ผอ.ดริฟอยู่กับพวกเราที่นี่จนกว่าฉันจะคลอดที่อยู่ได้นานเพราะมันอยู่ในช่วงปิดเทอมพอดี..สองอาทิตย์ต่อมา..ระหว่างที่ฉันกับผอ.ดริฟออกมานั่งเล่นกันที่หน้าบ้าน ส่วนแม่ก็ไปเม้าท์มอยกับแม่ของผึ้ง พี่ปอนด์คุยงานกับผู้จัดการในบ้าน"พอคลอดน้องรณแล้วคุณเรจะกลับไปอยู่ที่กรุงเทพหรือเปล่าคะ""เอ่อ...เรก็คิด ๆ อยู่ว่าจะกลับไปดีหรือจะอยู่ที่นี่ถาวร"ฉันตอบกลับตามความคิดแต่ยังไม่มั่นใจ"ถ้าคุณเรเลือกที่จะอยู่ที่นี่ดริฟจะมาหาบ่อย ๆ นะคะ"ฉันคลี่ยิ้มหวานส่งไป แต่อยู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บท้องขึ้นมา"โอ๊ยยยย...""คุณเร คุณเรเป็นอะไรคะ"ผอ.ดริฟเห็นฉันนั่งงอตัวสีหน้าเหยเกก็ตกใจรีบลุกจากเก้าอี้แล้วเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง"เรปวดท้อง โอ๊ยยย""ห๊ะ ปวดท้อง! คุณปอนด์ ใช่ต้องไปบอกคุณปอนด์ คุณเรรอดริฟตรงนี้นะคะ"ผอ.ดริฟมีสีหน้าตื่นตกใจ ท่าทางรนรานรีบวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อไปตามพี่ปอนด์ ในขณะที่ฉันนั่งปวดท้องแทบจะทนไม่ไหว แล้วสิ่งที่ทำให้ฉันตกใจเพราะมีน้ำไหลออกมาจากกลางกายผ่านตามเรียวขา"เร เป็นยังไงบ้าง"เสียงลูกชายเพื่อนสนิทพ่อเอ่ยถามด้วยความตกใจ"พี่ปอนด์ น้ำแตก"ฉันเงยหน้าบอกเขา ในขณะที่ผอ.ดริฟหันมองซ้ายมองขวา"น้ำแตกท
อัน.."แอ๊ะ"เสียงของทอยฉันได้กลับมาตั้งสติ และเป็นจังหวะที่ ดริฟหันมาพอดีฉันจึงคลี่ยิ้มแล้วอุ้มทอยเดินเข้าไป'แค่นี้ก่อนนะ'พอสิ้นเสียงน้องสาวสามึก็กดวางสาย แล้วยกแขนรอรับน้องทอยขณะที่ฉันกำลังยื่นให้เธออุ้ม"คิดถึงอาดริฟไหมครับ"ทอยผงกหัวแล้วฉีกยิ้มกว้าง. ฉันมองไปที่ดริฟแล้วนึกถึงเรื่องที่ได้ยินเธอพูดเมื่อกี้"อาดริฟมีของมาให้ด้วย"พูดจบผู้เป็นอาก็คว้าถุงของเล่นให้กับทอย พอเขาเห็นด้านในถุงก็ปรบมือดีอกดีใจ"พี่ทอร์ชไปทำงานแล้วเหรอคะ""ค่ะ"ฉันตอบกลับน้องสาวสามีที่ถามถึงพี่ชายตัวเอง"เอ่อ...อยู่ที่นี่ลำบากอะไรไหมคะ"ดริฟละสายตาจากทอยแล้วหันมาเอ่ยถามฉัน"ไม่ลำบากอะไรเลยค่ะ"ฉันบอกตามความจริง"พ่อกับแม่อยากจะมาเยี่ยมหลานอยู่เหมือนกันแต่ติดที่ต้องไปดูปู่เคเดนท่านเข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว""อาการเป็นยังไงบ้างคะ"ฉันเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง เมื่องานแต่งฉันได้เจอกับท่าน ซึ่งท่านก็ยอมรับฉันและเอ็นดูฉันด้วย รวมถึงคุณย่าเส้นด้าย และพ่อแม่พี่ทอร์ช ทุกคนดีกับฉัน เพราะพวกท่านไม่ได้รู้ความจริงที่ฉันท้องเพราะฝีมือตัวเองที่ตั้งใจจับพี่ทอร์ช และอดีตที่เคยทำร้ายเรอา เพื่อนของตัวเองเกือบปางตาย เพราะทั้งพี่ทอร์ช
ตอนนี้ฉันเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องตรวจด้วยหัวใจที่สั่นหวิว น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความเป็นห่วงและสงสารลูก ที่ตอนนี้เขาป่วยหนักมากเพราะหลายวันมานี้ ที่นี่อากาศเย็นมาก ยิ่งบริเวณพื้นที่ ที่ฉันอยู่มีหมอกลงตลอด จึงทำให้รณหนาวมีอาการชักขึ้นมา ฉันจึงให้ผึ้งรีบขับรถพาฉันกับลูกมาที่โรงพยาบาลทันที ตลอดทางฉันกอดลูกแล้วห่มหนาให้เพื่อให้อบอุ่น เพราะอาการค่อนข้าวหนาวมาก"พี่เรใจเย็น ๆ น้องรณถึงมือหมอแล้ว"ผึ้งเดินเข้ามาลูบแขนฉันแล้วพูดปลอบใจ"พะ พี่เป็นห่วง ฮืออ"ฉันร้องไห้ซบลงที่ไหล่ผึ้งอย่างกั้นไว้ไม่อยู่"น้องรณต้องไม่เป็นไร"สาวทอมพูดพร้อมเอามือมาลูบที่หลังฉัน"ผึ้งโทรบอกคุณปอนด์แล้วนะ"พอผละออกจากไหล่ ผึ้งก็พูดขึ้น"อืม"ฉันตอบกลับสั้น ๆ แต่สายตายังคงจดจ้องไปที่ห้องตรวจที่หมอกำลังรักษาลูกชาย"คุณปอนด์บอกว่าจะรีบมา"ผึ้งพูดต่อฉันก็ได้แต่ผงกหัว ไม่ได้ใส่ใจเพราะตอนนี้ฉันห่วงลูกน้อยอยู่เวลาผ่านไป..พอหมอเดินออกมาจากห้องตรวจ ฉันก็รีบวิ่งไปดักหน้าแล้วถามอาการลูกชายทันที"หมอคะ ลูกฉันเป็นยังไงบ้าง""พ้นขีดปลอดภัยแล้วครับ น้องน่าจะไม่ถูกกับอากาศเย็น ๆ...."พอพูดจบหมอก็คลี่ยิ้มบาง ๆ"...หมอจะให้พักฟื้นที่นี้ก่อน
Part อัน"ฮือออ อันมีเรื่องจะบอกกับทุกคน ฮึก"แม่พี่ทอร์ชวางช้อนแล้วเดินมาประคองฉันไปนั่ง"มีเรื่องอะไรหรือหนูอัน"พอฉันนั่งลงน้าเทียนแม่พี่ทอร์ชก็เดินไปนั่งที่ตัวเองในขณะที่คนที่นั่งอยู่หันมาที่ฉันเป็นตาเดียวยกเว้นพี่ทอร์ช ที่ไม่สนใจอะไรฉันเลย"หยุดร้องไห้ แล้วพูดมาหนูมีเรื่องอะไร"ฉันพยายามหยุดร้องไห้ตามคำสั่งแม่พี่ทอร์ช แล้วหันไปที่พี่ทอร์ช"พี่ทอร์ช...เรมีลูกกับพี่อีกคน"แล้วพูดขึ้น แต่สิ้นเสียงช้อนส้อมที่พี่ทอร์ชถือก็ร่วงหล่นลงมาแล้วหันขวับมาที่ฉัน"เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ"ไม่ใช่แค่พี่ทอร์ชคนเดียวที่ตกใจพ่อแม่เขารวมถึงพี่เหนือก็ตกใจเช่นเดียวกัน"เรมีลูกกับพี่อีกคน..และตอนนี้ลูกของเรก็ป่วยหนัก ฮึก.."พรึ่บ พี่ทอร์ชลุกขึ้นทันที"เร...เรกับลูกของฉันอยู่ที่ไหน"คำพูดของเขาทำให้หัวใจฉันเหมือนโดนกรีด ลูกของฉัน? ฉันก้มหน้าลงแล้วส่ายหัว ซึ่งฉันไม่รู้จริง ๆ"ดริฟรู้ค่ะ"เสียงหวานน้องสาวสามีดังเข้ามาพร้อมเสียงลากกระเป๋า"ยัยดริฟ?"แม่พี่ทอร์ชพูดด้วยความสงสัย"แกรู้ได้ยังไง แล้วเรมีลูกกับพี่จริง ๆ หรือเปล่า ตอบพี่มา"พี่ทอร์ชเอ่ยถามน้องสาวอย่างใจร้อน"จริง คุณเรให้กำเนิดลูกของพี่อีกคน และตอนนี้เขากำ
"พรุ่งนี้พี่จะเข้ามาแต่เช้า เรอยากกินอะไรพิเศษไหม"พี่ปอนด์เอ่ยถามขณะที่ฉันเดินออกมาส่งเขากับผอ.ดริฟที่นอกห้องพักฟื้นของเด็กเล็ก โดยมีพี่ทอร์ชเฝ้าดูลูกอยู่ในห้อง"ไม่ค่ะ ขอบคุณนะคะ"ฉันตอบปฏิเสธไปเพราะตอนนี้ไม่อยากกินอะไรเลย เป็นห่วงแต่ลูกและยังกังวลเรื่องที่พี่ทอร์ชบอกว่าจะหย่ากับอัน"คุณเร..จริง ๆ แล้วพ่อของดริฟท่านบอกให้พี่ทอร์ชพาคุณและลูกไปหาท่าน"ผอ.ดริฟพูดขึ้น"...."ฉันก้มหน้างุดเพราะไม่อยากไปเลยจริง ๆ"ดริฟเข้าใจคุณเรนะคะ ดริฟเคารพการตัดสินใจของคุณเรค่ะ"ฉันเงยแล้วยิ้มหวานให้อย่างจริงใจและดีใจที่มีคนเข้าใจฉัน"พี่ไปก่อนนะ"พี่ปอนด์พูดขึ้นแล้วจับมือแฟนสาวหันหลังเดินไป ฉันลอบมองแผ่นหลังทั้งคู่แล้วถอนลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะกลับเข้ามาในห้อง พอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าพ่อลูกกำลังนั่งหยอกล้อกันอยู่บนเตียง รณยิ้มให้พี่ทอร์ชด้วย น้อยคนมากที่จะเห็นรอยยิ้มเด็กคนนี้"เร พี่คิดว่าลูกจะยิ้มไม่เป็นซะอีก"พอฉันเดินมาที่ข้างเตียงพี่ทอร์ชก็หันมาบอกฉันแล้วยกยิ้มพอใจแววตามีแต่ความสุข"รณ เป็นคนยิ้มยากน่ะ"ฉันยกมือกอดอกแล้วพูดขึ้นสายตามองไปยังลูกชายที่กำลังหันมาทำหน้านิ่งใส่ฉันเฉย"อ้าว ไม่ยิ้มให้แม่บ้างล่ะครับ
สามวันต่อมา...ตอนนี้หมอให้น้องรณกลับบ้านได้แล้วหลังจากที่อาการน้องดีขึ้น หมอกำชับว่าให้น้องรณอยู่ในพื้นที่อบอุ่นสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ เพราะช่วงนี้อากาศยังเย็นอยู่ พี่ทอร์ชได้บอกกับหมอไปว่า"ผมจะพาลูกกลับไปอยู่กรุงเทพแล้วล่ะครับ"ใช่แล้ว สรุปฉันตัดสินใจที่จะไปกับพี่ทอร์ชด้วยความที่เขาอ้อนวอนทุกวันจนฉันใจอ่อน"ต่อไปนี้พี่จะจับมือเธอไว้ให้แน่น เธอห้ามปล่อยมือเด็ดขาด"แม่ขออยู่ที่นี่เพราะเธอชอบบรรยากาศท่านอ้างว่าอยู่กรุงเทพรู้สึกอึดอัด ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ฉันก็ตามใจท่านและสัญญาว่าจะมาเยี่ยมท่านบ่อย ๆกรุงเทพมหานคร...พี่ทอร์ชพาฉันกับลูกมายังตึก4ชั้นซึ่งมีพ่อ แม่ รออยู่ ฉันรู้สึกเกร็ง ๆ อยู่เหมือนกันนะเนี่ย ขณะที่มือหนาจับมือฉันไว้ตลอดติ๊ด...พอประตูลิฟต์เปิดพี่ทอร์ชที่อุ้มลูกมืออีกข้างจับมือฉันเดินเข้ามาในห้องรับแขก"สวัสดีดีค่ะ น้าโดส น้าเทียน"ฉันสลัดมือออกจากมือพี่ทอร์ชแล้วยกมือไหว้พ่อแม่พี่ทอร์ช"สวัสดีจ๊ะหนูเร"แม่พี่ทอร์ชเอ่ยแล้วคลี่ยิ้มหวานให้ ส่วนพ่อของเขาก็ผงกหัวรับ แล้วให้ฉันนั่งลงที่โซฟา ก่อนที่พี่ทอร์ชจะเดินไปยืนตรงหน้าพ่อกับแม่ แล้วพูดกับลูกให้ไหว้ปู่กับย่า แต่รณนิ่งแต่หันมามอ
ภาพในกล้องวงจรปิด...เวลา 17.20นอันเดินออกมาจากรั้วบ้านแล้วกำลังจะเปิดประตูรถที่จอดไว้หน้าบ้าน จู่ ๆ ก็มีรถยนต์อักคันขับเข้ามาจอดที่ท้ายรถของเธอ เจ้าของรถดังกล่าวลงมาแล้วเดินไปหาอัน วงจรปิดที่หน้าบ้านได้ถ่ายใบหน้าไว้ชัดเจน แน่นอนว่าชายหนุ่มคนนั้นก็คือ'นัน'อดีตแฟนเก่าของอันนั้นเอง ทั้งคู่เหมือนมีปากเสียง จนกระทั่งอันได้ตบเข้าที่ใบหน้านันอย่างจัง ทำให้ชายหนุ่มโกรธ จึงผลักอันจนร่างเซ แล้วชักปืนที่เอวออกมา ราวกับขมขู่ให้อันมอบกระเป๋าที่สะพายอยู่ให้ ระหว่างที่อันกำลังจะส่งกระเป๋าให้กับนัน อยู่ ๆ เธอก็เปลี่ยนใจ เอากระเป๋าฟาดไปที่ใบหน้าอดีตแฟนเก่าแล้วหันหลังวิ่งหนี ปัง! นันที่กำลังโมโหสุดเดือดจึงลั่นไกยิงไปที่แขนอัน แต่อาจจะแค่ถาก ๆ อันก็วิ่งตะโกนขอความช่วยเหลือ กล้องวงจรปิดอีกตัวบันทึกภาพต่อ เห็นอันวิ่งหนีสุดชีวิต ขณะที่นันก็วิ่งตามไปติด ๆ เธอวิ่งอย่างรนรานทำให้พลาดล้มลง แล้วศีรษะฟาดเข้าที่พื้นอย่างแรง จากนั้นเธอก็สลบไป จนนันมาถึงตัวเธอก็ใช้เท้าเขี่ยร่างอันที่นอนแน่นิ่ง ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าอันขึ้นมา แล้วหยิบของมีค่าไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับต่าง ๆ ที่อันสวมใส่ ทั้งหมดที่เห็นทำให้ฉัน
เขาว่ากันว่า...'ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ'หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มาอย่างหนักหน่วง แทบเอาชีวิตไม่รอดแต่สุดท้ายฉันก็ผ่านมามันได้ และตอนนี้ฉันก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้วฉันมีสามี และลูกที่น่ารักของฉันทั้งสอง นั้นก็คือ รณ และทอยฉันรักน้องทอยราวกับลูกแท้ ๆ ให้ความรักเท่ากับรณ หนึ่งเดือน สองเดือนแรกหลังจากที่อันเสีย น้องทอยร้องไห้หาแม่ของเขาบ่อยมาก และดูเศร้า ไม่สดใสเหมือนก่อน บ่นคิดถึงแต่แม่ แต่ด้วยความรักและความอบอุ่นที่ฉันกับพี่ทอร์ชคอยโอบกอดเขาไว้ในยามที่เขาเศร้า ทำให้เด็กน้อยกลับสดใสได้ไม่นาน รณมักจะชวนพี่คุย ชวนพี่เล่น เวลาเห็นน้องทอยนั่งหงอยเหงา แม้จะเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่รณก็มีความผูกพันธิ์กับพี่ชายต่างมารดาราวกับพี่ชายแท้ ๆ จึงมีความรักและเป็นห่วงน้องทอยมากเป็นพิเศษพอเข้าเดือนสามน้องทอยก็กลับมาสดใสยิ้มแย้ม มีความสุขเหมือนเดิม ยังขอเข้าเฟรมถ่ายรูปกับฉันและพี่ทอร์ชให้วันแต่งงานด้วย ต่างจากรณลูกชายฉันขานั้นไม่ชอบเข้ากล้องจะอุ้มมาถ่ายด้วยกันก็ไม่ยอมงานแต่งของฉันไม่ได้จัดใหญ่โตเหมือนกับงานของอัน ฉันต้องการให้งานแต่งของฉันเป็นไปอย่างเรียบง่าย ตอนนี้ฉันกับพี่ทอร์ชก็ได้จดทะเบีย
เขาว่ากันว่า...'ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ'หลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้าย ๆ มาอย่างหนักหน่วง แทบเอาชีวิตไม่รอดแต่สุดท้ายฉันก็ผ่านมามันได้ และตอนนี้ฉันก็ไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้วฉันมีสามี และลูกที่น่ารักของฉันทั้งสอง นั้นก็คือ รณ และทอยฉันรักน้องทอยราวกับลูกแท้ ๆ ให้ความรักเท่ากับรณ หนึ่งเดือน สองเดือนแรกหลังจากที่อันเสีย น้องทอยร้องไห้หาแม่ของเขาบ่อยมาก และดูเศร้า ไม่สดใสเหมือนก่อน บ่นคิดถึงแต่แม่ แต่ด้วยความรักและความอบอุ่นที่ฉันกับพี่ทอร์ชคอยโอบกอดเขาไว้ในยามที่เขาเศร้า ทำให้เด็กน้อยกลับสดใสได้ไม่นาน รณมักจะชวนพี่คุย ชวนพี่เล่น เวลาเห็นน้องทอยนั่งหงอยเหงา แม้จะเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่รณก็มีความผูกพันธิ์กับพี่ชายต่างมารดาราวกับพี่ชายแท้ ๆ จึงมีความรักและเป็นห่วงน้องทอยมากเป็นพิเศษพอเข้าเดือนสามน้องทอยก็กลับมาสดใสยิ้มแย้ม มีความสุขเหมือนเดิม ยังขอเข้าเฟรมถ่ายรูปกับฉันและพี่ทอร์ชให้วันแต่งงานด้วย ต่างจากรณลูกชายฉันขานั้นไม่ชอบเข้ากล้องจะอุ้มมาถ่ายด้วยกันก็ไม่ยอมงานแต่งของฉันไม่ได้จัดใหญ่โตเหมือนกับงานของอัน ฉันต้องการให้งานแต่งของฉันเป็นไปอย่างเรียบง่าย ตอนนี้ฉันกับพี่ทอร์ชก็ได้จดทะเบีย
ภาพในกล้องวงจรปิด...เวลา 17.20นอันเดินออกมาจากรั้วบ้านแล้วกำลังจะเปิดประตูรถที่จอดไว้หน้าบ้าน จู่ ๆ ก็มีรถยนต์อักคันขับเข้ามาจอดที่ท้ายรถของเธอ เจ้าของรถดังกล่าวลงมาแล้วเดินไปหาอัน วงจรปิดที่หน้าบ้านได้ถ่ายใบหน้าไว้ชัดเจน แน่นอนว่าชายหนุ่มคนนั้นก็คือ'นัน'อดีตแฟนเก่าของอันนั้นเอง ทั้งคู่เหมือนมีปากเสียง จนกระทั่งอันได้ตบเข้าที่ใบหน้านันอย่างจัง ทำให้ชายหนุ่มโกรธ จึงผลักอันจนร่างเซ แล้วชักปืนที่เอวออกมา ราวกับขมขู่ให้อันมอบกระเป๋าที่สะพายอยู่ให้ ระหว่างที่อันกำลังจะส่งกระเป๋าให้กับนัน อยู่ ๆ เธอก็เปลี่ยนใจ เอากระเป๋าฟาดไปที่ใบหน้าอดีตแฟนเก่าแล้วหันหลังวิ่งหนี ปัง! นันที่กำลังโมโหสุดเดือดจึงลั่นไกยิงไปที่แขนอัน แต่อาจจะแค่ถาก ๆ อันก็วิ่งตะโกนขอความช่วยเหลือ กล้องวงจรปิดอีกตัวบันทึกภาพต่อ เห็นอันวิ่งหนีสุดชีวิต ขณะที่นันก็วิ่งตามไปติด ๆ เธอวิ่งอย่างรนรานทำให้พลาดล้มลง แล้วศีรษะฟาดเข้าที่พื้นอย่างแรง จากนั้นเธอก็สลบไป จนนันมาถึงตัวเธอก็ใช้เท้าเขี่ยร่างอันที่นอนแน่นิ่ง ก่อนที่จะหยิบกระเป๋าอันขึ้นมา แล้วหยิบของมีค่าไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับต่าง ๆ ที่อันสวมใส่ ทั้งหมดที่เห็นทำให้ฉัน
สามวันต่อมา...ตอนนี้หมอให้น้องรณกลับบ้านได้แล้วหลังจากที่อาการน้องดีขึ้น หมอกำชับว่าให้น้องรณอยู่ในพื้นที่อบอุ่นสวมใส่เสื้อผ้าหนา ๆ เพราะช่วงนี้อากาศยังเย็นอยู่ พี่ทอร์ชได้บอกกับหมอไปว่า"ผมจะพาลูกกลับไปอยู่กรุงเทพแล้วล่ะครับ"ใช่แล้ว สรุปฉันตัดสินใจที่จะไปกับพี่ทอร์ชด้วยความที่เขาอ้อนวอนทุกวันจนฉันใจอ่อน"ต่อไปนี้พี่จะจับมือเธอไว้ให้แน่น เธอห้ามปล่อยมือเด็ดขาด"แม่ขออยู่ที่นี่เพราะเธอชอบบรรยากาศท่านอ้างว่าอยู่กรุงเทพรู้สึกอึดอัด ไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ ฉันก็ตามใจท่านและสัญญาว่าจะมาเยี่ยมท่านบ่อย ๆกรุงเทพมหานคร...พี่ทอร์ชพาฉันกับลูกมายังตึก4ชั้นซึ่งมีพ่อ แม่ รออยู่ ฉันรู้สึกเกร็ง ๆ อยู่เหมือนกันนะเนี่ย ขณะที่มือหนาจับมือฉันไว้ตลอดติ๊ด...พอประตูลิฟต์เปิดพี่ทอร์ชที่อุ้มลูกมืออีกข้างจับมือฉันเดินเข้ามาในห้องรับแขก"สวัสดีดีค่ะ น้าโดส น้าเทียน"ฉันสลัดมือออกจากมือพี่ทอร์ชแล้วยกมือไหว้พ่อแม่พี่ทอร์ช"สวัสดีจ๊ะหนูเร"แม่พี่ทอร์ชเอ่ยแล้วคลี่ยิ้มหวานให้ ส่วนพ่อของเขาก็ผงกหัวรับ แล้วให้ฉันนั่งลงที่โซฟา ก่อนที่พี่ทอร์ชจะเดินไปยืนตรงหน้าพ่อกับแม่ แล้วพูดกับลูกให้ไหว้ปู่กับย่า แต่รณนิ่งแต่หันมามอ
"พรุ่งนี้พี่จะเข้ามาแต่เช้า เรอยากกินอะไรพิเศษไหม"พี่ปอนด์เอ่ยถามขณะที่ฉันเดินออกมาส่งเขากับผอ.ดริฟที่นอกห้องพักฟื้นของเด็กเล็ก โดยมีพี่ทอร์ชเฝ้าดูลูกอยู่ในห้อง"ไม่ค่ะ ขอบคุณนะคะ"ฉันตอบปฏิเสธไปเพราะตอนนี้ไม่อยากกินอะไรเลย เป็นห่วงแต่ลูกและยังกังวลเรื่องที่พี่ทอร์ชบอกว่าจะหย่ากับอัน"คุณเร..จริง ๆ แล้วพ่อของดริฟท่านบอกให้พี่ทอร์ชพาคุณและลูกไปหาท่าน"ผอ.ดริฟพูดขึ้น"...."ฉันก้มหน้างุดเพราะไม่อยากไปเลยจริง ๆ"ดริฟเข้าใจคุณเรนะคะ ดริฟเคารพการตัดสินใจของคุณเรค่ะ"ฉันเงยแล้วยิ้มหวานให้อย่างจริงใจและดีใจที่มีคนเข้าใจฉัน"พี่ไปก่อนนะ"พี่ปอนด์พูดขึ้นแล้วจับมือแฟนสาวหันหลังเดินไป ฉันลอบมองแผ่นหลังทั้งคู่แล้วถอนลมหายใจเบา ๆ ก่อนจะกลับเข้ามาในห้อง พอเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าพ่อลูกกำลังนั่งหยอกล้อกันอยู่บนเตียง รณยิ้มให้พี่ทอร์ชด้วย น้อยคนมากที่จะเห็นรอยยิ้มเด็กคนนี้"เร พี่คิดว่าลูกจะยิ้มไม่เป็นซะอีก"พอฉันเดินมาที่ข้างเตียงพี่ทอร์ชก็หันมาบอกฉันแล้วยกยิ้มพอใจแววตามีแต่ความสุข"รณ เป็นคนยิ้มยากน่ะ"ฉันยกมือกอดอกแล้วพูดขึ้นสายตามองไปยังลูกชายที่กำลังหันมาทำหน้านิ่งใส่ฉันเฉย"อ้าว ไม่ยิ้มให้แม่บ้างล่ะครับ
Part อัน"ฮือออ อันมีเรื่องจะบอกกับทุกคน ฮึก"แม่พี่ทอร์ชวางช้อนแล้วเดินมาประคองฉันไปนั่ง"มีเรื่องอะไรหรือหนูอัน"พอฉันนั่งลงน้าเทียนแม่พี่ทอร์ชก็เดินไปนั่งที่ตัวเองในขณะที่คนที่นั่งอยู่หันมาที่ฉันเป็นตาเดียวยกเว้นพี่ทอร์ช ที่ไม่สนใจอะไรฉันเลย"หยุดร้องไห้ แล้วพูดมาหนูมีเรื่องอะไร"ฉันพยายามหยุดร้องไห้ตามคำสั่งแม่พี่ทอร์ช แล้วหันไปที่พี่ทอร์ช"พี่ทอร์ช...เรมีลูกกับพี่อีกคน"แล้วพูดขึ้น แต่สิ้นเสียงช้อนส้อมที่พี่ทอร์ชถือก็ร่วงหล่นลงมาแล้วหันขวับมาที่ฉัน"เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรนะ"ไม่ใช่แค่พี่ทอร์ชคนเดียวที่ตกใจพ่อแม่เขารวมถึงพี่เหนือก็ตกใจเช่นเดียวกัน"เรมีลูกกับพี่อีกคน..และตอนนี้ลูกของเรก็ป่วยหนัก ฮึก.."พรึ่บ พี่ทอร์ชลุกขึ้นทันที"เร...เรกับลูกของฉันอยู่ที่ไหน"คำพูดของเขาทำให้หัวใจฉันเหมือนโดนกรีด ลูกของฉัน? ฉันก้มหน้าลงแล้วส่ายหัว ซึ่งฉันไม่รู้จริง ๆ"ดริฟรู้ค่ะ"เสียงหวานน้องสาวสามีดังเข้ามาพร้อมเสียงลากกระเป๋า"ยัยดริฟ?"แม่พี่ทอร์ชพูดด้วยความสงสัย"แกรู้ได้ยังไง แล้วเรมีลูกกับพี่จริง ๆ หรือเปล่า ตอบพี่มา"พี่ทอร์ชเอ่ยถามน้องสาวอย่างใจร้อน"จริง คุณเรให้กำเนิดลูกของพี่อีกคน และตอนนี้เขากำ
ตอนนี้ฉันเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องตรวจด้วยหัวใจที่สั่นหวิว น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความเป็นห่วงและสงสารลูก ที่ตอนนี้เขาป่วยหนักมากเพราะหลายวันมานี้ ที่นี่อากาศเย็นมาก ยิ่งบริเวณพื้นที่ ที่ฉันอยู่มีหมอกลงตลอด จึงทำให้รณหนาวมีอาการชักขึ้นมา ฉันจึงให้ผึ้งรีบขับรถพาฉันกับลูกมาที่โรงพยาบาลทันที ตลอดทางฉันกอดลูกแล้วห่มหนาให้เพื่อให้อบอุ่น เพราะอาการค่อนข้าวหนาวมาก"พี่เรใจเย็น ๆ น้องรณถึงมือหมอแล้ว"ผึ้งเดินเข้ามาลูบแขนฉันแล้วพูดปลอบใจ"พะ พี่เป็นห่วง ฮืออ"ฉันร้องไห้ซบลงที่ไหล่ผึ้งอย่างกั้นไว้ไม่อยู่"น้องรณต้องไม่เป็นไร"สาวทอมพูดพร้อมเอามือมาลูบที่หลังฉัน"ผึ้งโทรบอกคุณปอนด์แล้วนะ"พอผละออกจากไหล่ ผึ้งก็พูดขึ้น"อืม"ฉันตอบกลับสั้น ๆ แต่สายตายังคงจดจ้องไปที่ห้องตรวจที่หมอกำลังรักษาลูกชาย"คุณปอนด์บอกว่าจะรีบมา"ผึ้งพูดต่อฉันก็ได้แต่ผงกหัว ไม่ได้ใส่ใจเพราะตอนนี้ฉันห่วงลูกน้อยอยู่เวลาผ่านไป..พอหมอเดินออกมาจากห้องตรวจ ฉันก็รีบวิ่งไปดักหน้าแล้วถามอาการลูกชายทันที"หมอคะ ลูกฉันเป็นยังไงบ้าง""พ้นขีดปลอดภัยแล้วครับ น้องน่าจะไม่ถูกกับอากาศเย็น ๆ...."พอพูดจบหมอก็คลี่ยิ้มบาง ๆ"...หมอจะให้พักฟื้นที่นี้ก่อน
อัน.."แอ๊ะ"เสียงของทอยฉันได้กลับมาตั้งสติ และเป็นจังหวะที่ ดริฟหันมาพอดีฉันจึงคลี่ยิ้มแล้วอุ้มทอยเดินเข้าไป'แค่นี้ก่อนนะ'พอสิ้นเสียงน้องสาวสามึก็กดวางสาย แล้วยกแขนรอรับน้องทอยขณะที่ฉันกำลังยื่นให้เธออุ้ม"คิดถึงอาดริฟไหมครับ"ทอยผงกหัวแล้วฉีกยิ้มกว้าง. ฉันมองไปที่ดริฟแล้วนึกถึงเรื่องที่ได้ยินเธอพูดเมื่อกี้"อาดริฟมีของมาให้ด้วย"พูดจบผู้เป็นอาก็คว้าถุงของเล่นให้กับทอย พอเขาเห็นด้านในถุงก็ปรบมือดีอกดีใจ"พี่ทอร์ชไปทำงานแล้วเหรอคะ""ค่ะ"ฉันตอบกลับน้องสาวสามีที่ถามถึงพี่ชายตัวเอง"เอ่อ...อยู่ที่นี่ลำบากอะไรไหมคะ"ดริฟละสายตาจากทอยแล้วหันมาเอ่ยถามฉัน"ไม่ลำบากอะไรเลยค่ะ"ฉันบอกตามความจริง"พ่อกับแม่อยากจะมาเยี่ยมหลานอยู่เหมือนกันแต่ติดที่ต้องไปดูปู่เคเดนท่านเข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว""อาการเป็นยังไงบ้างคะ"ฉันเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง เมื่องานแต่งฉันได้เจอกับท่าน ซึ่งท่านก็ยอมรับฉันและเอ็นดูฉันด้วย รวมถึงคุณย่าเส้นด้าย และพ่อแม่พี่ทอร์ช ทุกคนดีกับฉัน เพราะพวกท่านไม่ได้รู้ความจริงที่ฉันท้องเพราะฝีมือตัวเองที่ตั้งใจจับพี่ทอร์ช และอดีตที่เคยทำร้ายเรอา เพื่อนของตัวเองเกือบปางตาย เพราะทั้งพี่ทอร์ช
ผอ.ดริฟอยู่กับพวกเราที่นี่จนกว่าฉันจะคลอดที่อยู่ได้นานเพราะมันอยู่ในช่วงปิดเทอมพอดี..สองอาทิตย์ต่อมา..ระหว่างที่ฉันกับผอ.ดริฟออกมานั่งเล่นกันที่หน้าบ้าน ส่วนแม่ก็ไปเม้าท์มอยกับแม่ของผึ้ง พี่ปอนด์คุยงานกับผู้จัดการในบ้าน"พอคลอดน้องรณแล้วคุณเรจะกลับไปอยู่ที่กรุงเทพหรือเปล่าคะ""เอ่อ...เรก็คิด ๆ อยู่ว่าจะกลับไปดีหรือจะอยู่ที่นี่ถาวร"ฉันตอบกลับตามความคิดแต่ยังไม่มั่นใจ"ถ้าคุณเรเลือกที่จะอยู่ที่นี่ดริฟจะมาหาบ่อย ๆ นะคะ"ฉันคลี่ยิ้มหวานส่งไป แต่อยู่ ๆ ก็รู้สึกเจ็บท้องขึ้นมา"โอ๊ยยยย...""คุณเร คุณเรเป็นอะไรคะ"ผอ.ดริฟเห็นฉันนั่งงอตัวสีหน้าเหยเกก็ตกใจรีบลุกจากเก้าอี้แล้วเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วง"เรปวดท้อง โอ๊ยยย""ห๊ะ ปวดท้อง! คุณปอนด์ ใช่ต้องไปบอกคุณปอนด์ คุณเรรอดริฟตรงนี้นะคะ"ผอ.ดริฟมีสีหน้าตื่นตกใจ ท่าทางรนรานรีบวิ่งเข้าไปในบ้านเพื่อไปตามพี่ปอนด์ ในขณะที่ฉันนั่งปวดท้องแทบจะทนไม่ไหว แล้วสิ่งที่ทำให้ฉันตกใจเพราะมีน้ำไหลออกมาจากกลางกายผ่านตามเรียวขา"เร เป็นยังไงบ้าง"เสียงลูกชายเพื่อนสนิทพ่อเอ่ยถามด้วยความตกใจ"พี่ปอนด์ น้ำแตก"ฉันเงยหน้าบอกเขา ในขณะที่ผอ.ดริฟหันมองซ้ายมองขวา"น้ำแตกท
แล้วแล้วก็ถึงวันที่ฉันต้องเดินทางไปที่เชียงใหม่ อายุครรภ์ของฉันก็เข้าเดือนที่สี่ พอมีหน้าท้องนูนออกมาบ้าง ถ้าใครไม่สังเกตก็จะไม่รู้ว่าฉันกำลังตั้งท้องอ่อนอยู่ส่วนอันเดือนหน้าเธอก็คลอดลูกแล้ว และตอนนี้ลูกของอันก็มีชื่อที่พี่ทอร์ชตั้งไว้แล้ว ชื่อ 'ทอย' หรือ 'เด็กชายทินภัทร' ฉันไม่ได้เจออดีตเพื่อนตั้งแต่วันนั้น แต่ที่รู้ก็มาจากผอ.ดริฟพี่ปอนด์ได้บินมาเชียงใหม่กับพวกเราด้วย จริง ๆ แล้วผอ.ดริฟจะตามมาด้วยแต่พี่ปอนด์คัดค้านเพราะกลัวว่าผอ.ดริฟจะรู้ว่าที่ฉันมาเพราะหลบมาคลอดลูก จึงอ้างต่าง ๆ นา ๆ ตามสไตล์ผู้ชายที่ไม่เคยโกหก แต่ทุกเรื่องที่อ้างโกหกทั้งหมด จนผอ.ดริฟยอมที่จะไม่ตามมาด้วยบ้านที่เชียงใหม่กว้างขวางร่มรื่นดีมาก แถวยังใกล้โรงพยาบาล เดินทางสะดวกสบายดีคนสนิทของคุณลุงภูมิที่ดูแลบ้านให้นั้นก็เป็นคู่สามีภรรยาที่อายุค่อนข้างมากแล้ว.แต่สามารถดูแลบ้านไม่ให้เก่า หรือทรุดโทรมเลย ท่านทั้งสองมีลูกสาวหนึ่งคนที่ดูคล้ายจะทอม ๆ หน่อย ชื่อว่า ผึ้ง น้องเขามนุษย์สัมพันธ์ดีมาก เมื่อเธอรู้ว่าฉันกำลังตั้งครรภ์ ก็รีบเสนอตัวช่วยดูแลฉันทันที"ผึ้งจะดูแลพี่เรอย่างดีเลยฮะ ไม่ต้องเป็นห่วงเลย""ขับรถเป็นใช่ไหมเราน