“จูเจี่ย คราวหลังห้ามถามที่ปลดทุกข์กับข้า ถ้าจะพูดเช่นนี้ข้าจะปล่อยให้ท่านจุกตายไปเสีย”
“เจ้าเด็กบ้า มาให้เขกหัวเสียทีหนึ่ง”กระโดดเข้าใส่ จูจิ้นที่ดึงมือเสี่ยวซงให้วิ่งตามพร้อมกับหัวเราะเสียงใส วิ่งวนรอบตัวเสี่ยวซงที่สูงชะลูดไปมา แป๋มลืมตัวลืมตาย วิ่งวนรอบตัวเสี่ยวซงเช่นกันเจ้าจูจิ้น หลบอยู่ด้านหลังชะโงกหน้ามาแลบลิ้น แป๋มถลาเข้าด้านหน้าเสี่ยวซง เอื้อมมือหมายจะฟาดไปที่เจ้าเด็กบ้านั่นแต่ทว่ากลับเสียหลัก ชนเข้ากับเสี่ยวซง ร่างผอมบางอย่างไรจะทานน้ำหนักตัว เกือบแปดสิบกิโลของแป๋มไหว ร่างอ้วนเตี้ยของแป๋มล้มลงไปทับเสี่ยวซงเต็มตัวใบหน้าซุกอยู่กับอกอุ่นของเขา เสี่ยวซง ยกมือขึ้นกอดรวบแป๋มไว้ทันทีกลัวว่าแป๋มจะเจ็บตัวไปกว่าที่อยู่บนอกเขา จูจิ้นปิดตา ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือหัวเราะร่วน
“จูจิ้นดึงพี่เขาขึ้นมา เสี่ยวซงคงจะเจ็บตัวแน่ๆ พี่สาวเจ้าน้ำหนักตัวเยอะเพียงนั้น”หานี่ท่านพ่อผู้ใจดีก็หยิกกัดเป็นเหมือนเจ้าน้องจูจิ้นด้วยหรือ ไม่น่าแปลกใจว่าเจ้าจูจิ้นได้นิสัยใครมาคงบวกๆ กันระหว่างพ่อกับแม่ เสี่ยวซงเห็นตัวผอมบางทว่ากับ แข็งแรงอย่างไม่น่าเชื่อแม้จะเขินจนหน้าแดงเขากลับจับเอวหนาของแป๋มดันตัวแป๋มลุกขึ้น อย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าเจ็บตรงไหนหรือไม่” แป๋มหน้าเง้า แต่เสี่ยวซงกับปัดเนื้อปัดตัวให้แป๋มเสีย อย่างกับว่าตัวเองเป็นคนล้มทับ สุภาพบุรุษอะไรขนาดนั้น
แป๋มก้มหน้าหลบตาคม จูจิ้นอมยิ้ม ก่อนจะหันหลังเดินตามท่านเจ้าบ้านเฉินไปที่เถียงนา เสี่ยวซงหันหลังเดินตามไปติดๆ แป๋มจึงจำเป็นต้องก้าวตามทั้งๆ ที่เขินแทบตาย
ข้าวกลางวันวันนั้น
แป๋มจึงกินได้น้อยเพราะเอาแต่เขินอยู่อย่างนั้น จูจิ้นคีบเอาเนื้อปลาที่ฮูหยินเฉินย่างก่อนหน้านั้นเตรียมไว้สำหรับอาหารกลางวัน วางในถ้วยข้าวให้แป๋ม
“จูเจี่ย เนื้อปลากุ้ย พี่กินเยอะๆ จะได้กระฉับกระเฉงว่องไวไม่ไปล้มทับใครเขาอีก”
“เกือบดีละเกือบดีละ ขึ้นต้นเสียสวย”แป๋มพึมพำเบาๆ
“นอกจากหน้าตาจะเหมือนปลากุ้ย (ปลากุ้ยฟันล่างยื่นออกมา555) แล้วยังชอบออกหากินเวลากลางคืนอีกด้วย”จูจิ้นยังไม่เลิกกัด แต่แป๋มกับไม่รู้สึกอะไรเพราะไม่รู้จักปลากุ้ย ปลาอร่อยของจีน
“จูจิ้น เลิกทะเลาะกับพี่เขาได้แล้ว อยากจะให้เขากินของอร่อยแต่ชอบไปพูดให้เขาโมโหเสียก่อน”ฮูหยินดุจูจิ้น
ชาวจีนเชื่อว่าปลามีข้อดี ถึงสามข้อ
หนึ่ง ปลาเป็นสัญลักษณ์ของความมีชีวิตชีวา กระฉับกระเฉง ว่องไว ชาวจีนโดยทั่วไปจึงเชื่อกันว่า การกินปลา จะช่วยให้ฉลาด มีไหวพริบดี
สอง ปลามีไข่มาก แพร่พันธุ์ได้มากและรวดเร็ว ชาวจีนจึงเชื่อกันว่า การกินปลาช่วยให้มีลูกได้ มีลูกมากก็มีบุญมาก ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง
สาม ในภาษาจีน (เสียงจีนกลาง) มีคำสองคำที่ออกเสียงพ้องกัน คือ หวี (鱼) ที่แปลว่าปลา กับหวี (余) ที่แปลว่า (มีมากจนเหลือ) เหลือเฟือ ล้นเหลือ ซึ่งฟังดูมีนัยยะที่เป็นมงคล ชาวจีนจึงให้นิยามใหม่กับปลา ให้มีความหมายที่เป็นมงคลตามคำนี้ด้วย เพื่อเป็นคำอวยพร
เสี่ยวซงคีบเนื้อปลาวางบนถ้วยข้าวให้แป๋ม เนื้อปลาสีขาวสะอาดตา แป๋มคีบมันใส่ปากรสหวานในครั้งแรกตามมาด้วยยุ่นนุ่มของเนื้อปลาเพราะสดใหม่
“ท่านลุงปลากุ้ย หาได้จากที่ไหน”เสี่ยวซงถามเพื่อช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น
“ปลากุ้ยอาศัยอยู่ตามแหล่งน้ำทั่วไปที่มีรากไม้หนาแน่น ออกหากินเวลากลางคืน เหมือนที่จูจิ้นบอก”
“นอกจากอยู่ในแหล่งน้ำปลากุ้ยยังอยู่ในแจกันและกระเบื้องลายครามในวังหลวงด้วย”เสี่ยวซงอมยิ้ม แต่แป๋มขมวดคิ้ว ว่าจะไม่พูดด้วยยันลูกบวชแต่เพราะความอยากรู้
“ไปอยู่อะไรในนั้น”เสี่ยวซงหันหน้าไปแอบขำคำถามของแป๋ม เจ้าน้องชายทำสีหน้า เหมือนนักปราชญ์
“ก็เขาวาดมันไว้ ปลากุ้ยเป็นสัตว์มงคล จึงเหมาะที่จะนำไปประดับบนลายครามในราชสำนัก”
“พูดอย่างกับตัวเองเคยเข้าไปในราชสำนัก”เสี่ยวซงอมยิ้มมองสองพี่น้อง ด้วยแววตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเอ็นดู
“พี่ก็ไม่เคยเขาไปน่า อย่างน้อยข้าก็เคยได้ยินเขาเล่ามา จูเจี่ยเสียอีกไม่รู้ว่าทำไมปลาถึงเข้าไปอยู่บนลายคราม”
“พอๆๆๆ รีบกินได้แล้วอากาศกำลังดี พ่อจะพาไปจับกุ้งแม่น้ำหากว่าช้าจะหนาวจนลงไปจับกุ้งไม่ได้”ท่านเจ้าบ้านเฉินตัดบท แป๋มแลบลิ้นให้จูจิ้น เผลอมองสบตาเสี่ยวซงที่ยิ้มๆ เพราะขำกับความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้
ลำธารกว้างทว่าน้ำกลับไม่ลึกอย่างที่แป๋มคิด ..แป๋มกลัวน้ำ.. แต่เมื่อมองเห็นจูจิ้นถลาลงไปที่กลางลำธาร ลงไปแช่น้ำเหมือนเพิ่งจะนึกขึ้นได้หลายวันมานี้ อากาศหนาว ไม่เคยได้อาบน้ำ น้ำในลำธารไหลผ่านหินก้อนสวยหลากสี เลาะเรื่อยไปตาม ช่องทางคดเคี้ยวสวยงามบ้างลึกบ้างตื้นแต่ก็ไม่ถึงกลับทำให้จมได้ สองข้างเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี เจ้าบ้านเฉิน ลุยน้ำลงไปที่น้ำไหล เอื่อยๆทิ้งตัวลงสอดล้วงเข้าไปใต้ซอกหิน เพียงครุ๋เดียวก็ส่งเสียงดังลั่น
“โอ๊ยยยย”ยกกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่เท่ากับหัวแครอทที่ก้ามข้างหนึ่งของมันหนีบติดอยู่ที่นิ้ว จูจิ้น ถลาเขาไปหาบิดาดึงตัวกุ้งเสียยกใหญ่
“เสี่ยวซง มาจับกุ้งไปจูจิ้นอาจทำมันหลุดมือ”เสี่ยวซง วิ่งลุยนำลงไปจนถึงน้ำลึกที่เจ้าบ้านเฉินกำลังงมกุ้งมือเปล่าอยู่
“ข้าจับได้หรอกน่าไม่ใช่จูเจี่ย”เจ้าน้องชาย แต่แป๋มกำลังตื่นตาตื่นใจ
“ท่านพ่อเก่งจัง ทำไมจับกุ้งมือเปล่าได้”ยิ้มกว้างเมื่อเห้นกุ้งตัวใหญ่ขนาดนั้นคิดถึงมันหัวกุ้งมันเยิ้มหอมอร่อย
“กุ้ง เวลาที่ถูกต้อนมักจะดีดตัวถอยหลังเช่นนั้นเจ้าเพียงแค่ดักมันไว้ทั้งสองทาง ยิ่งหากมีคนมาช่วยดักยิ่งจับมันง่ายดายเมื่อครู่พ่อทำมันหลุดไปเสียหนึ่งตัวคงจะเป็นตัวผู้ ตัวนี้เป็นตัวเมีย”
“มันอยู่บ้านเดียวกันหรือคะ”
“ไม่ต้องห่วงนะข้า ไปศึกษาเคล็ดวิชา เกี่ยวกับ..เอ่ออการอุ่นเตียงที่เจ้าจะต้องติดใจ”รวบร่างบางให้อยู่ใต้ร่างเขาก่อนจะกดริมฝีปากอีกครั้งบรรจงจูบอ่อนหวานปลดแกะอาภรณ์ของตัวเองและของแป๋มออกช้าๆ อ่อนโยนจนแป๋มแทบจะล่องลอยโคมไฟหัวเตียงอ่อนแสงลงเมื่อคนทั้งคู่ กำลังมีความสุขภายใต้แสงไฟสลัว เนิ่นนาน ไม่สนใจเวลาที่หมุนผ่านจนโคมไฟอ่อนแสง (ตัดเข้าโคมไฟอย่าด่าไรท์น้าาา555)สามปีผ่านไป“แค้วนเหนือส่งบรรณาการมาที่แคว้นฉินแทนคำขอบคุณที่ ฝ่าบาทส่งท่านเฉินให้ไปเป็นผู้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาในการปลูกผักและถนอมอาหารบัดนี้แคว้นเหนือรุ่งเรือง เป็นบ้านพี่เมืองน้องฮ่องเต้าต้าปอหลันจึงได้มีบัญชาให้นำเครื่องบรรณาการมาที่นี่แทนคำขอบคุณ”ซงหยวนเอื้อมมือกุมมือแป๋มใต้บัลลังก์บีบมือเบาๆ มองสบตา คม อย่างมีความหมาย“กลยุทธ์ของเจ้า เข้าท่าดีไม่น้อยต่อไปบ้านใกล้เรือนเคียงจึงไม่ทะเลาะเบาะแว้งเแย่งชิง ทรัพยากรและดินแดนกันอีกในเมื่อทุกพื้นที่ล้วน ปลูกผักทำสวน พึ่งพาตัวเอง ท่านพ่อตาเก่งเรื่องทำสวน ช่วยดูแลให้ความรู้ชาวแคว้นเหนือได้ดี แม้อยากกลับก็ไม่ได้กลับ ฮ่องเต้แคว้นเหนือแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งราชครูเลยทีเดียว“คิดถึงจูจิ้นเขาไม่อ
พิธีแต่งงานที่ยิ่งใหญ่อลังการ จนแป๋มคิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นแล้วยังต้องมาสวมอาภรณ์สีแดงด้วยตัวเอง อาการตื่นเต้นจนทำให้ต้องนึกถึงเรื่องที่ผ่อนคลายกว่านี้จะได้ไม่ทำอะไรเงอะงะ ให้ขายหน้าทั้งๆ ที่เมื่อวานวุ่นวายกับการฝึกซ้อมพิธีการแต่….เมื่ออยู่ในห้องสองต่อสองเมื่อวันก่อน แป๋มนำเอาแครอทหั่นฝอยมาทำเป็นส้มตำให้ซงหยวนกินอดจะขำกับเสียงซุดปากที่ขันทียังตกใจเสียไม่ได้ส้มตำไทยรสเด็ดที่แป๋ม ปรุงเองกับมือ ไม่มีมะละกอก็ใช้แครอทซอย เป็นเส้น พริกสดสีแดงจัดจ้านกระเทียมสีม่วงกลีบเล็ก โขลกรวมกัน ใส่กุ้งแห้งที่ตัวใหญ่ไปหน่อย ถั่วลิสงคั่ว มะนาวซีก น้ำผึ้ง และเห็ดหอมสดต้ม ข้าวโพดหวานต้ม ลงไปคลุกเคล้า ตักยื่นส่งตรงหน้าซงหยวนที่ยืนชื่นชม ท่าทีคล่องแคล่วของแป๋ม แต่ก็แอบกลืนน้ำลาย“เจ้าไปนำวิธีการปรุง อาหารจานนี้มาจากไหน”“พูดไปฝ่าบาทก็คงไม่เชื่อแต่จะบอกอะไรให้ อาหารจานนี้จูเจียชอบที่สุด และหากฝ่าบาทได้ชิมจะต้องซี้ดปากด้วยความสะใจ”“ซุ๊ดด ซี็ดเผ็ดมาก แต่อร่อยลิ้น เสียจริงไม่น่าเชื่อแครอทเอามาทำอาหารแบบนี้ได้ วังหลวงของเราไม่เคยมีอาหารรสจัดจ้านเพียงนี้ ข้าเห็นทีจะจัดให้ห้องเครื่องเป้นอาหารที่ทำห้คนนวังหลวงได้ชิม
“เรื่องอัปยศเช่นนี้ข้าก็ไม่อยากจะรื้อฟื้นเอาเป็นว่าเราทั้งสอง ทำทีเป็นเหมือนคนไม่เคยรู้จักกัน อย่างที่ผ่านมาดีแล้ว”“ท่านก็ยังเหมือนเคย””ตัวท่านเองก็เช่นกัน รักในบัลลังก์มากกว่าสิ่งอื่นใด”ซงหยางยิ้ม“ท่านเองก้คงไม่ปรารถนาให้บุตรีต้องมา ผูกพันกับซงหยวนที่มีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ต้องรับผิดชอบข้ามองไม่เห็นทางว่า หากซงหยวนแต่งกับบุตรีของท่านเหมือนที่ข้ายอมแต่งกับ พี่รองของท่านแล้วจะนำพาแคว้นฉินให้รอดปลอดภัยจากแคว้นอื่นที่ต้องการรุกรานได้อย่างไรในเมื่อซงหยวนมีว่าที่ไท่จือเฟยเป็นองค์หญิงแคว้นใต้”เฉินเจียจิ้นยิ้มบางๆ แม้จะรู้สึกเจ็บแค้นแทนแป๋มเพียงใด แต่ก็ไม่ได้โกรธเคืองชีวิตในวังหลวงล้วนแตกต่างแป๋มจะทนได้หรือซงหยางก้าวเท้าเข้ามาในตำหนักด้วยสีหน้าแช่มชื่น เฉินเจียจิ้นกลับมาสู่ความเป็นจริงตรงหน้า“ข้ายินดี ให้ฮ่องเต้แต่งบุตรีของท่านเป็นฮองเฮา แม้จะต้องกลับคำพูดจากที่เคยพูดไว้”“กลับคำ”“ในตอนนี้ข้าเห็นแล้วว่าแม้ฮ่องเต้ไม่แต่งองคืหญิงจากแคว้นอื่นเพื่อเชื่อมสัมพันธ์แต่งฮ่องเต้ก็ทรงนำพาแคว้นฉินให้อยู่รอดปลอดภัย ซงหยวนเก่งกว่าข้าภายใต้ความเก่งกาจของเขา มีตระกูลเฉิน โดยเฉพาะเฉินจูเจี่ยเป็นแรงผลักดัน
เพียงครู่เดียวเหล่าทหารของแคว้นฉิน ก็เข้ามา ล้อมบ้านเฉินไปจนสิ้น“เฉินเจียจิ้นรับราชโองการรร” ท่านรเฉินกับฮูหยิน คุกเข่าลงกับพื้นต้าปอหลันเหลือบตามองด้วยความสงสัย“ตามที่บ้านตระกูลเฉินได้ส่งเกาลัดที่ฝ่าบาทโปรดปรานเป็นอย่างยิ่งเข้าไปในวังหลวงบัดนี้ฝ่าบาทได้ให้ข้ามาแจ้งแก่เฉินเจียจิ้นว่าส่งเกาลัดเข้าไปแต่ไม่ยอมส่งคนคั่วเกาลัดเข้าไปด้วยฝ่าบาทจึงจำต้องมาออกมาที่ตลาดมารับคนคั่วเกาลัดคือแม่นางจูเจียด้วยองค์เองเพื่อเป็นการลงทัณฑ์บ้านเฉิน ที่ยังความลำบากให้กับฝ่าบาทเช่นนั้นจึงได้ มีราชโองการ เชิญท่านเฉินและฮูหยินเฉิน ไปที่วังหลวง พร้อมกันนี้ให้นำผักในไร่ไปปรุงเครื่องเสวยถวายฝ่าบาท ทันที เฉินเจียจิ้น รับราชโองการรรร”“น้อมบัญชาฝ่าบาท”เอื้อมมือรับเอาราชโองการมาถือไว้ด้วยมืออันสั่นเทาหันมองหน้าฮูหยินดวงแววตาตื่นตระหนกแม้ข้อความในราชโองการจะฟังดูแปลกๆ แต่ก็อดหวั่นใจเสียไม่ได้เพราะเพิ่งจะเคยได้รับราชโองการจากฮ่องเต้เป็นครั้งแรก“ท่านลุง หากไม่อยากเข้าไปข้ายินดีปกป้องท่าน”ต้าปอหลันประสานมือกล่าวคำห่วงใย“ฝ่าบาท ข้าน้อย แม้จะกลัวเพียงใดแต่เชื่อว่าจะต้องไม่เกิดอันตรายในเมื่อตอนนี้ จูเจียกับจูจิ้นอยู
“ขอบพระทัยเสี้ยนตี้”“อืม ปลาทอดราดซอสขิงรสชาติดีเสียจริง ข้าคงไม่กวนเจ้าแล้ว แต่รู้สึกคิดถึงจูจิ้นเหลือเกิน ไปคุยกับท่านลุงให้หายคิดถึงจะดีไหมที่ตำหนักของข้ามี ขนมหวานน่ากิน มากมาย”จูจิ้นยิ้มหันมองทั้งแป๋มและซงหยวน ซงหยวนพยักหน้ายิ้มๆ รีบลุกจากแท่นนั่งวิ่งเข้าเกาะแขนเสี้ยนตี้ฮองเฮามองด้วยสายตาอ่อนโยนแป๋มถอนหายใจเหมือนกับโล่งอกเสียเต็มทีซงหยวนอมยิ้ม“คืนนี้ จูจิ้นค้างที่ตำหนักเสี้ยนตี้”“ฝ่าบาทรู้ได้อย่างไร”“ก็เสี้ยนตี้จะต้องเห็นอกเห็นใจลูกชายคนนี้ที่นานปีเพิ่งจะได้ชิดใกล้คนที่เขารัก”“ข้า ...ข้า”“อย่าบอกนะว่าจะขอแยกห้อง”“ก็ฝ่าบาท จะรังแกกัน”“ใครกันเรียกว่ารังแก เรียกว่าทนคิดถึงไม่ไหว”ปลาทอดราดซอล ขิงวันนี้แป๋มรู้สึกว่ามันหวานไปหน่อยจะด้วยสายลมแสงจันทร์หรือว่าคำหวานกับสายตารักใคร่ของคนข้างหน้าไม่อาจทราบได้บ้านเฉิน“ท่านลุง จูเจียถูกจับตัวไป”ท่านเฉินลุกพลวดจากเก้าอี้“ใครกันทำเรื่องแบบนั้น”“ฮ่องเต้แคว้นฉิน”“หา ฮ่องเต้แคว้นฉิน แล้วเขาจะจับจูเจียไปทำไมกัน”“ฝ่าบาทคนของเราพร้อมแล้ว”องครักษ์ที่ซ่อนตัวอยู่ ปรากฏตัวออกมาประสานมือตรงหน้า ต้าปอหลันฮ่องเต้ ท่านเฉินกับ ฮูหยินเฉินตาค้างด้
แป๋ม เขย่งเท้าขึ้นจุมพิตที่ปากอุ่นเบาๆ“ขอบคุณที่ทำเพื่อข้า”ซงหยวนกดริมฝีปากกับปากบดขยี้อ่อนหวานก่อนจะถอนริมฝีปากออกช้าๆ“ขอบคุณเช่นกันที่รอข้า”แป๋มยิ้มห้องเครื่องเกาลัดเมล็ดใหญ่ถูกคั่วในเตาด้วยไฟกลาง กลิ่นหอมโชยไปทั่ว ซงหยวนจูงมือแป่มไว้พาเดินเข้าไปในห้องเครื่องขันทีนางกำนัลต่างประสานมือและย่อกายทำความเคารพ“พี่ชายเอ๊ยฝ่าบาท พี่สาวจูเจียข้าคั่วเกาลัดไว้รอพวกท่านกำลังร้อนๆ เนื้อนุ่มหวานอย่าบอกใคร”จูจิ้นวิ่งเข้ามาจับมือข้างที่ว่างของแป๋ม“ปลาสดวันนี้มีมาหรือไม่ ว่าที่ฮองเฮาของข้าตั้งใจจะทำปลาทอดราดซอสขิงทั้งขันทีและนางในห้องเครื่องต่างอมยิ้มกับคำเรียกขานที่ซงหยวนใช้กับแป๋ม“ปลาสดวันนี้ได้มาหลายตัว กระหม่อมทอดเตรียมยกเป็นเครื่องเสวยพอดี”หัวหน้าห้องเครื่องประสานมือพูดขึ้น“ดีมาก ปลาอะไรที่ได้มา”“ปลากะพง สดใหม่จึงทอดเพื่อยกเป็นเครื่องเสวย”“ดีเลย ข้าปรุงซอส ขิงราดคงดีไม่น้อย”ซงหยวนยิ้ม จูงมือ แป๋มให้นั่งลง“แค่เพียงบอกขั้นตอนพวกเขาเจ้าไม่ต้องลงมือให้เปรอะเปื้อน”“ไม่เป็นไรข้าเต็มใจทุกวันก็ทำประจำ”“ไม่ได้ เครื่องเสวยมีหลายสิบตำหนักเจ้าจะต้องเหนื่อยหนักเช่นนั้นนั่งอยู่ข้างข้า คอยสั่งการ