q
"ค่ะ แต่ว่าม่านอยู่เฉยไม่ได้หรอกค่ะ ม่านจะไปหางานที่ใหม่ทำ...หรือไม่ก็ไปทำงานกับเพื่อนค่ะ" คนที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการทำงานต้องมาอยู่เฉย ๆ ในบ้านหลังใหญ่ แถมจะหยิบจับทำอะไรหน่อยก็ถูกห้ามไปหมดไม่ได้หรอก
"หยุดความคิดไว้แค่นั้นเลย อยู่บ้านเลี้ยงหลานเฉย ๆ หรือไม่ก็รอเลี้ยงลูกของเรา"
สิ้นเสียงของรณพีร์ทำเอาม่านทิวาสะดุ้งไม่น้อย เมื่อฝ่ามือใหญ่ยกมาวางทาบกับหน้าท้องแบนราบของตน
"ว่าแต่มาหรือยังน้า" ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อนละมุน ทำเอาคนเป็นพี่ชายต้องเอ่ยแซวในความหวานที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
"โอ๊ย! จะหวานอะไรเกรงใจกันบ้างสิวะ" รณวีร์โวยขึ้น
"นั่นสิคะพี่สอง ไม่ได้อยู่กันสองคนนะคะ" มธุรินเอ่ยเสริมหลังสิ้นประโยคของสามี
"นั่นสิ ลูกชายแม่เป็นอะไรนะ พักนี้ดูรักหนูม่านแปลก ๆ"
"แปลกตรงไหนครับ คนเรามันต้องเปลี่ยนแปลงกันได้จริงไหม" รณพีร์เฉไฉตอบมารดาก่อนหันไปถามคนภรรยา ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย
"ดีแล้ว เป็นครอบครัวเดียวกันต้องรักกัน อย่าทะเลาะกัน มีอะไรก็ให้คุยกันด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์เข้าใจไหม ตาหนึ่งกับหนูมายด์ด้วยนะ"
"ครับ”<
ร่างสูงของเจ้าของบริษัทนำเข้ารถบิ๊กไบค์รายใหญ่ ยืนมองวิวทิวทัศน์ของคอนโดมิเนียมราคาถูกที่ทัศนวิสัยไม่ได้ดีมากมายเท่าที่ตนอยู่ มือหนาค่อย ๆ ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มพลางมองคนที่เพิ่งตื่นจากนิทรา พยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งกระชับผ้าห่มสีชมพูอ่อนให้ปิดบังกายเปลือยเปล่าเอาไว้"คุณนที!" เสียงหวานเอ่ยเรียกเสียงแผ่วผ่านริมฝีปาก"ตื่นแล้วเหรอ" ชายหนุ่มหันมาถามเสียงเข้ม“ค่ะ”ร่างสูงของนทีเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์ใบหรูขึ้นมา หยิบธนบัตรสีเทาจำนวนหนึ่งโยนลงบนเตียงของหญิงสาว"อะไรคะ" หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ"เงินของเธอ" นทีพูดเสียงเรียบแล้วเอ่ยประโยคต่อมา "ค่าตัวเธอที่นอนกับฉันเมื่อคืนไงธาริกา""บอกแล้วไงคะว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว" ธาริกาตวาดว่าเสียงสั่นอย่างไม่พอใจ"หึ! เธอก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงพวกนั้นหรอก" พูดอย่างเหยียดหยามผู้หญิงตรงหน้าธาริกาพอได้ฟังคำพูดของเขาซึ่งเป็นเจ้านายของเธอ มือเรียวก็กำเข้ากับผ้าห่มแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวดที่เธอได้รับตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา"อ้อ! อย่าแม้แต่จะคิดลาออกล่
"น้องพายดูทีวีนานเกินไปแล้วนะคะ ปิดก่อนเนอะเดี๋ยวค่อยดูใหม่" ม่านทิวาเกลี้ยกล่อมด้วยความเอ็นดูระคนหวังดี"ได้ค่า" หนูน้อยเอ่ยตอบอย่างว่าง่ายก่อนหันไปหาคุณปู่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ"คุณปู่ขา น้องพายอยากไปหาอาสอง น้องพายคิดถึงอาสอง" หลานสาวตัวน้อยหันไปอ้อนคุณปู่เสียงหวานใส"อาสองทำงาน ไปกวนไม่ได้นะลูก"คนเป็นปู่ให้เหตุผล แต่คุณย่านั้นเดินกลับมาพร้อมกล่องอาหารที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้"งั้นก็ให้หนูม่านพาน้องพายไปสิ จะได้เอาข้าวกล่องไปให้ลูกเราด้วย ตอนนี้ลูกทำงานหนักจนลืมกินข้าวอยู่บ่อย ๆ น้องพายไปหาอาสองกับอาม่านนะคะ" นางบอกสามีก่อนหันไปคุยกับหลานสาวเสียงอ่อนละมุน"เย่ ๆ ไปหาอาสอง" หนูน้อยน่ารักกระโดดโลดเต้นออกมาอย่างดีใจ"หนูม่านเอาข้าวไปให้พี่เขาที่บริษัททีนะลูก" คุณนายสรวงสุดาบอกกับลูกสะใภ้คนสวย"แต่ว่าม่านจะไปรบกวน..." หญิงสาวกำลังเอ่ยค้านแต่ก็ถูกพูดดักเอาไว้เสียก่อน"ไม่มีแต่นะลูก เราเป็นภรรยาต้องดูแลสามีให้ดี เอาข้าวกลางวันไปให้แค่นี้ไม่ถือว่ารบกวนหรอกจ้ะ""ค่ะคุณแม่" เมื่อแม่สามีเห็นว่าดีเธอก็ไม่อาจคัดค้าน"งั้น
“แต่ท่านรองเคยสั่งเอาไว้ อย่าให้คู่ควงพวกนี้เข้ามาก่อกวนในที่ทำงานนี่คะ”"ผู้หญิงคนนี้คือเมียฉัน"สิ้นเสียงเข้มทรงอำนาจทำเอาหลายคนตกใจ ไม่คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นภรรยาของรองประธานบริษัท แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าก็คือผู้ช่วยเลขานุการปากแดงที่หน้าซีดกับความผิดครั้งใหญ่“นะ...นี่ภรรยาของท่านรองจริง ๆ เหรอคะ” สุ้มเสียงของผู้ช่วยเลขานุการอึกอักคล้ายมีอะไรติดคอ“อือ”คำตอบรับเพียงสั้น ๆ ทำเอาเสียวสันหลังไม่น้อย จึงต้องรีบขอโทษขอโพยผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเจ้านายทันที“เลอเน่กราบขอโทษนะคะที่พูดจาไม่ดีกับคุณ”“ไม่เป็นไรค่ะ ก็คุณไม่รู้นี่คะ”ม่านทิวาไม่ได้ถือสาอะไรกับคนที่ไม่รู้ แต่รณพีร์หันไปแนะนำม่านทิวาให้กับทุกคนรู้จักและสั่งการกับพนักงานทุกคน รวมถึงผู้ช่วยเลขานุการที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานที่ประจำการอยู่หน้าห้องด้วย“ทุกคน...ฉันจะแนะนำให้รู้จัก ผู้หญิงคนนี้ชื่อม่านทิวาเป็นภรรยาของฉัน กับน้องพายลูกสาวของคุณรณวีร์พี่ชายของฉัน ต่อไปนี้ถ้าคุณม่านมาให้เข้าไปรอในห้องได้ไม่ต้องรอให้ฉันอนุญาต”พนักงานต่างสว
หลังจากที่ร่างสูงของเจ้าของห้องออกไป หนูน้อยพาลิกาเปิดกระเป๋าใบน้อยสีชมพูน่ารักที่รณวีร์ซื้อให้ หยิบสมุดภาพระบายสีพร้อมทั้งกล่องสีขึ้นมาระบายเล่น มิหนำซ้ำหนูน้อยยังเรียกม่านทิวามาช่วยกันระบายสีอีกแรง"อาม่านขา...มาระบายสีกันค่ะ" ว่าจบก็ฉีกยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันซี่น้อยๆ เรียงเป็นระเบียบคนที่ถูกเรียกยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของหลานสาวของสามี ก่อนลุกจากที่นั่งของตนมาหาหนูน้อยที่นั่งกับพื้นพรหมสีเทาฝั่งตรงข้าม"ไหนคะ มาให้อาม่านดูหน่อยสิว่าระบายสีอะไร" หญิงสาวถามหลานตัวน้อยเสียงอ่อนเสียงหวาน"คุณครูบอกว่าการบ้านคะ" ตัวเล็กเงยหน้ามองคุณอาสะใภ้คนสวย"ถ้าการบ้านน้องพายต้องทำเองนะคะ ไม่ให้คนอื่นช่วยนะคะ ต้องทำเองจะได้เก่งขึ้นไง" บอกเสียงอ่อนเสียงหวานพลางลูบศีรษะทุยเบา ๆ ก่อนถามประโยคต่อมา "น้องพายอยากเป็นคนเก่งไหมคะ""น้องพายอยากเป็นคนเก่งค่า""ถ้าอยากเป็นคนเก่งก็ต้องทำเอง ถ้าทำไม่ได้ให้ถามอาม่านนะคะ"หนูน้อยพยักหน้ารับและลงมือทำแบบฝึกหัดที่อยู่ตรงหน้า อันไหนหนูน้อยทำไม่ได้ก็หันไปถามคุณอาสะใภ้คนสวยจนกระทั่งทำเสร็จด้วยตัวเองในเวลาไม่นาน ร่างน
“คุณจำคำพูดของตัวเองไม่ได้เหรอคะ ตอนที่พูดกับเพื่อนคุณบอกว่ายังไง ถ้าม่านท้องขึ้นมาคุณจะหย่ากับม่าน และสัญญาของม่านกับคุณมันก็สิ้นสุดลงแล้วด้วย”“ม่าน…” เพียงเขาอ้าปากเรียกชื่อเธอ ม่านทิวาก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างไม่ยอมให้โอกาสคนใจร้ายอย่างเขาได้พูดอธิบายสักคำ“ที่คุณทำไปทั้งหมดก็เพราะต้องการแก้แค้นให้ยัยวิเจ็บใจแล้วก็เอาชนะเดิมพันเพื่อนของคุณ” เธอยอกย้อนเสียงราบเรียบ แต่มันกลับบาดลึกเข้าไปในหัวใจของชายหนุ่มจนเจ็บปวด“ฉัน...” รณพีร์กำลังจะเอ่ยค้าน แต่ก็ถูกม่านทิวาพูดดักคอเอาไว้เสียก่อน“อย่าไปทำแบบนี้กับใครอีกนะคะ เพราะการหลอกลวงให้ ผู้หญิงคนหนึ่งรักคุณจนหมดใจ แต่คุณกลับตอบแทนเขาด้วยความเจ็บช้ำ มันจะทำให้ ผู้หญิงคนนั้นหมดความหวัง ความศรัทธา ความเชื่อใจในความรักจนหมดสิ้น” เสียงสั่นเครือของหญิงสาวทำเอาชายหนุ่มอยากจะกอดปลอบ แต่เธอคงไม่ต้องการ“ม่าน...ฉันขอโทษ”--------------------------------------------------------------------------------------------------- เสน่หาสามีลวงใจ ประพันธ์ ญาดาพัชร์ ออกแบบปก คนวาดสีเทา
ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ประเทศไทย...ท่ามกลางผู้คนมากมายที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมา นอกจากชาวต่างชาติที่กำลังเดินทางเข้าออกประเทศไทยเพื่อท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ แล้ว ยังมีชายหนุ่มชาวไทยรูปร่างสูงโปร่งผิวขาวดูมีออราที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพับแขนเสื้อขึ้นจนถึงข้อศอก สวมทับด้วยเสื้อแจ็กเกตแขนยาวกับกางเกงสแล็กส์สีดำเข้าชุด เดินปะปนมากับผู้คนเหล่านั้นด้วยนัยน์ตาคมกริบของชายหนุ่มถูกบดบังด้วยแว่นตากันแดดสีดำราคาแพง แต่ไม่ได้ช่วยอำพรางความหล่อเหลาของเขาได้แม้แต่น้อย ทว่าใบหน้าหล่อเหลากลับดูเงียบขรึมราวกับว่าเขานั้นมีเรื่องหนักใจให้ขบคิดระหว่างทางที่เดินออกมาจากประตูทางออกผู้โดยสารขาเข้าภายในประเทศ ความสูงโปร่ง หล่อเหลาและดูดีของชายหนุ่มเป็นที่สนใจของผู้คนอยู่ไม่น้อย ใคร ๆ ต่างมองตามด้วยความสนอกสนใจว่าชายหนุ่มรูปงามคนนี้คือใครกันแต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจผู้คนเหล่านั้นเลย ตั้งหน้าลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สีดำพร้อมกับซุกมืออีกข้างลงในกระเป๋ากางเกง เดินตรงไปยังจุดบริการแท็กซี่ของทางสนามบินเพื่อเดินทางไปยังบ้านหลังใหญ่ที่แสนอบอุ่นของเขา ซึ่งชายหนุ่มตั้งใจที่จะกลับมาเซอร์ไพรซ์ไม่ยอมบอกใครแม้แต่คนเดียว“ให้ข
ร่างสูงของรณพีร์นั่งลงบนเตียงนุ่มกว้างพลางคิดถึงเรื่องที่เขาได้รับรู้มาก่อนหน้านี้ ถึงแม้ว่าเขาและหล่อนจะคบหาดูใจกันมาเพียงไม่นาน แต่ลึก ๆ ในจิตใจของเขากลับหลงใหลอยากแต่งงานสร้างครอบครัวกับหล่อนมากที่สุด เขาตัดสินใจที่จะกลับมาขอหล่อนแต่งงานแต่จำเป็นต้องยกเลิกกะทันหัน เพราะหล่อนโพสต์รูปคู่ลงในโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่ากำลังคบหาดูใจกับผู้ชายคนอื่นมันเป็นช่วงเวลาไล่เลี่ยกันกับที่เพื่อนสนิทของเขาได้ส่งภาพนั้นมาให้ดูพอดี เขาไม่เชื่อจึงกลับมาดูเพื่อให้เห็นกับตาตัวเองจนรู้ว่าหล่อนนั้นคบหาอยู่กับผู้ชายคนนั้นจริง ๆ เขาจึงตัดสินใจอยู่ดูแลงานที่ต่างประเทศต่ออีกหนึ่งปีเพื่อไม่ให้คิดฟุ้งซ่านและลืมผู้หญิงทรยศคนนั้นให้หมดใจชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สลัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกจากหัวเพื่อไม่ให้นึกถึงเรื่องราวของผู้หญิงทรยศคนนั้นอีก ถ้าหากวันใดเขาได้เจอเธออีกครั้ง แน่นอนว่าเขาจะเอาคืนให้เจ็บปวดมากกว่าที่เขาเจ็บเป็นร้อยเท่าพันเท่าไม่นานชายหนุ่มก็ตรงเข้าห้องน้ำชำระร่างกายแล้วออกมานอนพักผ่อน เพื่อให้หายเหนื่อยล้าจากการเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาหลายชั่วโมงวันนี้เขาต้องการพักผ่อนให้เต็มที่เพื่อไม่ใ
“นังม่าน แกจะรีบไปไหน”เสียงขุ่นมัวดังขึ้น ใบหน้าสวยหวานจึงเงยขึ้นมามองคนตรงหน้า ไม่ใช่ใครที่ไหน วรรณา สมุทรธารา แม่เลี้ยงของเธอนั่นเอง“ไปทำงานค่ะน้าวรรณ” ม่านทิวาตอบกลับด้วยน้ำเสียงหวานละมุนก่อนจะเดินผละออกไป แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อวรรณาตวาดเรียกเธอเอาไว้อีกครั้ง“เดี๋ยว!”คนตัวเล็กชะงักเล็กน้อยก่อนที่จะพูดตอบคนตรงหน้า “มีอะไรอีกคะน้าวรรณ”“ก่อนที่แกจะออกไปเอาเงินมาให้ฉันก่อน ฉันจะเอาไปจ่ายค่าเช่าบ้านกับใช้หนี้ให้พ่อแก” นางว่าพร้อมกับแบมือขอต่อหน้าหญิงสาว“ม่านเพิ่งให้น้าวรรณกับวิไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่คะ” ม่านทิวาสงสัยไม่น้อยกับการใช้จ่ายที่ดูจะฟุ่มเฟือยของแม่เลี้ยงที่ให้เท่าไรก็ไม่เคยพอ“มันก็ต้องกินต้องใช้ทุกวันไหมยะ” วรรณาตวาดว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหญิงสาวเปิดกระเป๋าสตางค์ใบเล็กหยิบเงินจำนวนหนึ่งยื่นให้นาง “ตอนนี้ม่านมีให้แค่นี้ค่ะ น้าวรรณช่วย…”ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยจบประโยค เสียงเล็กแหลมก็ดังขึ้นขัดมาแต่ไกล ม่านทิวาหันกลับไปมองทางด้านหลังของตนก็พบกับ รวิดา สมุทรธารา ลูกสาวของวรรณาที่รีบลงบันไดตรงมาหาเธอด้วยใบหน้าบึ้งตึง“แล้วของฉันล่ะ”“วิเพิ่งขอไปเมื่อวาน หมดแล้วเหรอ”“แ
หลังจากที่ร่างสูงของเจ้าของห้องออกไป หนูน้อยพาลิกาเปิดกระเป๋าใบน้อยสีชมพูน่ารักที่รณวีร์ซื้อให้ หยิบสมุดภาพระบายสีพร้อมทั้งกล่องสีขึ้นมาระบายเล่น มิหนำซ้ำหนูน้อยยังเรียกม่านทิวามาช่วยกันระบายสีอีกแรง"อาม่านขา...มาระบายสีกันค่ะ" ว่าจบก็ฉีกยิ้มแฉ่งจนเห็นฟันซี่น้อยๆ เรียงเป็นระเบียบคนที่ถูกเรียกยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของหลานสาวของสามี ก่อนลุกจากที่นั่งของตนมาหาหนูน้อยที่นั่งกับพื้นพรหมสีเทาฝั่งตรงข้าม"ไหนคะ มาให้อาม่านดูหน่อยสิว่าระบายสีอะไร" หญิงสาวถามหลานตัวน้อยเสียงอ่อนเสียงหวาน"คุณครูบอกว่าการบ้านคะ" ตัวเล็กเงยหน้ามองคุณอาสะใภ้คนสวย"ถ้าการบ้านน้องพายต้องทำเองนะคะ ไม่ให้คนอื่นช่วยนะคะ ต้องทำเองจะได้เก่งขึ้นไง" บอกเสียงอ่อนเสียงหวานพลางลูบศีรษะทุยเบา ๆ ก่อนถามประโยคต่อมา "น้องพายอยากเป็นคนเก่งไหมคะ""น้องพายอยากเป็นคนเก่งค่า""ถ้าอยากเป็นคนเก่งก็ต้องทำเอง ถ้าทำไม่ได้ให้ถามอาม่านนะคะ"หนูน้อยพยักหน้ารับและลงมือทำแบบฝึกหัดที่อยู่ตรงหน้า อันไหนหนูน้อยทำไม่ได้ก็หันไปถามคุณอาสะใภ้คนสวยจนกระทั่งทำเสร็จด้วยตัวเองในเวลาไม่นาน ร่างน
“แต่ท่านรองเคยสั่งเอาไว้ อย่าให้คู่ควงพวกนี้เข้ามาก่อกวนในที่ทำงานนี่คะ”"ผู้หญิงคนนี้คือเมียฉัน"สิ้นเสียงเข้มทรงอำนาจทำเอาหลายคนตกใจ ไม่คิดว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นภรรยาของรองประธานบริษัท แต่คนที่ตกใจยิ่งกว่าก็คือผู้ช่วยเลขานุการปากแดงที่หน้าซีดกับความผิดครั้งใหญ่“นะ...นี่ภรรยาของท่านรองจริง ๆ เหรอคะ” สุ้มเสียงของผู้ช่วยเลขานุการอึกอักคล้ายมีอะไรติดคอ“อือ”คำตอบรับเพียงสั้น ๆ ทำเอาเสียวสันหลังไม่น้อย จึงต้องรีบขอโทษขอโพยผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของเจ้านายทันที“เลอเน่กราบขอโทษนะคะที่พูดจาไม่ดีกับคุณ”“ไม่เป็นไรค่ะ ก็คุณไม่รู้นี่คะ”ม่านทิวาไม่ได้ถือสาอะไรกับคนที่ไม่รู้ แต่รณพีร์หันไปแนะนำม่านทิวาให้กับทุกคนรู้จักและสั่งการกับพนักงานทุกคน รวมถึงผู้ช่วยเลขานุการที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานที่ประจำการอยู่หน้าห้องด้วย“ทุกคน...ฉันจะแนะนำให้รู้จัก ผู้หญิงคนนี้ชื่อม่านทิวาเป็นภรรยาของฉัน กับน้องพายลูกสาวของคุณรณวีร์พี่ชายของฉัน ต่อไปนี้ถ้าคุณม่านมาให้เข้าไปรอในห้องได้ไม่ต้องรอให้ฉันอนุญาต”พนักงานต่างสว
"น้องพายดูทีวีนานเกินไปแล้วนะคะ ปิดก่อนเนอะเดี๋ยวค่อยดูใหม่" ม่านทิวาเกลี้ยกล่อมด้วยความเอ็นดูระคนหวังดี"ได้ค่า" หนูน้อยเอ่ยตอบอย่างว่าง่ายก่อนหันไปหาคุณปู่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ"คุณปู่ขา น้องพายอยากไปหาอาสอง น้องพายคิดถึงอาสอง" หลานสาวตัวน้อยหันไปอ้อนคุณปู่เสียงหวานใส"อาสองทำงาน ไปกวนไม่ได้นะลูก"คนเป็นปู่ให้เหตุผล แต่คุณย่านั้นเดินกลับมาพร้อมกล่องอาหารที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้"งั้นก็ให้หนูม่านพาน้องพายไปสิ จะได้เอาข้าวกล่องไปให้ลูกเราด้วย ตอนนี้ลูกทำงานหนักจนลืมกินข้าวอยู่บ่อย ๆ น้องพายไปหาอาสองกับอาม่านนะคะ" นางบอกสามีก่อนหันไปคุยกับหลานสาวเสียงอ่อนละมุน"เย่ ๆ ไปหาอาสอง" หนูน้อยน่ารักกระโดดโลดเต้นออกมาอย่างดีใจ"หนูม่านเอาข้าวไปให้พี่เขาที่บริษัททีนะลูก" คุณนายสรวงสุดาบอกกับลูกสะใภ้คนสวย"แต่ว่าม่านจะไปรบกวน..." หญิงสาวกำลังเอ่ยค้านแต่ก็ถูกพูดดักเอาไว้เสียก่อน"ไม่มีแต่นะลูก เราเป็นภรรยาต้องดูแลสามีให้ดี เอาข้าวกลางวันไปให้แค่นี้ไม่ถือว่ารบกวนหรอกจ้ะ""ค่ะคุณแม่" เมื่อแม่สามีเห็นว่าดีเธอก็ไม่อาจคัดค้าน"งั้น
ร่างสูงของเจ้าของบริษัทนำเข้ารถบิ๊กไบค์รายใหญ่ ยืนมองวิวทิวทัศน์ของคอนโดมิเนียมราคาถูกที่ทัศนวิสัยไม่ได้ดีมากมายเท่าที่ตนอยู่ มือหนาค่อย ๆ ติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มพลางมองคนที่เพิ่งตื่นจากนิทรา พยายามพยุงกายลุกขึ้นนั่งพร้อมทั้งกระชับผ้าห่มสีชมพูอ่อนให้ปิดบังกายเปลือยเปล่าเอาไว้"คุณนที!" เสียงหวานเอ่ยเรียกเสียงแผ่วผ่านริมฝีปาก"ตื่นแล้วเหรอ" ชายหนุ่มหันมาถามเสียงเข้ม“ค่ะ”ร่างสูงของนทีเดินอ้อมไปอีกฝั่งแล้วคว้ากระเป๋าสตางค์ใบหรูขึ้นมา หยิบธนบัตรสีเทาจำนวนหนึ่งโยนลงบนเตียงของหญิงสาว"อะไรคะ" หญิงสาวถามอย่างไม่เข้าใจ"เงินของเธอ" นทีพูดเสียงเรียบแล้วเอ่ยประโยคต่อมา "ค่าตัวเธอที่นอนกับฉันเมื่อคืนไงธาริกา""บอกแล้วไงคะว่าฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว" ธาริกาตวาดว่าเสียงสั่นอย่างไม่พอใจ"หึ! เธอก็ไม่ต่างอะไรจากผู้หญิงพวกนั้นหรอก" พูดอย่างเหยียดหยามผู้หญิงตรงหน้าธาริกาพอได้ฟังคำพูดของเขาซึ่งเป็นเจ้านายของเธอ มือเรียวก็กำเข้ากับผ้าห่มแน่นเพื่อระบายความเจ็บปวดที่เธอได้รับตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา"อ้อ! อย่าแม้แต่จะคิดลาออกล่
q"ค่ะ แต่ว่าม่านอยู่เฉยไม่ได้หรอกค่ะ ม่านจะไปหางานที่ใหม่ทำ...หรือไม่ก็ไปทำงานกับเพื่อนค่ะ" คนที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการทำงานต้องมาอยู่เฉย ๆ ในบ้านหลังใหญ่ แถมจะหยิบจับทำอะไรหน่อยก็ถูกห้ามไปหมดไม่ได้หรอก"หยุดความคิดไว้แค่นั้นเลย อยู่บ้านเลี้ยงหลานเฉย ๆ หรือไม่ก็รอเลี้ยงลูกของเรา"สิ้นเสียงของรณพีร์ทำเอาม่านทิวาสะดุ้งไม่น้อย เมื่อฝ่ามือใหญ่ยกมาวางทาบกับหน้าท้องแบนราบของตน"ว่าแต่มาหรือยังน้า" ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงอ่อนละมุน ทำเอาคนเป็นพี่ชายต้องเอ่ยแซวในความหวานที่ไม่เคยเห็นมาก่อน"โอ๊ย! จะหวานอะไรเกรงใจกันบ้างสิวะ" รณวีร์โวยขึ้น"นั่นสิคะพี่สอง ไม่ได้อยู่กันสองคนนะคะ" มธุรินเอ่ยเสริมหลังสิ้นประโยคของสามี"นั่นสิ ลูกชายแม่เป็นอะไรนะ พักนี้ดูรักหนูม่านแปลก ๆ""แปลกตรงไหนครับ คนเรามันต้องเปลี่ยนแปลงกันได้จริงไหม" รณพีร์เฉไฉตอบมารดาก่อนหันไปถามคนภรรยา ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย"ดีแล้ว เป็นครอบครัวเดียวกันต้องรักกัน อย่าทะเลาะกัน มีอะไรก็ให้คุยกันด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์เข้าใจไหม ตาหนึ่งกับหนูมายด์ด้วยนะ""ครับ”
คำตอบสั้น ๆ ทำให้ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ มือหนาเชยคางมนของม่านทิวาให้เงยหน้าขึ้นมามองกัน"ต่อไปนี้เรียกฉันว่าคุณสอง...หรือพี่สองก็ได้ ไอ้สิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อคืนก็อย่าไปใส่ใจมัน เข้าใจไหม?"น้ำเสียงของรณพีร์อ่อนลง แต่ทว่ายังคงแฝงความนัยลึกซึ้งชวนค้นหากับสายตาคู่คมแสนเย็นชากำลังคิดอะไรอยู่ ทำเอาม่านทิวาส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจอีกครั้ง"ฉันไม่กล้าเรียกหรอกค่ะ ฉันกลัวคุณจะโกรธแล้วพาลโมโหใส่เหมือนเมื่อคืน" เสียงหวานตอบอย่างแผ่วเบา เธอกลัวมาก ๆ เวลาเขาโกรธแล้วใส่อารมณ์กับเธอ"ถ้าเธอไม่เรียกสิฉันจะโมโห" น้ำเสียงของเขาอ่อนลง แอบแฝงความนัยบางอย่างในคำพูดที่ดูเหมือนไม่ค่อยจะจริงจังนัก"แต่ว่า..." หญิงสาวกำลังจะเอ่ยค้านแต่ก็ถูกชายหนุ่มชิงพูดไปเสียก่อน "ไม่มีแต่ ไหนลองเรียกสิ...จะเรียกคุณสองหรือพี่สองก็ได้""เอ่อ...ค่ะคุณสอง" ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะเรียกหรือไม่เรียกดี สุดท้ายก็เอ่ยออกไปทำเอาคนที่รอฟังยกยิ้มมุมปากบาง ๆ ด้วยความพอใจ"เก่งมากเด็กดีของฉัน เรามาเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ฉันสามีภรรยาเหมือนคู่อื่น ๆ กันจะได้ไหม ลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเ
คนเป็นน้องไหวไหล่กวน ๆ ก่อนตอบกลับ..."ปกติเขาก็ตื่นสายอยู่แล้ว" รณพีร์รีบโยนความผิดให้ม่านทิวาหน้าซื่อ ๆ"กูว่าไม่นะ เมียกูบอกว่าม่านไม่เคยตื่นสาย แถมตื่นก่อนคนอื่นในบ้านมาเตรียมอาหารเช้าอีกต่างหาก แต่พอมึงกลับมาอยู่บ้านม่านตื่นสายประจำ ไปทำงานก็สายด้วย กูว่าต้นเหตุมันมาจากมึงแน่ ๆ" คนเป็นพี่พูดยืนยันพลางจับสังเกตที่สีหน้าของน้องชาย"ถ้าต้นเหตุมันมาจากกู มันก็ไม่แปลกไหมวะ ในเมื่อเขาเป็นเมียกู ผัวเมียกันจะเอากันเมื่อไรก็ได้ หรือว่ามึงไม่เอาเมียเลย""เออ กูรู้ว่าผัวเมียจะเอากันเมื่อไรก็ได้ แต่มึงเอาถี่ไปไหม ปล่อยให้เมียมึงพักบ้างเดี๋ยวก็โทรมกันพอดี ระวังแม่จะไม่ปลื้มที่ไปทำลูกสะใภ้สุดที่รักเขาไม่สบาย" รณวีร์เตือนน้องชายด้วยความหวังดี"แล้วไง ก็เมียกูไหมล่ะ กูจะถนอมหรือไม่…มันขึ้นอยู่กับกูเว้ย"รณพีร์ตอบแบบเอาแต่ใจสุด ๆ ทำเอาคนเป็นพี่ชายยกยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้ามาใกล้น้องชายเพื่อกล่าวล้อ"ใครวะ...ที่บอกว่าจะไม่สนใจคนที่แม่หามาให้ แต่ไหงตอนนี้เรียกเขาว่าเมียเต็มปาก กลืนน้ำลายตัวเองนี่หว่า" เสียงเย้าหยอกของพี่ชายแทงใจดำคนเป็นน้องเข้าอย่างจ
นับว่าเป็นวันแรกที่ต้องกลายเป็นคนตกงานไปโดยปริยายของม่านทิวา อันที่จริงวันนี้เธอต้องเข้าไปที่ทำงานเพื่อเอาของใช้ส่วนตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ กลับมา แต่อย่างที่รู้ว่ารณพีร์ได้เอาของทุกอย่างออกมาให้เธอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มิหนำซ้ำอดีตเจ้านายยังให้ฝ่ายบุคคลโทร.มาแจ้งเธออีกครั้งว่า ‘เหลือเวลาอีกหนึ่งวันไม่ต้องกลับเข้ามาทำงาน เพราะเป็นคำขอจากรณพีร์’ นี่เขาจะยุ่งเรื่องของเธอมากเกินไปแล้วนะเขายุ่งเรื่องของเธอได้ แต่เธอห้ามยุ่งหรือก้าวก่ายเรื่องของเขาอย่างนั้นน่ะหรือ?คนตัวเล็กที่เพิ่งตกงานไม่รู้ว่าจะทำอะไรดีรีบเดินเข้าครัว หมายจะช่วยเหล่าแม่บ้านจัดเตรียมอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้านรับประทาน เพราะเวลานี้เธอนั้นพยายามปรับเวลาให้ตื่นเช้าขึ้นถึงแม้ว่าจะนอนดึกมากก็ตาม"คุณมายด์ ป้าเจียม มีอะไรให้ม่านช่วยไหมคะ" เสียงหวานนุ่มละมุนเหมือนทุกครั้งที่เอ่ยทักถาม แต่ทว่าวันนี้มีความอ่อนเพลียแทรกติดปลายเสียงมาด้วย"ไม่มีเลยค่ะคุณม่าน อีกนิดเดียวก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว" แม่บ้านใหญ่เอ่ยบอกทั้ง ๆ ที่มือยังคอยคนหม้อต้มยำ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเจ้านายสาวที่ท่าทางอ่อนเพลียไม่
ทันทีที่ถึงบ้านในช่วงบ่ายแก่ ๆ คนในบ้านตกใจไม่น้อยที่สองสามีภรรยาที่ดูท่าจะไม่ลงรอยกันกลับบ้านพร้อมกัน มิหนำซ้ำยังเดินจับมือกันเข้ามาภายในบ้านเสียด้วย"กลับบ้านเร็วจังวะไอ้สอง" รณวีร์ทักทายน้องชายที่เดินเข้าบ้านพร้อมกับม่านทิวา"ประชุมเสร็จก็กลับบ้านสิ...แปลกตรงไหนวะ" คนเป็นน้องย้อนตอบกวน ๆ"ถามมาได้ว่าแปลกตรงไหน มึงแปลกทุกตรงอะ แล้วยิ่งตอนนี้มึงยิ่งแปลกหนักเข้าไปใหญ่" คนเป็นพี่ชายตั้งข้อสงสัยกับคนเป็นน้องพลางเหล่มองร่างเล็กของน้องสะใภ้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ"คุณม่าน วันนี้ไม่ไปทำงานหรือคะ" มธุรินเอ่ยถามม่านทิวาด้วยความสงสัยเพราะวันนี้เป็นวันทำงานของหญิงสาวไม่ใช่หรือ"เอ่อ…ค่ะ พอดีม่านตื่นสายไปหน่อยเลยไม่ได้ไปทำงานน่ะค่ะ" หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงแหย ๆ ไม่กล้าบอกว่าตัวต้นเหตุคือคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังเธอ"ตื่นสายนั่นคือเหตุผลหนึ่งครับ แต่จริง ๆ มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้ตื่นสาย"คำตอบของเขาทำเอาม่านทิวาถลึงตาหน้าบึ้งตึงใส่ทันที คนเป็นพี่ชายเห็นแล้วต้องรีบเดินเข้ามากระซิบข้างหูรณพีร์"เบาได้เบานะเว้ย เมียมึงยิ่งตัวเล็ก ๆ อยู่"คน