เมื่อเซียวเป่ยได้ยินดังนี้ ก็ส่ายหัว และพูดอย่างเย็นชาว่า: “ไม่ปล่อย”คิ้วของอู๋อวิ๋นเหอขมวดกันอย่างเย็นชา แล้วพูดตำหนิไปว่า: “พูดเตือนดีๆไม่ชอบชอบให้ใช้กำลังบีบบังคับงั้นเหรอ?”“แล้วไงล่ะ” เซียวเป่ยพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ ไร้ซึ่งความหวาดกลัวใดๆทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา เหลากุ่ยที่นอนอยู่บนพื้น ก็ตกใจมากจนฉี่ราด!ไอ้หนุ่มคนนี้ บ้าไปแล้ว!แม้แต่ท่านอาจารย์อู๋อวิ๋นเหอก็ไม่อยู่ในสายตา?รู้มั้๊ยว่า ในเจียงจง อู๋อวิ๋นเหอแค่พูดลอยๆ ก็สามารถทำให้คนตายโดยที่ไม่รู้ตัวได้แล้วเขากล้าดียังไงถึงทำแบบนี้?แต่ว่า เหลากุ่ยก็ยิ้มเยาะเย้ยอยู่ในใจในเมื่อทำให้ท่านอาจารย์อู๋ขุ่นเคืองใจ นั่นก็หมายความว่า ไอ้เด็กเวรเซียวเป่ยนี่จะไม่สามารถเดินออกไปแบบยังมีชีวิตได้สีหน้าของอู๋อวิ๋นเหอดำคล้ำลง เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งสุดขีด ตะโกนด้วยความเกรี้ยวโกรธว่า: “พ่อหนุ่ม! บ้าบิ่นเกินไปไม่ใช่เรื่องดี! พ่อหนุ่มคิดว่าความรู้ผิวเผินที่ตนเองเรียน กับความสามารถเท่าหางอึ่งที่ตนเองมี ก็จะสามารถทำเป็นโอหังมองไม่เห็นหัวผู้อื่นได้แล้วเหรอ? หลักการเหนือฟ้ายังมีฟ้าเหนือคนยังมีคน? พ่อหนุ่มไม่เข้าใจเหรอ?”“วั
กึกๆ!เมื่อเห็นอู๋อวิ๋นเหอถูกเซียวเป่ยตบพลิกคว่ำลงกับพื้นด้วยฝ่ามือเดียว มุมปากของเหลากุ่ยก็กระตุก อ้าปากค้างตาเบิกโพลง!เขาจ้องมองไปที่เซียวเป่ยที่ร่างกายสูงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆที่อยู่ตรงหน้าด้วยความเซื่องซึม อกสั่นขวัญแขวนและหวาดกลัว นั่นเป็นท่านอาจารย์อู๋จากสำนักวิทยายุทธ์เทียนเหลยเชียวนะ!แต่กลับถูกคู่ต่อสู้ตบลอยกระเด็นออกไปด้วยฝ่ามือเดียว...แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะสู้กลับได้เลยแม้แต่น้อย!ไอ้เด็กคนนี้ เป็นใครมาจากไหนกันนะ?จิตอันหนาวเย็น ไล่ไปจากแต่ก้นกบ ไปจนถึงยอดหัวกระโหลกของเหลากุ่ยเกือบจะวินาทีต่อมา น้ำเสียงราวกับว่าเป็นเทพแห่งความความตายของเซียวเป่ยก็ดังขึ้น: “ตอนนี้ แกจะพูดได้หรือยัง?”อึกๆ!เหลากุ่ยกลืนน้ำลายอย่างแรง สั่นสะท้านไปทั้งตัว ทรุดตัวคุกเข่าลงกับพื้น เอาหัวโขกพื้นดังพลั่กๆแล้วตะโกนว่า “ยอดฝีมือได้โปรดเมตตาด้วย ผมพูด ผมพูด...”“ ประธานฉินฉินเฟิงแห่งหลินซื่อกรุ๊ปสั่งให้ผมทำ เขาให้เงินผมสิบล้านบาท เพื่อซื้อมือทั้งสองข้างของคุณ”ในขณะนี้ เหลากุ่ยหวาดกลัวจริงๆเป็นความหวาดกลัวที่ออกมาจากในใจ“ฉินเฟิง?” เซียวเป่ยขมวดคิ้วที่แท้คนที่อยู่เบื้องหลั
ซูหว่านเอาโทรศัพท์มือถือตบลงไปบนโต๊ะ พ่นลมหายใจออกทางปาก พูดอย่างเย็นชาว่า “ ฉันรู้แล้ว ยังมีเรื่องอะไรอีกมั้ย?”“มีค่ะ”หลี่เซียวลี่กล่าว พร้อมดึงเอกสารฉบับหนึ่งออกจากมาอ้อมแขน พูดอย่างวิตกกังวลว่า “นี่คือเอกสารความร่วมมือกับถังซินกรุ๊ป อีกฝ่ายค้างชำระเงินพวกเรามาเป็นเวลาสามเดือนแล้ว หากยังเอาเงินกลับคืนมาไม่ได้อีก บริษัทของพวกเราอาจจะต้องขาดทุนกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท”ซูหว่านขมวดคิ้วโครงการความร่วมมือกับถังซินกรุ๊ป ทำให้เธอลำบากใจมาเป็นเวลาสามเดือนแล้วจริงๆอีกฝ่ายค้างชำระเงินมาโดยตลอด เงินลงทุนของโครงการ ปิงฉิ้นกรุ๊ปสำรองจ่ายไปก่อนทั้งหมดไปขอให้ชำระเงินหลายครั้งแล้ว แต่กลับถูกอีกฝ่ายหาเหตุผลต่างๆนานามาปฏิเสธตลอดซูหว่านกล้าโกรธแต่ไม่กล้าเอ่ยปาก ยังไงซะถังซินกรุ๊ปก็เป็นบริษัทใหญ่ เป็นบริษัทชั้นนำในเจียงจง ซึ่งเป็นบริษัทของตระกูลถังท่านผู้เฒ่าแห่งตระกูลถังผู้นั้น เป็นคนที่เด็ดขาดมาก!“ลองคิดหาวิธี นัดหมายกับผู้จัดการที่รับผิดชอบของพวกเขาอีกครั้ง ฉันจะไปเจรจาด้วยตนเอง” ซูหว่านกล่าว“ได้ค่ะ” หลี่เซียวลี่ตอบรับ“ประธานซูคะ ประธานฉินบอกว่า ตอนบ่ายหก
ยาขวดนี้ เป็นยาที่เซียวเป่ยเตรียมไว้ให้ก่อนหน้านี้เพราะกังวลว่าตอนเช้าซูหว่านจะยุ่ง จนไม่มีเวลากินอาหารเช้าที่มีคุณค่าทางสารอาหาร จึงได้ทำไว้ในกรณีฉุกเฉินคิดไม่ถึงว่า ตอนนี้จะได้ใช้มันแล้ว ซู่หว่านเอามือกุมหน้าอก เปิดลิ้นชักด้วยสองมือที่สั่นเทา ควานเอาขวดเล็กๆขวดหนึ่งออกมา แล้วเปิดฝาขวดด้วยสีหน้าเจ็บปวดมาก แต่เพราะว่าหัวใจของเธอเจ็บปวดมากเกินไป จึงไม่ทันได้ระวัง เสียงดังซ่าๆ ขวดหนึ่งมียาประมาณสิบเม็ด ทั้งหมดต่างก็กระจัดกระจายอยู่บนพื้นเธอคุกเข่าลงอย่างสั่นเทา หยิบยาหนึ่งเม็ดขึ้นมาแล้วกลืนมันลงไปทางด้านเซียวเป่ย ได้ยินแค่เพียงเสียงซ่าๆดังมาจากในโทรศัพท์ และเสียงรบกวนต่างๆนานา เตรียมขึ้นแท็กซี่อย่างกระวนกระวายใจ พร้อมตะโกนว่า “เสียวหว่าน คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย? เป็นยังไงบ้าง?”เวลาผ่านไปนานสองนาน ก็ได้ยินเสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของซูหว่านดังมาจากปลายสาย พูดอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “ฉัน ฉันไม่เป็นไร...”เซียวเป่ยถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกบางที แม้แต่เซียวเป่ยเองก็ไม่รู้ว่า ท่าทางของเขาเมื่อสักครู่นี้ ดูกังวลและร้อนใจมากแค่ไหนเซียวเป่ยยืนอยู่ที่ประตูร
หลี่เซียวลี่รีบตอบกลับไปว่า “ประธานซูคะ เรื่องเกี่ยวกับการโปรโมตยาเม็ดโกลเด้นกา พวกเราได้ทำการยกเลิกเรียบร้อยแล้ว ตามคำสั่งของคุณ พวกเราได้นำศาสตร์การฝังเข็มที่ใช้รักษาร่วมกับยาเม็ดโกลเด้นกาที่โพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ต มาจัดทำเป็นวิดีโอคำแนะนำสั้นๆอย่างเป็นทางการ และทำขายเป็นชุด ร่วมกับยาเม็ดโกลเด้นกา”“ดี” ซูหว่านพยักหน้า มองดูขวดยาที่อยู่ในมือ อย่างเหม่อลอยเล็กน้อยหลี่เซียวลี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดเบาๆว่า “ประธานซู? ประธานซู... คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ?”“อ่อ ไม่มีอะไร”พอซูหว่านตั้งสติได้ ก็อมยิ้ม แล้วเอาขวดยาใส่ไว้ในลิ้นชักหลี่เซียวลี่ถามอย่างลองเชิงว่า “ประธานซู คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย? หากร่างกายไม่สบาย จะไปโรงพยาบาลมั้ยคะ? ยานี้ จะกินมั่วซั่วไม่ได้นะ”“ฉันไม่เป็นไร มันเป็นยาที่เซียวเป่ยเตรียมไว้ให้ฉันก่อนหน้านี้” ซูหว่านยิ้ม และนั่งลงอีกครั้งเมื่อได้ยินดังนี้ หลี่เซียวลี่ก็ขมวดคิ้ว และพูดอย่างสงสัยว่า “ยาที่เซียวเป่ยเตรียมไว้ให้คุณ? ประธานซู คุณไม่กังวลว่ายานี้จะมีปัญหาเหรอ?”เมื่อได้ยินดังนี้ สีหน้าของซูหว่าน ก็ดูแย่ลงทันที จึงพูดอย่างเย็นชาว่า
ทางด้านของเซียวเป่ย พอวางสายโทรศัพท์แล้ว ก็ถอนหายใจยาวๆด้วยความโล่งอกเพียงแต่ว่า เขาไม่ได้คิดอะไรมาก จึงยุ่งวุ่นวายอยู่กับการทำความสะอาดซากปรักหักพังในร้านต่อไปในเวลานี้ รถเบนซ์รุ่นเมอร์เซเดสเอสคลาสก็มาจอดที่หน้าร้านเล็กๆเซียวเป่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองดูสักพักบนรถ มีชายวัยกลางคนที่อายุสี่สิบห้าสิบปีรีบเดินออกมาอย่างรวดเร็ว สวมชุดไทเก็กสีขาว วิ่งเข้ามาเอามือประสานกันแสดงความเคารพแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเซียว ขอโทษที่รบกวน ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง อยากให้คุณช่วยดูหน่อย”“ที่แท้ก็เป็นประธานเสิ่น ครั้งนี้มาด้วยตนเองเลยเหรอ?”เซียวเป่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มคนที่สามารถทำให้เสิ่นฉางอันพามาได้ด้วยตนเอง คงจะไม่ธรรมดา“คุณเซียว นี่คือศาสตราจารย์ฉางฉางเจียงหมิงจากสมาคมการแพทย์เจียงจง หัวหน้าคณะกรรมการตัดสินการแข่งขันแพทย์แผนจีนรอบออดิชั่นของเจียงจง” เฉินฉางอันรีบแนะนำอย่างรวดเร็วด้านข้าง มีชายชราคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลัง อายุประมาณ 50-60 ปี สวมชุดเสื้อคลุมจีนสีดำอยู่หัวหน้าคณะกรรมการตัดสินการแข่งขันแพทย์แผนจีนรอบออดิชั่นของเจียงจง?เซียวเป่ยพยักหน้า แล้วส่งสัญญาณให
“พลังชั่วร้ายที่ปะปนอยู่บนจี้คือพลังอิน เลือดที่อยู่บนปากกาชาดของผมนั้น คือเลือดสุนัขสีดำ มันมีพลังจื้อหยาง สามารถยับยั้งพลังอินได้”เมื่อฉางเจียงหมิงได้ยินดังนี้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ยกมือประสานกันแสดงความเคารพแล้วพูดว่า “บนโลกยังมีมีวิธีการรักษาโรคที่น่าอัศจรรย์แบบนี้อีก ถือว่าเป็นความรู้ใหม่จริงๆ”“ในเมื่อปรมาจารย์เซียวมีศาสตร์ทางการแพทย์ที่น่าทึ่งแบบนี้ ทำไมไม่เข้าร่วมออดิชั่นการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีนที่เจียงจงล่ะ?”“หากคุณเข้าร่วมล่ะก็ คุณจะต้องมีผลงานที่โดดเด่นอย่างแน่นอน! และจะสามารถส่งเสริมการแพทย์แผนจีนให้เจริญรุ่งเรืองได้อีกด้วย!”หลังจากที่ฉางเจียงหมิงจากไป เซียวเป่ยนั่งอยู่ในร้านเล็กๆ อย่างหมดอาลัยตายอยากในใจของเขาคิดแต่สิ่งที่ฉางเจียงหมิงพูดไปเมื่อกี้นี้อยู่ตลอดเวลาเข้าร่วมการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีน?บอกตามตรง เซียวเป่ยไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้เลยการแสวงหาชื่อเสียงและผลประโยชน์ ไม่ใช่อุปนิสัยสันดานของเขาเขาชอบใช้ชีวิตเรียบง่ายสบายๆ แบบนี้มากกว่าแต่ว่า ก็เพราะว่าวิสัยทัศน์แบบนี้ จึงทำให้ชีวิตแต่งงานของเขาได้สิ้นสุดลงในสาย
เซียวเป่ยเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่า กู้โย่เสวี่ยเป็นคนตระกูลกู้ที่มาจากเมืองหลวงการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีนครั้งนี้ จัดขึ้นโดยตระกูลกู้แต่ว่า เบื้องหลังยังมีผู้จัดและผู้สนับสนุนการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีนอยู่ ใช่ว่าตระกูลกู้จะมีสิทธิ์มีเสียงเพียงผู้เดียวแต่ว่า ด้วยอำนาจและวิธีการของตระกูลกู้ จะทำให้เซียวเป่ยเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเลยถือว่าเป็นเรื่องที่ง่ายมากแต่เซียวเป่ยปฏิเสธ “ไม่ต้อง คุณหนูกู้ ผมอยากจะเข้าร่วมด้วยความสามารถของตนเอง ผมก็อยากจะดูว่า ศาสตร์ทางการแพทย์ของผม ที่อยู่ในระหว่างการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีน จะไปได้ถึงลำดับที่เท่าไหร่”“อ่อ เป็นแบบนี้นี่เอง”กู้โย่เสวี่ยพยักหน้า แววตาที่มองเซียวเป่ยนั้น ดูหลงใหลยิ่งกว่าเดิมอีกผู้ชายดีๆที่ยึดหลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตนแบบนี้ ถึงจะเป็นผู้ชายที่เธอชอบไม่ช้า รถก็จอดที่สถานที่ออดิชั่นการแข่งขันศาสตร์แพทย์แผนจีนของเจียงจงพอเข้าไปในสถานที่จัดงาน เซียวเป่ยถึงได้พบว่า มีคนค่อนข้างที่จะเยอะมากเนื้อหาการประเมินรอบออดิชั่นก็ง่ายมากเช่นกันในสถานที่จริงจะมีคนไข้สองราย แพทย์ทุกคนที่เข้าร่วมการออดิชั่น จะต้องอาศั