ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ตอนนี้ในห้องประชุมเต็มไปด้วยความตึงเครียด ไม่มีใครกล้าพูดอะไร แถมทุกคนยังไม่มีใครกล้าสบตาฉันสักคน สงสัยกลัวว่าฉันจะโกรธ ซึ่งก็จริง แต่ฉันไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้น
“เอาละค่ะ ก่อนอื่นดิฉันต้องขอโทษที่เรียกทุกคนมาประชุมด่วนในครั้งนี้ อย่างที่ทุกคนทราบ ถ้าไม่มีเรื่องด่วนจริง ๆ ดิฉันจะไม่เรียกประชุม”
“แล้วที่เรียกมามีเรื่องอะไรเหรอครับ”
“เป็นคำถามที่ดีค่ะ แต่ก่อนอื่นฉันอยากให้ทุกคนดูคลิปนี้”
ฉันหันไปตอบคำถามของหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัย ก่อนจะหันหน้าไปพูดกับทุกคนในห้องประชุมในประโยคสอง
“นะ..นี่มัน”
“ใช่ค่ะ ยาบ้า มีกลุ่มคนที่ประสงค์ร้ายกับสนามของเรา ที่ฉันเรียกทุกคนมา เพราะอยากจะบอกว่าต่อจากนี้ไปฉันต้องการให้ทุกคนเป็นหูเป็นตาให้กับสนามของเราและคอยระวังภัยที่จะเกิดขึ้นค่ะ ที่สำคัญฉันต้องการให้ระบบความปลอดภัยคุมเข้มกว่านี้ และอีกข้ออย่ารับคนงานเพิ่มเด็ดขาด หากส่วนไหนขาดเหลืออะไรให้มาแจ้งที่คุณแมน เพราะคุณแมนจะรายงานฉันอีกที”
“...”
“ถ้าทุกคนไม่มีอะไรสงสัย และเข้าใจในการประชุมครั้งนี้แล้ว ฉันขอปิดการประชุมไว้แค่นี้ค่ะ” พูดจบฉันก็เดินออกมาเลย
เฮ้อ เบื่อชะมัดเลย ฉันต้องสืบให้ได้ว่าใครมันกล้าทำเรื่องแบบนี้ก่อนที่พวกพี่ ๆ จะกลับมาฉันต้องรู้ให้ได้
ฉันคิดอย่างหมายมาด ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อกำลังจะเข้าห้องรับรองที่มีเพื่อนและพี่ ๆ ทั้งหลายนั่งรออยู่
“เป็นไงบ้างแก” ยัยรันนี่ถาม
“ก็ไม่ไง กินข้าวกันเถอะ หิวแล้ว”
ฉันไม่อยากตอบคำถามของใครทั้งนั้น ให้พวกมันรู้เท่าที่ฉันอยากให้รู้ก็พอ ฉันไม่อยากให้พวกมันต้องเป็นอันตราย หลังจากนั้นก็ไม่มีใครถามอะไรฉันอีก เรานั่งกินข้าวกันอย่างสนุก เพราะยัยรันสรรหาแต่เรื่องตลกมาเล่าให้ฟัง หลังกินข้าวเสร็จ พวกเราก็กลับมานั่งคุยกันตามปกติ โดยที่พวกพี่มันก็ไม่มีใครกลับเลยสักคนเดียว!
ติ๊ง เสียงไลน์
“แพรว แกตรวจสอบอาวุธของเราหน่อยว่าพร้อมใช้งานไหม”
“ได้ค่ะพี่มีน”
“ขอตัวสักครู่นะคะ”
ฉันกดตอบพี่มีนก่อนที่จะหันมาพูดกับทุกคนในห้อง แล้วเลือกที่จะเดินไปที่ห้องห้องหนึ่ง ห้องนี้เป็นห้องพิเศษเข้าออกต้องมีรหัสผ่าน ฉันเป็นคนคิดขึ้นมาเอง
“แกทำอะไรอะแพรว”
ยัยฟ้าถามแต่ฉันไม่ตอบ เดินเข้าห้องเงียบ ๆ ฉันก็ตรวจนู่นนี่ให้พี่มีนว่ามันพร้อมใช้งานไหม ก่อนจะออกจากห้อง หลังออกมาจากห้องแล้วพวกพี่ ๆ ก็แยกย้ายกันกลับ แต่ก่อนกลับพี่มาร์คัสก็มองมาที่ฉันด้วยความสงสัย ฉันก็ได้แต่ยิ้มใสซื่อไปให้พี่มัน
เชิญสงสัยได้เต็มที่เลยจ้ะ เพราะต่อให้สืบยังไงก็ไม่มีทางรู้!!
อีกด้าน
“เฮ้ยมึง น้องแพรวน่าค้นหาว่ะ” ไอ้เลโอพูด
“ใช่น่าค้นหา แต่ก็แฝงไปด้วยความน่ากลัว” ไอ้เมฆ
“หึ น่ากลัวแบบนี้แหละฉันชอบ รับรองพ่อจะฟอกให้สะอาดทุกซอกทุกมุมเลย” ผมพูดกับพวกมันยิ้ม ๆ
มันจริงอย่างที่เพื่อนผมพูดว่าแพรวน่าค้นหา เหมือนเด็กวัยรุ่นเวลามาไม่ทำอะไร แต่พอมีปัญหามีงานกลับจริงจังและดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก แล้วจะให้ผมทำยังไงดีล่ะ ผมชอบอะไรที่มันได้มายาก ๆ ดูท้าทายซะด้วยสิ
ยิ่งเป็นเธอ ต่อมความอยากเอาชนะของผมมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ผมนี่แหละต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นใครกันแน่ ตอนนี้ขอพักยกไปมัวเมากับสาว ๆ ที่ผับก่อนดีกว่า
“หน้าตาแบบนี้มึงคิดอะไรเลว ๆ อยู่ใช่ไหมไอ้มาร์คัส”
ผมไม่ตอบก่อนกระตุกยิ้มให้มันหนึ่งที
“กูจะเข้าผับ พวกมึงจะไปด้วยไหม” ผมถาม มันสองตัวไม่ไป ผมจึงไปคนเดียว
ผับ
“มาคนเดียวเหรอคะ” ผู้หญิงสวบคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดกับผม ผมไม่ตอบแต่ส่งยิ้มไปให้เป็นการบอกนัย ๆ ว่ายอมรับ
“นั่งด้วยคนสิคะ”
ผมยังไม่ตอบเธอก็แนบชิดเบียดหน้าอกหน้าใจของเธอใส่ผม พร้อมกับฝ่ามือที่อยู่ไม่สุข
“ไปต่อที่ห้องหวายนะคะ” ผมไม่ตอบแต่กระชากตัวเธอมาที่รถทันที ใช้เวลาไม่นานผมกับเธอก็เข้ามาอยู่ในห้อง ก่อนที่ผมจะลงมือซุกไซ้ร่างกายเธอ
“ซี๊ด อ๊ะ อ่า บะเบาสิคะ” เธอบอกให้ผมเบา แต่กลับแอ่นอกสู่มือสู้นิ้วผม หึ ผมเล่นกับหน้าอกเธอสักพัก ก่อนที่เธอจะถอดเข้มขัดผมออกแล้วลงมือเล่นกับลูกชายผมบ้าง
บ๊วบ
“อ่า ซี๊ด อ๊ะ ดูดแรง ๆ ดีมาก โอ๊ยเสียวหัว” เมื่อทนความเสียวไม่ไหว ผมไม่รอช้าที่จะจับเธอหันหลังและส่งแรงกระแทกทีเดียวมิดด้าม ซึ่งก่อนจะทำอะไร ๆ เธอ ผมก็ใส่เครื่องป้องกันเรียบร้อยแล้ว
“อ๊าย ซี๊ด ใหญ่อะไรอย่างนี้ คับรูไปหมด” เธอครางออกมา มันยิ่งกระตุ้นอารมณ์หื่นของผม
พับ พับ พับ!
“ชอบไหม อ่า”
“ชะชอบ สะเสร็จแล้วแรง ๆ กรี๊ด”
หลังจากที่เธอเสร็จผมก็รีบส่งตัวเอง ออกแรงกระแทกเธออย่างหนักหน่วงจนเสร็จตามเธอไป ผมถอดถุงยางออก แล้วหยิบกางเกงมาใส่ นำเงินหนึ่งปึกวางไว้ให้เธอก่อนจะเดินออกจากห้องอย่างอารมณ์ดี
“พี่มาร์คคะ ปล่อยแพรวก่อนดีกว่าไหมคะ”“ปล่อยทำไมล่ะครับ อยู่แบบนี้ดีแล้ว”“คือแพรวร้อนน่ะค่ะ”“ร้อนเหรอครับ ห้องเราเปิดแอร์นะที่รัก เรามาซ้อมเข้าหอกันดีไหม”จบคำพูดพี่มาร์คก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาหาฉันอย่างช้า ๆ จนในที่สุดปากเราสองคนก็สัมผัสกัน พี่มาร์คบรรจงจูบฉันอย่างดูดดื่ม สูบเอาความหอมหวานจากริมฝีปากอิ่มของฉันอย่างตะกละตะกลามรสจูบของเขาลึกล้ำปลุกเร้าให้ฉันเกิดอาการประหลาดจนควบคุมร่างกายตัวเองไม่ได้ สมองและการกระทำของร่างกายไม่สัมพันธ์กัน มือของฉันสอดเข้าโอบรอบคอของเขาก่อนจะลูบไล้มือไปยังแผ่นหลังของเขาอย่างแผ่วเบาฉันได้ยินเสียงครางเบา ๆ ออกมาจากลำคอของเขาในขณะที่ปากเราสองคนยังจูบกันอยู่ พี่มาร์คถอนริมฝีปากออกไป แล้วมองฉันด้วยนัยน์ตาหวานฉ่ำ“หวาน พี่จูบเก่งไหมครับ”“คนบ้า”เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มหน้าฟัง จนฉันอดที่จะต่อว่าเขาไม่ได้“เอาจูบแบบเมื่อกี้อีกไหมครับ”“พอแล้วค่ะ ปากแพรวช้ำหมดแล้ว”ฉันพูดออกมา เพราะกลัวมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ตั้งแต่ที่เราคบกันไม่เชื่อก็ต้องเชื่อที่พี่มาร์คเขาไม่เคยทำอะไรฉันมากไปกว่าการกอดและจูบเลย ซึ่งการที่เขาทำตัวสุภาพบุรุษแบบนี้มันแอบทำให้ฉันกลัวว่
2 เดือนต่อมา“แพรว เรียบร้อยหรือยัง ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ”“เสร็จแล้วค่ะพี่ปรางค์ อย่าเร่งสิคะแพรวตื่นเต้นเหมือนกันนะ”“เสร็จแล้วก็ออกมาให้พี่ดูสักทีสิ มัวแต่อยู่ในห้องน้ำอยู่นั่นแหละ”แอ๊ด!“สวยมากเลยแพรว”“น้องสาวพี่สวยที่สุด”“หวานมาก”ฉันเขินไปกับคำชมของพวกพี่ลิน พี่ปรางค์และพี่มีนสงสัยกันล่ะสิว่าทำไมทุกคนต้องมาชมฉัน เรื่องมันเป็นแบบนี้หลังจากที่ฉันและพวกพี่ลินจัดการนายโทมัสและนายริชาร์ดได้ เรื่องทุกอย่างก็จบ วันที่ทุกคนปฏิบัติการฉันแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นั่งเจาะข้อมูลบริษัทของนายโทมัสเฉย ๆ ซึ่งก็ได้พี่ลินอีกนั่นแหละที่เอาเครื่องรบกวนสัญญาณไปติดในบริษัทของนายโทมัส ทำให้ฉันสามารถเข้าสู่ระบบและได้ข้อมูลทั้งหมดของบริษัทนั่นมาได้ บอกได้เลยว่าพวกมันโคตรชั่ว ข้อมูลที่ได้มาเกี่ยวข้องกับการค้าประเวณีและหุ้นส่วนทั้งนั้น งานฉันมันก็มีแค่นั้นแหละ ไม่ได้ออกแรงอะไรเลยด้วยซ้ำ ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันแฮกมาได้ พี่ลินก็เอาให้ตำรวจสากลไปจัดการต่อ นายโทมัสก็ถูกตำรวจสากลจัดการต่อเช่นกัน เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละอ้อ หลังจบเรื่องทุกอย่างพี่ลินจะให้ฉันออกจากองค์กรด้วยนะ เพราะไม่อยากให้ฉันเป็นอันตราย แต่ว่าฉันไม
“ไงเรา เจ็บตัวฟรีเลย”“นั่นสิคะพี่ปรางค์ แต่ก็สงสารนายดราฟนั่นเหมือนกันนะคะ น่าจะช็อกจากเหตุการณ์ที่สูญเสียครอบครัวกะทันหัน เขาเลยเป็นแบบนี้”“ไม่ต้องสงสารคนอื่นเลย รู้ไหมว่าเราน่ะเกือบตาย ตอนส่งข้อความมาบอกพวกพี่แทบจะเป็นลม แล้วก็เสียพ่อและแม่ไปโดยใช่เหตุอีก เฮ้อ!”“จริงครับพี่มีน ไม่รู้จะไปสงสารคนอื่นทำไม เขาเป็นคนทำร้ายตัวเองกับครอบครัวแท้ ๆ”“น้อย ๆ หน่อยไอ้มาร์ค ออกตัวแรงเกินไปแล้ว”“จริงนะครับพี่มาร์ติน พี่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นผมรู้สึกยังไง”“อะ ๆ ๆ อย่าเถียงกันเด็ก ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้หนูแพรวก็ปลอดภัยแล้ว ก็หมดห่วงกันได้แล้วเนอะ แยกย้ายกันไปพักเถอะ เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว”“พวกพี่กลับก่อนนะ”“กลับดี ๆ นะครับพี่ ๆ ส่วนแพรวผมไม่ให้กลับนะครับ วันนี้จะให้นอนนี่แหละ”พี่ทุกคนต่างยิ้มขำให้ผม ก่อนจะต่างคนต่างแยกย้ายกันไป“หมดทุกข์หมดโศกสักทีนะลูกนะ”“ค่ะคุณแม่”“ผมขอตัวพาน้องไปพักก่อนนะครับ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปครับไปห้องพี่กัน” ผมไม่สนใจว่าพ่อกับแม่ผมจะพูดอะไร เลือกที่จะจับจูงมือเล็กของแพรวาขึ้นมาชั้นสองของบ้านทันที“พี่เสียใจเรื่องคุณพ่อคุณแม่ของแพรวด้วยนะครับ ท่านไ
ปัง!“อ๊ากกก ปล่อยกู กูจะฆ่ามัน ปล่อยย ปล่อยกู ปล่อย!”เสียงปืนที่ดังขึ้นลั่นบริเวณ ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บเลยสักนิด ก่อนจะได้ยินเสียงร้องโวยวายของผู้ชาย หากแต่ผมก็ยังกอดแพรวาไว้แนบอก ไม่ยอมผละห่าง หัวใจเต้นรัวไปหมด ผมไม่ได้กลัวตาย แต่กลัวคนที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นอะไรไป คิดได้ดังนั้นผมก็กอดร่างเล็กแน่นขึ้น“อ้าว จะยืนกอดกันอีกนานไหม” น้ำเสียงคุ้นเคยที่พ่นออกมาด้วยความไม่พอใจ ทำให้ผมกับแพรวาผละออกจากกัน“พี่ลิน”แพรวาเอ่ยเรียกคนตรงหน้าก่อนจะเดินเข้าไปกอดพี่ลินช้า ๆ“ปล่อยกู มึงต้องตาย มึงต้องตาย! ฮึก ฮือ ผมไม่ได้ทำอะไรผิดนะครับ มัน มันผิด มันฆ่าครอบครัวผม ฮึก ฮือ ฮือ ฮึก พ่อครับ แม่ครับ ฮือ มันฆ่าครอบครัวผม”“...”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมแก้แค้นให้ครอบครัวเราได้แล้วนะครับ พวกมันตายแล้ว ตายหมดแล้ว ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไปไหน ไม่ไป ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ปล่อยผม ฮึก ฆ่ามัน ฮึก ฆ่ามัน”ชายคนที่พยายามทำร้ายแพรวาเสียสติไปแล้วเรียบร้อย เดี๋ยวโวยวาย เดี๋ยวหัวเราะและร้องไห้ สลับกันไปส่วนเสียงปืนที่ทุกคนได้ยิน คือเสียงปืนจากตำรวจที่ยิงเข้าที่มือคนร้าย ทำให้ปืนล่วงก่อนที่มันจะลั่นไกล ผมและแพรวาถึงได้ไม่มีใครเจ็บตัวไปมากก
“ตอนแรกฉันจำแกไม่ได้หรอก แต่ว่าฉันมันเป็นคนฉลาดไง และตอนนี้นวัตกรรมของเทคโนโลยีก็ไปไกลมาก ฉันจึงเอารูปแกตอนเด็กไปวิจัยว่าถ้าอีกห้าหรือสิบปีข้างหน้าแกจะหน้าตาเป็นยังไง มันเป็นวิธีเดียวกับที่วงการตำรวจเขาใช้หาตัวคนร้ายนั่นแหละ จนในที่สุดฉันก็ได้ภาพความน่าจะเป็นของแกมา”“...”“อุตส่าห์เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล แล้วไง สุดท้ายฉันก็เจอแกอยู่ดี ออกมาเถอะน่า อย่าทำให้ฉันหงุดหงิดไปมากกว่านี้เลย”“...”“ออกมาสิโว้ยนังอลิน ไม่สิ ฉันต้องเรียกแกว่าแพรวา ออกมาจบเรื่องทุกอย่างซะ”ฉันมองหน้าพี่มาร์คที่ส่ายหัวห้ามฉันออกไป มาถึงตอนนี้ฉันแทบจะห้ามอารมณ์ความแค้นของตัวเองไว้ไม่ไหว และรู้สึกเจ็บใจที่ทำอะไรคนที่ทำร้ายครอบครัวตัวเองไม่ได้“แพรวพอจะจำเรื่องราวได้หรือยังว่ามันตามฆ่าแพรวทำไม”“ไม่รู้เลยค่ะพี่มาร์ค คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้บอกอะไรแพรวเลยค่ะ”“มันต้องมีสาเหตุสิ”ฉันก็พยายามคิดนะ ว่ามันต้องมีสาเหตุอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันถูกมันตามฆ่าแบบนี้ แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ที่สำคัญพ่อกับแม่ไม่เคยพูดหรือบอกอะไรกับฉันเลย วันที่ถูกลอบทำร้ายจนพ่อแม่ตายในวันนั้น พวกท่านบอกแค่ว่า จะพาฉันไปเที่ยวเท่านั้นเอง มาถึงตอนน
“แพรวครับ”“คะ มีอะไรคะ”“แพรวจะไม่เป็นอันตรายใช่ไหม”ฉันยิ้มให้คนที่ถามฉันด้วยความเป็นกังวล“ไม่หรอกค่ะ แพรวมีหน้าที่แค่เจาะข้อมูล เพราะฉะนั้นแพรวไม่มีอันตรายหรอกค่ะ” ฉันพยายามตอบเลี่ยง ๆ เพื่อไม่ให้เขาเป็นห่วง“สัญญากับพี่นะครับ หลังจบเรื่องทุกอย่างเราจะหมั้นกัน”“ค่ะ แพรวสัญญา”หลังได้รับคำตอบที่พอใจแล้ว เราก็เดินทางไปหาอะไรกินที่ห้าง และใช้เวลาว่างที่มีในการเข้าไปดูหนัง และเดินซื้อของเหมือนคู่รักคู่อื่น ๆ “พี่มาร์ครักแพรวไหมคะ” คนตรงหน้าขมวดคิ้วสงสัยในคำถามของฉัน ก่อนที่เขาจะพูดว่า“รักครับ รักมาก”“เขินจังเลยค่ะ”ฉันก็เป็นแบบนี้ ชอบถามคำถามนี้กับเขา ฉันถามเขาบ่อยและเขาก็บอกรักฉันบ่อย แต่บอกเลยว่ามันไม่ชิน ฉันยังเขินทุกครั้งที่เขาบอกรักฉัน แรก ๆ ฉันก็คิดว่าเดี๋ยวก็ชิน แต่ที่ไหนได้มันไม่ชินเลย อีกความรู้สึกหนึ่งนอกจากเขินก็คือการอิ่มเอมใจ และมีความสุขทุกครั้ง ที่เขาพูดว่ารัก“พี่บอกเราทุกวัน ยังไม่ชินอีกเหรอ”“ไม่ค่ะ ก็คนมันเขินนี่”“เด็กน้อย เหนื่อยหรือยังครับ วันนี้ซื้อเสื้อผ้าไปเยอะเลยนะเราอะ กลับหรือยัง”“กลับเลยก็ได้ค่ะ ปะ ไปที่รถกัน”เราทั้งคู่เดินมายังโซนรถที่ได้จอดไว้ ก่อน