั้นออกนอกหน้า ทั้งที่เมื่อครู่เกือบจะกินหัวเธออยู่แล้ว
ใยไหมได้แต่ขมวดคิ้วแปลกใจ แต่ยังไม่ทันหายสงสัยประตูลิฟต์ก็เปิดออกก่อนทำให้หญิงสาวตัดสินทิ้งความอยากรู้แล้วก้าวเข้าไปด้านใน กดตัวเลขยังชั้นเป้าหมาย พร้อมสวดภาวนาในใจว่าจะไม่ถูกหัวหน้างานคนใหม่ตำหนิไปมากกว่านี้ นี่ถือเป็นการเริ่มชีวิตเด็กฝึกงานที่ย่ำแย่เหลือเกิน
ไม่รู้จะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่ใยไหมไม่ได้ถูกหัวหน้างานตำหนิ แต่ก็ไม่ใช่เพราะเขาใจดีหรืออะไร เพียงแต่พลพัฒน์หัวหน้าแผนกจัดการพัฒนาองค์กร ชายวัยกลางคนอายุใกล้เลขห้าสิบนั้นดูกะลิ้มกะเหลี่ยไม่น่าไว้ใจสุดๆ สายตาหื่นกระหายสำรวจเรือนร่างเด็กฝึกงานคนสวยอย่างจาบจ้วงตลอดเวลาที่อธิบายหน้าที่ให้เธอรับทราบ ทำเธอโคตรจะอึดอัด เพียงแค่คิดว่าต้องทำงานร่วมกับคนเช่นนี้ไปอีกสี่เดือน ใยไหมก็อยากจะกัดลิ้นตายเสียตรงนี้ เหมือนว่าชีวิตเธอจะหนีผู้ชายหัวงูไม่พ้นจริงๆ
หญิงสาวระบายลมหายใจขณะผลักประตูห้องทำงานของพลพัฒน์ออกมา กวาดมองทั่วแผนกเพื่อหาตัวพี่เลี้ยงของตนเอง ยืนเก้ๆ กังๆ อยู่พักหนึ่งเพราะทุกคนก้มหน้าก้มตาทำงานตัวเอง จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหารุ่นพี่ผู้ชายที่นั่งอยู่บริเวณนั้น
"ขอโทษนะคะ"
"ครับ...ว้าว~ โชคดีจัง ปีนี้มีแต่น้องๆ นักศึกษาฝึกงานน่ารัก มีอะไรให้พี่ช่วยครับคนสวย"
ชายหนุ่มตาวาวเมื่อได้เห็นใบหน้าสวยจัดไร้จุดตำหนิของเด็กใหม่ ไม่วายแอบชำเลืองมองการแต่งตัวเธอด้วยความตื่นเต้น ฉีกยิ้มกว้างเป็นมิตรสุดขีดพร้อมส่งสายตาวิบวับมาให้เด็กใหม่ ทำเส้นขนอ่อนในกายใยไหมลุกวาบ บีบกำมือแน่นแล้วพยายามปั้นหน้าเป็นมิตรสอบถามเรื่องที่ต้องการ
"ไม่ทราบว่าโต๊ะพี่แก้มใสอยู่ตรงไหนคะ"
"อ๋อ ได้แก้มเป็นพี่เลี้ยงเหรอ เสียดายจัง พี่ชื่อทัพนะครับ ยินดีที่ได้รู้จัก" รุ่นพี่ยังไม่ยอมตอบคำถามแต่เลือกแนะนำตัวเองให้เธอรู้จักก่อน ทำให้ใยไหมไม่มีทางเลือก นอกจากแนะนำตัวเองกลับตามมารยาท
"ใยไหมค่ะ...คือ แล้วโต๊ะพี่แก้มใสล่ะคะ"
"ชื่อน่ารักจัง หน้าก็สวย" ทัพยิ้มหวานอารมณ์ดีเอ่ยชมไปเรื่อย เริ่มทำความอดทนหญิงสาวลดต่ำลงทีละนิด
"เอ่อคือ..."
"โต๊ะแก้มทางนั้นครับ ริมขวามือโต๊ะตัวรองสุดท้าย...แก้ม! มารับน้องฝึกงานคนสวยหน่อย"
ไม่ว่าเปล่า ทัพลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนเรียกเพื่อนร่วมงานข้ามห้อง ทำให้ใยไหมตกเป็นเป้าสายตาในทันที สาวสวยดาวเด่นคลับหรูเหงื่อซึมได้แต่ส่งยิ้มแหยกลับไป ทั้งที่ตั้งใจจะเริ่มชีวิตนักศึกษาฝึกงานให้เงียบสงบที่สุด แต่ก็เหมือนอะไรๆ มันจะไม่เป็นตามที่คิดไว้เสมอ
พี่เลี้ยงตัวเล็กท่าทางเรียบร้อยลุกขึ้นยืน พลางชูมือบอกตำแหน่งตัวเอง ใยไหมจึงหันไปขอบคุณชายหนุ่ม แล้วเดินตัวลีบเลียบริมกำแพงเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
แม้จะไม่ได้หันมองรอบข้างแต่คนเซนส์ดีก็พอรับรู้ได้ถึงหลายสายตาที่จ้องมองมาด้วยความสนใจบ้าง ริษยาบ้าง ซึ่งพนักงานในแผนกนี้มีเกือบสามสิบคน เป็นผู้ชายเสียเกินครึ่ง จึงไม่แปลกที่สาวหน้าตาดีระดับนี้จะเป็นที่หมายปองตั้งแต่วันแรก
"สวัสดีค่ะ ใยไหมนะคะ ขอฝากตัวด้วยค่ะ"
"อ่า นั่งเถอะๆ ไม่ต้องจริงจังขนาดนั้น พี่ชื่อแก้มใส คงรู้แล้วเนอะ" รุ่นพี่สาวตบเก้าอี้ข้างตัวให้เธอนั่งลง ซึ่งใยไหมก็ค้อมหัวขอบคุณแล้วทิ้งตัวยังเก้าอี้ของโต๊ะที่ยังว่างข้างพี่เลี้ยง พยายามทำตัวให้ดูเจี๋ยมเจี้ยมที่สุดเพื่อให้พี่เลี้ยงเอ็นดู ชีวิตตลอดการฝึกงานจะได้ราบรื่น
"งั้นเดี๋ยวพี่อธิบายงานคร่าวๆ ก่อนนะ ที่มหาลัยต้องมีทำโพรเจกต์พิเศษอะไรด้วยหรือเปล่า"
"มีค่ะ อย่างน้อยก็ต้องหนึ่งโพรเจกต์ ทำรายงานส่งเป็นตัวจบค่ะ"
"โอเคๆ ช่วงแรกก็อยากให้เรียนรู้งานไปก่อน จะได้รู้ว่าบริษัทเราทำเกี่ยวกับอะไรบ้าง แล้วพี่จะค่อยเริ่มให้ช่วยงานเสนอแผนพัฒนาองค์กร นอกเหนือจากนั้นก็ช่วยๆ งานจิปาถะในแผนก ส่วนเรื่องโพรเจกต์จบถ้าคิดเรื่องที่อยากทำออกก็ลองมาเสนอ เทอมนี้มีนักศึกษาฝึกงานในแผนกนี้สามคนนะ เดี๋ยวเราก็คงได้รู้จักเอง นั่งอยู่อีกด้าน"
"ค่ะ"
"ส่วนแผนงานแต่ละอย่างเราจะต้องเสนอแข่งกับทีมอื่นๆ แล้วพี่พลจะเป็นคนตัดสินใจอีกทีว่าจะนำแผนงานไหนขึ้นไปเสนอบอส ถ้าบอสอนุมัติทีมที่เสนอก็จะได้ดูแลงานนั้นไป ทีมอื่นก็ต้องไปหาแผนใหม่มา เพราะถ้าทีมไหนทำผลงานได้ดีก็จะมีผลกับโบนัสสิ้นปี ถือว่าการแข่งขันสูงมากเลยแหละ"
"ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ" ใยไหมพยักหน้ารับตั้งใจฟังข้อมูลทุกอย่างด้วยสีหน้าจริงจัง
แล้วรุ่นพี่สาวก็แนะนำสมาชิกทีมย่อยอีกหกคนให้ใยไหมรู้จัก ซึ่งทั้งหมดก็นั่งอยู่ถัดจากหญิงสาวไปนั่นเอง เด็กฝึกงานคนสวยยิ้มทักทายทุกคนในทีมด้วยความนอบน้อมเป็นมิตร ทั้งที่ภาพลักษณ์แรกคิดว่าจะเป็นสาวสวยเรื่องมากขี้วีนซะแล้ว แต่เห็นท่าทางขยันขันแข็งของน้องใหม่ ทำให้ทุกคนรู้สึกเอ็นดูเธอไม่ยาก
สามปีต่อมาเด็กชายตัวน้อยวัยสามขวบวิ่งเล่นยังสนามหญ้ากว้างโดยมีพี่เลี้ยงวัยกลางคนวิ่งไล่ตาม ใบหน้าเล็กฉายแววหล่อตั้งแต่เด็กแดงก่ำด้วยเม็ดเหงื่อ หัวเราะคิกคักเสียงใสมีความสุข"คุณวายุวิ่งช้าๆ หน่อยสิคะ หวานวิ่งตามไม่ทันแล้ว""คิกคิก พี่หวานช้า แน่จริงก็จับวายุให้ได้สิ"พี่เลี้ยงระบายยิ้ม ชะลอแรงลงเล็กน้อยเพื่อให้ช้ากว่าขาเล็กๆ ของคุณหนู ทำท่าให้ดูเหมือนว่าวิ่งไล่ตามไม่ทัน ทำให้เด็กน้อยส่งเสียงหัวเราะสดใส"วายุครับ มาพักก่อนเร็ว พี่หวานหมดแรงแล้ว" เสียงหวานร้องเรียกลูกชายวัยกำลังซนเด็กชายเองก็ยิ้มกว้าง วิ่งตรงปรี่เข้ามาหามารดาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สนามใต้ร่มไม้ด้วยความรวดเร็ว"ระวังครับวายุ อย่าวิ่งเร็วขนาดนี้ เดี๋ยวก็หกล้มเอาหรอก""เอาน่า อย่าดุแกนักเลย มาให้ปู่อุ้มหน่อยสิหลานรัก...ไหนดูซิ เหงื่อซกเลย"เดชาหันไปปรามสะใภ้ ก่อนจะผายมือรอหลานชายคนโตที่เปลี่ยนเป้าหมายพุ่งเข้าไปหาเขาแทนใบหน้าชายชราเต็มไปด้วยความสุข หอมแก้มแดงๆ ของหลานชายสุดที่รักไปฟอดใหญ่ พลางช่วยหาผ้าเช็ดหน้ามาซับเม็ดเหงื่อบนใบหน้าเล็ก"ดื่มน้ำก่อนครับวายุ คุณย่าทำน้ำอัญชันมะนาวที่ชอบมาให้ด้วยนะ" ใยไหมเองก็ส่งยิ้มกว้างเอ็น
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการก็ได้ฤกษ์เข้าหอของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ทั้งคู่ส่งแขกผู้ใหญ่บางส่วนกลับ และปล่อยให้กลุ่มวัยรุ่นที่ยังติดลมนั่งดื่มสังสรรค์กันต่อ ส่วนเจ้าของงานก็เดินตามครอบครัวขึ้นมายังห้องสวีตสุดหรูของโรงแรม เดชา จันเจ้า และธิดาได้กล่าวอวยพรขอให้ทั้งคู่มีชีวิตรักที่ราบรื่น และเร่งผลิตทายาทมาให้สองครอบครัวได้ชื่นใจเร็ววัน ใยไหมอมยิ้มพยักหน้ารับคำ แม้ความจริงเธอนั้นมีข่าวดีมานานแล้ว แต่เก็บเงียบปิดบังทุกคนเอาไว้ ตั้งใจว่าคืนนี้จะมีเซอร์ไพรส์สามีเป็นของขวัญวันแต่งงานเสียหน่อยเมื่อทั้งหมดจากไปแล้วภายในห้องสวีตก็เหลือเพียงเจ้าบ่าวเจ้าสาว ใบหน้าของแผ่นดินแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ถูกเพื่อนคะยั้นคะยอให้ดื่มไปหลายแก้ว แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงหล่อร้ายแพรวพราวด้วยเสน่ห์เปี่ยมล้นจนใยไหมใจเต้นแรงทุกครั้งที่มอง"เหนื่อยไหมครับที่รัก วันนี้ดินมีความสุขมากเลยรู้หรือเปล่า"ร่างสูงสวมกอดเจ้าสาวคนสวยเอาไว้จากทางด้านหลัง กดริมฝีปากแนบลาดไหล่แผ่วเบา ดวงตาอ่อนโยนเต็มไปด้วยความลุ่มหลงรักใคร่เด่นชัด ยิ่งได้มีโอกาสอยู่กันตามลำพัง เขาก็สามารถแสดงออกถึงความรักที่มีให้เธอเต็มที่"เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ แต่ก็มีคว
หนึ่งเดือนต่อมาในที่สุดก็ถึงงานแต่งงานของใยไหมและแผ่นดิน หญิงสาวจำเป็นต้องตื่นมาแต่งหน้าทำผมตั้งแต่ตีสามครึ่ง โดยมีทั้งธิดา จันเจ้า และม่านฟ้ากระวีกระวาดช่วยตรวจเช็กข้าวของเจ้าสาวให้เรียบร้อยคู่บ่าวสาวจำเป็นต้องไปถึงโรงแรมก่อนแปดโมง และพิธีการหมั้นแบบไทยปนจีนก็จะเริ่มขึ้นตอนเก้านาฬิกาตรงบรรดาญาติพี่น้องเพื่อนสนิทมิตรสหายและตัวแทนบริษัทคู่ค้าเดินทางมาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญมากมายแม้จะเหนื่อยกับหลายสิ่งหลายอย่างแต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ใยไหมมีความสุขเหลือเกิน เธอหันมองใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของเจ้าบ่าวด้วยสายตาอ่อนโยน ซึ่งเขาก็ก้มมองเธออยู่ก่อนแล้ว ร่างสูงสวมสูทสีน้ำตาล เรือนผมดกหนาถูกเซตเสยขึ้นด้านบน เปิดเผยใบหน้าดุดันให้โดดเด่นขึ้นเป็นอีกเท่าตัวมุมปากของชายหนุ่มระดับรอยยิ้มจางๆ เอาไว้เสมอ เรียกกระแสฮือฮาจากญาติและเพื่อนฝูงเขาได้เป็นอย่างดี ในที่สุดหนุ่มหน้าตึงราวกับโกรธคนทั้งโลกก็มีมุมหวานชื่นให้ได้เห็นเป็นบุญตาสักครั้งใยไหมอยู่ในชุดสีขาวแขนยาวสะอาดตา ดูสวยสง่าเรียบร้อย เหมาะกับพิธีหมั้นในช่วงเช้าทั้งคู่นั่งพับเพียบบนเวทีสูง ตกแต่งประดับประดาด้วยซุ้มดอกไม้สวยงาม ช่างภาพหลายคน
สองเดือนต่อมาทุกอย่างถูกเตรียมการอย่างเร่งรีบเนื่องจากเจ้าบ่าวอยากจะเข้าประตูวิวาห์ใจจะขาด ทำให้ทีมออร์กาไนซ์หลายเจ้าถูกเกณฑ์เพื่อมารังสรรค์งานแต่งงานครั้งนี้ให้ออกมายิ่งใหญ่อลังการสมฐานะแม้งานแต่งจะจวนเจียนใกล้เข้ามาแล้ว แต่หนุ่มบ้างานก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง งานเลขาของใยไหมถูกหยุดลงชั่วคราว และรับหน้าที่เลือกสรรสิ่งของที่ต้องใช้สำหรับงานแต่ง โชคดีที่ได้ม่านฟ้าและจันเจ้ามาคอยช่วยเหลือ ไม่เช่นนั้นเธอคงได้สติแตกแน่นอนกับความยุบยิบมากมาย แถมเมื่อได้เห็นราคาคร่าวๆ สำหรับวันสำคัญวันเดียว ว่าที่เจ้าสาวก็แทบลมจับ เพราะแผ่นดินเล่นทุ่มทุนสร้างถึงเกือบสิบล้านบาทตอนนี้เธอเชื่อหมดใจแล้วว่าเขาคือสายเปย์ตัวจริง!ร่างบางในชุดเจ้าสาวแขนยาวเข้ารูปสีขาวสะอาดตาเปิดม่านออกมาให้น้องสามีที่นั่งรอช่วยดูม่านฟ้าฉีกยิ้มกว้าง ตาเป็นประกาย รีบลุกขึ้นมาจับตัวพี่สะใภ้รุ่นราวคราวเดียวกันหมุนกาย เพื่อดูชุดสวยให้ถนัดตา"โอ๊ย คนมันสวยนี่ใส่อะไรก็สวยจริงๆ ด้วย ตัวนี้ลายลูกไม้หรูเชียว ว่าไงเธอชอบหรือเปล่า""ดูไม่เป็นตัวเองยังไงก็ไม่รู้"ใยไหมอมยิ้มเขินอาย ไม่ชินเลยยามต้องมาอยู่ในชุดที่เรียบร้อยเป็นทางการเช่นนี้"แต่ออร่
BBK Engineeringร่างบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวคู่กับกระโปรงเข้ารูปสีน้ำเงิน ราศีคุณนายจับทุกกระเบียดนิ้ว ควงแขนเดินเคียงคู่มากับรองประธานสุดหล่อ ใบหน้าสวยเชิดขึ้นปรายตามองรอบข้างด้วยท่าทางเหนือกว่า การกลับมาบริษัทในครั้งนี้ให้ความรู้สึกแตกต่างจากครั้งสุดท้ายราวฟ้ากับเหวเหล่าพนักงานต่างชะเง้อคอมองทั้งคู่ด้วยความสนใจ ซึ่งก็มีหลากหลายอารมณ์เลยทีเดียว ทั้งแตกตื่น สงสัย รวมถึงริษยา ไม่มีอีกแล้วรอยยิ้มเย้ยหยัน สมเพชเวทนา!นิ้วเรียวยาวประดับด้วยเพชรเม็ดสวยบนนิ้วนางข้างซ้ายส่องประกายวิบวับ ซึ่งสาวแสบก็ไม่วายกรีดกรายนิ้วให้อดีตกลุ่มพนักงานที่เคยสุมหัวนินทาได้เห็นมันชัดๆ และเมื่อสายตาคมกริบของแผ่นดินกวาดมอง ทุกคนก็ได้แต่เก็บกักความสงสัยใคร่รู้แล้วก้มหน้าหลบสายตา ปล่อยให้ทั้งสองเดินเข้าลิฟต์ไป"แก! นั่นใช่ยัยเด็กฝึกงานคนเก่าที่ตามติดบอสต้อยๆ หรือเปล่า""ฉันว่าใช่! สรุปแล้วนางกลับมาอีกได้ไง ไหนบอกว่าบอสกำลังจะหมั้นไม่ใช่เหรอ?""ตกข่าวมาก! เขาถอนหมั้นกันไปนานแล้วเถอะ แต่ก็ไม่คิดว่ายัยเด็กฝึกงานคนนั้นจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้""หมายความว่าไง""ไม่เห็นที่มือนางเหรอยะ! แหวนเพชรเม็ดโตขนาดนั้น!""สรุปบอส
หญิงสาวหลับสนิทตลอดทางด้วยความอ่อนเพลีย หลังจากบทรักในค่ำคืนวานสูบพลังไปมากแผ่นดินอาศัยช่วงที่รถกำลังติดไฟแดงใช้ปลายนิ้วเกี่ยวเส้นผมยาวที่ปรกใบหน้าสวยขึ้นทัดหู เพื่อที่จะได้มองหน้าสาวคนรักได้ชัดขึ้น ดวงตาคมอ่อนโยนราวกับไม่ใช่รองประธานสุดโหดคนเดิม การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยทำให้หญิงสาวที่เข้าสู่ห้วงนิทราขมวดคิ้ว ปรือดวงตาง่วงงุนขึ้นมองรอบข้าง"อื้มมมม~ ถึงแล้วเหรอ""ยังครับ อีกสักชั่วโมง ไหมนอนพักไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวถึงบ้านดินปลุกเอง""ดินไม่เหนื่อยเหรอไง เมื่อคืนก็นอนไปนิดเดียว เดี๋ยวไหมเปลี่ยนไปขับให้เอง"ร่างเล็กบิดกายขับไล่ความเมื่อยล้า ขยี้ตาให้หายง่วงออกปากอาสา"ไหมนอนเถอะ ดินชาร์จพลังมาเต็มที่แล้ว ตอนนี้คึกคักสุดๆ"ดวงตาชายหนุ่มเป็นประกายวิบวับเจ้าเล่ห์ สร้างความเคอะเขินให้หญิงสาวไม่น้อย หลังจากถูกเขาเคี่ยวกรำด้วยบทรักสุดเร่าร้อนตลอดคืน ทำเอาร่างเธอปวดเมื่อยระบมไปหมด แต่ฝ่ายกระทำเป็นส่วนใหญ่กลับกระชุ่มกระชวยจนน่าหมั่นไส้"งั้นก็ตามใจ ถึงแล้วบอกด้วยนะ ขอนอนอีกแป๊บ""ได้ครับคุณนาย"แอร์เย็นๆ บวกกับความอ่อนล้าทำให้ไม่นานหญิงสาวก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง โดยที่มือบางถูกหนุ่มคนขับกุมเอาไว้