เมื่อเชนน์สูบบุหรี่ใกล้เสร็จ นางพยาบาลสาวก็วิ่งออกมาจากโรงพยาบาลเพื่อตามหาใครบางคนเธอเห็นเงาของเชนน์จากไกล ๆ แล้ววิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเพื่อแจ้งข่าว “เจอคุณสักที คุณจินคะ คุณหญิงจินฟื้นแล้วค่ะ ตอนนี้เธออยากจะพบคุณ!”นิ้วทั้งสองที่คีบมวนบุหรี่อยู่ชะงักกลางอากาศ เขารีบโยนก้นบุหรี่ทิ้งบนที่เขี่ยหลังถังขยะแล้วก้าวขายาวเข้าไปในโรงพยาบาลในที่สุดแยนนี่ก็ฟื้นแล้วซาแมนธาตามเชนน์เข้าไปยังวอร์ดผู้ป่วยวินาทีที่เชนน์ผลักประตูเข้าไป เขาเห็นแยนนี่กำลังนั่งอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอดูซีดเซียวและอ่อนล้า แต่สายตาที่เธอมองมาเมื่อเห็นเชนน์กลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน“คุณไปอยู่ไหนมา? คุณยังจะมีอารมณ์มาเล่นตอนที่ฉันนอนอยู่บนเตียงอย่างนี้อีกเหรอ? ฉันได้ยินจากคุณปู่แล้วว่าคุณไม่ไปเยี่ยมลูกเลยด้วยซํ้าแถมยังให้คุณปู่เป็นคนตั้งชื่อลูกอีก ทำไมคุณถึงทำตัวแบบนี้ เชนน์?”ถึงจะดูเหมือนว่าเธอกำลังดุเขา แต่นัยตาของแยนนี่กลับแฝงไปด้วยอารมณ์ขัน ชัดเลยว่าเธอไม่อยากให้เขาเป็นกังวลเชนน์ได้แต่จ้องมองเธอ ไม่นานเขาก็เดินเข้าไปหาที่เตียงแล้วดึงแยนนี่เข้ามาสวมกอดแน่น “ฉันคงจะทำร้ายลูกถ้าเกิดอะไรกับเธอขึ้นมาจริง ๆ แยนนี่
เชนน์จ้างพี่เลี้ยงเด็กที่ยังสาวและแข็งแรงสามคนมาช่วยป้อนนมให้กับโจนาธานตัวน้อยโจนาธานโตขึ้นมาสุขภาพดีเด็กน้อยไม่ได้มีเลือดกรุ๊ปหายากอย่างแยนนี่แต่กลับมีกรุ๊ปเลือดที่เป็นบวกแทน โจนาธานมีร่างกายที่แข็งแรงและเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายแยนนี่ไม่ต้องคอยเป็นห่วงเขาเลยสักนิดถึงแม้แยนนี่จะต้องอยู่โรงพยาบาลสักพัก แต่ในที่สุดเธอก็ออกจากโรงพยาบาลจนได้ร่างกายของเธอทรุดจากการเสียเลือดจำนวนมากระหว่างคลอด ดังนั้น เชนน์จึงไม่อยากให้แยนนี่ต้องคอยดูแลหรือเลี้ยงลูกเป็นเรื่องดีทีเดียวที่พวกเขาได้ให้เหล่าพี่เลี้ยงเข้ามาช่วยดูแล แยนนี่ไม่จำเป็นต้องตื่นกลางดึกขึ้นมาเพื่อป้อนนมลูกในวันที่โจนธานครบรอบหนึ่งเดือน นายท่านจินจัดงานเลี้ยงแสดงความยินดีเนื่องในโอกาสสุดพิเศษนี้ข่าวเรื่องที่แยนนี่ให้กำเนิดทายาทชายนามโจนาธาน จินแพร่ออกไปอย่างรวดเร็วทั่วทั้งเมืองดั่งไฟลามทุ่งโจนาธาน ชื่อที่มีความหมายว่า ‘ของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้า’ช่างเป็นชื่อที่น่ารักอะไรเช่นนี้ผู้คนคาดเดาต่าง ๆ นานาว่าเด็กน้อยจะต้องโตขึ้นมาเป็นพวกหัวขบถชื่อเสียงฉาวโฉ่ดั่งผู้เป็นพ่อที่แค่ได้ยินชื่อก็ทำเอาผู้คนรู้สึกหวั่นเกรงว่ากันตามตร
พายุหิมะพัดผ่านช่วงกลางฤดูหนาว ละออกสีขาวเย็นตกติดต่อกันเป็นเวลานานหลายวันหลายคืนแยนนี่สะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะฝันร้ายอยู่บ่อยครั้งแต่ละครั้งเธอจะบีบแขนของเชนน์แน่นเชนน์ตัดสินใจว่าเขาจะช่วยภรรยาที่รักให้ผ่านปมแผลสะเทือนใจนี้ที่เขาก่อนี้ไปให้ได้ยามเช้าฤดูหนาว เชนน์ออเซาะให้แยนนี่ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่วนตัวไปด้วยกันแยนนี่ถาม “เราจะไปไหนกัน?”เชนน์เลิกคิ้วสูงแล้วตอบ “ไปดูหิมะ”แยนนี่พูดไม่ออกทั้งเชนน์และแยนนี่ต่างก็เคยไปดูหิมะจากเขาเพ็กตู จากที่สวิตเซอร์แลนด์ จากที่ฟินแลนด์ และจากอีกหลาย ๆ ที่…พวกเขาท่องไปทั่วดินแดนหลากประเทศและได้เห็นทัศนียภาพสีขาวโพลนมานักต่อนักตลอดทริปทั้งเดือน พวกเขาก็เอาแต่มองภาพวิวทิวทันศ์ที่ปกคลุมไปด้วยละอองของเหมันต์ โดยที่เธอมีเชนน์คอยอยู่เคียงข้างตลอดเพื่อดูแลความปลอดภัยเสมอมาเชนน์ถาม “คุณหญิงจิน คุณยังกลัวหิมะอยู่อีกเหรอ?”แยนนี่ยิ้มแล้วตอบ “ฉันไม่ได้กลัวตั้งนานแล้วเถอะ แต่ฉันแค่เบื่อหิมะ รู้สึกเหมือนกับว่าฉันเพิ่งจะดูมันไปเผื่ออีกสักสิบปีข้างหน้าได้เลยมั้ง ตอนนี้จะอะไรก็ได้ ฉันไม่อยากจะดูหิมะแล้ว”เชนน์ก้มหน้าแล้วสบสายตากับเธอ ก่อนเอ่ย “ถ้า
เดือนกันยายนในนอร์ท ซิตี้ แสงแดดฤดูร้อนผ่านพ้นไป แต่ไอร้อนอบอ้าวยังคงอยู่ตอนนี้เกมแข่งขันบาสเกตบอลขนาดย่อมสามต่อสามกำลังดุเดือดอยู่ในสนามบาสของเฟิร์ส นอร์ท ซิตี้ ไฮสคูล ทีมสีนํ้าเงิน สมาชิกทีมคนหนึ่งกำลังนั่งดูเกมอยู่ตรงม้านั่งข้างสนามด้วยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฝั่งนํ้าเงินเหลือแค่สองผู้เล่นที่ลงสนาม สองต่อสาม ดูยังก็แพ้เห็น ๆหัวหน้าทีมสีแดงชี้หน้าฝั่งตรงข้ามแล้วป่าวประกาศอย่างเย้ยหยัน “เกมสุดท้ายตัดสินผู้ชนะ โจนาธาน จิน จำคำฉันไว้ คนที่แพ้ต้องคุกเข่าต่อหน้าผู้ชนะและเรียกคนคนนั้นว่าปะป๊าซะ เรื่องนี้ไม่มีเกี่ยวกับฝ่ายวินัยหรือโรงเรียน แต่คนที่ไม่ทำตามนั้นถือเป็นพวกขี้ขลาด”หัวหน้าทีมสีนํ้าเงินจ้องมองด้วยแววตาหยิ่งทะนง นัยตาของเขาเปล่งประกายพร้อมกับร้อยยิ้มยโสโอหัง เขาเลือกที่จะปิดปากเงียบ แล้วชี้ฝั่งตรงข้ามก่อนจะดึงมือเข้าหาตัวเองตามด้วยนิ้วโป่งควํ่าลงดิน เป็นการเยาะเย้ยคู่ต่อสู้เขาไม่สนใจคำโอ้อวดของฝั่งตรงข้ามหัวหน้าทีมีแดงสบถเสียงดังแล้วโยนลูกบาสออกไปร่างสูงเปี่ยมพลังของชายหนุ่มกระโดดขึ้น ยกมือคว้าลูกบอลที่กำลังลอยไปทางห่วง เขาสกัดลูกที่ค้างติงอยู่กลางอากาศและตามด้วยการสแลมบ
หลังโจนาธานออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว เขาไม่ได้ตรงกลับไปที่โรงเรียนแต่อย่างใด ชายหนุ่มโดดเรียนตลอดทั้งบ่ายแล้วไปที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เพื่อเล่นเกมกับเวย์น คลาร์กและผ่องเพื่อนแทน พอได้เวลากลับบ้านอีกที ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิทแล้วโจนาธานโพสสถานะบนวอตส์แอป [เฮ้อ เรียนมาทั้งวันแล้ว ปวดหัวจัง ได้เวลากลับบ้านสักที]เมื่อเวย์นเห็นข้อความ เขาก็หัวเราะก๊ากออกมา[เวย์น: ลูกพี่ นายได้เรียนกับเขาด้วยเหรอ? ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย][จิมมี่: แล้วไอ้คนที่เล่นเกมในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เป็นร่างโคลนของนายเหรอวะ?]โจนาธานกรอกตากับคอมเมนต์พวกนั้น พวกมันจะไปรู้อะไรล่ะ? สถานะที่เขาโพสนั่นก็เพื่อให้พ่อแม่เห็นเท่านั้นแหละหลังจากเก็บโทรศัพท์ลงไป โจนาธานสะพายกระเป๋าเป้สีดำพาดบ่าเดินมือล้วงกระเป๋าออกไป มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟตอนนี้รถสปอร์ตไบค์ของเขาถูกคุณพ่อยึดไป คุณพ่อของเขาบอกว่าจะให้เด็กนักเรียนไฮสคูลมาขับสปอร์ตไบค์คงดูไม่ดีนักเพราะงั้นโจนาธานถึงต้องไปไหนมาไหนด้วยขายาว ๆ ของเขาแทนพอโจนาธานมาถึงประตูหนึ่งแถวสาม เขาถูกเหล่าชายที่แต่งกายชุดนักเรียนมาขวางทางเอาไว้“โจนาธาน โลกกลมจังนะ ฉันไม่คิดว่าโชคดีได
ด้วยเหตุผลบางประการ เรื่องราวก็ได้จบลง ณ ที่นี้ฉันอยากจะขอกล่าวบอกลาพวกคุณทุกคนเรื่องราวนี้เริ่มแต่งขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี 2018 และดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายในวันที่ 31 ธันวาคมปี 2020 ใช้เวลาเดินทางกว่าสองปีกับอีกเจ็ดเดือนช่างเป็นการเดินทางที่ยาวนานยิ่งนักขอขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนตลอดเส้นทางแล้วเจอกันค่ะ
“เวอเรียน มอนท์ หญิงสาวอายุเพียง 21 ปี จบการศึกษามหาวิทยาลัยนอร์ทซิติ้ ไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆ และสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง…”ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอนั้น ได้ปิดแฟ้มประวัติของเธอลง หลังจากที่เขาอ่านข้อมูลทั้งหมด คิ้วของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย เขาถามกับเธอว่า “คุณแน่ใจหรือว่าต้องการที่จะเป็นตัวแทนรับงานอุ้มบุญในครั้งนี้’’เวอเรียน มอนท์ หญิงสาวได้จับชายเสื้อของเธอกุมไว้ด้วยความกังวล จากนั้นเธอได้พูดตอบออกไปว่า “ฉันแน่ใจมาก ฉันต้องการเงินค่ะ”“คุณต้องการเท่าไหร่?”เธอตกใจและพึมพำเบาๆ และพูดออกมา “10…10 ล้าน”เขาขมวดคิ้ว “เรื่องนี้จะต้องถูกเก็บเป็นความลับ คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากที่นี่ตลอดระยะเวลา 10 เดือน ตั้งแต่คุณเริ่มการตั้งครรภ์ จนกระทั่งคุณคลอด นอกจากนี้คุณยังไม่สามารถติดต่อกับคนอื่นได้ คุณทำได้ไหม?”นิ้วมือของเวอเรียน มอนท์ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดขึ้นเกิดการการที่เธอบีบมือแรงเกินไป เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยออกมาด้วยอาการตัวสั่น “ฉัน...ฉันสัญญากับคุณ” แต่มีเงื่อนไขเพียงหนึ่งข้อ“พูดมา”“หลังจากที่เซ็นชื่อตกลงทำสัญญากัน ฉันต้องการเงินจำนวน 10 ล้าน โอนเข้าในบั
“เวอเรียน มอนท์! ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”เสียงเย็นชาของหญิงวัยกลางคน ดังก้องไปทั่วทั้งห้อง เธอหันหลังกลับมาเห็นแม่เลี้ยงของเธอควีนน่า ชีน กำลังเดินเข้ามาจากข้างนอกบ้านคู่รักที่แสนน่ารังเกียจ กำลังยืนอยู่ด้านบนของบ้าน พวกเขามองลงมาที่ข้างล่าง ทันทีที่พวกเขาได้ยินเสียงความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นแววตาตื่นตระหนกปรากฏขึ้นมาดวงตาของเจนเซ่น “เวอเรียน คุณกลับมาได้ยังไง”เวอเรียน มอนท์ เธอยิ้มเยาะและจ้องไปที่เจนเซ่นแฟนหนุ่มของเธอ “นี่คือบ้านของฉันทำไมฉันถึงกลับมาไม่ได้”ในขณะที่ วาเนลล์ ชีน เธอยังคงยืนอยู่ในอ้อมกอดของเจนเซ่นนั้น หล่อนได้ยกมุมปากสีแดงเอ่ยเยาะเย้ยต่อเธอ “บ้านของเธองั้นเหรอ? บ้านพักที่นี่ไม่ได้เป็นของครอบครัวมอนท์อีกต่อไปแล้ว”เวอเรียน มอนท์ ขมวดคิ้วขึ้น, “เธอหมายความว่ายังไง”วาเนลล์ ชีน ก้าวลงมาจากบันไดในชุดกระโปรงสั้นและรองเท้าส้นสูงแสนสวยของเธอ “เกรย์สัน มอนท์ พ่อของเธอได้กระโดดตึกฆ่าตัวตายเมื่อ 10 เดือนก่อน เขาทิ้งหนี้สินไว้ตั้งมากมาย บ้านหลังนี้คงจะถูกจำนองไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะแม่ของฉันเป็นคนจัดการ! ดังนั้นบ้านหลังนี้ไม่ได้เป็นของครอบครัวมอนท์ของเธออีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มันเป็