ตึกๆ ตึกๆ หัวใจของฉันเต้นแรงกว่าทุกครั้ง เต้นแรงกว่าตอนที่อยู่กับคินเสียอีก ฉันหันไปมองเขา แต่ใบหน้าของฉันก็ไปชนกับแก้มของนานที่เอามาเกยตรงหัวไหล่ของฉันพอดี
“พี่ว่าเราจะเกินเพื่อนร่วมงานไปแล้วนะนาน” “แต่ผมไม่ได้เมานะพี่ หรือว่าพี่เมา” ฉันนั่งก้มหน้าเพราะว่าอายไม่ว่าจะเป็นคำพูด ท่าทางของเขามีผลต่อฉันหมด “ผมว่าผม ส่งพี่กลับบ้านดีกว่ายังไงซะผมก็เป็นผู้ชาย” “ใช่ๆ นานเป็นผู้ชาย พี่กลับก่อนดีกว่าพรุ่งนี้เจอกันที่ทำงานนะ” ฉันรีบคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องเขาไป “พี่รินเดี๋ยวผมไปส่ง” เขารีบวิ่งตามฉันมา ตลอดทางที่นั่งรถกลับเราแทบไม่พูดอะไรกันเลย ฉันคิดว่าเขาชอบผู้ชายมาตลอด แต่ท่าทางของเขาเมื่อกี้ สายตาของเขาเมื่อกี้ ทำฉันหวั่นไหว สุดๆ เกือบเผลอจะไปให้เขาสอนจูบจริงๆ ซะด้วยสิ ยัยรินเอ้ยจะโดนเด็กตกจริงๆ เหรอนี่ หนึ่งเดือนต่อมา “อะไรกันน้ำตาลฉันกับนานเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกัน ฉันอายุขนาดนี้เด็กที่ไหนจะมาสนใจ” ฉันพูดบ่ายเบี่ยงเมื่อถูกเพื่อนสนิทถามว่าฉันคบกับนานจริงหรือไม่ เพราะเห็นไปไหนด้วยกันบ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นไปทานข้าวด้วยกัน หรือว่าดูหนังในช่วงวันหยุดอีก “ฉันไม่เชื่อแกหรอกยัยรินปากแข็ง” “ตามใจแกจ้ะ ไปๆ ฉันจะทำงานแล้ว” ฉันรีบไล่ยัยน้ำตาลออกไป เมื่อเห็นน้องนานเดินเข้ามา จะให้พูดได้อย่างไรในเมื่อน้องนานยังไม่เคยบอกว่าชอบฉันเลยแบบนี้จะเรียกว่าคบกันได้เหรอ “คุยอะไรกันเหรอครับพี่ริน หน้าแดงเลย” เขาเดินเข้ามาพร้อมกลับวางกระเป๋าโน๊ตบุคไว้บนโต๊ะ “พี่มีเรื่องจะคุยกับนาน ตอนเย็นไปหาอะไรกินมั้ย” “อือ เอาสิครับดีเลย” เขาดูกระตือร้นเป็นพิเศษ ที่ร้านข้าว “พี่มีอะไรจะคุยกับผมครับ” กาลนานถาม “ไม่มีอะไรหรอก พี่แค่พามาเลี้ยงข้าวเฉยๆ “ ทั้งที่ฉันมีคำถามมากมายอยากจะถามเขา ไม่ว่าจะมีแฟนหรือยัง หรือว่ากำลังคุยกับใครอยู่มั้ย นานคิดยังไงกับพี่กันแน่ เพราะที่เราทำกันมันเกินเพื่อนร่วมงานไปนิดนึง ส่งข้อความบอกฝันดี นัดไปดูหนังกันวันหยุดหรือแม้แต่โอบกอดกันถึงเนื้อถึงตัว พี่ไม่อยากคิดเองเออเอง เพราะถ้านานไม่ชอบพี่ พี่จะดึงความรู้สึกทั้งหมดของตัวเองกลับมา “พี่รินครับ พี่ริน นั่งเหม่อคิดอะไรอยู่ครับ ผมเรียกพี่ตั้งนาน” เสียงของกาลนานทำฉันสะดุ้งที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย “อือๆ พี่ฟังอยู่” คราวนี้ฉันดูตื่นเต้นกว่ากาลนานซะอีก “ถ้าพี่ไม่มีอะไรจะพูด งั้นผมขอถามพี่ได้มั้ยครับ” “นานมีอะไรจะถามพี่เหรอ” ฉันนั่งบีบมือตัวเองที่วางอยู่บนหน้าขา “พี่รินเลิกกับแฟนพี่แล้วเหรอครับ แล้วก็ห้ามโกหกผมด้วย เพราะตอนนี้ผมจริงจังมาก “ก็ได้ๆ พี่เลิกกับแฟนหลายเดือนแล้ว ก่อนที่นานจะมาทำงานที่นี่อีก” ฉันยอมรับแต่โดยดี เพราะโกหกยังไงก็ไม่เนียนไม่มีแฟนมารับแถมวันหยุดยังตัวติดกับเขาแจอีก เป็นใครก็สงสัยแต่อย่างนานล่ะเขามีแฟนอยู่แล้วหรือเปล่า หรือว่ามีแต่แยกกันอยู่ ฉันคิดไปต่างๆ นานา “พี่รินจะคบกับผมมั้ย เป็นแฟนกับผมนะพี่” ฉันได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็พูดอ้ำอึ้งไม่เป็นภาษา “อะอะไร นะนานว่าอะไรนะ” “ผมชอบพี่ริน เป็นแฟนกับผมนะ” สายตาที่ดูมุ่งมั่นมีเสน่ห์แบบนี้เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานเมื่อฉันพยักหน้าตกลงอย่างลืมตัว “ไม่ใช่ๆ เราดูกันก่อนนะค่อยๆ คุยกันไป” ฉันรีบลุกขึ้นเพราะทำตัวไม่ถูกด้วยอายุที่ห่างกันมาก เกือบสิบปีกาลนานจะมาชอบเราจริงๆ เหรอ แต่ถ้าเราไม่ออกตัวแรงก็คงไม่เป็นไร จะได้ไม่เจ็บมาก “ผมจะจีบพี่รินแล้วนะครับ” กาลนานตะโกนตามหลังฉันมายิ่งทำให้ฉันอายไปกันใหญ่ทั้งที่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันมีแฟน สามวันต่อมา “นานปล่อยพี่ก่อน เดี๋ยวมีคนมาเห็น” กาลนานโอบกอดฉันจากทางข้างหลังในห้องมุมกาแฟไว้สำหรับให้พนักงานชงกาแฟและทานของว่าง “มีใครมาเห็นก็ดีสิ ผมอยากตอบคำถามคนอื่นจะแย่อยู่ละว่าเราเป็นแฟนกัน” ฉันแกะแขนของเขาออกเพราะกลัวคนอื่นจะมาเห็นเข้าจริงๆ “อะแฮ้มๆ พี่รินทำอะไรครับ” เสียงนี้ที่ฉันไม่ได้ยินมานานมาก “แล้วเห็นพี่ถ่ายเอกสารอยู่หรือไงเจ้าอาร์ ก็เห็นอยู่ว่าพี่ดื่มกาแฟอยู่” ฉันรีบหันหน้าหนีกลัวว่าเจ้าอาร์รุ่นน้องที่ทำงานจะจับพิรุธของฉันได้ “ได้คู่หูทำงานใหม่คงลืมผมแล้วมั้ง ผมขาหักลาพักไม่กี่เดือนเอง” อาร์เดินมากระแซะไหล่หยอกฉัน “หายป่วยมาทำงานวันแรกก็มาแกล้งพี่รินเลยนะไอ่อาร์ มานี่เลยมาคนนี้กูหวง” ฉันเอียงคอหันไปตามเสียง “นายสองคนรู้จักกันด้วยเหรอ” “รู้สิพี่ ผมน่ะเรียนวิศวะจบ แต่เจ้านี่เรียนไม่จบ เพราะ…” กาลนานรีบเอามือปิดปากเจ้าอาร์ไว้เหมือนกลัวความลับจะหลุดออกมา ช่วงตอนเย็นหลังจากที่ทุกคนเริ่มเก็บของกำลังจะกลับบ้าน “อะไรนะพี่ริน” ฉันรีบเอามือปิดปากเจ้าอาร์ก่อนที่เขาจะพูดเสียงดังไปมากกว่านี้ “พี่รินคิดว่าไอ่นาน เป็น…แบบที่ชอบผู้ชายงั้นเหรอ” “ใช่น่ะสิ แต่ที่นี้…” ฉันยังไม่ทันพูดจบเจ้าอาร์ก็รีบพูดแทรกขึ้น “ ตอนเรียนวิศวะด้วยกันตอนปีหนึ่ง กาลนานน่ะมันตัวล่าสาวๆ เลยนะพี่” “ห๊ะ อะไรนะตัวล่าเลยเหรอ” ฉันอึ้งกับคำพูดของอาร์มากไม่คิดว่าผู้ชายที่ดูนุ่มนิ่มจะถูกเรียกว่าเป็นผู้ล่า “ใช่พี่ สาวมันเยอะคารมมันดี รูปหล่อพ่อรวยใครก็อยากเข้าหาโดยที่มันแทบไม่ต้องเปลืองแรงล่าเลย แต่ผมก็ไม่เคยเห็นว่ามันมีแฟนเป็นตัวเป็นตนนะ แล้วพี่รินมองยังไงว่ามันเป็นเกย์” “พี่กำลังจะบอกว่า ตอนแรกพี่ก็คิดแบบนั้น พอนานไปมันไม่ใช่แบบที่คิดนานเขาชอบผู้หญิง” “ห๊ะ ฉิบหายแล้ว งั้นที่ผมหลุดพูดไป ว่ามันเป็นตัวล่าพี่รินลืมๆ มันไปได้มั้ยผมไม่ได้เผาเพื่อนนะ เพียงแค่อยากแก้ต่างให้มันน่ะ หลุดพูดไปหมดเลย” เขาเกาะแขนทำอย่างกับว่าฉันจะเอาเรื่องนี้ไปถามกาลนานอย่างนั้นแหละ ดีซะอีกรู้แบบนี้ฉันจะได้ระมัดระวังตัวมากขึ้นฉันคิดว่าไว้แล้วว่าหล่อแบบกาลนานทำไมไม่มีแฟน ที่ไหนได้เพราะเขามีผู้หญิงเยอะเลยไม่ยอมมีแฟนงั้นเหรอ เพราะเธอแค่รักสนุกแต่ไม่อยากผูกพัน แหม่เพลงลอยมาในหัวเลย “อะไรวะไอ่อาร์เกาะแขนพี่รินแบบนี้ได้ไงปล่อยเลยๆ” กาลนานรีบแกะมือของอาร์ออกจากฉัน ทันทีที่มือเหนี่ยวนั่นหลุดอาร์ก็ยกมือไหว้ฉัน “นะพี่ริน….พรีสสสส” “อะไรมานี่เลยคุยอะไรกัน” กาลนานล็อคคออาร์เดินออกไป ทำเอาฉันโล่งอกไม่น้อย เพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับนานเพราะเมื่อกี้ก็รู้เยอะอยู่เหมือนกัน “ตัวล่าเลยเหรอ นานเป็นตัวล่าเลยเหรอ แล้วฉันถูกล่าหรือยัง หรือว่าฉันกำลังถูกล่า” ฉันสลัดความคิดบ้าๆ นั้นออก “โชคดีแล้วยัยริน” ที่ไม่ออกตัวแรงแต่มันก็เจ็บอยู่นะถ้าเขาเห็นฉันเป็นทางผ่านจริงๆ นี่ฉันเพิ่งอกหักมาจะอกหักอีกแล้วเหรอเนี่ย หลังจากที่อาร์กลับมาทำงานได้ปกติกาลนานก็ได้ย้ายไปแผนกข้างๆ ตามที่ลงไว้แต่แรก ฉันเลยไม่ค่อยได้เห็นเขาเหมือนเมื่อก่อน จะมีก็แต่ตอนเช้า ที่เขาซื้อกาแฟมาให้ ตอนเที่ยงที่ทานข้าวด้วยกัน เขายังเหมือนเดิม แต่ฉันสิกลับไม่มั่นใจในตัวเขาเลย ที่โรงอาหาร “ขอโทษนะครับ ผมขอนั่งด้วยได้มั้ยครับ” ผู้ชายรูปร่างสูง ผิวพรรณดีแถมยังหล่อเหลายกถาดอาหารมานั่งตรงข้ามฉัน สงสัยจะเป็นพนักงานใหม่ “ตามสบายเลยค่ะ พอดีฉันอิ่มพอดี ขอตัวก่อนนะคะ” ทันทีที่ฉันลุกขึ้นทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่ฉัน “ยัยรินๆ เธอรู้มั้ยว่าคนที่เธอลุกหนีมาคือคุณนิรันด์ หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทนี้” ยัยน้ำตาลรีบลากฉันมาอีกฝั่งของโรงอาหาร มองผู้ชายที่แต่งตัวดีภูมิฐานแบบนั้นว่ายังหนุ่มยังแน่นกลับเป็นเจ้าของบริษัทใหญ่โตแบบนี้ “ฉันจะไปรู้ได้ไง ใครจะไปคิดว่าเขาจะมากินข้าวกับพวกเราในโรงอาหารแบบนี้ ระดับเขาต้องไปกินอาหารร้านแพงๆ แล้ว” “เออ มันก็จริงของแกแล้วทำไมเขาไปนั่งกับแกวะโต๊ะอื่นก็ว่างตั้งเยอะะ อย่าบอกนะว่าเขา…” น้ำตาลพูดเว้นไว้ “บ้าน่า… เขาไม่ได้สนใจอะไรฉันหรอกฉันธรรมดาจะตายไป” ฉันพูดพลางเอาผมทัดหูประหนึ่งว่าสวยมาก “บ้าเหรอแก ฉันจะบอกว่าคุณนิรันด์กำลังจะจับผิดแกอยู่หรอกฉันว่าฉันไปทำงานดีกว่า” น้ำตาลรีบลากฉันออกมาจากโรงอาหารอย่างไว หลังจากที่ทำงานไปได้สักพักหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนทันที “ไปหาอะไรกินดีกว่า น้ำตาลเอากาแฟมั้ย” ฉันถามเพื่อนที่นั่งหน้าคอมฯอยู่ข้างๆ “สักแก้วก็ดี ขอบใจนะจ้ะพี่รินคนสวย” “เดี๋ยวพี่สาวคนสวยคนนี้จะชงให้สุดฝีมือเลยนะน้องสาว” “ขอบคุณคร้าาาา” ยัยน้ำตาลพูดพร้อมยกมือไหว้ กวนจริงๆ(ตอนพิเศษที่ 2 วันวานกับเรื่องบาดหมางของกาลนานกับนิรันด์และโมเม้นกาลนานเจอรินรดาครั้งแรก)เมื่อกาลนานกำลังจะขึ้นปีสองก็ได้มีการบรรยายพิเศษที่คณะจากทีมวิศวะมืออาชีพหญิงสาวสวยสะพรั่งในชุดกระโปรงทรงเอรัดรูปกับผมที่ถูกมัดขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าและต้นคองามระหงเด่นชัด“ไอ้นาน มึงมองพี่เขาขนาดนั้นเดี๋ยวพี่เขาก็ถามมึงหรอก” เจตเพื่อนที่เรียนวิศวะด้วยกันกับเขาพูดขึ้น“ถ้าพี่เขาถามกู กูจะให้เบอร์โทรพี่เขาเลย ผู้หญิงอะไรสวยแท้วะ” กาลนานนั่งพูดอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องโดยที่หญิงสาวยังคงพูดบรรยายไปโดยที่ไม่ทันได้เห็นกาลนานด้วยซ้ำ“ต้องขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ฟังพี่รินพูดอย่างตั้งใจหวังว่าทุกคนจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในการเรียนหรือวันข้างหน้าก็สามารถปรับเปลี่ยนกับการทำงานได้ค่ะ” รินรดาพูดจบเธอก็เก็บอุปกรณ์ของตัวเอง“พี่รินครับ ผมมีข้อสงสัยครับ” นักศึกษาชายยกมือขึ้นทำให้กาลนานหันไปมองเพื่อนในชั้นทันที“มีอะไรคะ ถามได้เลยค่ะ” รินรดายิ้มแย้ม“พี่รินมีแฟนหรือยังครับ” นักศึกษาคนนั้นถามทำให้เพื่อนๆ ในห้องโห่แซวกันใหญ่“ไอ่เชี่ย” กาลนานอุทาน“พี่ยังไม่มีแฟนค่ะ และพี่ก็ไม่ชอบเด็กด้วยค่ะ” รินรดาพูดตัดจบไป ทุกคนในค
เผลอใจรักพักใจเหรอ ตอนพิเศษ1 วันวานกับพี่ชายที่ชื่อนิรันด์ย้อนกลับไปในช่วงวัยรุ่นตอนอายุสิบแปดของกาลนานที่เริ่มโตเป็นหนุ่มมีใบหน้าที่หล่อเหลาแม้ร่างกายที่ดูภายนอกจะบอบบางแต่จริงๆ แล้ว เขานั้นซ่อนรูปไม่เบามันเป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจของหญิงแท้ชายเทียมเป็นอย่างมาก ท่ามกลางแสงสีไฟสลัวๆ ที่กระทบกับร่างกายของชายหนุ่มที่เต้นใช้เอวเป็นซะส่วนใหญ่ ค่อยๆ หมุน ค่อยๆ ควงเอวให้มันต่ำลงจนตัวเองนั่งคุกเข่าลงแล้วยกเสยเอวเด้งขึ้นเด้งลงไม่หยุด เสียงกรี๊ดของผู้หญิงในผับก็ดังแข่งกับเสียงดนตรีที่เขาเต้นอยู่บนเวทีด้วยเช่นกัน คงจะถูกใจกันไม่น้อยเลยทีเดียว เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่ปลดกระดุมลงจนเห็นสะดือกับหัวเข็มขัดถูกถอดและเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น ยิ่งทำให้เห็นกล้ามเนื้อและแผ่นหลังที่ดูแข็งแรงจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย“กรี๊ดดด ถอดอีกๆ” เสียงร้องตะโกนของสาวๆ ในผับตะโกนกู่ร้องดังเหมือนยิ่งยุให้เขาทำในสิ่งที่พวกเธอต้องการ“ข้างล่างถอดไม่ได้ครับ ขืนผมถอดเจ้าของผับแบนไม่ให้ผมเข้าอีกแน่ๆ” เมื่อกาลนานพูดจบเขาก็ก้มโค้งขอบคุณแล้วเก็บเสื้อที่เขาโยนมันลงพื้นไปแต่แรก ทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นผู้ชายที่เขาคุ้นเคยเป็นอ
หลายวันต่อมา คุณนิรันด์กาลเรียกฉันให้เข้าไปพบที่ห้องทำงานของเขา “สวัสดีค่ะ คุณนิรันด์กาล” ฉันยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “เชิญนั่งก่อนครับ ผมมีเรื่องสำคัญจะแจ้ง” “ขอบคุณค่ะ” ฉันนั่งลงตรงข้ามเขาด้วยใจที่ลุ้นระทึกอีกรอบ เขาส่งกระดาษใบสี่เหลี่ยมให้ฉัน “เงินเจ็ดล้านตามที่ตกลงกันไว้ครับ คุณทำสำเร็จนะขอบใจคุณรินมากที่ช่วยครอบครัวของเรา” “ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” ฉันส่งเช็คนั้นคืนกลับไป “ทำไมจะยังไม่ได้ทำครับ ก็ลูกชายทั้งสองของผมบอกว่าถ้าไม่ได้คุณรินป่านนี้น่าจะยังทะเลาะกันอยู่ผมเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่องครับ เลี้ยงลูกตามใจจนเอาลูกไม่อยู่จนต้องไปขอให้คุณรินช่วย” “ฉันยินดีค่ะ แต่เขาสองคนดีกันแล้วเหรอคะ” “ใช่ครับ เมื่อคืนเขาคุยกันหัวเราะชอบใจใหญ่ผมมีความสุขมากครับ” อ๋อว่าแล้วเมื่อคืนกาลนานบอกว่าจะมานอนที่บ้านเป็นแบบนี้นี่เอง “ดีใจด้วยนะคะคุณนิรันด์กาล แต่ฉันไม่ขอรับเงินจำนวนนี้หรอกค่ะเพราะว่าฉันเองก็มีส่วนทำให้เขาทั้งสองทะเลาะกันด้วย” “งั้นถ้าผมจะสู่ขอคุณรินให้เจ้ากาลนานลูกชายคนเล็กของผมล่ะครับ คุณจะรังเกียจครอบครัวของเรามั้ย“ “คะ คุณรู้เรื่องของเราเหรอคะ” ฉันก้มหน้าพูด
“รินครับ ผมมีอะไรจะให้” เขาเดินมานั่งข้างๆ ฉันที่นั่งหน้าบ้านเพราะว่าเราจะมานั่งดูพระจันทร์ด้วยกัน“อะไรคะ” เขาหยิบกิ๊บติดผมขึ้นมาแล้วติดที่ผมของฉันมันวิบวับแวววาวมากจนฉันต้องหยิบลงมาดู“ดาวครับ สวยมั้ย” เขาใช้นิ้วเกลี่ยแก้มของฉันเล่นอย่างแผ่วเบา“เพชรนี่คะ สวยจัง” ฉันทำท่าจะเอากิ๊บเข้าปากเพื่อเช็คว่าแท้มั้ย“รินทำน่ารักอีกแล้วนะแท้สิครับผมเป็นใคร ผมคือกาลนานนะ”“ล้อเล่นเฉยๆ เองขอบคุณนะคะ” แล้วฉันก็ติดกิ๊บที่ผมตามเดิม“ครั้งนี้ไม่ปฏิเสธเหรอครับ หลายล้านบาทนะอย่าเอาไปขายล่ะเวลางอนผม” “ปฏิเสธก็บ้าแล้ว นานกระแทกรินจนช่วงล่างแทบจะพังรินเสียหายนะ” “งั้นเหรอครับ งั้นผมให้ใบนี้รินไว้ใช้ดีกว่าเพราะผมจะกระแทกอีกนานเลยครับ” เขาหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาพร้อมกับหยิบบัตรการ์ดใบแข็งสีดำส่งให้ฉัน“นี่มันแบล็คการ์ดเหรอคะ นานมีจริงๆ ด้วยเพราะเมื่อก่อนรินว่าเคยเห็นนานถืออยู่นะ”ฉันหยิบมาดูพลิกไปพลิกมา“จริงสิครับ ผมให้”“สายเปย์ของจริงเลยนะเนี่ย” “แน่อยู่แล้วครับ”“งั้นคืนนี้รินขอใช้บัตรนี้ซื้อตัวนานได้มั้ยคะ เหมาทั้งคืน” ฉันขยิบตาให้พร้อมกับหย่อนบัตรลงไปในกระเป๋าเสื้อของเขา“อย่ามาร้องขอชีวิตกับผมแล้ว
หลังจากที่ฉันบอกว่าจะลาออกฉันก็ไม่เจอคุณนิรันด์ที่นี่อีกเลย ฉันเหลือบมองกาลนานที่นั่งทำงานอย่างเคร่งเครียดเลยอยากเอาใจเขา“รับกาแฟมั้ยคะคุณกาลนาน” เขาเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารตรงหน้าด้วยอาการคิ้วขมวด“เรียกคุณอีกแล้ว เราอยู่กันสองคนเรียกผมนานเฉยๆ ก็ได้หรือจะเรียกผัวจ๋าแบบที่เคยเรียกก็ได้นะครับ” เขายิ้มพร้อมทั้งขยิบตาใส่“บ้า อือ แล้วพี่ชายของคุณล่ะฉันยังไม่เห็นเขาเลยตั้งแต่มา” ฉันลองถามเขาเพราะเห็นว่าเขาอารมณ์ดีอยู่“ทำไมคิดถึงเขาเหรอ” กาลนานหน้าบึ้ง“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย พี่แค่ถามดู”“มันไปดูอีกบริษัทละครับ เสือสองตัวจะอยู่ถ้ำเดียวกันได้ไงครับ”“จร้าๆ พ่อเสือใหญ่ถอดเขี้ยวเล็บด้วยนะคะ ถ้าไม่ถอดพี่จะถอดให้เอง” ฉันทำท่าเสือกางเล็บใส่เขา “เสือสิ้นลายแล้วครับโดนพี่ขี่ผมไปไหนไม่ได้แล้วครับ ว่าแล้วก็อยากโดนขี่อีกจังในนี้ดีมั้ย” กาลนานลุกมาหาฉัน“หยุดเลย ไว้ไปทำที่บ้าน”“คืนนี้ไม่อดแล้วเว้ยเราชักจนปวดมือแล้ว”“ทะลึ่ง” พอเราสองคนมาคืนดีกันแบบนี้ก็ยิ่งเติมเต็มความรักให้กันมากขึ้นกว่าเดิม ฉันมัวแต่มีความสุขจนลืมคำพูดที่รับปากไว้กับคุณนิรันด์กาลพ่อของเขาสนิทเลย จะทำยังไงดี ถึงจะให้สองคนมาคืนดีก
“กาลนานอย่า” ฉันห้ามเขา แต่อคินก็ยังสวนหมัดกลับมาใส่ใบหน้าของกาลนานเต็มๆ เช่นกัน“หยุดนะคิน ถ้าคุณไม่หยุดฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก” ฉันควักโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงขาสั้นจุ๊ดที่ฉันใส่อยู่บ้าน“ทีไอ้นี่ยังเข้ามาได้” เขาชี้หน้ากาลนาน“ก็เขาเป็นสามีของฉันทำไมจะเข้ามาไม่ได้ล่ะ” ฉันยืนพูดเพราะยังไงวันนี้ฉันต้องจัดการเรื่องฉันกับอคินให้มันจบๆ ไปเสียที“พูดได้เต็มปาก เด็กมันจะสู้ผมได้ยังไง” อคินยังคงดื้อดึง ยิ่งทำให้กาลนานโกรธเข้าไปใหญ่“อย่าค่ะผัวจ๋า เดี๋ยวเมียจัดการเอง” ฉันแกล้งพูดให้อคินโดยมีกาลนานที่ยืนยิ้มอยู่“พอเถอะค่ะคินฉันมีผัวใหม่แล้วฉันไม่กลับไปกินของเก่าแบบคุณอีกแน่ๆ”“ถ้าคุณพูดเต็มปากขนาดนี้ว่าไอ้อ่อนนี่มันเป็นผัวใหม่ของคุณ ผมก็ไม่เอาคุณแล้วเหมือนกัน”“เชิญค่ะ นั่นประตู” อคินเดินไปอย่างหัวเสียเจอแบบนี้ใครกลับมาอีกก็บ้าแล้ว“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้” ฉันหยิบเสื้อที่ตกลงกับพื้นส่งให้เขาคืน“ครับ แต่ผมโดนเขาต่อยช่วยทำแผลให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอ”“ก็ได้ค่ะ เห็นแก่ความดีของคุณนะ” ฉันเดินไปหยิบยาทาแล้วมานั่งรอเขาที่กำลังใส่เสื้ออยู่“เดือนนี้ทั้งเดือนไม่รู้ปากของผมเป็นอะไรไปรับแต่กำปั้