หน้ามหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง…
หญิงสาวร่างเล็กกำลังยืนรอคนขับรถของที่บ้านที่จะมารับในทุกๆ เย็นหลังเลิกเรียน ทว่าวันนี้คนขับรถกลับไม่มาตามเวลาเหมือนอย่างเคยอีกทั้งยังเลทเวลาไปเกือบชั่วโมงแล้วด้วย เธอเองก็ได้แต่ยืนรอ สายตาก็จับจ้องไปที่หน้าถนนหวังว่าจะได้เห็นรถที่จะมารับเธอเร็วๆ นี้
ตู๊ด~
( ฮัลโหล )
"ป้าคะพ่อกับแม่ไปไหน"
( คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายยังไม่กลับมาเลยนะคะ ว่าแต่คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าคะ )
"ลูกตาลยืนรอคนขับรถมาพักใหญ่ๆ แล้วค่ะแต่ไม่เห็นคนขับรถมาเลย"
( ตายจริง ป้าลืมบอกเลยค่ะคนขับรถลาออกไปแล้วค่ะ )
"อ้าว...ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวลูกตาลนั่งรถแท็กซี่กลับก็ได้"
( ได้ค่ะคุณหนู )
หญิงสาวเดินออกไปโบกรถแท็กซี่จากนั้นก็นั่งรถแท็กซี่กลับบ้านของตัวเอง ถ้ารู้ว่าไม่มีใครมารับเธอก็คงจะกลับบ้านไปตั้งแต่ทีแรกแล้วแต่นี่เธอไม่รู้ว่าคนขับรถนั้นลาออกไปแล้ว
**********
"ให้ขับรถตามไปไหมครับนาย?" ลูกน้องเอ่ยถามขึ้น
"ไม่ต้อง กลับได้เลย"
"ครับนาย"
ลูกน้องเลี้ยวรถกลับในทันทีเมื่อได้ยินคำสั่งของเจ้านาย เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าบ้านของเธออยู่ที่ไหนจึงไม่จำเป็นต้องตามไปให้มันเสียเวลา
บ้านลูกตาล...
"คุณหนู..."
"พ่อกับแม่ยังไม่กลับมาอีกหรอคะ?" เธอเอ่ยถามแม่บ้านที่เดินมาหาเธอ เพราะระหว่างทางเธอเองก็คิดว่าพ่อกับแม่คงจะกลับมาแล้ว แต่พอมาถึงเธอยังไม่เห็นพ่อกับแม่เลยแม้กระทั่งรถที่พ่อกับแม่ใช้ประจำก็ไม่เห็น
"ยังเลยค่ะคุณหนู"
"ทำไมคนขับรถที่บ้านของเราถึงลาออกล่ะคะ?"
"อย่าว่าแต่คนขับรถเลยค่ะคุณหนู ตอนนี้แม่บ้านก็จะลาออกกันอยู่แล้ว"
"กะ เกิดอะไรขึ้นคะ?"
"คุณหนูคงยังไม่ทราบสินะคะ ทั้งคนขับรถทั้งแม่บ้านไม่ได้รับเงินเดือนมาจะเป็นสามเดือนแล้วค่ะ พอไม่ได้เงินเดือนทุกคนก็เลยขัดสนเรื่องเงินน่ะค่ะ จะอยู่แบบนี้ต่อไปก็ไม่มีเงินส่งกลับทางบ้าน ทุกคนก็เลยต้องลาออกไปหางานอื่นทำ"
"ทำไมลูกตาลถึงไม่รู้เรื่องนี้เลยคะ"
"คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายคงกำลังหาทางออกเรื่องนี้กันอยู่และก็คงไม่อยากให้คุณหนูคิดมากเรื่องนี้ด้วยล่ะมั้งคะ"
"....." เพราะเธอไม่รู้เรื่องนี้เลยจึงทำให้เธอตกใจมาก ทั้งที่เธอก็ยังได้เรียนได้เงินจากพ่อกับแม่ตามปกติโดยที่ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ทางบ้านกำลังขัดสนเรื่องเงินกันอยู่
"คุณหนูหิวหรือเปล่าคะเดี๋ยวป้าไปทำกับข้าวให้"
"ไม่เป็นไรค่ะ ลูกตาลยังไม่หิว ขอขึ้นไปทำงานของอาจารย์ก่อนนะคะ"
"ค่ะ"
..............
หญิงสาวขังตัวเองอยู่ในห้องจนกระทั่งได้ยินเสียงรถดังเข้ามาในบ้าน เธอรีบลงไปหาพ่อกับแม่ในทันที สิ่งแรกที่เธอได้เห็นคือพ่อกับแม่ของเธอลงมาจากรถแท็กซี่ ไม่ใช่รถที่ทั้งสองใช้ขับออกไปไหนมาไหนเป็นประจำ
"พ่อคะแม่คะ รถไปไหนคะทำไมถึงนั่งแท็กซี่มา?"
"....." ไม่มีใครตอบอะไรเธอเลยแม้แต่คำเดียว ทั้งสองเดินผ่านเธอไปราวกับว่าเธอนั้นเป็นเพียงอากาศและคำพูดก็เหมือนลมที่พัดผ่านหู เธอไม่เคยถูกเมินแบบนี้มาก่อนเลย
"พ่อคะแม่คะ..."
"มีอะไร?"
"มันเกิดอะไรขึ้นคะที่บ้านของเรา"
"ที่บ้านของเรากำลังจะล้มละลาย บ้านก็กำลังจะโดนธนาคารยึด ของมีค่าทั้งหมดก็เอาไปขายมาใช้หนี้หมดแล้ว เงินก้อนนี้ที่เหลือฉันจะเอาไปจ่ายให้กับพวกแม่บ้านที่เขายังไม่ได้เงินเดือน"
"....."
"ลูกตาลแม่ขอร้องอะไรสักอย่างได้ไหมลูก"
"อะไรคะ?"
"เลิกเรียนก่อนได้ไหม พ่อกับแม่ไม่มีกำลังจะส่งให้เราเรียนแล้ว ถ้าพ่อกับแม่ไม่ล้มละลายก็คงจะส่งเราเรียนได้อยู่ แต่ตอนนี้แม้แต่เงินจะกินยังไม่มีเลย"
"ทะ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ได้ล่ะคะ มันเกิดอะไรขึ้น?"
"บริษัทมีปัญหาน่ะ ก็เลยต้องเอาของมีค่าในบ้านไปใช้หนี้บ้านก็เอาไปฝากขายกับธนาคารเอาไว้แล้วด้วยอีกไม่นานก็ครบกำหนดที่จะต้องหาเงินไปคืนธนาคารแล้วถ้าไม่มีเงินก็ต้องย้ายออก"
"....." พอตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้แล้วเธอถึงกับจุกจนพูดไม่ออกเลย เธอสงสารพ่อกับแม่และอยากเรียนต่อเหมือนกันเพราะเธอนั้นเป็นคนที่รักกันเรียนมาโดยตลอด พอรู้ว่าตัวเองจะต้องออกจากมหาวิทยาลัยแบบนี้ก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาในทันที
"พรุ่งนี้ไปลาออกซะนะ"
"ค-ค่ะ..." เธอตอบเสียงแผ่ว อีกทั้งยังเสียงสั่นเหมือนคนจะร้องไห้อีกต่างหาก เธอกลับขึ้นไปด้านบนก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะทำงานที่ตรงหน้ามีงานของมหาวิทยาลัยอยู่
พอตอนเช้าเธอก็ใส่ชุดปกติธรรมดาที่ไม่ใช่ชุดนักศึกษาไปที่มหาวิทยาลัยที่เธอเรียนอยู่
"ทำไมจู่ๆ ถึงอยากจะมาลาออกล่ะ?"
"เอ่อ...พอดีว่าที่บ้านมีปัญหานิดหน่อยค่ะ"
"มีอะไรให้อาจารย์ช่วยไหม นักศึกษาที่เรียนเก่งๆ ฝีมือดีๆ แบบนี้อาจารย์ก็อยากให้เรียนต่อนะไม่อยากให้เราเสียอนาคต"
"อาจารย์ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงหนูก็ต้องลาออก ช่วยเซ็นให้หน่อยนะคะ"
"....."
"หนูไม่มีทางเลือกค่ะ นี่ก็เป็นทางเดียวที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในบ้านให้พ่อกับแม่ด้วย"
"ได้สิ..."
แกร๊ก~
"อ้าว มีแขกหรอกเหรอ?" มีคนเปิดประตูเข้ามาที่ห้องผอ.ซึ่งทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ต้องหันกลับไปมองเช่นกัน และเธอก็จำได้ว่าเป็นผู้ชายที่เคยเข้ามาช่วยเธอในตอนนั้น
"เปล่าๆ นักศึกษามาลาออกน่ะแกมีอะไร"
"มีเรื่องงานจะคุยด้วยน่ะ"
"อ๋อ..."
"ถ้างั้นฉันไปรออยู่ข้างนอกก็แล้วกันนะ"
"เออๆ"
.............
แกร๊ก~
"เธอ..."
"คะ?"
"เธอมาลาออกหรอ?"
"ค่ะ"
"ทำไมถึงลาออกล่ะเพิ่งเข้าเรียนเองไม่ใช่หรอ?"
"ค่ะ แต่พอดีมีปัญหานิดหน่อยก็เลยต้องลาออกค่ะ"
"ถึงขั้นลาออกจากมหาวิทยาลัยคงไม่ใช่นิดหน่อยแล้วมั้ง"
"....."
"มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?"
"ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอตัวก่อนค่ะ"
"เดี๋ยวก่อนสิ..."
"....."
"ฉันเห็นใจเธอนะ ถ้าอยากให้ฉันช่วยก็มาหาฉันตามนามบัตรนี้"
"....."
"หรือถ้าเธอไม่กล้า ก็ให้พ่อกับแม่เธอมาหาฉันเองก็ได้"
"ขอบคุณมากค่ะ"
เธอรับนามบัตรที่เขายื่นให้ใส่กระเป๋าจากนั้นก็เดินออกมาในทันที
"มึงคิดจะทำอะไรไอ้วิน?"
"เปล่าก็แค่อยากช่วย"
"คนอย่างมึงคงไม่คิดช่วยใครฟรีๆ ใช่ไหม"
"ฮึ!" เขาเค้นหัวเราะ เมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทนั้นจับได้ว่าเขาไม่ได้บริสุทธิ์ใจจริงๆ ที่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเด็กสาว
"ไอ้วิน.."
หลายปีต่อมา ลูกๆ ของภวินทร์ทั้งสองคนโตจนเข้าโรงเรียนกันหมดแล้ว และทั้งสองก็ไม่ได้มีลูกอีกไม่ใช่เพราะไม่อยากมี แต่ช่วงเวลาที่ทั้งสองอยากจะมีลูกมันไม่มียังไงล่ะ พอเวลาผ่านไปจนอายุมากขึ้นภวินทร์ก็ล้มเลิกที่จะคิดมีลูกอีก ถึงแม้ตอนนี้น้ำตาลจะยังแข็งแรงพอที่จะมีลูกได้อีกแต่เขาก็ไม่อยากทรมานร่างกายของเธอ เขารู้ว่ากว่าเธอจะคลอดต้องเผชิญกับหลายอย่าง และก่อนจะคลอดก็ต้องปวดท้องเจียนตายอีก “แต่งตัวไปรับลูกเหรอคะ?” น้ำตาลถาม เพราะเห็นสามีกำลังแต่งตัวหล่อ “ใช่ เธอก็ไปแต่งตัวสิ”“ทำไมคะ ปกติคุณไปรับลูกคนเดียวนี่ แค่ไปรับลูกเองทำไมต้องให้ฉันไปด้วยล่ะคะ” น้ำตาลถามอย่างงงๆ เพราะลูกๆ ทั้งสองก็โตรู้เรื่องกันแล้ว และในทุกๆ วันเองภวินทร์ก็จะเป็นคนรับหน้าที่รับส่งลูกๆ นอกจากบางวันเท่านั้นที่พี่สาวคนโต น้องวีญ่า จะนั่งรถโรงเรียนกลับมาเอง “ไปเที่ยวกัน”“หือ?”“ลูกๆ ชวนไปเที่ยวน่ะ”“อะไรกันคะ ไปตกลงกันไว้ตอนไหนทำไมฉันไม่รู้เรื่องเลยล่ะ"“เอาน่า ไปแต่งตัวสวยๆ แล้วไปรับลูกกัน"“ค่ะ”น้ำตาลยอมไปแต่งตัวสวยๆ ตามที่เขาบอก เพราะไม่อยากจะถามซักไซ้ให้มันเสียเวลามากมาย อีกอย่างเธอก็พอจะเข้าใจเพราะเรื่องเที่ยวหรือซื้
ณ บ้านพักริมทะเล ครอบครัวของภวินทร์มาเที่ยวบ้านพักตากอากาศด้วยกัน เป็นบ้านติดริมทะเล สวยหรูและเป็นส่วนตัวเพราะเป็นพื้นที่ของเขา ลูกๆ พากันเล่นอย่างสนุกสนาน เพราะอยากจะมาเที่ยวเล่นทะเลอยู่แล้ว แถวนี้ไม่มีอะไรอันตรายและน้ำก็ไม่ได้ลึกลูกๆ ของเขาจึงพากันลงเล่นน้ำทะเลได้แต่ก็มีคนคอยเฝ้าอยู่ตลอดไม่คลาดสายตา หมับ! “ตกใจหมด เล่นอะไรของคุณคะเนี่ย?” น้ำตาลตกใจ เพราะเธอกำลังยืนหันหลังเตรียมของว่างไว้ให้ลูกๆ อยู่ พวกแกเลิกเล่นแล้วต้องหิวมากแน่ๆ “ทำอะไรอยู่เหรอ น่ากินจัง"“เตรียมของว่างให้ลูกค่ะ แล้วคุณขึ้นมาแล้วลูกเล่นอยู่กับใครคะ?"“นั่งเล่นทรายกันอยู่น่ะ มีคนคอยดูอยู่ไม่ต้องห่วง"“คุณออกไปรอข้างนอกก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันยกของว่างไปให้ ลูกๆ คงจะหิวกันแย่แล้ว"“เดี๋ยวช่วยนะ"“ได้ค่ะ” เธอรีบจัดการของว่างและส่งให้กับสามียกออกไปเตรียมรอลูกสาวทั้งสอง หลังจากนั้นเด็กน้อยทั้งสองคนก็วิ่งเข้ามาในบ้าน เพราะเหนื่อยล้ากับเล่นน้ำมาครึ่งวันแล้ว “ไปล้างตัวกันให้เรียบร้อยก่อนนะคะเด็กๆ ถ้าตัวเปียกจะมานั่งที่โซฟาไม่ได้นะคะ"“ค่ะแม่” เด็กน้อยพากันเข้าห้องน้ำไปโดยมีผู้เป็นพ่อคอยเป็นคนช่วยเหลือเตรียมผ้าขนหนูเตร
น้ำตาล Talk หลังจากคลอดลูกสาวคนที่สองฉันก็ไม่ได้ทำหมันหรอก เพราะคุณวินเขาบอกว่าอยากได้ลูกชายอีกสักคน ขอให้ฉันมีให้แต่ถ้าคนที่สามก็ยังเป็นผู้หญิงอีกล่ะจะทำยังไง ฉันเข้าใจเขานะด้วยความที่เขาเองก็มีธุรกิจมากมายก็อยากได้ลูกชายไว้สืบทอดกิจการต่อ เพราะลูกสาวทั้งสองก็เห็นทีว่าจะไม่เหมาะกับงานที่พ่อของเขาทำเท่าไหร่ แต่ก็ไม่รู้อนาคตเพราะน้องวีญ่าแกอาจจะชอบก็ได้ รายนี้เหมือนพ่อของแกแทบจะทุกอย่าง “ทำอะไรของคุณน่ะ?” ฉันถามขณะที่เขากำลังจะเตรียมตัวไปรับน้องวีญ่าที่โรงเรียน พักหลังๆ มานี้เขาชอบทำตัวแปลกๆ ชอบวางมาดทำหน้าเข้มใส่คนอื่น ไปโรงเรียนลูกเพื่อนๆ ของลูกก็พากันกลัวหมด น้องวีญ่าบอกฉันว่าเพื่อนๆ ไม่กล้าเล่นด้วยเพราะกลัวพ่อของแก “ฉันไปแบบนี้ดีไหม?”“แต่งตัวบ้าบออะไรของคุณเนี่ย ไปเปลี่ยน! แล้วก็โกนหนวดด้วยนะ!” เขาปล่อยให้หนวดขึ้นยาวเฟิ้ม เพราะแบบนี้หรือเปล่าเพื่อนๆ ของน้องวีญ่าถึงได้กลัวกัน และฉันก็จำได้ว่าตอนที่เขาไปเจอฉันที่บ้านของคุณปู่ก็แบบนี้แหละ ลูกร้องแทบเป็นแทบตายเพราะกลัวเขาเนี่ยแหละ “ฉันก็แต่งตัวปกตินะ ทำไมต้องเปลี่ยนด้วย”“คุณวินคะ แค่ไปรับลูกเอง โกนหนวดด้วยค่ะ คุณรู้ไหมว่าเพื่อนๆ
น้ำตาล Talk ห้าเดือนต่อมา เรื่องที่สงสัยครั้งนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่คิดหรืออุปโลกน์ไปเอง ฉันกำลังท้องจริงๆ และคุณวินก็เป็นคนแพ้ท้องแทนฉัน แพ้หนักมาก ฉันนี่ไม่เป็นอะไรเลยสักอย่าง จนถึงตอนนี้ก็ห้าเดือนแล้ว อาการของเขาที่เป็นก็เริ่มทุเลาลง ส่วนฉันก็ท้องใหญ่ขึ้น ได้ลูกผู้หญิงเหมือนเดิม คุณวินเขาเป็นคนดูแลน้องวีญ่าเองเพราะกลัวว่าแกจะมากวนฉันจนไม่ได้พักผ่อน เวลาออกไปทำงานเขาก็จะเอาลูกไปด้วย จนตอนนี้พ่อลูกติดกันและสนิทกันมาก ทั้งที่เมื่อก่อนน้องวีญ่ากลัวคุณวินมาก แต่ตอนนี้ติดกันอย่างกับเงาแน่ะ ฉันนี่แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย “พ่อ!"“จ๋า..” คุณวินตอบรับลูกสาวเสียงหวาน ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับอุ้มขึ้น “อยากไปไหนคะ?"“อยากระบายสี มันหมดแล้ว"“ได้สิคะ เดี๋ยวพ่อพาออกไปซื้อนะ"“ค่ะ”น้องวีญ่าชอบระบายสีมาก มีสมุดระบายสี มีดินสอสี เท่าไหร่ก็หมดไม่มีเหลือ ไม่เว้นแม้แต่กระทั่งกำแพงบ้านผนังบ้าน ถูกลูกสาวฝากรอยเอาไว้มากมาย และคุณวินก็ไม่เคยคิดจะว่าลูกสักคำเลย สองพ่อลูกหน้าตาเหมือนกันมาก เหมือนแม้กระทั่งนิสัย เขาเป็นแบบไหนลูกก็เป็นแบบนั้นเลย เด็ดขาด พูดจาชัดเจนฉะฉาน กล้าพูด กล้าทำ กับลุงป้าน้า
เวลาผ่านไป จนกระทั่งวันที่น้ำตาลรับปริญญา เธอเรียนจบภายในระยะเวลาสองปี ลูกสาวตัวน้อยก็อายุจวนจะสามขวบแล้ว ทั้งน่ารักน่าหยิกช่างพูดเสียด้วย ภวินทร์พาลูกสาวมาแสดงความยินดีกับภรรยาสาวที่เพิ่งจะเรียนจบ มันเป็นวันที่ดีมากๆ เลยวันนึง แต่ทว่าวันนี้เขากลับรู้สึกแปลกๆ รู้สึกว่ามันอึมครึมยังไงไม่รู้ รู้สึกเหมือนตัวเองไม่โปร่งใส เหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม มันกระอักกระอ่วนจนบอกไม่ถูก อยากจะอาเจียนออกมาให้ได้ “ยินดีด้วยนะน้ำตาล” ภวินทร์เดินไปหาภรรยา พร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ มืออีกข้างก็จูงลูกสาวตัวอ้วนเดินไปด้วย เดินผ่านตรงไหนก็มีแต่คนมอง เพราะเขาดูดีมาก ลูกสาวเองก็น่ารักน่าชัง มีแต่คนรู้สึกเอ็นดูทั้งนั้น “ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มตอบรับพร้อมกับรับช่อดอกไม้ไปถือไว้เอง หญิงสาวค่อยๆ ย่อตัวนั่งยองลงตรงหน้าของลูกสาว ก่อนที่เธอจะบีบแก้มยุ้ยนั้นด้วยความมันเขี้ยว “พ่อแต่งตัวให้เหรอคะ น่ารักเชียว”“ค่ะ พ่อใส่ให้”“พ่อบอกจะมาหาแม่” “เหรอคะ คนเก่งของแม่” “อึก...” ภวินทร์จากที่รู้สึกกระอักกระอ่วนไม่สบายตัวอยู่แล้ว พอได้มายืนกลางแดด ท่ามกลางนักศึกษาหลายๆ คนที่กำลังมีความสุขกับการที่ตัวเองได้รับความยินดีจากครอ
กลางดึกคืนหนึ่ง แกร๊ก~เสียงเปิดประตูดังขึ้นก่อนที่จะมีคนเดินเขามา น้ำตาลเองก็สะดุ้งตัวตื่นเพราะคอยระแวงลูกสาวจะตื่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้หันไปมองแต่อย่างใดเพราะคนที่เข้ามาก็คือภวินทร์ วันนี้เขาบอกว่าจะไปงานเลี้ยงและชวนเธอไปด้วย แต่เธอขี้เกียจไปเพราะมีลูกด้วยเขาเลยต้องไปคนเดียว “อืม...” “กลิ่นเหล้าหึ่งเลยนะคุณ ไปอาบน้ำ!” เธอใช้น้ำเสียงต่ำเพื่อบังคับเขาให้ออกห่าง เพราะตัวของเขามีแต่กลิ่นของแฮลกอฮอล์เต็มไปหมด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่คงจะเมามาหนักพอสมควรเลยล่ะ ที่ไม่อยากให้เข้ามาใกล้เพราะเธอเองก็ต้องไปคลุกคลีกับลูกสาวอีก “อือ ขอกอดหน่อยเร็ว เมีย เมียจ๋า...” “รู้ว่าต้องทำงานแต่ก็ยังจะดื่มหนักแบบนี้อีกนะ” “….”“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวกลิ่นเข้าติดเสื้อลูกจะเหม็นเอา” “ครับ” ไม่รู้ว่าเพราะความเมาหรือเปล่าเขาถึงได้เป็นคนว่านอนสอนง่ายขึ้นมาเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ดื้อด้านยิ่งกว่าอะไรดี ตั้งกฎบ้าบอกับเธอสารพัดเพียงเพราะกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปรักคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเอง ผ่านไปสักพัก ภวินทร์เดินออกมาจากห้องน้ำ เขาน่าจะสร่างเมาบ้างแล้วเพราะดูปกติกว่าตอนแรก ไม่ได้เดินเซไปมาเหมือนกับตอนแรกที่กำลั