สองวันแล้วที่วิชิตใช้รถคันเก่า ในวันแรกที่เดือนฉายได้นั่งรถคันนี้ สีหน้าของเธอนั้นดูไม่ค่อยพอใจเท่าไร แต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกมามากนัก
แต่วันนี้เดือนฉายเธอออกอาการหงุดหงิดให้เห็นอย่างชัดเจน เมื่อรถที่ขับอยู่ดีๆ แอร์ก็ดันไม่เย็นขึ้นมาดื้อๆ จากที่อารมณ์ดีอยู่กลายร่างเป็นนางร้ายทันที "คุณชิตค่ะ เดือนไม่ไหวแล้วนะคะ อากาศร้อนมากขนาดนี้ แล้วแอร์ยังมาเสียอีก " "ครับ เดี๋ยวพี่จะรีบจัดการเลยครับ " ชายหนุ่มรีบกดลดกระจกลงให้ลมยามเย็นได้พัดเข้ามาภายในรถจะได้ช่วยระบายความร้อนออกจากรถ ซึ่งก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อย ระหว่างทางวิชิตหันมองข้างทางเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ขายอยู่ เขาเลยแวะจอดรถข้างทางตรงร้านนั้น หวังอยากจะจอดพักให้เดือนฉายอารมณ์ดีขึ้น แต่เขาคิดผิดเมื่อเดือนฉายเธอยิ่งทำหน้าบึ้งตึงใส่เขา และไม่ยอมพูดจาใดๆ ได้แต่นั่งมองเขาแบบไม่พอใจ "กินก๋วยเตี๋ยวสักถ้วยก่อนนะ เดี๋ยวพี่ค่อยไปส่งที่บ้าน " วิชิตชวนเดือนฉายคุยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเพราะหญิงสาวแสดงออกมาว่าไม่พอใจมาก "เดือนว่าวันนี้เดือนกลับเองดีกว่าค่ะ ถ้าคุณชิตอยากกินก็กินเลย เดี๋ยวเดือนจะเรียกแท็กซี่กลับเองค่ะ " พูดจบเดือนฉายก็ลุกพรวดออกจากโต๊ะที่ร้านก๋วยเตี๋ยวจัดไว้ แล้วเดินไปริมถนนเพื่อโบกแท็กซี่ทันที วิชิตเห็นท่าไม่ดีรีบลุกขึ้นหวังจะเดินตามเดือนฉายไป แต่ลุงเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวก็เอาก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟพอดี วิชิตสบตากับลุงเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวครู่หนึ่งแล้วพูดออกมาว่า "วางที่โต๊ะเลยครับลุง " ลุงเจ้าของร้านเห็นทั้งสองลุกออกไปแบบพรวดพราดก็เกรงว่าจะโดนชิ่ง จึงพูดดักออกมาว่า " ถ้ายังไงก็จ่ายเงินก่อนนะพ่อหนุ่ม ความรักไม่มีอะไรแน่นอนหรอก" ได้ยินแบบนั้นวิชิตก็ชะงักเท้าหยุดเดินทันที เพราะเดือนฉายเองก็ขึ้นแท็กซี่ไปแล้ว วิชิตเลยกลับมานั่งที่โต๊ะดังเดิม หลังจากที่นำก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟแล้ว ลุงเจ้าของร้านก็เอาน้ำมาเสิร์ฟให้วิชิต เป็นแก้วน้ำสองใบ เพราะเขาสั่งก๋วยเตี๋ยวสองชาม พอวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ คุณลงก็พูดขึ้นว่า " ถ้าเขารักเราถึงแม้ว่าเราไม่เหลืออะไรเลยเขาก็อยู่กับเรา แต่ถ้าใจเขาหมดรักแล้วถึงจะทุ่มเทให้มากแค่ไหนเขาก็จะรู้สึกว่ามันเล็กน้อยมากจนมองไม่เห็นคุณค่าของมันเลย" แล้วแกก็เดินจากไป ปล่อยให้วิชิตจัดการกับก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าได้ตามใจ วิชิตพอเข้าใจความหมายที่คุณลงร้านก๋วยเตี๋ยวพูด แต่เขายังมั่นใจว่าเดือนฉายไม่มีทางที่จะทอดทิ้งเขา คงเป็นแค่อาการงอนที่ต้องนั่งรถเก่าแอร์ไม่เย็นเท่านั้น อยู่ๆ ในสมองของวิชิตก็ปรากฏภาพเหตุการณ์เมื่อสมัยที่เขายังวัยรุ่น เขามักจะพาหญิงสาวคนหนึ่งออกมาเที่ยวเล่นทุกสัปดาห์ โดยการตระเวนชิมอาการตามร้านข้างทางทั่วๆ ไป ที่ไม่ใช่ในห้าง เพราะเธออยากรู้ว่าเป็นยังไง หญิงสาวเธอไม่เคยได้ออกมาเที่ยวเล่นแบบใครๆ เขา ด้วยทางบ้านมีลูกสาวคนเดียวก็เลยพากันหวงไม่ให้ออกไปไหนไกลบ้าน แต่ทางบ้านเธอกลับไว้ใจให้วิชิตพาเธอออกเที่ยวเล่นได้เพราะพ่อแม่ของพวกเขาสนิทกัน พอเธอได้ลองออกมาจากกรอบเดิมก็ชื่นชอบเป็นอย่างมาก และสิ่งที่เธอชอบกินที่สุดก็คือก๋วยเตี๋ยวไก่ และนั่นก็พลอยทำให้เขาชอบก๋วยเตี๋ยวไก่ไปด้วย วิชิตจะแพลนหาสถานที่ใหม่ๆ ให้เธอได้ลิ้มลองไปทั่วเกือบทั้งจังหวัด พอนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นมุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นมา แล้วเขาก็รีบตักก๋วยเตี๋ยวขึ้นกินอย่างเอร็ดอร่อยใช้เวลาไม่นาน วิชิตก็จัดการก๋วยเตี๋ยวจนหมดทั้งสองชามโดยไม่รู้ตัว " เก็บตังค์ด้วยครับ " พอกินหมดวิชิตก็เรียกลุงเจ้าของร้านให้เก็บเงินทันที บรื่น...บรื่น... มีบิ๊กไบค์นับสิบคันมาจอดที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งนี้และส่งเสียงดังกระหึ่มทั่วบริเวณ ทำให้ลุงเจ้าของร้านต้องรีบรับลูกค้าใหม่ก่อน แทนที่จะมาเก็บเงินจากวิชิตก่อน พอเสียงรถบิ๊กไบค์สงบลง ทุกคนก็ลงจากรถมานั่งตามโต๊ะที่ว่างอยู่ จากที่ร้านโล่งๆ กลับกลายเป็นแน่นไปในพริบตาเดียว "โต๊ะนี้เอาเส้นเล็กหก ข้าวมันไก่ ห้าครับ " พูดจบก็พากันยกโต๊ะต่อกันไม่งั้นจะนั่งไม่พอกัน " โต๊ะนี้ข้าวมันไก่หกค่ะ" ใช่แล้วทริปนี้ไม่ได้มีแต่ผู้ชายเพราะบางคนก็พาแฟนไปด้วย ถือเป็นการเที่ยวด้วยกันไปทีเดียวเลย "โต๊ะนี้เอาก๋วยเตี๋ยวไก่ สองครับ " "น้องวาครับพี่สั่งก๋วยเตี๋ยวไก่ของโปรดของน้องวาให้แล้วครับ " แพรวาส่งยิ้มหวานให้ทินกรที่ไปนั่งรออยู่ที่โต๊ะแล้ว แต่เธอจอดรถไว้ไกลออกไปเพราะเธอมาถึงช้ากว่าคนอื่น เธอเดินกะเผลกๆ ตามเสียงเรียกของทินกร ที่เธอเดินกะเผลกก็เพราะอาการเมื่อยและล้าจากการที่เธอไม่ได้ขับบิ๊กไบค์ไปที่ไกลๆ มานานมากแล้ว พอได้ขับก็เมื่อยตัวมากทีเดียว แขนขาชาไปหมด พอแพรวานั่งลงทินกรก็ยกมือขึ้นยีหัวแพรวาทันที เขารู้สึกเอ็นดูในความพยายามของเธอ เพราะทริปครั้งนี้เป็นแพรวา ที่ชวนพวกเขาไปขับรถทำบุญเก้าวัด และทินกรเองก็รู้ดีว่าแพรวาอยากทำบุญเก้าวัดเพราะอะไร แต่เขาก็จะไม่พูดถึงให้เสียบรรยากาศเด็ดขาด แพรวากำลังชาเนื้อตัวอยู่ก็ไม่มีความสามารถในการขัดทินกรได้ เธอเลยปล่อยเลยตามเลย แต่ทุกการกระทำของแพรวาและทินกรอยู่ในสายตาคมของวิชิตตลอดเวลา วิชิตพอเขาเห็นคนเยอะก็เลยเลี่ยงมาจ่ายเงินกับป้าเจ้าของร้านที่เป็นคนลงมือทำก๋วยเตี๋ยวและข้าวมันไก่ ส่วนลุงมีหน้าที่เสิร์ฟและรับแขกที่เข้าร้าน พอวิชิตจ่ายเงินเสร็จในจังหวะที่เขากำลังจะเข้าไปในรถได้ยินเสียงคุ้นหูคุยกัน เขาหันมองตามเสียงก็ได้เห็นว่าใช่คนที่เขารู้จักจริงๆ และแทนที่เขาจะขับรถออกไป กลับนั่งรออยู่ในรถ และลอบมองแพรวา พร้อมกับถอนหายใจออกมาตลอดเวลา ก็ทินกรหยอกล้อแพรวาตลอดเวลาที่กินก๋วยเตี๋ยว จริงๆ แล้ววิชิตควรจะออกจากตรงนี้ไปได้แล้ว แต่เพราะอะไรเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เขารู้สึกแค่ว่าสมองสั่งการให้เขาไม่ยอมไปไหน อยู่ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างออก มุมปากของวิชิตยกยิ้มอย่างชั่วร้ายถ้าใครได้เห็นจะมองออกทันทีว่าเขากำลังจะทำในสิ่งที่ไม่ดี เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ทุกคนที่มากับกลุ่มบิ๊กไบค์ต่างเริ่มรับประทานอาหารเสร็จแล้ว บางคนก็ออกมาจับกลุ่มสูบบุหรี่ที่ด้านนอก บางคนก็ยืนพูดคนหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ก่อนจะค่อยๆ ทยอยพากันขับรถออกไปจากจุดนี้ รวมถึงแพรวาและทินกรก็เช่นกัน ทินกรออกตัวและขับนำแพรวาไปก่อน เพราะทุกคนรู้จุดหมายปลายทางแล้วว่าเจอกันที่ใด แพรวาค่อยๆ ขับรถออกมา แต่ขับมาได้ไม่กี่เมตร แพรวากลับรู้สึกว่ารถของเธอมีบางอย่างผิดปกติบาง เธอจึงจอดรถและลงมาดู ก็พบว่ายางรถของเธอนั้นไม่มีลมในยางเลยทั้งหน้าและหลัง แพรวามองซ้ายมองขวาเลิ่กลั่ก ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาทินกร แต่ก็มีมือดีมาหยิบโทรศัพท์ออก ทำแพรวาตกใจจนตัวสั่น แต่พอหันไปเห็นว่าเป็นวิชิตเธอก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แต่วิชิตกลับมองกลับด้วยสายตาตำหนิ " มาทำอะไรตรงนี้ " จากที่กำลังรู้สึกใจชื้น หัวใจของแพรวาก็หม่นหมองลงทันที "เอาโทรศัพท์ของวามาค่ะ " เธอเลี่ยงที่จะตอบคำถามของวิชิต แต่ทวงโทรศัพท์คืนจากวิชิต เธอกลัวว่าถ้าช้ากว่านี้ทินกรจะไปไกลมากแล้ว "ทำไม เห็นหน้าฉันแล้วทำยังกับเห็นผี" แทนที่วิชิตจะพูดดีกับแพรวา เขากลับอารมณ์เสียใส่เธอ เพียงเพราะเธอไม่ยอมเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเขา "วาจะโทรหาพี่ทิน " "ทำไม? พี่ทินเป็นคู่หมั้นเธอหรือไง " เมื่อแพรวาได้ยินวิชิตพูดแบบนั้นถึงกับเงยหน้ามองสบตากับเขา เพราะเธอไม่รู้ว่าวิชิตต้องการอะไรจากเธอกันแน่ เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไป แต่กลับเดินหนีไปโบกรถที่ขับไปมา "ทำอะไรนะ " " วาจะโบกแท็กซี่กลับบ้านค่ะ " พอแพรวาตอบแบบนั้นวิชิตก็รีบไปคว้าแขนของแพรวาทันที เขาดึงเธอมาที่รถของเขา "เดี๋ยวฉันไปส่ง " แพรวาหันมองวิชิตอีกครั้งด้วยความเอือมระอา แต่เธอก็เดินไปเปิดประตูรถของวิชิต และเข้าไปนั่งอย่างถือวิสาสะ แล้วชะโงกหน้าออกมาตะโกนบอกวิชิตว่า " ไปสิคะ วาอยากพักแล้ว " พอเห็นแพรวาทำตามที่เขาบอกวิชิตก็รีบไปเปิดท้ายกระบะ แล้วเอาบันไดสำหรับขับบิ๊กไบค์ขึ้นท้ายกระบะวางลง แล้วเขาก็ค่อยๆ ขับรถขึ้นมาจอดที่ท้ายกระบะ อย่างชำนานการ เพราะที่จริงแล้วกลุ่มบิ๊กไบค์ที่แพรวาคลุกคลีอยู่ก็เป็นกลุ่มเพื่อนพี่น้องของเขาเช่นกัน เพียงแต่เมื่อครู่เขาไม่อยากเข้าไปทักทาย เขาขี้เกียจตอบคำถามหลายๆอย่างจากพวกเขา เมื่อใช้เชือกผูกรัดรถบิ๊กไบค์ดีแล้ววิชิตก็เข้าไปประจำที่คนขับ และก็ขับรถออกมาจากจุดนั้นทันที แพรวาไม่ได้สนใจอะไร เธอรู้ดีว่าวิชิตคงต้องพาเธอส่งบ้านอยู่แล้ว "แอร์เสียอีกแล้วเหรอคะ" เมื่อก่อนเธอก็นั่งประจำและรู้ดีว่ารถคันนี้แอร์ไม่ค่อยดี แต่เธอก็ได้ความเงียบจากปากของวิชิต ทำเธอรู้สึกว่าควรเงียบปากไว้ดีกว่า แพรวาเธอใช้เวลาที่ว่างอยู่นวดแขนตัวเองเบาๆ เพราะขับรถมาทั้งวันก็รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวแต่ตอนนี้นวดได้แต่แขน " เมื่อยมากเหรอ " จากที่เงียบมาตั้งนานหลายสิบนาที วิชิตเพิ่งได้เอ่ยถามแพรวา "ค่ะ" แพรวาตอบกลับไปสั้น เธอไม่อยากพูดมากกลัวเขาจะรำคาญ เพราะวิชิตชอบแกล้งเธอจนเธอรู้สึกระแวงกลัวเขาจะทิ้งเธอไว้กลางทาง "คิดจะพูดกับฉันแค่นี้จริงๆใช่ไหม " ได้ยินคำนั้นออกจากปากวิชิตทำแพรวาต้องขมวดคิ้วชนกันและหยุดมือจากการนวดแขนมามองเขาแทน ครืน~~ครืน~~ เสียงสั่นของโทรศัพท์ในกระเป๋าคาดเอวของแพรวาสั่นรัวๆ ทำให้บทสนทนาเมื่อสักครู่ถูกขัดจังหวะไป เมื่อแพรวาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็นเป็นเบอร์ของทินกร และเธอก็กดรับสายทันที เพราะกลัวว่าเขาจะเป็นห่วงมากกว่านี้ "น้องวาอยู่ไหนครับ ถึงอู่พี่กันหมดแล้ว พี่ไม่เห็นวาเลย " " ค่ะพี่ทิน " แพรวารีบตอบรับทันทีที่ได้ยินเสียงของทินกร ถามเธอด้วยความเป็นห่วง " รถวายางรั่วหน้าหลังเลยค่ะ แต่พี่ทินไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ วาอยู่กับพี่ชิตค่ะ " เมื่อได้รับคำตอบจากปากของแพรวาก็ทำทินกรหมดห่วง แต่ในใจยังสงสัยอยู่ดีว่ายางจะรั่วได้ยังไง เขาเพิ่งเปลี่ยนยางให้แพรวาเองกับมือเมื่อวานนี้เอง และตรวจสภาพทุกอย่างเป็นอย่างดี แต่ก็ต้องปล่อยผ่านเมื่อได้พูดคุยกับเธอแล้วเธอปลอดภัยดี "งั้นถึงบ้านแล้วโทรบอกพี่ด้วยนะครับ " "ได้สิคะ เดี๋ยวถึงบ้านวาจะรีบโทรบอกนะคะ ขอบคุณที่เป็นห่วงวาค่ะ " แพรวาทราบซึ้งในน้ำใจของทินกรเป็นอย่างมาก เธอจึงตอบแทนน้ำใจเขาด้วยน้ำเสียงสดใสของเธอแทน ทั้งสองพูดคุยกันด้วยความสนิทสนมพร้อมรอยยิ้มเวลาที่คุยกันนั้น ขัดใจคนนั่งๆ ข้างแพรวาเป็นอันมาก แต่เขาก็ไม่ได้พูดขัดแพรวากับทินกรแต่อย่างใด จนทั้งสองวางสายไป แพรวาก็ยังยิ้มไม่ยอมหุบ " มีความสุขมากสิว่างั้น " แพรวาหันมองเสียงประชดปนตำหนิของวิชิตแล้วก็ต้องตกใจกับท่าทีที่เธอเห็นอาการแบบนี้เธอไม่ได้เห็นจากวิชิตนานมากแล้ว เหมือนเขากำลังงอนเธออยู่ แพรวาถอนหายใจออกมาแรงๆครั้งหนึ่ง ก่อนจะตอบกลับวิชิตออกไปตามที่เธอเข้าใจ "หวงเหรอ " เธอเลิกคิ้วถามคนตรงหน้าอย่างจริงจัง " คิดว่าตัวเองสำคัญขนาดนั้นเลย " วิชิตตอบกลับแพรวาทันควันเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่เขาเผลอทำไป หึๆ แพรวานึกขำตัวเองออกมาเบาแล้วเธอก็เสหันมองไปตามถนน " วาก็ว่างั้นแหละ " เธอพูดเสียงแผ่วเบาราวกับกระซิบ ก่อนที่เธอจะหันมองหน้าวิชิต ซึ่งเขาไม่ได้หันมามองเธอหรอก แพรวาเม้มปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง เธอเกือบจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอแค่อยากมองหน้าผู้ชายใจร้ายคนนี้อีกสักครั้ง แล้วความเงียบสงัดก็เข้ามาแทนที่เพราะแพรวาเธอไม่อยากเอ่ยคำใดให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในใจอีกแล้ว เพราะมันคงไม่มีประโยชน์อะไรเลย มีแต่จะทำให้เธอเสียใจเปล่าๆ ขับรถมาไม่นานก็ถึงบ้านของแพรวา "ขอบคุณพี่ชิตมากนะคะ ขับรถกลับดีๆ ค่ะ เดี๋ยววาเรียกเด็กในบ้าน มาช่วยเอารถลงค่ะ " พูดจบแพรวาก็เปิดประตูรถแล้วออกไป วิชิตมองตามหลังร่างบางของแพรวา ที่หายเข้าไปในบ้านหลังที่เขาเองก็คุ้นเคยดี แล้วเขาก็ต้องถอนหายใจออกมาอีกครั้งสองวันแล้วที่วิชิตใช้รถคันเก่า ในวันแรกที่เดือนฉายได้นั่งรถคันนี้ สีหน้าของเธอนั้นดูไม่ค่อยพอใจเท่าไร แต่เธอก็ไม่ได้แสดงออกมามากนักแต่วันนี้เดือนฉายเธอออกอาการหงุดหงิดให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อรถที่ขับอยู่ดีๆ แอร์ก็ดันไม่เย็นขึ้นมาดื้อๆ จากที่อารมณ์ดีอยู่กลายร่างเป็นนางร้ายทันที"คุณชิตค่ะ เดือนไม่ไหวแล้วนะคะ อากาศร้อนมากขนาดนี้ แล้วแอร์ยังมาเสียอีก ""ครับ เดี๋ยวพี่จะรีบจัดการเลยครับ "ชายหนุ่มรีบกดลดกระจกลงให้ลมยามเย็นได้พัดเข้ามาภายในรถจะได้ช่วยระบายความร้อนออกจากรถ ซึ่งก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อยระหว่างทางวิชิตหันมองข้างทางเห็นร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ขายอยู่เขาเลยแวะจอดรถข้างทางตรงร้านนั้น หวังอยากจะจอดพักให้เดือนฉายอารมณ์ดีขึ้นแต่เขาคิดผิดเมื่อเดือนฉายเธอยิ่งทำหน้าบึ้งตึงใส่เขา และไม่ยอมพูดจาใดๆ ได้แต่นั่งมองเขาแบบไม่พอใจ"กินก๋วยเตี๋ยวสักถ้วยก่อนนะ เดี๋ยวพี่ค่อยไปส่งที่บ้าน "วิชิตชวนเดือนฉายคุยด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเพราะหญิงสาวแสดงออกมาว่าไม่พอใจมาก"เดือนว่าวันนี้เดือนกลับเองดีกว่าค่ะ ถ้าคุณชิตอยากกินก็กินเลย เดี๋ยวเดือนจะเรียกแท็กซี่กลับเองค่ะ "พูดจบเดือนฉายก็ลุกพรวดออกจากโต๊ะที่ร้านก๋
"วันนี้ฉันจะต้องจัดการแกให้รู้เรื่อง ตาชิต "หลังจากที่คุณหญิงชวนชมได้อ่านข่าวของลูกชายที่ควงผู้หญิงเที่ยวห้างออกหน้าออกตาทั้งที่ตัวเองมีคู่หมั้นคู่หมายเป็นถึงลูกสาวนายพล มีหน้ามีตาระดับประเทศพอมีข่าวออกมาแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ฝ่ายหญิงเสียหาย และนี่คือเหตุผลที่ทำคุณหญิงชวนชมกังวลใจข่าวที่เกิดขึ้น เกิดจากความจงใจของวิชิต ทำให้ที่มีคนตาดีถ่ายรูปเขาลงโซเชียลไว้ได้คุณหญิงชวนชมยิ่งมีอาการโมโหมากขึ้นเพราะเธอโทรหาลูกชายตัวดีแล้วแต่เขาไม่ยอมรับโทรศัพท์"อย่าให้ฉันอดไม่ได้น่ะ ฉันจะตัดแกออกจากกองมรดกจริงๆด้วยคอยดู "คุณหญิงชวนชมบ่นให้กับลูกชายพอตั้งสติได้คุณหญิงชวนชมก็กดโทรศัพท์หาแพรวาทันทีแต่แพรวาเองก็ไม่รับสายคุณหญิงชวนชมเช่นกันยิ่งทำคุณหญิงชวนชมกระวนกระวายใจเข้าไปใหญ่"เป็นอะไรอีกหละคุณหญิง "เสียงทุมแหบแห้งของเจ้าสัวโชติ เอ่ยถามภรรยาด้วยความเป็นห่วงเพราะคุณหญิงเธอเล่นเดินไปเดินมาไม่ยอมหยุดนั่งสักที จนเจ้าสัวที่นั่งจิบชาอยู่รู้สึกสงสัย"ไม่มีอะไรหรอกค่ะ "เธอตอบกลับเสียงหวานแต่ภายในใจนั้นร้อนรุ่มเป็นไฟก่อนจะยอมหยุดเดินวนไปมา เพราะไม่อยากให้เจ้าสัวโชติเป็นกังวลกับข่าวของวิชิตมากไปกว่านี้
พอแพรววกับหนึ่งนารายณ์ออกไป ทินกรก็ยืนสูบบุหรี่ต่อจนหมดมวนจึงเดินกลับโต๊ะ ที่มีเพื่อนๆกำลังสังสรรค์รอเขาอยู่ระหว่างทางเขาเจอเข้ากับวิชิต ซึ่งเดินมากับหญิงสาวหน้าสะสวยคนหนึ่งระหว่างที่เขาคุยกับวิชิต เขาเห็นสายตาของหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังของวิชิตพยายามสบตาเขาอย่างเปิดเผยจนเขารู้สึกข้องใจกับกริยาท่าทางแบบนั้นของเธอมาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะตอนนี้เขารู้สึกโมโหวิชิตมากกว่า ที่ทำอะไรไม่ไว้หน้าแพรวาเลยสักนิด แต่เขาก็ต้องทำเป็นเฉยแต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะถามถึงแพรวากับตัวของวิชิต"ชิตนายไม่ไปส่งน้องวาหละ ทำไมให้หนึ่งไปส่ง "คำถามของทินกรทำวิชิตถึงกับหยุดนิ่ง แล้วเขาก็มองสบตากับทินกร"ผมยังไม่เจอวาครับ "วิชิตไม่รู้จะตอบยังไงดี เขาเลยตัดสินใจตอบความจริงออกไป"น้องวาเมามาก ตอนแรกนึกว่ามีงานฉลองอะไร ตอนนี้พอเข้าใจแล้ว "ทินกรตอบกลับด้วยอาการหงุดหงิดถ้าแพรวาเลือกเขา เขาจะไม่มีวันทำให้เธอเสียใจเลย แต่นี่เธอเลือกคนตรงหน้าที่เวลาเขาเจอทีไรอยากจะตะบันหน้าเข้าให้ทุกครั้งที่เห็นหน้าเฮ้อ!!ทินกรหายใจออกมาหนักๆ เมื่อไม่ได้รับคำตอบใดๆจากปากของวิชิตอีก นอกความเงียบและนั่นเหมือนเป็นคำตอบในต
โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง..... ร่างเปล่าเปลือยสองร่างกำลังนัวเนียกันอย่างเร่าร้อน ไฟแห่งแรงปรารถนากำลัง แผดเผ่ากายาของทั้งสองให้มอดไหม้ตรงนั้นเสียให้ได้ ปั๊บ...ปั๊บ...ปั๊บ...ปั๊บ เสียงแรงกระแทกของเอวสอบยังดังไม่หยุดเป็นเวลาหลายสิบนาทีเสียงหวานครางกระเส่า ยิ่งกระตุ้นอารมณ์กระสันให้คนกระทำด้านบน อดกระทำรุนแรงกับร่างเปลือยอรชรตรงหน้าไม่ได้ยิ่งเขาถาโถมเข้าใส่เธอแรงมากเท่าไหร่ เธอยิ่งแอ่นรับสัมผัสนั้น และตอบสนองอารมณ์ให้เขาอย่างเร้าใจชายหนุ่มปรนเปรอบทรักให้หญิงสาวตรงหน้าให้มีความสุขจนแทบสำลัก"อ๊ายยย...อ๊าสส...คุณชิตขา... อ๊าสสส เดือนไม่ไหวแล้วค่ะ "ส่วนเนื้อในที่ถูกความเป็นชายเสียดสีอย่างหนักหน่วงทำให้ก่อเกิดความเสียวซ่านจนเกินต้านทำให้ร่องสาวขมิบตอดรัดลำยักษ์เป็นจังหวะถี่ เพิ่มความเสียวซ่านให้ชายหนุ่มเพิ่มมากขึ้น" อ๊าสสส น้องเดือนอย่ารัดพี่แน่นเกินไป พี่จะไม่ไหวแล้ว อ๊าสสส "ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นซี๊ดปาก พร้อมออกปากร้องครวญครางเมื่อความเป็นสาวกำลังนำพาเขาถึงจุดสูงสุด"อ๊าสส เดือนก็ไม่ไหวแล้วค่ะ อะ...อ๊ายย..""งะ..งั้นพร้อมกันครับ "เสียงแหบพร่าของชายหนุ่มเอ่ยขึ้น เขาเองก็ทนกับความรัญจวนที
วิชิตเริ่มเดินหน้ารุกจีบเดือนฉายอย่างเปิดเผยโดยในวันนี้พอเลิกงานวิชิตก็พาเดือนฉายไปเดินห้าง และเดินซื้อของที่เดือนฉายอยากได้ไม่ว่าสิ่งนั้นจะราคาเท่าไหร่ วิชิตสามารถเปย์ ให้หญิงสาวได้ทุกอย่างสร้างความพึงพอใจให้เธอเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าในใจลึกๆ แล้วเธอไม่ได้สนใจวิชิตมากเท่าวิชิตสนใจเธอก็ตามเธอตกลงยอมลองคบกับเขาเพียงเพราะความเป็นคนใจป๊าของวิชิตเท่านั้นเพราะในตอนนี้เขาสามารถให้เธอมากกว่าผู้ชายคนอื่นของเธอในตอนนี้เดือนฉายที่กำลังมองวิชิต ที่ถือของพะรุงพะรังแล้วยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม และในขณะเดียวกันเขาก็ยิ้มหวานให้เธอเช่นกัน"วันนี้พี่มีความสุขจังเลยครับ ที่ได้พาน้องเดือนมาเดินเล่น "วิชิตรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้ใกล้ชิดกับเดือนฉาย ถึงแม้ว่าทุกอย่างจะดูเร็วเกินไป แต่เขาก็คิดว่าเธอคือคนที่เขาพร้อมที่จะดูแลทั้งสองเดินเคียงคู่กัน หยอกล้อกันอย่าง มีความสุข โดยไม่ได้เห็นว่าใครกำลังมองพวกเขาอยู่ในร้านอาหารหรู....แพรวามีนัดกินอาหารกับลูกค้ารายสุดท้ายของการทำงาน เพราะเธอจะไม่เข้าไปช่วยงานที่บริษัทของวิชิตอีกแล้วในขณะที่เธอคุยกับลูกค้าอยู่ เธอก็ได้เห็นวิชิตเดินซื้อของอยู่กับเด็กนักศึ
วิชิตช่วยงานชานนท์อย่างเต็มที่เพราะเขาก็มีหุ้นส่วนอยู่ที่นี่ด้วย อาจไม่มากมายถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แต่ก็สำหรับคนทั่วไปนั่นหมายถึงอยู่สบายไปทั้งชาติ วิชิตได้รับการมอบหมายงานหลายอย่างเพราะชานนท์จะไปดูงานที่ต่างจังหวัด หนึ่งอาทิตย์วิชิตรับงานไว้โดยไม่เกี่ยงงอนใด ช่วงนี้แม่เขารบเร้าให้ไปรับคู่หมั้นมาทานข้าว ดูหนัง ชอปปิงตามประสาผู้หญิงแม่เขาบอกว่า สิ่งเหล่านี้คือความสุขของผู้หญิง แต่ตัวเขากลับไม่รู้สึกมีความสุขด้วยเลยเขาจึงรับงานทุกอย่างที่ชานนท์คั่งค้างไว้มาทำทั้งหมด เพื่อเป็นเกราะในการโดนแม่บังคับบริษัท....ในอาทิตย์นี้เองที่มีนักศึกษาเข้ามาฝึกงานที่บริษัท วิชิตเป็นคนดูแลเรื่องนี้ด้วย เพราะมีเด็กฝึกงานด้านเลขามาด้วยหนึ่งคน เขาจึงให้เธออยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยเลขาจริงๆ แล้วก็เป็นเด็กฝากของชานนท์นั่นแหละ เป็นหลานสาวของคู่ขาเก่าของชานนท์ เธอชื่อเดือนฉายวิชิตได้พบและสอนงานเธอ เพราะช่วงนี้ชานนท์ไม่อยู่ ถ้ามีผู้ช่วยมาช่วยงานเขา ก็ถือได้ว่ามีคนช่วยแบ่งเบาภาระเล็กๆ น้อยๆ ได้เดือนฉายเธอเป็นเด็กสาวหน้าใส นิสัยเรียบร้อย พูดจาไพเราะ ที่สำคัญเธอเป็นอดีตดาวมหาลัยด้วยเรื่องความสวยก็ไม่ธรรมดาอยู่แ