“มาร์คัสคะ มินนี่แค่มาคุยกับน้องเขาดี ๆ นะคะ แต่น้องเขาก็มาว่ามินนี่อะ มาร์คัสต้องจัดการให้มินนี่นะคะ”
โอ้โห ได้ข่าวว่าแกมาหาเรื่องฉันไม่ใช่เหรอ กินสตอมากี่สวนเนี่ย
“ไง” คนตรงหน้าถาม ฉันก็ได้แต่ยักไหล่กวน ๆ อย่างไม่สนใจ
“มินนี่แค่บอกว่า เป็นรุ่นน้องควรเคารพรุ่นพี่ เกรงใจรุ่นพี่บ้างเท่านั้นเองค่ะ แล้วน้องเขาก็ด่าว่ามินนี่สารพัด แถมยังบอกว่าให้มินนี่ล่ามมาคัสไว้ให้ดี ๆ ด้วยค่ะ” พูดจบมินนี่ก็ลอบยิ้มใส่ฉัน ส่วนนายที่ชื่อมาร์คัสอะไรนั่นขบกรามแน่นแถมมองฉันเขม็ง หึ
“ขอโทษมินนี่ซะ” ฉันอ้าปากค้างก่อนจะมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น
“ยังไงเขาก็เป็นรุ่นพี่เธอ เธอควรให้ความเคารพ”
เหอะ โคตรไม่มีเหตุผลเอาซะเลย เข้าข้างแฟนตัวเองชัด ๆ
“เสียใจ ฉันไม่ขอโทษเพราะว่าฉันไม่ผิด นายควรจะฟังความสองข้างนะไม่ใช่ฟังข้างเดียว โคตรลำเอียงเลย อ้อ แล้วบอกแฟนนายด้วยนะว่าอย่ามายุ่งกับฉัน แล้วก็อย่ามาตอแหลกับฉันอีก เหอะ ทำเป็นน่าซื่อตาใส สุดท้ายก็เฟะ ฉันบอกไว้ตรงนี้อีกครั้งนะว่า อย่ามาหาเรื่องกัน ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
ฉันพูดพร้อมกับจ้องมินนี่ ที่มองมาที่ฉันด้วยสายตาอาฆาต นายมาร์คัสกระตุกยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะพูดให้แฟนเขากลับไป ให้ตายสิ ฉันไม่ชอบรอยยิ้มนั้นเลย
หลังจากที่มินนี่กับเพื่อนผละออกไปฉันก็นั่งลงที่โต๊ะเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือนายบ้านี่มันนั่งลงข้างฉันด้วย พอฉันจะย้ายไปนั่งกับฟ้าก็มีผู้ชายนั่งลงข้าง ๆ ซะแล้ว จะไปนั่งกับรันก็ถูกมือใหญ่ดึงไว้ หันไปหาที่นั่งอีกข้างของโต๊ะก็ถูกหนุ่มสาวที่มากับนายนี่นั่งไปเรียบร้อย ฉันจึงต้องจำใจนั่งลงข้างเขา
“เอ่อ เราชื่อหวานนะ พวกเธอล่ะ”
ฉันไม่ตอบแต่ก็หันไปยิ้มให้หวาน แล้วก็ต้องหงุดหงิดเมื่อคนที่นั่งข้าง ๆ นี่เบียดเข้ามา จนฉันขยับจะตกโต๊ะ อยู่แล้ว!
“เราชื่อฟ้า ส่วนนี่รันแล้วนี่ก็แพรว”
“จ้า นี่พี่มาร์คัส ส่วนคนที่นั่งข้าง ๆ ฟ้าชื่อพี่เลโอ และคนนี้พี่เมฆแฟนเราเอง” ฉันหันไปมองผู้หญิงที่ชื่อหวานแล้วก็อดขำไม่ได้ คงจะหวานสมชื่อจริง ๆ ล่ะ จะพูดจะจาอะไรก็ดูหวานและเรียบร้อยไปซะหมด
“พวกเธอเรียนวิศวะเหรอ เราก็เรียนนะวิศวะคอมด้วย เธอล่ะ”
“จริงเหรอ งั้นก็ดีน่ะสิที่พวกเราเรียนเหมือนกัน ได้เพื่อนเพิ่มอีกตั้งหนึ่งคน ดีใจไหมรัน แพรว”
ฟ้าพูดก่อนจะถามความคิดเห็นจากฉันและรัน ฉันไม่ตอบอะไรนอกจากส่งยิ้มให้หวานแทนและยิ้มให้คนอื่น ๆ ด้วยยกเว้นไอ้คนที่มันนั่งอยู่ข้าง ๆ ฉันนี่แหละ
“โอ๊ย! จะเบียดอะไรนักหนาคนจะตกโต๊ะอยู่แล้ว”
ไม่พูดเปล่าฉันลุกขึ้นไปนั่งกับรันอย่างรวดเร็ว การกระทำของฉันเรียกรอยยิ้มขำจากพวกพี่ ๆ และเพื่อน
ส่วนพี่มาร์คัสนอกจากจะไม่พอใจกับการกระทำและคำพูดฉันแล้ว เขายังจ้องตาฉันเขม็งก่อนจะพูดออกมาว่า “เรายังไม่ได้เคลียร์กัน”
ฉันขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนจะสวนกลับไป “เรื่องอะไร”
“เรื่องเมื่อเช้า”
“ฉันพูดขอโทษไปแล้ว แปลว่าจบแล้ว”
“ยัง เธอด่าฉันหลังจากนั้น”
“ฉันก็พูดขอโทษไปแล้วเหมือนกัน”
กริ๊ง...กริ๊ง....
เขาทำท่าเหมือนจะสวนกลับคำพูดของฉัน แต่แล้วก็ต้องชะงักลง เมื่อมีเสียงโทรศัพท์ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“ได้ ไปเดี๋ยวนี้ล่ะ”
“พวกมึง ประชุม”
หลังวางสายเขาก็บอกกับพี่ที่เหลือว่าไปประชุม พวกเขาทั้งหมดผละออกจากโต๊ะไป รวมถึงหวานก็ถูกพี่เมฆพาออกไปด้วย
“โอ๊ยแก! เมื่อกี้มันมากเลยอะ อยากช่วยนะแต่ฟังแกด่าเพลินดีว่ะ ฉันชอบ” ยัยฟ้าพูดขึ้น คงจะพูดถึงตอนที่ฉันกับยินนี่ต่อว่ากันล่ะมั้ง
“หึ ฉันก็ชอบ”
“ไม่ต้องฝืนหรอก เป็นตัวของตัวเองเถอะรัน ทำอย่างนั้นน่าอึดอัดจะตาย”
“คืออะไรเหรอ” ยัยฟ้าถามฉันเพราะมันคงไม่เข้าใจและดูไม่ออก
“ถ้าฉันพูดแกจะไม่รังเกียจฉันใช่ไหม ฉันเคยมีเพื่อนแต่พอเพื่อนรู้ว่าฉันเป็น พวกนั้นก็เลิกคบฉัน หาว่าฉันวิปริต”
รันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เพื่อนเขาดูที่ใจ ไม่ใช่ดูที่ว่าเป็นอะไร เพื่อนกันต้องมีไว้เพื่อปรึกษา พูดคุย ให้กำลังใจและคอยห้ามเวลาทำสิ่งไม่ดี ถ้าเลือกคบที่ใครเป็นอะไร นั่นไม่ใช่เพื่อน”
“ใช่ เราเห็นด้วยกับแพรว” ยัยฟ้าพูด
“เอ่อ คือ ฉันเป็นตุ๊ดนะ แต่ที่ต้องแอ๊บแมนก็อย่างที่บอก ทุกคนเลิกคบฉันเพราะรู้ว่าฉันเป็น”
“จริงเหรอ”
รันก้มหน้าก่อนจะตอบมาเสียงเศร้า “พวกแกรังเกียจฉันเหรอ”
“บ้าเหรอ รับได้สิ เราเป็นเพื่อนกันนี่ ขอแค่แกเป็นแกก็พอแล้ว ที่สำคัญโลกมันพัฒนาแล้วจ้าไม่มีใครมานั่งเหยียดเรื่องพวกนี้หรอก คนพวกนั้นคงไม่มองว่าแกเป็นเพื่อนมากกว่าถึงได้ต่อว่าและเลิกคบแกไป ว่าแต่พวกแกเถอะรับนิสัยฉันได้หรือเปล่า ฉันพูดมากนะ อาจจะบ้า ๆ บอ ๆ ด้วย”
“เออถ้าแกรับฉันได้ นิสัยแกฉันก็รับได้ และไม่ต้องบอกหรอกว่าแกพูดมาก ฉันพอจะดูออก เพราะตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมาแกยังพูดไม่หยุดเลยฟ้า แต่ฉันขอเตือนพวกแกหน่อยนะว่า ฉันอาจจะกรี๊ดผู้ชายมากสักหน่อยก็อย่าถือโทษโกรธเคืองกันเลยนะ ถ้าแกรับนิสัยตรงนี้ของฉันได้ ฉันก็คบกับพวกแก แล้วแกล่ะแพรว”
ฉันยิ้มให้กับคำถามบาง ๆ
“แกแน่ใจเหรอที่จะคบกับฉัน อย่าพึ่งพากันทำหน้าแบบนั้น ฉันไม่ได้รังเกียจอะไรพวกแก พวกแกเป็นยังไงฉันรับได้หมด ส่วนแกรันต่อให้แกเป็นผู้หญิงจ๋า มีแฟนเป็นผู้ชายหรือบ้าผู้ชายยังไงฉันก็รับได้ อยู่ที่พวกแกจะรับนิสัยฉันได้หรือเปล่า”
“รับได้สิ/รับได้สิ” ทั้งสองคนรับปากฉันในทันทีด้วยท่าทางจริงจัง
“แน่ใจนะ ฉันเป็นพวกตรง ๆ ชอบไม่ชอบอะไรพูดตรงหมด ด่าคือด่า เกลียดคือเกลียด ไม่ยอมคน อาจมีเรื่องกับคนอื่นไปทั่วรับได้เหรอ”
“โอ๊ย แค่นี้เองรับได้ย่ะ” รัน
“เหมือนกัน” ฟ้า
“แต่ถ้าแกคบกับฉันอาจได้รับอันตราย ฉันไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป หรือพูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ ฉันเป็นมาเฟีย แกรับได้เหรอ ฉันไม่บังคับ แล้วแต่พวกแก”
ที่บอกแบบนั้นก็เพื่อให้พวกมันตัดสินใจว่ารับสิ่งที่ฉันเป็นได้ไหม การพูดออกมาแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่ฉันก็เลือกที่จะพูดเพราะไม่อยากมีความลับกับพวกมัน นอกจากนี้ถ้ามันเลือกที่จะคบฉันเป็นเพื่อน เท่ากับว่ามันอาจได้รับอันตรายหรือโดนลูกหลงจากการเป็นเพื่อนฉันก็ได้ ให้พวกมันรู้ตั้งแต่ตอนนี้แหละดีแล้ว หากข้างหน้าเกิดอะไรขึ้น พวกมันจะได้ไม่ตกใจ
“แกเป็นมาเฟียจริงเหรอ” รันถาม
“จริง”
“ไม่มีปัญหา” ฟ้าพูดพร้อมยิ้มให้ฉันอย่างจริงใจ
“ได้ ฉันก็ไม่มีปัญหา แต่ฉันขออะไรพวกแกอย่างได้ไหม เลิกเรียกฉันว่ารันเถอะ เรียกฉันรันนี่แทน ตกลงไหมชะนี”
คำพูดของรันทำให้ฉันและฟ้าอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนที่ฉันจะกำชับพวกมันว่า
“อย่าบอกใครเรื่องที่ฉันเป็นใครเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นทั้งฉันและพวกแกจะตกอยู่ในอันตราย และถ้าเรื่องนี้หลุดออกไปฉันจะตัดเพื่อนกับพวกแกทันที ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่ฉันแนะนำพวกแกว่าให้ลืมเรื่องตัวตนของฉันซะ”
นั่นคือสิ่งที่ฉันพูดและเป็นกังวล ซึ่งพวกมันก็รับปากว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้เด็ดขาด ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันกลับคอนโด
ใช่สิ ฉันลืมบอกพวกคุณว่าฉันคือใคร
สวัสดี ฉันชื่อแพรวา เรียกฉันว่าแพรวก็ได้ เป็นหน่วยไอทีขององค์กร ฉันคิดว่าพวกคุณน่าจะทราบกันบ้างแล้ว นิสัยส่วนตัวของฉันก็ดี...มั้ง! ฉันไม่ทำใครก่อน ไม่ยอมใคร มีเหตุผล ฉลาด แต่ที่แน่นอนเลยก็คือ ฉันสวย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ถ้าถามว่าอยู่ในองค์กรนี้ได้ยังไง ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ฉันเก่งคอมไง ฉันสามารถเข้าใจโปรแกรมทุกอย่างตั้งแต่ฉันอายุสิบขวบ (เด็กอัจฉริยะ) แล้วฉันก็พบกับพี่ลินเข้า พี่ลินเลยให้เข้ามาอยู่ในหน่วยนี้ งานฉันไม่ค่อยเสี่ยงอันตรายหรอก หน้าที่หลักของฉันคือการออกแบบโปรแกรมและปกป้องฐานข้อมูลขององค์กร
ในบรรดาพี่ ๆ ทั้งหลาย ฉันกลัวพี่ลินที่สุด เห็นสวย ๆ อย่างนั้น อย่าได้ให้โหดเชียว ยิ่งกว่าเสืออีก อ้อ แถมยังเป็นผู้หญิงที่เลี้ยงเสือเหมือนเลี้ยงแมวเสียด้วย ตั้งแต่เจอกับพี่เขาชีวิตฉันก็เปลี่ยนไป จริง ๆ ถ้าฉันไม่ได้พวกพี่เขามาช่วย ฉันคงตายไปแล้ว
หลายปีก่อน ครอบครัวฉันถูกตามฆ่า ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งพ่อและแม่ไม่ได้บอกอะไรฉันเลย ถ้าวันนั้นพี่ลินไม่ได้ผ่านมาและช่วยเหลือฉันไว้ ฉันคงตายไปพร้อมกับพ่อแม่แล้ว หลังจากที่ฉันทำใจกับความสูญเสียได้ พี่ลินก็พาฉันเข้าสู่องค์กร
พี่ลินสอนการต่อสู้และอะไรหลาย ๆ อย่างให้กับฉันสลับกับพวกพี่ ๆ ที่เหลือ ทำให้เราสนิทและรักกันเหมือนพี่น้องแท้ ๆ พูดแล้วก็คิดถึงไม่รู้ว่าพี่ ๆ จะกลับเมืองไทยกันเมื่อไหร่...
“พี่มาร์คคะ ปล่อยแพรวก่อนดีกว่าไหมคะ”“ปล่อยทำไมล่ะครับ อยู่แบบนี้ดีแล้ว”“คือแพรวร้อนน่ะค่ะ”“ร้อนเหรอครับ ห้องเราเปิดแอร์นะที่รัก เรามาซ้อมเข้าหอกันดีไหม”จบคำพูดพี่มาร์คก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ จนในที่สุดปากเราสองคนก็สัมผัสกัน พี่มาร์คบรรจงจูบฉันอย่างดูดดื่ม สูบเอาความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มของฉันอย่างตะกละตะกลามรสจูบของเขาลึกล้ำปลุกเร้าให้ฉันเกิดอาการประหลาดจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ สมองและการกระทำของร่างกายไม่สัมพันธ์กัน มือของฉันสอดเข้าโอบรอบคอของเขาก่อนจะลูบไล้มือไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบาฉันได้ยินเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากลำคอของเขาในขณะที่ปากเราสองคนยังจูบกันอยู่ พี่มาร์คถอนริมฝีปากออกไป แล้วมองฉันด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ“หวาน พี่จูบเก่งไหมครับ”“คนบ้า”เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหน้าฟัง จนฉันอดที่จะต่อว่าเขาไม่ได้“เอาจูบแบบเมื่อกี้อีกไหมครับ”“พอแล้วค่ะ ปากแพรวช้ำหมดแล้ว”ฉันพูดออกมา เพราะกลัวมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตั้งแต่ที่เราคบกันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่พี่มาร์คเขาไม่เคยทำอะไรฉันมากไปกว่าการกอดและจูบเลย ซึ่งการที่เขาทำตัวสุภาพบุรุษแบบนี้มันแอบทำให้ฉันกลัวว่
2 เดือนต่อมา“แพรว เรียบร้อยหรือยัง ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ”“เสร็จแล้วค่ะพี่ปรางค์ อย่าเร่งสิคะแพรวตื่นเต้นเหมือนกันนะ”“เสร็จแล้วก็ออกมาให้พี่ดูสักทีสิ มัวแต่อยู่ในห้องน้ำอยู่นั่นแหละ”แอ๊ด!“สวยมากเลยแพรว”“น้องสาวพี่สวยที่สุด”“หวานมาก”ฉันเขินไปกับคำชมของพวกพี่ลิน พี่ปรางค์และพี่มีนสงสัยกันล่ะสิว่าทำไมทุกคนต้องมาชมฉัน เรื่องมันเป็นแบบนี้หลังจากที่ฉันและพวกพี่ลินจัดการนายโทมัสและนายริชาร์ดได้ เรื่องทุกอย่างก็จบ วันที่ทุกคนปฏิบัติการฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งเจาะข้อมูลบริษัทของนายโทมัสเฉย ๆ ซึ่งก็ได้พี่ลินอีกนั่นแหละที่เอาเครื่องรบกวนสัญญาณไปติดในบริษัทของนายโทมัส ทำให้ฉันสามารถเข้าสู่ระบบและได้ข้อมูลทั้งหมดของบริษัทนั่นมาได้ บอกได้เลยว่าพวกมันโคตรชั่ว ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและหุ้นส่วนทั้งนั้น งานฉันมันก็มีแค่นั้นแหละ ไม่ได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันแฮกมาได้ พี่ลินก็เอาให้ตำรวจสากลไปจัดการต่อ นายโทมัสก็ถูกตำรวจสากลจัดการต่อเช่นกัน เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละอ้อ หลังจบเรื่องทุกอย่างพี่ลินจะให้ฉันออกจากองค์กรด้วยนะ เพราะไม่อยากให้ฉันเป็นอันตราย แต่ว่าฉันไม
“ไงเรา เจ็บตัวฟรีเลย”“นั่นสิคะพี่ปรางค์ แต่ก็สงสารนายดราฟนั่นเหมือนกันนะคะ น่าจะช็อกจากเหตุการณ์ที่สูญเสียครอบครัวกะทันหัน เขาเลยเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องสงสารคนอื่นเลย รู้ไหมว่าเราน่ะเกือบตาย ตอนส่งข้อความมาบอกพวกพี่แทบจะเป็นลม แล้วก็เสียพ่อและแม่ไปโดยใช่เหตุอีก เฮ้อ!”“จริงครับพี่มีน ไม่รู้จะไปสงสารคนอื่นทำไม เขาเป็นคนทำร้ายตัวเองกับครอบครัวแท้ ๆ”“น้อย ๆ หน่อยไอ้มาร์ค ออกตัวแรงเกินไปแล้ว”“จริงนะครับพี่มาร์ติน พี่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง”“อะ ๆ ๆ อย่าเถียงกันเด็ก ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้หนูแพรวก็ปลอดภัยแล้ว ก็หมดห่วงกันได้แล้วเนอะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“พวกพี่กลับก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับพี่ ๆ ส่วนแพรวผมไม่ให้กลับนะครับ วันนี้จะให้นอนนี่แหละ”พี่ทุกคนต่างยิ้มขำให้ผม ก่อนจะต่างคนต่างแยกย้ายกันไป“หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะลูกนะ”“ค่ะคุณแม่”“ผมขอตัวพาน้องไปพักก่อนนะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปครับไปห้องพี่กัน” ผมไม่สนใจว่าพ่อกับแม่ผมจะพูดอะไร เลือกที่จะจับจูงมือเล็กของแพรวาขึ้นมาชั้นสองของบ้านทันที“พี่เสียใจเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของแพรวด้วยนะครับ ท่านไ
ปัง!“อ๊ากกก ปล่อยกู กูจะฆ่ามัน ปล่อยย ปล่อยกู ปล่อย!”เสียงปืนที่ดังขึ้นลั่นบริเวณ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโวยวายของผู้ชาย หากแต่ผมก็ยังกอดแพรวาไว้แนบอก ไม่ยอมผละห่าง หัวใจเต้นรัวไปหมด ผมไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นอะไรไป คิดได้ดังนั้นผมก็กอดร่างเล็กแน่นขึ้น“อ้าว จะยืนกอดกันอีกนานไหม” น้ำเสียงคุ้นเคยที่พ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ ทำให้ผมกับแพรวาผละออกจากกัน“พี่ลิน”แพรวาเอ่ยเรียกคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปกอดพี่ลินช้า ๆ“ปล่อยกู มึงต้องตาย มึงต้องตาย! ฮึก ฮือ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ มัน มันผิด มันฆ่าครอบครัวผม ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก พ่อครับ แม่ครับ ฮือ มันฆ่าครอบครัวผม”“...”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมแก้แค้นให้ครอบครัวเราได้แล้วนะครับ พวกมันตายแล้ว ตายหมดแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปไหน ไม่ไป ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ปล่อยผม ฮึก ฆ่ามัน ฮึก ฆ่ามัน”ชายคนที่พยายามทำร้ายแพรวาเสียสติไปแล้วเรียบร้อย เดี๋ยวโวยวาย เดี๋ยวหัวเราะและร้องไห้ สลับกันไปส่วนเสียงปืนที่ทุกคนได้ยิน คือเสียงปืนจากตำรวจที่ยิงเข้าที่มือคนร้าย ทำให้ปืนล่วงก่อนที่มันจะลั่นไกล ผมและแพรวาถึงได้ไม่มีใครเจ็บตัวไปมากก
“ตอนแรกฉันจำแกไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันมันเป็นคนฉลาดไง และตอนนี้นวัตกรรมของเทคโนโลยีก็ไปไกลมาก ฉันจึงเอารูปแกตอนเด็กไปวิจัยว่าถ้าอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้าแกจะหน้าตาเป็นยังไง มันเป็นวิธีเดียวกับที่วงการตำรวจเขาใช้หาตัวคนร้ายนั่นแหละ จนในที่สุดฉันก็ได้ภาพความน่าจะเป็นของแกมา”“...”“อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แล้วไง สุดท้ายฉันก็เจอแกอยู่ดี ออกมาเถอะน่า อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้เลย”“...”“ออกมาสิโว้ยนังอลิน ไม่สิ ฉันต้องเรียกแกว่าแพรวา ออกมาจบเรื่องทุกอย่างซะ”ฉันมองหน้าพี่มาร์คที่ส่ายหัวห้ามฉันออกไป มาถึงตอนนี้ฉันแทบจะห้ามอารมณ์ความแค้นของตัวเองไว้ไม่ไหว และรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรคนที่ทำร้ายครอบครัวตัวเองไม่ได้“แพรวพอจะจำเรื่องราวได้หรือยังว่ามันตามฆ่าแพรวทำไม”“ไม่รู้เลยค่ะพี่มาร์ค คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้บอกอะไรแพรวเลยค่ะ”“มันต้องมีสาเหตุสิ”ฉันก็พยายามคิดนะ ว่ามันต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันถูกมันตามฆ่าแบบนี้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ที่สำคัญพ่อกับแม่ไม่เคยพูดหรือบอกอะไรกับฉันเลย วันที่ถูกลอบทำร้ายจนพ่อแม่ตายในวันนั้น พวกท่านบอกแค่ว่า จะพาฉันไปเที่ยวเท่านั้นเอง มาถึงตอนน
“แพรวครับ”“คะ มีอะไรคะ”“แพรวจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม”ฉันยิ้มให้คนที่ถามฉันด้วยความเป็นกังวล“ไม่หรอกค่ะ แพรวมีหน้าที่แค่เจาะข้อมูล เพราะฉะนั้นแพรวไม่มีอันตรายหรอกค่ะ” ฉันพยายามตอบเลี่ยง ๆ เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง“สัญญากับพี่นะครับ หลังจบเรื่องทุกอย่างเราจะหมั้นกัน”“ค่ะ แพรวสัญญา”หลังได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว เราก็เดินทางไปหาอะไรกินที่ห้าง และใช้เวลาว่างที่มีในการเข้าไปดูหนัง และเดินซื้อของเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ “พี่มาร์ครักแพรวไหมคะ” คนตรงหน้าขมวดคิ้วสงสัยในคำถามของฉัน ก่อนที่เขาจะพูดว่า“รักครับ รักมาก”“เขินจังเลยค่ะ”ฉันก็เป็นแบบนี้ ชอบถามคำถามนี้กับเขา ฉันถามเขาบ่อยและเขาก็บอกรักฉันบ่อย แต่บอกเลยว่ามันไม่ชิน ฉันยังเขินทุกครั้งที่เขาบอกรักฉัน แรก ๆ ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวก็ชิน แต่ที่ไหนได้มันไม่ชินเลย อีกความรู้สึกหนึ่งนอกจากเขินก็คือการอิ่มเอมใจ และมีความสุขทุกครั้ง ที่เขาพูดว่ารัก“พี่บอกเราทุกวัน ยังไม่ชินอีกเหรอ”“ไม่ค่ะ ก็คนมันเขินนี่”“เด็กน้อย เหนื่อยหรือยังครับ วันนี้ซื้อเสื้อผ้าไปเยอะเลยนะเราอะ กลับหรือยัง”“กลับเลยก็ได้ค่ะ ปะ ไปที่รถกัน”เราทั้งคู่เดินมายังโซนรถที่ได้จอดไว้ ก่อน