จอมภูก็ยังเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียวอีกครั้ง
แม้น้องชายจะเอ่ยธุระจบ สีหน้ายิ้มแย้มเหมือนสุขใจ
หากแต่เขาผู้เป็นพี่ชายกลับหน้าตึง หรี่ดวงตาเงยมองน้องชาย
“นี่แกจะออกไปไหนอีก.. ออกไปข้างนอกหรือเปล่า”
จอมภูเอ่ยเสียงเข้มแววตาหมิ่นเยาะไปยังน้องชาย
ภูวพลสะบัดเหมือนจะไม่แคร์สนใจในสิ่งที่พี่ชายเอ่ย เขายังทำตัวผ่าเผยยักไหล่แบบไม่แคร์ ก้าวเดินหนีอีก
“นี่ ฉันถามแกดี..แกจะออกไปไหนอีก แล้วเมื่อกี้ใครโทร.มาหาแก”
“ธุระของผม มันเป็นเรื่องส่วนตัว จะออกไปไหนหรือไม่ออก ผมเคยบอกแล้วว่า พี่ใหญ่อย่ามายุ่งกับชีวิตของผม”
เขาก็เสียงเข้มเอ่ยโต้กลับไปทันควัน แสยะใบหน้าใส่อย่างไม่พอใจ
จนจอมภูนึกเดือดดาลยิ่งนักกับท่าทีแข็งกระด้างของน้องชาย ทั้งที่เขาแอบฟังคนทั้งสองสนทนา แต่ก็อยากจะรู้ลึกลงไปกว่านั้น
“ฮึ นี่นะ ถ้าแม่กับพ่อไม่ฝากให้ฉันดูแลแกล่ะก็ จ้างให้ฉันก็ไม่แยแสเลย ว่าแกนั้นจะตกนรกหมกไหม้ยังไงก็เชิญ เพราะแกมันดื้อ ไม่เคยเชื่อฉัน”
นับว่าเป็นคำพูดที่ร้ายกาจทิ้งขว้างและไม่ไยดีพอสมควรสำหรับคนเป็นพี่ชาย เมื่อเขาเอ่ยถึงน้องชาย
หากคนฟังนั้นใจเจ็บแปลบ แต่จะทำอย่างไรได้ ทิฐิมันหนักและแน่นกว่า เลยตะบึงตะบอนดื้อดึงตามประสา และอยากเอาชนะพี่ชายจอมบงการตลอดเวลา เพราะเขาคิดว่าเขาโตแล้ว เขาต้องการอิสระ เขาไม่ใช่เด็กอมมือ
“ก็เลิกสนใจชีวิตของผมเสียที แล้วพี่จะทำอะไรก็ไปทำเถอะ” เอ่ยแล้วหรี่ดวงตามองพี่ชายบ้าง
“จะหาแฟนเพื่อหมั้นแต่งเป็นสะใภ้ของพ่อแม่ ก็รีบหาไป..เดี๋ยวเถอะจะชวด กลายขึ้นคานเมื่อไหร่จะรู้สึกอายุพี่ก็มากขึ้นแล้ว”
นั่นกลับกลายเป็นว่าเจ้าน้องชายกระแทกเสียงผ่านมาทางเขา
เมื่อจอมภูฟังน้องชายแล้ว ก็สะอึกเหมือนกัน จนเขากัดฟันขบแน่น
“นี่ แกก็เหมือนกันนะ และไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน ฉันเป็นพี่แก ไอ้พล ไม่ใช่น้อง” เสียงเข้มตะคอกดังอีก
“ใช่ผมรู้ แต่ผมไม่อยากได้นักปฎิวัติบ้าอำนาจอย่างพี่ เป็นพี่ชายหรอก ที่เอะอะก็ตะคอกชี้หน้าสั่งตามใจชอบ”
ดูเหมือนภูวพลท้าทายอวดดีกับเขามากเกินไปแล้ว ถ้ามันไม่ใช่น้องชายคนเดียวเขาก็จะไม่คิดจะแยแสสักนิด
จอมภูจึงทำได้เพียงอย่างเดียวคือเบี่ยงตัวเองผลุนผลันออกไปจากที่นั่นเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะคารมที่ดูเหมือนจะบานปลายรุนแรงไปมากกว่านั้น
เขาถอนหายใจอีกครั้ง มันคงเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นแน่ ที่เสี้ยมสอนให้น้องชายของเขานั้นแข็งกร้าว มึนตึงใส่ แล้วก็เถียงคำชนิดไม่ตกฟาก..มันกำลังตาบอดเพราะความรัก
เขาอยากจะพิสูจน์เหมือนกันว่าผู้หญิงคนนั้น หล่อนจะรักน้องชายของเขาจริงหรือเปล่า
ฝ่ายน้องชาย คือภูวพลก็ถอนใจออกมา เมื่อรู้สึกตัวเองเพราะคราวนี้เขาโต้คารมเถียงกับพี่ชาย ภูวพลไม่ค่อยที่จะใช้อารมณ์แบบนี้กับพี่ชายสักเท่าไหร่
ถ้าหากเขาไม่เหลือทนนั่นเพราะความยำเกรง แต่นี่ที่เขากล้าโต้ฝีปากข้นๆสดๆ คิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมเขาจะต้องมาหงอพี่ชายด้วย
แม้จะเป็นคำสั่งของบุพการี แต่เขาก็ควรจะมีขอบเขตในการดและตักเตือนว่ากล่าวสั่งสอนน้อง ไม่ใช่ ว่าพอมีอำนาจ ก็ใช้อย่างเต็มที่และควบคุมให้เขาอยู่ในมือ
นั่นมันเผด็จการชัดๆ และนี่มันยามดึกแล้ว ภูวพลก็คงไม่ออกไปไหนหรอก นอกจากเข้าไปนอน เพื่อให้หลับฝันดี ฝันถึงสาวสวย ที่ชื่อ มณีรัชดาของเขาอีก
จอมภูยังครุ่นคิด ผู้หญิงคนนั้นทำให้น้องชายของเขายืดอก และเอ่ยปากกล้าต่อกรท้าทายพี่ชายอย่างเขา
ภายในห้องเมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจอมภูยังปากคอสั่น นึกถึงภาพกลางวันเมื่อช่วงที่ผ่านมา ถือว่าได้สักประมาณสองสามวัน ที่ผ่านมา
ครั้นเมื่อเจอหล่อน เขานั้นไม่ได้มองหล่อนที่ความสวย แต่มองถึงจิตใจสกปรก ที่คิดใฝ่สูง อยากจะจับลูกชายมหาเศรษฐีมากกว่า
เพราะตัวหล่อนเองมีบ้านเหมือนอยู่ในสลัมหรือเรียกให้ดีหน่อยก็เป็นชุมชนค่อนข้างแคบเป็นบ้านเช่า
อาชีพหาเช้ากินค่ำ ทำขนมขาย
จอมภูคิดอย่างนั้นเพราะเขาเดาเอาว่านี่เองเป็นเหตุผลของความทะเยอทะยานของหญิงสาวชนชั้นรากหญ้าคนนั้น ที่ไม่มีสมบัติพัสถานเหมือนผู้ดีมาแต่กำเนิดอย่างเช่นน้องชายของเขา
ดังนั้นหล่อนถึงต้องใช้วิธีแบบนี้ เพื่อให้ตัวเองมีหน้ามีตาในสังคม และครอบครัวก็ลืมตาอ้าปากได้ เป็นการชุบตัวเองจากสลัมเป็นผู้ดี ฮึ
นึกหรือไงว่า จอมภู จะรู้ไม่เท่าทันผู้หญิงพวกนี้ เพราะรู้เท่าทัน เขาจึงดักหล่อนเอาไว้ก่อน
ในรุ่งเช้าของอีกวัน จอมภูตื่นแต่เช้า เพื่อที่จะทำธุระบางอย่าง เพราะว่าเขานั้น รอคอยหล่อนเนิ่นนาน จนแล้วจนรอดทั้งคืนก็ตาม หล่อนก็ไม่โทร.กลับมาหาเขา ด้วยซ้ำ
มันเลยทำให้เขาต้องเดินออกจากบ้าน ตรงไปยังตู้โทร.สาธารณะ เพราะมันกลบเกลื่อนพิรุธและปิดบังได้ดีกว่าจะใช้เครื่องมือถือของตัวเอง
และที่สำคัญสำหรับจอมภูแล้ว เขาคิดว่ามันเนียนที่สุด
หล่อนคงไม่เป็นแม่สายบัวนอนเก้อ เพราะนี่มันสายแล้ว ตามประสาคนที่ไม่มีการงานซึ่งมันต้องกระวีกระวาดกระกระปรี้กระเปร่า
นี่เวลาแปดโมงครึ่งแล้ว หล่อนอาจจะคิดว่า เป็นเบอร์ของทางบริษัทที่สนใจเรียกตัวหล่อนเข้าไปทำงานแล้วก็เป็นได้
นั่นจอมภูก็ตระเตรียมแผนการเอาไว้แล้ว เป็นบริษัทเพื่อนสนิท เป็นเพราะเขาเตี้ยมไว้กับจราดลแล้ว ว่ามีนางแบบนู้ดใจถึงคนใหม่สมัครงานเข้ามาผ่านเขา
ส่วนถ้าสำเร็จ เขาก็จะขับรถตรงดิ่งไปรอทันที พร้อมกับดีดนิ้วเปาะแล้วฟังเสียงรอสายจากโทร.ของหล่อน แต่รู้สึกชวนหงุดหงิดรำคาญใจเหมือนกัน รับเสียทีสิ เขาต้องการให้รับหล่อนเดี๋ยวนี้
เขามันใจร้อน..เพราะจอมภูวางแผนการแล้วนั้น เขาอยากจะให้มันสำเร็จ
ส่วนมณีรัชดาหล่อนก็ฉุกคิดเหมือนกัน ในขณะนี้หญิงสาวเพิ่งอกมาจากห้องน้ำ แต่กลับมีเสียงโทร.ดังขึ้น
ในครั้งแรกนั้นหญิงสาวไม่ได้ยินเพราะใช้แบบตั้งสั่น
เขาประคองมณีรัชดาเป็นความผูกพันลึกซึ้งยามอยู่ห่างไกลบ้าน มณีรัชดาคิดถึงพ่อแม่คิดถึงกรุงเทพ แต่แน่นอนละภาวะของหล่อนคือคนมีครรภ์อดฟุ้งซ่านไม่ได้และจอมภูพยายามทำดีกับหล่อนสารพัดทุกอย่าง ที่เขาแสนจะเอาใจ จนมณีรัชดายากที่จะปฏิเสธได้ หล่อนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้หากจอมภูถึงกับเสียสละทุกอย่าง บางทีทิฐิมันเหมือนกับน้ำกรดราดรดดวงใจตัวเองเหมือนกัน หล่อนครุ่นคิด แต่ถึงกระนั้น หล่อนก็ควรที่จะให้บทเรียนอันแสนจะเจ็บปวดให้เขาด้วยเหมือนกันจนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิดในเมื่อความดีของเขาก็ราดรดลงไปในหัวใจของหล่อน ให้ความอบอุ่นดูแลลูกสาว ในฐานะของพ่อเกินที่มณีรัชดาจะท้วงหรือปราม เขาทำไปด้วยความสุจริตใจหล่อนรับรู้ตลอดเวลาที่มีเข
จนกระทั่งมณีรัชดาคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นลูกสาวในอีกสามวันต่อมา ประเทศที่หล่อนอาศัยอยู่ณบัดนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้ว หนาวเหน็บจัดพร้อมด้วยหิมะโปรยปราย จอมภูพยายามใช้การกระทำของเขามากกว่าคำพูด ให้มันราดรดในดวงใจของหล่อนถึงความซื่อสัตย์และภักดีตลอดกาล เพื่อทดแทนสิ่งที่ผิดพลาด ณเสี้ยวหนึ่งของหัวใจหล่อนรับทราบแล้วว่า เขาเป็นคนที่ดีมากพอ แต่ในด้านเลวร้ายนั่นล่ะ ซาตานดีๆนี่เอง หล่อนจะไม่พยายามคิด เมื่อเขาชี้แจงว่า “ผมมาจากเมืองไทยที่อยู่ทราบจากคุณรังสินัย” เมื่อเอ่ยอ้างถึงหลานชายของหล่อน ทำให้คุณนันทนิจรับทราบ “ผมมีปัญหาบางอย่างที่ต้องปรับใจกับณี” เขาเอ่ย ทำให้คุณนันทนิจเข้าใจทันที “มณีรัชดา” หล่อนอุทาน “ใช่ครับ ผมเป็นสามี เธอหนีจากผมมา” “หนีหรือคะ” “ผมขออนุญาตได้ไหม”เขาเอ่ยหลังจากที่ชี้แจง ไม่มีการบอกกล่าวมาล่วงหน้าเพื่อตรวจดูความผิดพลาด คุณนันทนิจขอตัวโทร.ทางไกลไปเมืองไทยเพื่อถามหลานชาย ได้รับคำตอบแบบเดียวกันคือ ยืนยันถึงความเป็นสามีของลูกจ้างสาว “ดิฉันไม่ทราบหรอกนะคะว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลานชายต้องการพึ่งพา ให้พา
“เขาให้แม่มาไกล่เกลี่ยหรือไงคะ”มณีรัชดาเอ่ยโดยไม่ยอมเอ่ยชื่อเขา นางรัชนีถอนใจ กับลูกสาวที่เริ่มจะทิฐิขึ้นมา“นี่แม่นะนี่แม่ของแก จะดีจะชั่วยังไงก็ยอมรับว่าแกเป็นลูก” มณีรัชดากำลังทำใจอย่างหนัก การที่มารดามาที่นี่เหมือนท่านบุกเข้ามาหาหล่อนที่คอนโดไม่เคยมีใครทราบมาก่อน และเขาคนเดียวเท่านั้นที่พามา มันเป็นเรื่อง ที่ตัดสินใจลำบากทั้งเรื่องส่วนตัวเหตุผลอีกทั้งความรัก รวมทั้งความเจ็บแค้นที่ผสมผสานกันและความผิดของเขาเกิดขึ้นมานาน และสะสมสั่งเอาไว้พอกพูนจนมันเต็มไปด้วยอัตราของความแค้นที่เหมือนไฟเผาผลาญจู่ๆหล่อน จะมาอภัยให้เขาง่ายๆในสิ่งที่เขาทำกับหล่อนอย่างเจ็บปวด “แม่ไปถามผู้ชายคนที่เขาบอกที่อยู่ของหนูสิคะว่าเขาทำอะไรลงไปบ้าง” มณีรัชดากลับตอบไปอย่างนั้นทำให้รัชนีเงียบ และเริ่มเข้าใจถึงสภาพจิตใจของบุตรสาว “ถึงอย่างไรแม่ก็ไม่อยากให้แก หนีแม่ไปอีก อย่าไปเลยนะลูก เมืองนงเมืองนอก แม่ห่วง ไปดูหมอเขาทักไว้ว่า ลูกไม่ควรเดินทางออกไปต่างประเทศ อย่าขึ้นเครื่องบิน” มณีรัชดาตกใจอย่างมากที่สุดกับคำกล่าวของมารดาไม่เคยทราบด้วยว่า ท่านจะเอาดวงของหล่อนไปให้ห
ความจริงที่ว่าคือเขารักมณีรัชดาอย่างมาก ต้องการครองคู่ อยู่กับหล่อนตลอดไปในเส้นทางอนาคต ทำให้จอมภูต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของมารดาคลายลงจากคำพูดที่น้องชายเอ่ยออกมาพร้อมแฟนสาวช่วยสนับสนุนในรักครั้งนี้ของเขา อีกทั้งช่วยแก้ต่าง ให้กับมณีรัชดา ภรรยาของเขาให้พ้นผิดด้วย เพราะภรรยาของเขานั้น หล่อนไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนกำลังกล่าวหาสักนิด หล่อนสะอาดและบริสุทธิ์เสมอ อย่างที่เขาเองก็นึกไม่ถึงเช่นกัน ในอดีตเขาเคยร่ำร้อง ที่จะเดียดฉันท์ โกรธอาฆาตแค้นหล่อนที่กลายเป็นนางแม่มดเจ้าเสน่ห์เพื่อหลอกล่อให้น้องชายของเขามาตกหลุมรักเพราะหวังในความสุขสบาย เพราะภูวพลมีฐานะร่ำรวยเป็นทายาท ของนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย นี่คือความโง่เขลาอย่างมากที่สุดที่เขาได้ทำมา จนจอมภูอยากเขกหัวของตัวเอง ย้อนหลังกลับไปสองร้อยกว่าครั้งถึงจะสาสม กับความผิด และความโง่ของเขาด้วยซ้ำ เวลาเนิ่นนานที่เขามีอคติต่อหล่อน กลายเป็นคนที่โง่บรมโง่ เหลือเกิน ยอมรับว่าเขาหูตามืดมัวเพราะรักและห่วงน้องชาย คนเดียวที่กลัวจะตกเป็นเหยื่อและเป็นคำสั่งของมารดา ที่ท่านต้องการจะกีดกันทั้
“ทำไม?ผมถามคุณไม่ตอบล่ะว่าไปอยู่ที่ไหนและผมไม่ยอมให้คุณไปอยู่ที่ไหนอีกแล้วนะต้องอยู่กับผมตลอดไปจะต้องช่วยเลี้ยงลูกของเรา ให้เจริญเติบโตเป็นคนดี” “ฉันไปพักอยู่กับเพื่อนรุ่นที่ ที่เขาใจดีมากค่ะ เขาเป็นพี่ชายที่ฉันเคารพรักและมีบุญคุณเสมอมา” “แล้วเขาเป็นใครล่ะ” “เขาชื่อ คุณรังสินัยค่ะ” “คราวหลัง ถ้าผมได้เจอเขาแล้วนั้นผมจะขอบคุณเขาอย่างมากที่ช่วยดูแล เมียผมกับลูกผมให้ปลอดภัย” คราวนี้มณีรัชดาหันมามองเขาสายตาของหล่อนเงยขึ้น “คุณไม่ตะขิดตะขวงหรือยังไงคะที่ฉันไปอยู่อย่างนั้น” “คงไม่หรอก ผมรู้ว่า ผมนั้นทำผิดอะไร” จอมภูตอบเสียงนุ่มอย่างรู้ดีว่า เขาทำผิดอะไร “แล้ว ขอให้ผมได้ไถ่โทษความผิดครั้งนี้ด้วยการขอคุณแต่งงานได้ไหม ผมจะไม่รีรอเลยนะณีและต้องการให้เรื่องนี้เร็วที่สุด” มณีรัชดาถึงกับอึ้งที่เขาพูดเช่นนี้ยิ้มอย่างอายและเขิน “เอ้อ ค่ะ” “ผมดีใจที่คุณเข้าใจผมและเข้าใจความรู้สึกของเรา คงไม่โกรธใช่ไหม กับเรื่องที่ผ่านมา เอ้อที่ผมล่วงเกินคุณ ใครล่ะจะอดใจได้ ก็คุณสวยขนาดนั้น” จอมภูกระซิบพร่ำที่ริมกกหูของ
จอมภูจึงขับรถมุ่งตรงไปที่บ้านเช่าของเธอที่เคยอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับบิดามารดา และเขาเคยมาแล้วหนหนึ่งแต่ว่าไม่พบกับมณีรัชดาซึ่งบิดาและมารดาของเธอก็ไม่สามารถให้คำตอบเขาได้เช่นกัน เขามั่นใจว่ามณีรัชดาต้องอยู่ เพราะว่าเขารู้สึกไม่สบายใจเลยที่ทำแบบนี้กับหล่อน แม้แต่คาดคิดก็ตามและมณีรัชดาก็เช่นกัน เขาคิดว่าหล่อนคงจะเป็นเหมือนเขา ที่เป็นอย่างนี้เพราะเขาแน่ใจอย่างนั้นว่าเขารักหล่อนมาก มันไม่ใช่เรื่องที่หลอกลวง หรืออยากจะแก้แค้นหล่อน ความรักที่บริสุทธิ์นั้น ยากที่จะบอกได้ ซึ่งขับรถมุ่งตรงมาที่บางแค ก็ด้วยความหวัง ขณะเดียวกันนั้นมณีรัชดาลงจากรถแท็กซี่แล้วเดินเข้าไปในบ้าน ทำให้นางรัชนีกับนายมิ่งผู้เป็นบิดาต่างมองด้วยความตกใจและดีใจเช่นกันเมื่อได้มองเห็นชัดเจนว่า ลูกสาวตั้งท้อง จึงเป็นคำตอบที่ทราบดีว่าที่ลูกสาวหายไปจากบ้านเป็นเพราะสาเหตุนี้ นางรัชนีปรามผู้เป็นสามีและทั้งคู่ปรึกษากันว่าจะไม่ซักถามมณีรัชดาที่เพิ่งมาถึง เพราะกลัวว่าลูกสาวจะเตลิดไปไกลอีกนางรัชนีกับไพจิตรจึงพยายามพูดดีๆ “กลับมาแล้วเหรอเข้าไปพักผ่อนข้างในก่อนเถอะลูก มีอ