“ไอ้ลูกศร!....เมื่อไหร่แกจะอาบน้ำแต่งตัวเสร็จซะทีวะ ฉันจะสายแล้วนะเนี่ย”
เสียงของเจ้าจันทร์ตะโกนทะลุผ่านประตูห้องน้ำเข้าไปถาม เมื่อเปิดประตูเข้ามาตามแล้วไม่เห็นว่าอีกฝ่ายแต่งตัวไว้รอ กับพอดีที่ได้ยินเสียงของน้ำไหล คล้ายมีคนกำลังอาบน้ำอยู่ด้านใน
“แกจะเร่งเพื่อ?...ในเมื่อเวลาเข้าเรียนเหลืออีกตั้งสองชั่วโมงกว่าๆ..อย่ามาเห่อได้ป่ะ?.”
เจ้าจันทร์กำลังเห่อจริงๆ อย่างที่มันว่ามานั่นละ..เพราะหญิงได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบและถนัดมากกว่าอย่างอื่น ไม่ต้องฝืนความรู้สึกอีกต่อไป ถึงแม้จะต้องกลับไปเรียนปีหนึ่งใหม่ แต่มันก็ไม่มีผลกับอะไรทั้งนั้น
ก็แค่เปลี่ยนคณะที่เรียน แต่ก็ยังเป็นมหาลัยเดียวกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมตรงที่เจ้าจันทร์ จะได้เริ่มต้นอะไรใหม่ๆ กับหัวใจที่พร้อมและยอมเปิดรับผู้ชายคนอื่น ให้เข้ามายืนแทนที่มันเท่านั้นเอง...
“แล้วแกก็อย่ามาเรียกชื่อฉันแบบนั้น ให้คนอื่นได้ยินเข้านะโว๊ย!” คันศรตะโกนพูดออกมาอีกครั้ง คล้ายจะต่อว่าแต่ก็ไม่ได้จริงจังอะไรนัก
“เออๆ โทษทีวะ ฉันลืมตัวไปหน่อย...งั้นฉันขอเปลี่ยนมาเรียกแกว่า แอร์โร่ แทน ดีกว่ามั๊ย?....”
แอร์โร่ คือชื่อที่เหล่าบรรดาสาวๆ ตั้งให้กับคันศรนั่นละ
เพื่อนชายทั้งสามคนของเจ้าจันทร์นั้นฮ็อตมาก ขนาดสาวๆ ในมหาลัยต่างพากันกรี๊ดใส่ อย่างหลงไหลในความหล่อเหลาของพวกมัน
แม้แต่เจ้าจันทร์ ยังถูกรุ่นน้องหน้าตาน่ารักเข้ามาขอเบอร์ เพราะพวกนั้นคิดว่าเธอเป็นทอมบอย สาเหตุมันมาจากที่เธอชอบไว้ผมซอยสั้นมันก็เลยเข้าทางพอดี
แต่หลังจากที่เจ้าจันทร์ตัดสินใจเลิกเรียนวิศวะ เธอก็ปล่อยผมให้ยาวละไปถึงกลางหลังตามธรรมชาตินั่นละ
ถึงแม้บางทีอาจจะรู้สึกแกะกะไปบ้างเพราะยังไม่ค่อยชิน
ตั้งแต่จำความได้หญิงสาวก็ไม่เคยไว้ผมยาวเลยสักที
“ไม่เอ๊า!..ชื่อนั้นเอาไว้ให้พวกน้องๆ มันเรียกกันไปเหอะ แกก็เรียกฉันเหมือนเดิมดิวะ”
“เรียกว่าศรน่ะเหรอ...”
“เออดิ...ชื่อลูกศรฉันยอมให้แกเรียกฉันได้แค่คนเดียวนะ แต่เฉพาะตอนที่เราอยู่ด้วยกันแค่สองคน...แล้วแกก็เรียกชื่อฉันตามแม่มาตั้งแต่จำความได้แล้วนี่หว่า จะมาถามทำไมวะ?”
“...!!...”
เจ้าจันทร์เงียบเสียงของตัวเองลงทันที พร้อมกับหัวใจที่มันกำลังเต้นแรงจนผิดจังหวะไป เมื่อได้ยินคันศรพูดออกมาคล้ายกับเธอคือคนสำคัญกับมันที่สุด
คิดไปเองคนเดียวอีกแล้วมั๊ย!?
“ทำไมแกถึงเงียบไป แกยังอยู่รึเปล่าฮะเจ้า...?” คันศรตะโกนถาม ก่อนจะเงียบเสียงของตัวเองลงตาม เพื่อรอฟังคำตอบจากคนที่กำลังรอเขาอยู่ด้านนอกนั่น
“.....เจ้า!”
“......”
“ไอ้เจ้า!...”
เฮือก!
เสียงห้าวทุ้มตะโกนอยู่ใกล้ใบหู ตามมาพร้อมกับหยดน้ำบนหนังศีรษะที่เพิ่งจะผ่านการสระมาใหม่ๆ กระะเด็นเข้ามาใสใบหน้าของเจ้าจันทร์ มันก็เลยทำให้หญิงสาวรู้สึกตัว
ร่างบางรีบสลัดความคิดในหัวทิ้งไป แล้วเรียกสติตัวเองกลับมาอยู่กับร่างหนา ที่กำลังโน้มหน้าลงมาในจังหวะที่เจ้าจันทร์กำลังช้อนสายตาขึ้นไปมองมันพอดี
สบตากันชั่วอึดใจ เจ้าจันทร์ถึงได้ลดระดับสายตาลงมองแผงอกกว้าง ที่ยังมีหยดน้ำเกาะแพรวพราวอยู่อย่างนั้น มันเป็นภาพที่เห็นแล้วชวนให้หลงไหลไปกับความเซ็กซี่ของมันเลยจริงๆ นะ
แต่มันดันเป็นจังหวะนรกดีๆ นี่เอง...
“ไง!?...แกกำลังคิดอะไรอยู่วะ? คุยกันอยู่ดีๆ ก็เงียบหาย นึกว่านั่งหลับตายไปแล้วซะอีก” คันศรเอ่ยถาม พลางบ่นตามมาในขณะที่มืออีกข้างยังกำผ้าขนหนูเช็ดอยู่บนหัวตัวเองลวกๆ
“นั่งทำตาลอยยังกับคนที่กำลังมีความรัก...”คันศรยังพูดต่อ ในขณะที่เจ้าจันทร์ก็สวนกลับมาทันทีเมื่อได้ยิน
“ก็ทำนองนั้น....”
ในเมื่อมันก้าวเดินไปข้างหน้า เป็นงั้นเจ้าจันทร์ก็ควรถอยออกมาจากความรู้สึกเก่าๆ ได้สักที
แว้ปหนึ่งที่เจ้าจันทร์มองเห็นนัยน์ตาคมไหววูบลง แต่มันก็คงเป็นแค่ชั่วขณะ ก่อนที่มันจะกลับมาว่างเปล่าดังเดิม
คำตอบของเจ้าจันทร์ทำให้ร่างใหญ่ ที่เพิ่งจะหมุนตัวเดินกลับไปที่ห้อง ต้องหันขวับกลับมาถาม
“โครวะ!?...มันเป็นใคร? แล้วทำไมฉันไม่รู้?”
“แกเป็นพ่อฉันรึไงวะ ถึงต้องคอยรายงานแกทุกเรื่องน่ะ”
“.......”
นอกจากจะไม่ตอบร่างใหญ่ เจ้าจันทร์ยังใช้คำถามกวนตีนกลับไปให้อย่างไม่พอใจ อีกฝ่ายจึงได้แต่เงียบฟัง
เมื่อเห็นอย่างนั้นเจ้าจันทร์จึงลุกขึ้นแล้วพูดกับร่างหนา ด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้มันกลับมาเป็นปกติได้ดั่งเดิม
“แกแต่งตัวเถอะ ฉันจะลงไปรอแกที่ลานจอดรถข้างล่าง”
แล้วตอนนี้เจ้าจันทร์ก็กำลังพยายามหาทางออก และบอกกับตัวเองไว้ว่า หากคนเป็นพี่ชายไม่ยอมให้อภัยเธอสักที เธอคงต้องใช้วิธีขอร้องมารดาให้เป็นตัวช่วยสุดท้ายเลยก็แล้วกันเมื่อคิดได้อย่างนั้น เจ้าจันทร์จึงโทรไปหาคนเป็นมารดา เพื่อสารภาพผิดทุกอย่างที่เจ้าตัวได้กระทำลงไป จากนั้นจึงขอร้องให้นางจันทราช่วยเป็นกาวใจประสานความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับพี่ชายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เพิ่มอีกหน่อยตรงที่ขอให้ท่านช่วยบอกพี่ชายด้วยว่าไม่ต้องมารับ เพราะเจ้าจันทร์จะอยู่ที่นี่ เพื่อทำรายงานที่ค้างส่งให้กับอาจารย์ และจะกลับบ้านหลังจากนี้ไม่เกินสามวันนางจันทรารับปากลูกสาว แล้วบอกให้เจ้าจันทร์รอสายจากท่านอีกครั้งก่อนจะวางสายลง แล้วหลังจากนั้นไม่เกินครึ่งชั่วโมง นางจันทราก็โทรกลับมาบอกกับลูกสาวว่า หากพี่จอมทัพลดระดับความโกรธลงมาได้เมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นเจ้าจันทร์ก็ค่อยกลับไปกราบขอโทษพี่ชายอีกทีเป็นลูกรักของแม่นี่มันดีอย่างนี้นี่เอง...หลังจากที่ได้คุยโทรศัพท์กับมารดาจบลงไปแล้วนั่นแหละ เจ้าจันทร์ถึงได้พรูลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกโล่งใจ และขอสัญญากับตัวเองไว้ว่า ต่อไปนี้จะไม่ทำตัวงี่เง่าและเอาแต่ใจ จนทำให้คนเป็นมารดาและพี
หลังจากจอมทัพเข้าห้องฝ่ายปกครองไปได้ไม่ถึงหนึ่งนาที ก็มีผู้ปกครองของข้าวปุ้นเดินสับเท้าตรงเข้ามาหากลุ่มของใต้ฝุ่นที่ยืนรอหญิงสาวอยู่หน้าห้อง ของฝ่ายปกครองพอดี ทุกคนจึงพากันยกมือไห้ว ในขณะที่อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับพร้อมกับมีคำถามตามมาว่า“ใครมันกล้ารังแกน้องสาวของเจ้ เจ้จะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด!...ไหนมันอยู่ไหนวะ!?”มาสไตล์นักเลงพอกันกับน้องชาย ราวกับถ่ายเอกสารกันมา...และแน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้มีสถานะเป็นพี่สาวแท้ๆ ของใต้ฝุ่น และข้าวปุ้นก็ยังมีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ของเธอนั่นด้วย อีกทั้งยังช่วยลงชื่อเป็นผู้ปกครองแทนคนเป็นแม่แท้ๆ ที่ทิ้งลูกสาวของตัวเองทันที หลังจากที่ได้รับเงินจากทางบ้านของใต้ฝุ่นเป็นค่าตอบแทนก้อนใหญ่ โดยแลกกับการที่ไม่ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับลูกชายคนเล็กของบ้าน ที่ดันไปพรากผู้เยาว์ลูกสาวเขามานั่นแหละ “เจ้หยก!หนูอยู่นี่ค่ะ...”ใต้ฝุ่นยังไม่ทันได้ตอบคำถามคนเป็นพี่ ก็มีเสียงใสของข้าวปุ้นเอ่ยแทรกขึ้นมาอยู่หน้าประตูห้อง สายตาของทุกคู่จึงไปกองรวมกันอยู่ที่เดียวทั้งๆ ที่บนข้างแก้มของเจ้าตัวก็มีรอยแดงของนิ้วมือทั้งสองข้าง แต่เจ้าของร่างบางก็ยังมีรอยยิ้มสดใสให้กับทุกคนได้ด
คันศร...ไม่ได้เป็นห่วงว่าเจ้าจันทร์จะถูกพวกของกอหญ้ารุมทำร้าย เพราะเขารู้ว่ามันเอาตัวรอดได้อยู่แล้วด้วยทักษะการต่อสู้อย่างที่รู้กันดี แต่เรื่องนี้ดันไปถึงห้องของฝ่ายปกครองนั่นต่างหาก ที่น่าเป็นห่วงมันมากที่สุดส่วนใต้ฝุ่น...รู้สึกเป็นห่วงข้าวปุ้นมาก เพราะนอกจากมันจะตัวเล็กยังกะลูกแมว แล้วใจมันยังกล้าบ้าบิ่นพอกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้คนทั้งคู่จะเป็นยังไงกันบ้าง?เหมือนโชกุนจะเดาทางได้ว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนกำลังคิดอะไร เจ้าตัวจึงไม่รอช้ารีบล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาเปิดข่าวที่ว่านั่น ให้พวกมันดูไปพร้อมๆ กันทั้งคู่พร้อมใจกันเงียบเสียงของตัวเองเพื่อดูวีดีโอภาพ ที่ถูกพาดหัวขึ้นเป็นข่าวท็อปไลน์ในกลุ่มของมหาลัย โชกุนแค่รู้ว่าคนที่ถ่ายภาพนี้มาได้นั้น มันกำลังนั่งในรถที่จอดอยู่บริเวณใกล้ๆ กันกับจุดเกิดเหตุนั่นพอดี“สัดเอ้ย! ตบหน้าเมียกูตั้งสองที กูจะเอาเรื่องพวกมันให้ถึงที่สุด”ใต้ฝุ่นสบถด่าหยาบคายโดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ ตอนที่เห็นกอหญ้ากล้าตบหน้ายายลูกแมวของเขา ที่เลี้ยงดูกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ จนกระทั่งข้าวปุ้นได้กลายเป็นสาวเต็มตัว อีกทั้งคนเป็นผัวอย่างใต้ฝุ่น ก็เคยทำให้มันเจ็บตัวแค่เพียงครั้งเดียว จา
ถึงจะบอกข้าวปุ้นออกไปอย่างนั้นแต่เจ้าจันทร์ก็เตรียมตั้งรับกับสถานการณ์ต่างๆ ราวกับคนที่ถูกสอนมาอย่างดี“จับมันไว้!”นั่นไง!...“...ไอ้ปุ้นระวัง!”“เฮ้ย!”เจ้าจันทร์ผลักข้าวปุ้นออกห่างพลางเบี่ยงตัวหลบไปอีกทางอย่างรู้จังหวะดี เมื่อมีนักศึกษาหญิงร่างใหญ่ทั้งสองนาง พุ่งตัวเข้ามาหาในเวลาอันรวดเร็ว แต่พวกมันก็ไม่สามารถคว้าจับร่างของเจ้าจันทร์เอาไว้ได้ ด้วยความไวที่เคยได้ฝึกมาจากคนเป็นพี่ชายที่ช่วยสอนให้มาตั้งแต่เธอยังจำความได้นั่นแหละแต่เมื่อเจ้าจันทร์หันไปมองรุ่นน้อง ก็เห็นว่ามันถูกคนของกอหญ้าจับยึดแขนเอาไว้ทั้งสองข้าง อย่างที่มันต้องการแค่สองคน ในตอนนั้นเข้าพอดีแต่มันก็ยังแสดงความมีน้ำใจ ด้วยการตะโกนบอกเจ้ของมันออกทันที“เจ้ไม่ต้องห่วงเค้า...รีบหนีไปเร็วๆ เข้า!”เจ้าจันทร์กรอกตามองบน ก่อนจะมองคนที่เหลืออยู่ แล้วเห็นว่าพวกนั้นต่างก็พากันยืนดูอยู่ห่างๆ ด้วยท่าทางกล้าๆ กลัว เจ้าจันทร์จึงค่อนข้างจะมั่นใจว่าคนพวกนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ“คุยดีๆ กันก่อนมั้ย?...กอหญ้า”เจ้าจันทร์เอ่ยถามเจ้าของใบหน้าสวยผุดผาดบาดใจแต่มีแววตาประสงค์ร้ายอยู่ในนั้นทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน เพียงแต่เจ้าจันทร์ไม่ต้อง
หลังเลิกคลาสเรียนในช่วงบ่ายข้าวปุ้นก็ได้โทรมาชวนเจ้าจันทร์ ให้ไปเป็นเพื่อนซื้อกีต้าร์ตัวใหม่ของตัวเองด้วยกัน เพราะใต้ฝุ่นดันติดทำรายงานกลุ่มส่งอาจารย์ ซึ่งก็คล้ายๆ กับคันศรนั่นแหละเจ้าจันทร์กับข้าวปุ้นเพิ่งจะเข้าเรียนมหาลัยปีหนึ่ง จึงพอจะมีเวลาว่างและมักจะชวนกันไปเดินห้างสรรพสินค้า หรือถ้ามีเวลาเหลือก็พากันไปดูหนัง อีกทั้งยังชอบไปฟังเพลงในงานคอนเสิร์ตของนักร้องที่ตนคลั่งไคล้ เพราะทั้งสองคนชอบดนตรีสไตล์เดียวกัน และก่อนจะกดวางสาย ข้าวปุ้นมันก็ได้ทิ้งระเบิดไว้ให้กับเจ้าจันทร์ลูกหนึ่ง(“เจ้เจ้า หนูมีข่าวใหม่ล่าสุดจะมาอัพเดทให้เจ้ฟังด้วยนะ”)“เรื่องไรวะ?”(“เจอกันแล้วเราค่อยเมาส์มอยกันดีกว่าค่ะ เดี๋ยวไม่มันส์...”) ภาษาไทยมันก็ดันเติมเอสมาได้นะ!“เออ...แกนี่มันขยันทิ้งระเบิดดีว่ะ”(“ระเบิดลูกเบ้งอ่ะ...เดี๋ยวจะเอามาฝากเพราะรักเจ้เท่านั้นค่ะ”)“???”ไอ้เด็กบ้านี่...แม่ง! โคตรปากเปราะ!...เพราะมันชอบบอกรักกันง่ายดายซะขนาดนี้ไง...ไอ้ฝุ่นมันถึงได้ไปไหนไม่รอด!เจ้าจันทร์กดสายทิ้ง ในขณะที่ยิ้มออกมาอย่างรู้สึกเอ็นดูมันราวกับน้องสาวแท้ๆ ที่สนิทสนมกันมานานตั้งแต่เจ้าจันทร์ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย
ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็ดันเข้ามาแทรกอี้ก...นี่มันเป็นวันห่าอะไรกันวะเฮ้ย!และนี่...มันก็คือวันโลกาวินาศของจริง!อย่าว่าแต่กอดเลย...จูบสักนิดก็ยังไม่เคย...แล้วไหงกอหญ้าถึงได้ตื้อกันไม่เลิกลายังงี้วะ?ที่คันศรมักจะคบหากับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า สาเหตุหลักมันก็มาจากเจ้าจันทร์เองนั่นแหละ แค่เขาอยากจะรู้ใจตัวเองว่านอกจากใบหน้าของเจ้าจันทร์แล้ว มันจะมีผู้หญิงคนไหนบ้างที่พอจะทำให้ชายหนุ่ม ลบภาพของเพื่อนรักออกไปจากหัวใจได้สักที แล้วท้ายที่สุดมันก็ไม่เคยทำได้เลยสักครั้งกระทั่งที่ผ่านๆ มาเวลาคันศรจะเลิกกับใครก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร จะมีก็แต่กอหญ้าที่กำลังทำตัวให้เป็นปัญหาเพียงคนเดียวเท่านั้น และคันศรก็ควรจะต้องสะสางมันอย่างจริงจังและได้แต่หวังว่าไอ้เจ้ามันคงจะเข้าใจ?รึเปล่าเหอะ!?“ใครโทรมา...แล้วทำไมแกถึงไม่กดรับสายวะ?”นั่นไงละ!คันศรสะดุ้งเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงของเจ้าจันทร์เอ่ยถาม พร้อมกับชะโงกหน้าตามเข้ามาดูหน้าจอ แล้วพอเห็นว่าเป็นชื่อกอหญ้าเท่านั้นละ...รู้มั้ยว่ามันอะไรเกิดขึ้น!?“สันดานผู้ชายยังไงก็คงจะเปลี่ยนกันไม่ได้จริงๆ ”เจ้าจันทร์ไม่โวยวายเลยสักหน่อย แต่ถอยห่างออกมาแล้วเอ่ยต่อจา