เดือนกันยายนในนอร์ท ซิตี้ แสงแดดฤดูร้อนผ่านพ้นไป แต่ไอร้อนอบอ้าวยังคงอยู่ตอนนี้เกมแข่งขันบาสเกตบอลขนาดย่อมสามต่อสามกำลังดุเดือดอยู่ในสนามบาสของเฟิร์ส นอร์ท ซิตี้ ไฮสคูล ทีมสีนํ้าเงิน สมาชิกทีมคนหนึ่งกำลังนั่งดูเกมอยู่ตรงม้านั่งข้างสนามด้วยด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฝั่งนํ้าเงินเหลือแค่สองผู้เล่นที่ลงสนาม สองต่อสาม ดูยังก็แพ้เห็น ๆหัวหน้าทีมสีแดงชี้หน้าฝั่งตรงข้ามแล้วป่าวประกาศอย่างเย้ยหยัน “เกมสุดท้ายตัดสินผู้ชนะ โจนาธาน จิน จำคำฉันไว้ คนที่แพ้ต้องคุกเข่าต่อหน้าผู้ชนะและเรียกคนคนนั้นว่าปะป๊าซะ เรื่องนี้ไม่มีเกี่ยวกับฝ่ายวินัยหรือโรงเรียน แต่คนที่ไม่ทำตามนั้นถือเป็นพวกขี้ขลาด”หัวหน้าทีมสีนํ้าเงินจ้องมองด้วยแววตาหยิ่งทะนง นัยตาของเขาเปล่งประกายพร้อมกับร้อยยิ้มยโสโอหัง เขาเลือกที่จะปิดปากเงียบ แล้วชี้ฝั่งตรงข้ามก่อนจะดึงมือเข้าหาตัวเองตามด้วยนิ้วโป่งควํ่าลงดิน เป็นการเยาะเย้ยคู่ต่อสู้เขาไม่สนใจคำโอ้อวดของฝั่งตรงข้ามหัวหน้าทีมีแดงสบถเสียงดังแล้วโยนลูกบาสออกไปร่างสูงเปี่ยมพลังของชายหนุ่มกระโดดขึ้น ยกมือคว้าลูกบอลที่กำลังลอยไปทางห่วง เขาสกัดลูกที่ค้างติงอยู่กลางอากาศและตามด้วยการสแลมบ
หลังโจนาธานออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว เขาไม่ได้ตรงกลับไปที่โรงเรียนแต่อย่างใด ชายหนุ่มโดดเรียนตลอดทั้งบ่ายแล้วไปที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เพื่อเล่นเกมกับเวย์น คลาร์กและผ่องเพื่อนแทน พอได้เวลากลับบ้านอีกที ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิทแล้วโจนาธานโพสสถานะบนวอตส์แอป [เฮ้อ เรียนมาทั้งวันแล้ว ปวดหัวจัง ได้เวลากลับบ้านสักที]เมื่อเวย์นเห็นข้อความ เขาก็หัวเราะก๊ากออกมา[เวย์น: ลูกพี่ นายได้เรียนกับเขาด้วยเหรอ? ไม่เห็นรู้มาก่อนเลย][จิมมี่: แล้วไอ้คนที่เล่นเกมในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่เป็นร่างโคลนของนายเหรอวะ?]โจนาธานกรอกตากับคอมเมนต์พวกนั้น พวกมันจะไปรู้อะไรล่ะ? สถานะที่เขาโพสนั่นก็เพื่อให้พ่อแม่เห็นเท่านั้นแหละหลังจากเก็บโทรศัพท์ลงไป โจนาธานสะพายกระเป๋าเป้สีดำพาดบ่าเดินมือล้วงกระเป๋าออกไป มุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟตอนนี้รถสปอร์ตไบค์ของเขาถูกคุณพ่อยึดไป คุณพ่อของเขาบอกว่าจะให้เด็กนักเรียนไฮสคูลมาขับสปอร์ตไบค์คงดูไม่ดีนักเพราะงั้นโจนาธานถึงต้องไปไหนมาไหนด้วยขายาว ๆ ของเขาแทนพอโจนาธานมาถึงประตูหนึ่งแถวสาม เขาถูกเหล่าชายที่แต่งกายชุดนักเรียนมาขวางทางเอาไว้“โจนาธาน โลกกลมจังนะ ฉันไม่คิดว่าโชคดีได
ด้วยเหตุผลบางประการ เรื่องราวก็ได้จบลง ณ ที่นี้ฉันอยากจะขอกล่าวบอกลาพวกคุณทุกคนเรื่องราวนี้เริ่มแต่งขึ้นในเดือนพฤษภาคม ปี 2018 และดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายในวันที่ 31 ธันวาคมปี 2020 ใช้เวลาเดินทางกว่าสองปีกับอีกเจ็ดเดือนช่างเป็นการเดินทางที่ยาวนานยิ่งนักขอขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุนตลอดเส้นทางแล้วเจอกันค่ะ
“เวอเรียน มอนท์ หญิงสาวอายุเพียง 21 ปี จบการศึกษามหาวิทยาลัยนอร์ทซิติ้ ไม่เคยมีความสัมพันธ์ใดๆ และสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง…”ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเธอนั้น ได้ปิดแฟ้มประวัติของเธอลง หลังจากที่เขาอ่านข้อมูลทั้งหมด คิ้วของเขากระตุกขึ้นเล็กน้อย เขาถามกับเธอว่า “คุณแน่ใจหรือว่าต้องการที่จะเป็นตัวแทนรับงานอุ้มบุญในครั้งนี้’’เวอเรียน มอนท์ หญิงสาวได้จับชายเสื้อของเธอกุมไว้ด้วยความกังวล จากนั้นเธอได้พูดตอบออกไปว่า “ฉันแน่ใจมาก ฉันต้องการเงินค่ะ”“คุณต้องการเท่าไหร่?”เธอตกใจและพึมพำเบาๆ และพูดออกมา “10…10 ล้าน”เขาขมวดคิ้ว “เรื่องนี้จะต้องถูกเก็บเป็นความลับ คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากที่นี่ตลอดระยะเวลา 10 เดือน ตั้งแต่คุณเริ่มการตั้งครรภ์ จนกระทั่งคุณคลอด นอกจากนี้คุณยังไม่สามารถติดต่อกับคนอื่นได้ คุณทำได้ไหม?”นิ้วมือของเวอเรียน มอนท์ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีขาวซีดขึ้นเกิดการการที่เธอบีบมือแรงเกินไป เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเอ่ยออกมาด้วยอาการตัวสั่น “ฉัน...ฉันสัญญากับคุณ” แต่มีเงื่อนไขเพียงหนึ่งข้อ“พูดมา”“หลังจากที่เซ็นชื่อตกลงทำสัญญากัน ฉันต้องการเงินจำนวน 10 ล้าน โอนเข้าในบั
“เวอเรียน มอนท์! ทำไมเธอถึงอยู่ที่นี่?”เสียงเย็นชาของหญิงวัยกลางคน ดังก้องไปทั่วทั้งห้อง เธอหันหลังกลับมาเห็นแม่เลี้ยงของเธอควีนน่า ชีน กำลังเดินเข้ามาจากข้างนอกบ้านคู่รักที่แสนน่ารังเกียจ กำลังยืนอยู่ด้านบนของบ้าน พวกเขามองลงมาที่ข้างล่าง ทันทีที่พวกเขาได้ยินเสียงความวุ่นวายที่กำลังเกิดขึ้นแววตาตื่นตระหนกปรากฏขึ้นมาดวงตาของเจนเซ่น “เวอเรียน คุณกลับมาได้ยังไง”เวอเรียน มอนท์ เธอยิ้มเยาะและจ้องไปที่เจนเซ่นแฟนหนุ่มของเธอ “นี่คือบ้านของฉันทำไมฉันถึงกลับมาไม่ได้”ในขณะที่ วาเนลล์ ชีน เธอยังคงยืนอยู่ในอ้อมกอดของเจนเซ่นนั้น หล่อนได้ยกมุมปากสีแดงเอ่ยเยาะเย้ยต่อเธอ “บ้านของเธองั้นเหรอ? บ้านพักที่นี่ไม่ได้เป็นของครอบครัวมอนท์อีกต่อไปแล้ว”เวอเรียน มอนท์ ขมวดคิ้วขึ้น, “เธอหมายความว่ายังไง”วาเนลล์ ชีน ก้าวลงมาจากบันไดในชุดกระโปรงสั้นและรองเท้าส้นสูงแสนสวยของเธอ “เกรย์สัน มอนท์ พ่อของเธอได้กระโดดตึกฆ่าตัวตายเมื่อ 10 เดือนก่อน เขาทิ้งหนี้สินไว้ตั้งมากมาย บ้านหลังนี้คงจะถูกจำนองไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะแม่ของฉันเป็นคนจัดการ! ดังนั้นบ้านหลังนี้ไม่ได้เป็นของครอบครัวมอนท์ของเธออีกต่อไปแล้ว ตอนนี้มันเป็
คนขับรีบออกจากรถทันที เขารีบอุ้มพาหญิงสาวร่างเล็กที่ดูบอบบาง เข้าไปยังด้านในของรถ ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งสังเกตุเห็นว่าเธอนั้นกำลังแบกอัฐิไว้ต้องโชคร้ายแค่ไหนกันนะ...คนขับพยายามที่จะดึงอัฐิออกจากมือของเธอ แต่มันก็ไม่ยอมขยับ เขาจึงมองไปยังชายคนนั้นด้วยแววตาสั่นเทาอย่างลังเล “ท่าน...ท่านประธานฟัดด์ อันนี้…”เขาเหลือบมองอัฐิที่อยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวอย่างเย็นชา เขาพูดอย่างใจเย็น “ขับรถไป”คนขับรีบเดินกลับไปที่เบาะและสตาร์ทรถทันทีฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้บรรยากาศดูแย่ยิ่งขึ้น เมื่อท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลงเรื่อย ๆภายในรถที่มืดสลัว ฮีลตัน ฟัดด์ เขาลดสายตาลงมองไปยังหญิงสาวที่นอนอยู่ข้าง ๆ กายเขา ผมยาวสีดำที่เปียกโชกของเธอแนบติดอยู่กับใบหน้าที่ซีดเซียว ฝ่ามือของเธอมีเลือดไหลซึมลงมาจากบาดแผลบนแขนที่ซีดของเธอ ร่างกายของเธอดูช่างบอบบางและสะบักสะบอมในเวลานี้ดูเหมือนเธอไม่ได้พยายามแกล้งจงใจให้เป็นอุบัติเหตุฝนที่ตกหนักทำให้ถนนลื่นและบริเวณรอบ ๆ เริ่มมีหมอกลง ขณะที่คนขับกำลังหักเลี้ยวนั้น หญิงสาวร่างเล็กถูกทิ้งตัวลงบนตักของชายคนนั้นทันทีคิ้วของ ฮีลตัน ฟัดด์ ขมวดขึ้นเล็กน้อย เขาก็ก้มศีรษะลงใบหน้าของเ
3ปีต่อมา, ณ.สนามบินนอร์ท ซิตี้, ขณะนี้กำลังมีการแพร่ภาพข่าวภายในห้องโถงใหญ่“ข่าวการเงินล่าสุดของนอร์ท ซิตี้ : โครงการของฟัดด์ ได้กว้านซื้อที่ดินบริเวณริมถนนนาวี และกำลังวางแผนที่จะสร้างศูนย์รวมความบันเทิงขนาดใหญ่ขึ้น ในพื้นที่มีรายงานว่าบริเวณถนนนาวี รายล้อมรอบไปด้วยย่านพื้นที่การค้า การรื้อถอนดำเนินไปได้ยาก เนื่องจากบ้านพักที่อยู่อาศัย เป็นตึกสูงจำนวนมากในพื้นที่ วันนี้เราได้รับเกียรติให้ได้สัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูงของฟัดด์ กรุ๊ปคุณฮีลตัน ฟัดด์ มาดูกันว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหานี้อย่างไรกันบ้าง”เวอเรียน มอนท์ ทันทีที่เธอลงจากเครื่องบิน สายตาของเธอถูกดึงดูดด้วยจอภาพขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในห้องโถงทันทีชายในชุดสูทสีเทา สวมใส่เนคไทสีดำปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เขามีผิวที่เรียบเนียนละเอียด ผิวที่สมบูรณ์อย่างไร้ที่ติ เปรียบได้ดั่งผิวดั่งพอร์ซเลนชั้นดี ใบหน้าหล่อเหลาของเขานั้นดูแล้วไม่อาจละสายตา กลิ่นอายความเยือกเย็นของเขานั้นยากที่จะลืมมือทั้งสองข้างของเขาสอดประสานกันวางอยู่บนตัก เขาดูสงบนิ่งเมื่อหันหน้าเข้ากล้อง รอยยิ้มจาง ๆ ผุดขึ้นทั่วริมฝีปากบางของเขา “จะไม่มีผู้คนรู้สึกว่าพวกเขามีเงินมากเกินไป เช
ขณะนี้เป็นเวลา 2 ทุ่ม กวินพาเวอเรียน แต่งตัวสวยเพื่อมายังงานเลี้ยงอาหารค่ำสุดอลังการด้านนอกสถานที่จัดงานนั้น มีรถหรูลิมิเต็ดรุ่นเดียวกันจอดอยู่เรียงรายมากมาย ผู้ที่เข้ามาร่วมงานเลี้ยง ล้วนแต่เป็นบุคคลที่ร่ำรวยมีชื่อเสียงและมีอิทธิพลมากมาย เช่น ประธานาธิบดี สังคมไฮโซชั้นสูงและทายาท แน่นอนว่ายังมีข้อยกเว้น เช่นเธอ เวอเรียน มอนท์ หญิงสาวที่มีชื่อเสียงในความทุกข์ยากของนอร์ท ซิตี้ถึงแม้ว่าเหตุการณ์บางอย่างจะจบลงไปแล้วนั้น แต่บางอดีตก็ไม่สามารถลบออกไปจากใจผู้คนได้ง่าย ๆ กวินชี้ไปที่ร่างสูงเด่นที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเธอ หล่อนกระซิบกับเวอเรียนว่า “นั่น ฮีลตัน ฟัดด์ เธออยากจะคุยกับเขาใช่มั้ย? เรนนี่ แต่ฉันขอแนะนำกับเธอนะ คิดให้ดีก่อนที่เธอจะลงมือทำอะไร”ความมีเสน่ห์ ดึงดูดใจของเขานั้น ถูกห้อมล้อมไปด้วยหญิงสาวที่มีหน้าตาโดดเด่นและงดงามเวอเรียนเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ มุมปากของเธอโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ เธอคว้าแก้วแชมเปญและกำลังจะเดินเข้าไปหาเขาด้วยรองเท้าส้นสูงของเธอ ทันใดนั้นกวินหล่อนรีบคว้าแขนของเธอเอาไว้ “นี่เธอจะเดินเข้าไปหาเขาแบบนี้หรอ? “สาวน้อย เธอรู้ไหม เธอได้แย่แน่ถ้าเดินเข้าไปแบบนี้?