ผมกำลังนึกถึงร่างบางที่เดินชนผมเมื่อเช้า เธอสวย น่ารัก แต่ปากดีไปหน่อย ไม่เคยมีใครต่อว่าต่อขานผมสักคน แต่เธอกลับทำ นั่นทำให้ผมรู้เลยว่าเธอคนนี้เป็นคนไม่ยอมคนแน่นอน ไหนจะเมื่อกี้ที่กล้าต่อปากต่อคำกับมินนี่อย่างไม่กลัวเกรงอีก
มินนี่เธอจะคอยหาเรื่องทุกคนที่ข้องเกี่ยวกับผม จนทำให้ใครหลาย ๆ คนเข้าใจผิดคิดว่าผมกับเธอเป็นแฟนกัน ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่ ที่ผมไม่ยอมแก้ข่าวเพราะผมไม่อยากวุ่นวายอะไรมาก แต่เห็นทีผมคงต้องแก้ข่าวแล้วล่ะไม่งั้นแพรวาคงเข้าใจอะไรผิด ๆ ไปอีกแน่
ผมเป็นเฮดว้าก เรื่องของความโหดไม่ต้องพูดถึง เพราะผมมีเต็มร้อยและผมก็โหดที่สุดในรุ่นแล้ว โหดกว่ารุ่นพี่บางคนซะอีก รองเฮดว้ากก็ไอ้เลโอ อีกคนก็ไอ้เมฆแฟนน้องหวาน รวมถึงเพื่อนคนอื่น ๆ อีกเล็กน้อย จริงสิ สงสัยทุกคนคงอยากรู้จักผมแล้วใช่ไหมล่ะ
สวัสดีครับ ผมชื่อ มาร์คัส นิสัยของผมก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะโหด ไม่ยอมคน เจ้าชู้หรือเสือผู้หญิง นั่นคือคำจำกัดความที่คนอื่นใช้เรียกผม สำหรับผมแล้วเราแค่หาความสุขร่วมกัน ผู้หญิงเสนอผมก็แค่สนอง ถ้าผมปฏิเสธมันก็คงเสียเชิงชายแย่
เฮ้อ ว่าแต่ทำไมผมถึงสลัดใบหน้าของแพรวออกไปไม่ได้นะ ใบหน้าสวย ๆ ของเธอลอยอยู่ในภวังค์ความคิดของผมแทบจะตลอดเวลา
โอ๊ย นี่ผมเป็นอะไรไปเนี่ย อย่าบอกนะว่าผมชอบเธอ! มีส่วนเป็นไปได้นะ เพราะทั้งหุ่นรูปร่างหน้าตาทรวดทรงองค์เอวของเธอมันตรงสเปกผมชัด ๆ ยิ่งเป็นม้าพยศไม่ยอมใครแบบนี้อีก มันยิ่งกระตุ้นต่อมความอยากปราบพยศเธอและความอยากเอาชนะของผมมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
ผมจะทำให้เธอกลายร่างเป็นน้องแมวแสนเชื่องให้ได้ คอยดู!!!
"ไอ้มาร์คัส มึงคิดไรอยู่วะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว" ไอ้เมฆพูด ไอ้นี่นิสัยมันจะดูสุภาพบุรุษเป็นผู้ชายอบอุ่น สายโรแมนติกอะไรเทือกนั้น
"เปล่านี่ไม่มีอะไร"
"ใช่เหรอ กูว่าอาการแบบนี้ มันเป็นอาการของคนกำลังตกหลุมรักนะเว้ย เฮ้ย! ไอ้เสือมึงตกหลุมรักใครวะ อย่าบอกนะว่าเป็นน้องแพรวคนสวย" คำพูดของไอ้เลโอทำผมสะดุ้งทันที ก่อนจะส่งยิ้มร้ายให้มัน นิสัยไอ้เลโอมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากผมมาก เจ้าชู้ไปวัน ๆ ตามประสาของคนไม่มีแฟน
"กูเกลียดรอยยิ้มชั่วร้ายของมึงจริง ๆ"
"กูเห็นด้วยกับมึงเลโอ ชักเสียวสันหลังแทนน้องแพรวแล้วล่ะสิ โดนไอ้มาร์คัสเล็งไว้แบบนี้"
“พวกมึงก็พูดเกินไป กูไม่ทำอะไรน้องหรอกน่า ถ้าน้องมันไม่ทำอะไรให้กูไม่พอใจก่อนน่ะนะ”
"พวกนายวันนี้อย่าลืมนะรับน้องวันแรก อย่าสายล่ะ"
เสียงเพื่อนในเอกผมพูดขัดขึ้น ผมสามคนหันไปมองก่อนจะพยักหน้ารับเป็นอันเข้าใจ ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปเรียน
16.00
ในที่สุดเวลาที่ผมเฝ้ารอคอยก็มาถึง ตอนนี้ผมมองดูเด็กปีหนึ่งที่กำลังนั่งเข้าแถวด้วยความวุ่นวาย อย่างที่ทุกคนรู้วิศวะมันคนเยอะ ถ้าวุ่นวายก็เป็นเรื่องธรรมดา
ผมกวาดสายตาไปทั่วบริเวณก่อนจะพบเข้ากับเป้าหมายของผม เธอนั่งหน้าสุดพร้อมกับเพื่อนเธออีกสองคนรวมถึงน้องหวานด้วยที่ได้นั่งหน้า นั่งเรียงกันเสียด้วยสิ หึ ค่อยเล่นง่าย ๆ หน่อย
แต่... มันยังไม่ถึงเวลาของพวกผมที่ต้องออกไปหรอกนะ ปล่อยให้สนุกกันไปก่อน ได้เวลาแล้วค่อยเข้าไป ผมยังไม่อยากขัดความสนุกของใครหลาย ๆ คน หึหึ
"ไก่อย่างถูกเผา ไก่อย่างถูกเผา มันจะถูกไม้เสียบ เสียบปีกซ้าย เสียบปีกขวา ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ"
"รถเมล์มอ รถเมล์มอ รถเมล์มอ นั่งกันตัวงอรถเมล์มอเบรกมันเสีย เด้งไปเด้งมามันก็เสียวนะเฮีย เด้งไปเด้งมามันก็เสียวนะเฮีย อุ๊ยอารมณ์เสีย รถเมล์มอ รถเมล์มอ รถเมล์มอ"
สนุกกันมากสินะ เมื่อผมคิดว่าได้เวลาอันสมควรแล้ว ผมจึงส่งสายตาไปยังน้องปีสองว่าให้พวกมันหยุดกิจกรรมที่ดำเนินอยู่นี่ซะ เพราะได้เวลาที่พวกผมต้องแสดงตัวแล้ว
"เอาละครับน้อง ๆ ต่อไปจะมีรุ่นพี่มาทำความรู้จักกับน้องนะครับ พี่ขอให้น้อง ๆ ตั้งใจฟังและให้ความเคารพพี่เขานะครับ"
ไอ้กอล์ฟว่าที่พี่ว้ากปีหน้าพูดขึ้น
"ค่ะ/ครับ" หลังจากที่น้อง ๆ ปีสองไปยืนเข้าแถวข้างหลัง พวกผมก็เดินเข้าไปช้า ๆ โดยมีผมเดินเป็นคนสุดท้าย ในขณะนั้นก็มีพวกน้อง ๆ คุยกันเบา ๆ หนึ่งในนั้นคือเป้าหมายของผมไง ผมส่งสายตาไปหาไอ้ริทหรือริชชี่ว่าเริ่มได้ หลังจากทุกคนยืนครบทุกตามตำแหน่งแล้ว
"เงียบ! ไร้มารยาท พี่คุณเขาไม่ได้บอกหรือไงว่าให้รอเงียบ ๆ" จบคำพูดริชชี่ เสียงเจื้อยแจ้วก่อนหน้านี้ก็หยุดลง
"เอาละครับ วันนี้พวกผมจะมาแนะนำตัวให้พวกคุณรู้จัก หวังว่าพวกคุณทุกคนคงให้ความร่วมมือนะครับ" ไอ้เลโอพูด
"สวัสดีค่ะฉันชื่อพิมพ์นะ อยู่ปีสาม"
"สวัสดีฮะผมริทหรือริชชี่ ปีสาม"
"สวัสดีครับ ผมเมฆาหรือเมฆ อยู่ปีสาม รูปหล่อพ่อรวย แต่มีแฟนแล้วครับรักแฟนมาก เป็นพี่ว้าก"
"อ๊ายยย" สิ้นเสียงไอ้เมฆสาว ๆ ก็กรี๊ดทันที ไม่นานก็เงียบไป
"สวัสดีครับ ผมเลโอ หรือเรียกสั้น ๆ ว่าเล ย้ำถ้าไม่สนิทอย่าเรียกนะครับ"
"อ๊ายยยย" ไอ้เลโอพูดพร้อมขยิบตาให้สาว ๆ ทำให้มันได้เสียงกรี๊ดเยอะกว่าไอ้เมฆ
"สวัสดีครับ ผม มาร์คัส เฮดว้าก ปีสาม"
"อ๊ายยยยย กรี๊ดดดด หล่ออะ/ของฉัน/พ่อของลูก"
"เงียบ!!! ที่นี่มหาวิทยาลัยไม่ใช่คอนเสิร์ตที่พวกคุณจะมากรี๊ดได้ ทราบไม่ทราบ" ผมตวาดใส่น้องมัน กรี๊ดอยู่ได้น่ารำคาญจริง ๆ
"ทราบ"
"ปีสอง คุณไม่สอนมารยาทเด็กปีหนึ่งหรือไง ทำไมเวลาพูดไม่มีหางเสียงครับ" ผมหันไปถามปีสองทันที
"สอนครับ" ไอ้กอล์ฟพูด
"สอน แล้วทำไมหางเสียงพวกเขาไม่มี" ผมพูด
"เอ่อคือ"
"ทราบค่ะ" ไอ้กอล์ฟยังพูดไม่ทันจบ เสียงหวานใสก็ดังแทรกเข้ามา
"ใครครับ"
"..." เงียบไม่มีใครตอบผม
"ผมถามว่าใครครับ" ผมเสียงดังมากกว่าเดิม
"หนูเองค่ะ" เสียงหวานเอ่ยขึ้นพร้อมมือที่ยกขึ้นมา ผมคิดไว้แล้วแหละว่าต้องเป็นเธอ แล้วก็เป็นเธอจริง ๆ แพรว
"ผมอนุญาตให้คุณพูดเหรอครับ" ผมพูด
"เปล่าค่ะ แต่..."
"ผมบอกให้พูดเหรอ" เธอเงียบก่อนจะมองหน้าผม ดูแล้วเหมือนเธอกำลังอารมณ์เสียเลย
"ลุกขึ้น คุณนั่นแหละลุกขึ้น" ผมย้ำเมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมลุก
"ชื่ออะไร รหัสอะไร เรียนอะไร แนะนำตัวสิ" ผมพูดแล้วยักคิ้วให้ กวน ๆ เธอมองผมเขม็งเลย
"แพรวา 0020 ค่ะ วิศวะเอกคอมพิวเตอร์ค่ะ"
เธอพูดแถมยังจ้องหน้าผมไม่หลบสายตาด้วย
"ต่อไปเวลาจะพูดให้บอกชื่อรหัสและคำว่าขออนุญาตทราบไหมครับ" ผมพูด
"ทราบค่ะ" เธอตอบ
"นั่งลงได้" ผมพูด
"ขอบคุณค่ะ" เธอพูดก่อนจะนั่งลง
"ว่าไงครับปีสอง พวกคุณสอนน้องยังไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้ครับ ตอบ!" ผมพูด
"พวกเราขอโทษครับ แล้วพวกเราจะสอนน้องอีกครั้งครับ"
ไอ้กอล์ฟพูด
"ดี เอาละ ผมอยากจะบอกพวกคุณว่า จากนี้ไปพวกคุณอยู่ในความดูแลของพวกผม คุณจะทำอะไรไปไหนต้องขออนุญาตพวกผมก่อน และที่สำคัญ ใครที่ซิ่วมาจากที่อื่นแล้วมาเรียนที่นี่จะอายุมากแค่ไหนผมไม่สนใจ ที่นี่มหา’ลัยนี้เราถือปฏิบัติว่า มาก่อนเป็นพี่มาหลังเป็นน้องมาพร้อมเป็นเพื่อน ทราบไม่ทราบ"
"ทราบค่ะ/ครับ"
"เรื่องรับน้อง เราจะรับน้องด้วยระบบโซตัส อีกเรื่องที่พวกคุณต้องรู้คือ ผมจะยังไม่นับว่าพวกคุณเป็นน้อง ปีสองรับคุณเป็นน้องแต่พวกผมไม่ คุณจะเป็นน้องผมได้ก็ต่อเมื่อ ผ่านการทดสอบจากพวกผมแล้วเท่านั้น เข้าใจนะครับ" ผมพูดยาวมากจนรู้สึกเจ็บคอ
"เข้าใจค่ะ/ครับ"
"ไม่ดัง เอาใหม่" ผมพูด
"เข้าใจค่ะ/ครับ"
"อะไรนักหนา"
"แพรวา รหัส 0020 คุณพูดว่าอะไรนะ"
"แพรวา 0020 ขออนุญาตค่ะ" เธอพูดพร้อมจ้องหน้าผมนิ่ง
"เชิญ ผมถามคุณว่า เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรครับ" ผมพูดนิ่ง ๆ
"อะไรนักหนาค่ะ" น้องมันตอบทำให้พวกที่อยู่ในลานเกียร์ถึงกลับฮือฮา
"นี่คุณว่าผมเหรอ" ผมเค้นเสียงถามเธอด้วยความไม่พอใจ
"เปล่าค่ะ แค่อยากถามพี่ว่าตะโกนตั้งนานไม่เจ็บคอเหรอคะ พูดเอา ๆ พูดเบา ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียงดังขนาดนี้เลย"
"รุ่นของคุณมีกี่คน" ผมเลือกที่จะถามเธอกลับมากกว่าตอบ
"เอ่อ ไม่ทราบค่ะ"
"ถ้าคุณไม่ทราบ พรุ่งนี้คุณไปหาคำตอบมาให้ผม แต่วันนี้ผมคงต้องลงโทษคุณเพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแก่เพื่อนของคุณนะครับ"
"เอ๊ะ แต่หนูยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ" เธอพูด
"คุณหันไปดูเพื่อนคุณ เป็นไงเยอะไหม แล้วเข้าใจหรือยังว่าทำไมผมต้องพูดเสียงดัง ถ้าเข้าใจแล้ว แพรว 0020 เชิญไปวิ่งรอบสนามตามรหัสสองตัวท้ายของตัวเองได้ เชิญครับ"
"เฮ้ย นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ"
"เชิญ!"
หลังจากที่เธอเดินออกไปผมก็เรียกปีสองเข้ามาทำหน้าที่และให้ปล่อยน้องได้ ส่วนผมก็กำลังไปดูหน้าคนขี้กวนสักหน่อยว่าเป็นยังไงบ้าง ผมไม่โกรธในสิ่งที่น้องมันพูดหรอกนะ เพราะผมรู้ว่าน้องมันจงใจกวนและแกล้งผม พูดง่าย ๆ คืออยากหักหน้าผมนั่นแหละ ผมจึงต้องตามน้ำสั่งลงโทษน้องมันไป
“พี่มาร์คคะ ปล่อยแพรวก่อนดีกว่าไหมคะ”“ปล่อยทำไมล่ะครับ อยู่แบบนี้ดีแล้ว”“คือแพรวร้อนน่ะค่ะ”“ร้อนเหรอครับ ห้องเราเปิดแอร์นะที่รัก เรามาซ้อมเข้าหอกันดีไหม”จบคำพูดพี่มาร์คก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ จนในที่สุดปากเราสองคนก็สัมผัสกัน พี่มาร์คบรรจงจูบฉันอย่างดูดดื่ม สูบเอาความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มของฉันอย่างตะกละตะกลามรสจูบของเขาลึกล้ำปลุกเร้าให้ฉันเกิดอาการประหลาดจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ สมองและการกระทำของร่างกายไม่สัมพันธ์กัน มือของฉันสอดเข้าโอบรอบคอของเขาก่อนจะลูบไล้มือไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบาฉันได้ยินเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากลำคอของเขาในขณะที่ปากเราสองคนยังจูบกันอยู่ พี่มาร์คถอนริมฝีปากออกไป แล้วมองฉันด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ“หวาน พี่จูบเก่งไหมครับ”“คนบ้า”เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหน้าฟัง จนฉันอดที่จะต่อว่าเขาไม่ได้“เอาจูบแบบเมื่อกี้อีกไหมครับ”“พอแล้วค่ะ ปากแพรวช้ำหมดแล้ว”ฉันพูดออกมา เพราะกลัวมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตั้งแต่ที่เราคบกันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่พี่มาร์คเขาไม่เคยทำอะไรฉันมากไปกว่าการกอดและจูบเลย ซึ่งการที่เขาทำตัวสุภาพบุรุษแบบนี้มันแอบทำให้ฉันกลัวว่
2 เดือนต่อมา“แพรว เรียบร้อยหรือยัง ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ”“เสร็จแล้วค่ะพี่ปรางค์ อย่าเร่งสิคะแพรวตื่นเต้นเหมือนกันนะ”“เสร็จแล้วก็ออกมาให้พี่ดูสักทีสิ มัวแต่อยู่ในห้องน้ำอยู่นั่นแหละ”แอ๊ด!“สวยมากเลยแพรว”“น้องสาวพี่สวยที่สุด”“หวานมาก”ฉันเขินไปกับคำชมของพวกพี่ลิน พี่ปรางค์และพี่มีนสงสัยกันล่ะสิว่าทำไมทุกคนต้องมาชมฉัน เรื่องมันเป็นแบบนี้หลังจากที่ฉันและพวกพี่ลินจัดการนายโทมัสและนายริชาร์ดได้ เรื่องทุกอย่างก็จบ วันที่ทุกคนปฏิบัติการฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งเจาะข้อมูลบริษัทของนายโทมัสเฉย ๆ ซึ่งก็ได้พี่ลินอีกนั่นแหละที่เอาเครื่องรบกวนสัญญาณไปติดในบริษัทของนายโทมัส ทำให้ฉันสามารถเข้าสู่ระบบและได้ข้อมูลทั้งหมดของบริษัทนั่นมาได้ บอกได้เลยว่าพวกมันโคตรชั่ว ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและหุ้นส่วนทั้งนั้น งานฉันมันก็มีแค่นั้นแหละ ไม่ได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันแฮกมาได้ พี่ลินก็เอาให้ตำรวจสากลไปจัดการต่อ นายโทมัสก็ถูกตำรวจสากลจัดการต่อเช่นกัน เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละอ้อ หลังจบเรื่องทุกอย่างพี่ลินจะให้ฉันออกจากองค์กรด้วยนะ เพราะไม่อยากให้ฉันเป็นอันตราย แต่ว่าฉันไม
“ไงเรา เจ็บตัวฟรีเลย”“นั่นสิคะพี่ปรางค์ แต่ก็สงสารนายดราฟนั่นเหมือนกันนะคะ น่าจะช็อกจากเหตุการณ์ที่สูญเสียครอบครัวกะทันหัน เขาเลยเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องสงสารคนอื่นเลย รู้ไหมว่าเราน่ะเกือบตาย ตอนส่งข้อความมาบอกพวกพี่แทบจะเป็นลม แล้วก็เสียพ่อและแม่ไปโดยใช่เหตุอีก เฮ้อ!”“จริงครับพี่มีน ไม่รู้จะไปสงสารคนอื่นทำไม เขาเป็นคนทำร้ายตัวเองกับครอบครัวแท้ ๆ”“น้อย ๆ หน่อยไอ้มาร์ค ออกตัวแรงเกินไปแล้ว”“จริงนะครับพี่มาร์ติน พี่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง”“อะ ๆ ๆ อย่าเถียงกันเด็ก ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้หนูแพรวก็ปลอดภัยแล้ว ก็หมดห่วงกันได้แล้วเนอะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“พวกพี่กลับก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับพี่ ๆ ส่วนแพรวผมไม่ให้กลับนะครับ วันนี้จะให้นอนนี่แหละ”พี่ทุกคนต่างยิ้มขำให้ผม ก่อนจะต่างคนต่างแยกย้ายกันไป“หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะลูกนะ”“ค่ะคุณแม่”“ผมขอตัวพาน้องไปพักก่อนนะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปครับไปห้องพี่กัน” ผมไม่สนใจว่าพ่อกับแม่ผมจะพูดอะไร เลือกที่จะจับจูงมือเล็กของแพรวาขึ้นมาชั้นสองของบ้านทันที“พี่เสียใจเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของแพรวด้วยนะครับ ท่านไ
ปัง!“อ๊ากกก ปล่อยกู กูจะฆ่ามัน ปล่อยย ปล่อยกู ปล่อย!”เสียงปืนที่ดังขึ้นลั่นบริเวณ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโวยวายของผู้ชาย หากแต่ผมก็ยังกอดแพรวาไว้แนบอก ไม่ยอมผละห่าง หัวใจเต้นรัวไปหมด ผมไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นอะไรไป คิดได้ดังนั้นผมก็กอดร่างเล็กแน่นขึ้น“อ้าว จะยืนกอดกันอีกนานไหม” น้ำเสียงคุ้นเคยที่พ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ ทำให้ผมกับแพรวาผละออกจากกัน“พี่ลิน”แพรวาเอ่ยเรียกคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปกอดพี่ลินช้า ๆ“ปล่อยกู มึงต้องตาย มึงต้องตาย! ฮึก ฮือ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ มัน มันผิด มันฆ่าครอบครัวผม ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก พ่อครับ แม่ครับ ฮือ มันฆ่าครอบครัวผม”“...”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมแก้แค้นให้ครอบครัวเราได้แล้วนะครับ พวกมันตายแล้ว ตายหมดแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปไหน ไม่ไป ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ปล่อยผม ฮึก ฆ่ามัน ฮึก ฆ่ามัน”ชายคนที่พยายามทำร้ายแพรวาเสียสติไปแล้วเรียบร้อย เดี๋ยวโวยวาย เดี๋ยวหัวเราะและร้องไห้ สลับกันไปส่วนเสียงปืนที่ทุกคนได้ยิน คือเสียงปืนจากตำรวจที่ยิงเข้าที่มือคนร้าย ทำให้ปืนล่วงก่อนที่มันจะลั่นไกล ผมและแพรวาถึงได้ไม่มีใครเจ็บตัวไปมากก
“ตอนแรกฉันจำแกไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันมันเป็นคนฉลาดไง และตอนนี้นวัตกรรมของเทคโนโลยีก็ไปไกลมาก ฉันจึงเอารูปแกตอนเด็กไปวิจัยว่าถ้าอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้าแกจะหน้าตาเป็นยังไง มันเป็นวิธีเดียวกับที่วงการตำรวจเขาใช้หาตัวคนร้ายนั่นแหละ จนในที่สุดฉันก็ได้ภาพความน่าจะเป็นของแกมา”“...”“อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แล้วไง สุดท้ายฉันก็เจอแกอยู่ดี ออกมาเถอะน่า อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้เลย”“...”“ออกมาสิโว้ยนังอลิน ไม่สิ ฉันต้องเรียกแกว่าแพรวา ออกมาจบเรื่องทุกอย่างซะ”ฉันมองหน้าพี่มาร์คที่ส่ายหัวห้ามฉันออกไป มาถึงตอนนี้ฉันแทบจะห้ามอารมณ์ความแค้นของตัวเองไว้ไม่ไหว และรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรคนที่ทำร้ายครอบครัวตัวเองไม่ได้“แพรวพอจะจำเรื่องราวได้หรือยังว่ามันตามฆ่าแพรวทำไม”“ไม่รู้เลยค่ะพี่มาร์ค คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้บอกอะไรแพรวเลยค่ะ”“มันต้องมีสาเหตุสิ”ฉันก็พยายามคิดนะ ว่ามันต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันถูกมันตามฆ่าแบบนี้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ที่สำคัญพ่อกับแม่ไม่เคยพูดหรือบอกอะไรกับฉันเลย วันที่ถูกลอบทำร้ายจนพ่อแม่ตายในวันนั้น พวกท่านบอกแค่ว่า จะพาฉันไปเที่ยวเท่านั้นเอง มาถึงตอนน
“แพรวครับ”“คะ มีอะไรคะ”“แพรวจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม”ฉันยิ้มให้คนที่ถามฉันด้วยความเป็นกังวล“ไม่หรอกค่ะ แพรวมีหน้าที่แค่เจาะข้อมูล เพราะฉะนั้นแพรวไม่มีอันตรายหรอกค่ะ” ฉันพยายามตอบเลี่ยง ๆ เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง“สัญญากับพี่นะครับ หลังจบเรื่องทุกอย่างเราจะหมั้นกัน”“ค่ะ แพรวสัญญา”หลังได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว เราก็เดินทางไปหาอะไรกินที่ห้าง และใช้เวลาว่างที่มีในการเข้าไปดูหนัง และเดินซื้อของเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ “พี่มาร์ครักแพรวไหมคะ” คนตรงหน้าขมวดคิ้วสงสัยในคำถามของฉัน ก่อนที่เขาจะพูดว่า“รักครับ รักมาก”“เขินจังเลยค่ะ”ฉันก็เป็นแบบนี้ ชอบถามคำถามนี้กับเขา ฉันถามเขาบ่อยและเขาก็บอกรักฉันบ่อย แต่บอกเลยว่ามันไม่ชิน ฉันยังเขินทุกครั้งที่เขาบอกรักฉัน แรก ๆ ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวก็ชิน แต่ที่ไหนได้มันไม่ชินเลย อีกความรู้สึกหนึ่งนอกจากเขินก็คือการอิ่มเอมใจ และมีความสุขทุกครั้ง ที่เขาพูดว่ารัก“พี่บอกเราทุกวัน ยังไม่ชินอีกเหรอ”“ไม่ค่ะ ก็คนมันเขินนี่”“เด็กน้อย เหนื่อยหรือยังครับ วันนี้ซื้อเสื้อผ้าไปเยอะเลยนะเราอะ กลับหรือยัง”“กลับเลยก็ได้ค่ะ ปะ ไปที่รถกัน”เราทั้งคู่เดินมายังโซนรถที่ได้จอดไว้ ก่อน