Mag-log inฉันถูกบังคับให้ต้องมาแต่งงานกับเขา เขาคนนั้นที่เคยนอกใจฉันไปเมื่อหลายปีก่อน
view morePrologue
1/3
Yanin Yaninthida Talk
ตีสามสี่สิบห้า เวลาที่ทุกคนควรจะนอนแต่ฉันยังนั่งจ้องนาฬิกาอยู่โดยไร้ความรู้สึกง่วงนอน เรทมาเกือบสองชั่วโมงสำหรับเวลาที่แฟนบอกว่าจะกลับ
เกือบสองชั่วโมงเลยนะ.....
“ที่รักยังไม่นอนอีกเหรอ” เสียงของแฟนทักเมื่อเห็นฉันนั่งอยู่ที่โซฟาตรงห้องนั่งเล่น เขาที่ดูจะมีท่าทางกรึ่ม ๆ จากเหล่าเดินเข้ามาหาก่อนจะออดอ้อนโดยการนอนราบไปกับโซฟาแล้ววางหน้าไว้ที่หน้าท้องฉัน “ตัวเธอหอมจัง ณินรอเตใช่ไหมคะ”
“อือ” ฉันตอบเสียงเบา
“อืออะไร ไม่อือนะคะ” เขาว่าด้วยเสียงที่ขึ้นจมูกก่อนจะถูแก้มไปกับหน้าท้องฉัน
“เธอกลับช้านะเต” ฉันมองนาฬิกาที่มือถืออีกรอบแล้วพบว่ามันเป็นเวลาเกือบตีสี่แล้ว
“มันติดลมอ่าเธอ เค้าคิดว่าเธอนอนแล้วเลยไม่ได้แชตบอก” ฉันถอนหายใจเสียงดัง เรื่องกลับช้ามันยังพอรับไหวนะเพราะฉันกับเขาก็หยวน ๆ กันได้เนื่องจากว่าเขาไม่ได้ออกมาเที่ยวบ่อย ๆ นี่นา “ถอนหายใจแรงทำไมเนี้ย โกรธเหรอ”
“ไม่ได้โกรธเรื่องกลับช้า” ฉันตอบเสียงเรียบ ๆ แต่มีอารมณ์ไม่พอใจผสมอยู่ ก่อนจะเปิดหน้าจอมือถือที่มีคลิปสตอรีไอจีที่เพื่อนเตถ่ายเอาไว้มาให้เขาดู “ไหนบอกว่าไม่มีผู้หญิงไปด้วยไง แล้วนี่อะไร”
“ไอ้ทริปแม่ง หางานให้กูอีกละ” เขาบ่นก่อนจะลุกขึ้นจากท่านอนหนุนหน้าท้องฉัน
“อ๋อ นี่คือไม่อยากให้ทริปถ่ายลงเพราะกลัวณินรู้เหรอ” ฉันมองเขาแวบหนึ่งก่อนจะเหลือบตาไปทางอื่น “ขอโทษแล้วกันที่เผลอเข้าไปดู”
“ณิน..... ไม่ใช่แบบนั้น” เขาขยับเข้ามาหาแต่ฉันก็ลุกขึ้นยืนแล้วหนีเข้าไปในห้องนอน “ณิน ใจเย็น ๆ มาคุยกันก่อนครับ”
“จะคุยหรือจะแก้ตัว” ฉันกอดอกมองแฟนอย่างเสียอารมณ์
“แค่บังเอิญเจอกัน ไม่ได้มาด้วยกัน แล้วเขาก็เป็นเพื่อนสมัยมัธยม” เขาพูดแล้วก็เข้ามาจับแขนฉัน แต่ฉันสะบัดออกอย่างแรง
“เหรอ ไม่มีอะไรเลย?” ฉันเลิกคิ้วแล้วถามเขาเสียงเข้ม
“ณินมันไม่มีอะไรจริง ๆ” เตเสียงเข้มขึ้นเพื่อพยายามให้ฉันอ่อนลงแต่ฉันก็ไม่
“ไม่มีอะไรแล้วทำไมต้องนัวเนียกันขนาดนั้น” ฉันจ้องเขม็งมองมือถืออีกครั้งซึ่งฉันก็กดกลับมาเพื่อหันหน้าจอไปทางเขาอีก เป็นการถ่ายคลิปบรรยากาศรอบ ๆ ในผับและเห็นเตกำลังคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งด้วยท่าทางใกล้ชิด และถ้ามองเผิน ๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากหอมแก้มเลย “แทบจะจูบกันอยู่แล้ว”
“บ้าปะ ในนั้นมันเสียงดังก็ต้องคุยกันใกล้ ๆ ดิ ก็บอกแล้ววุ้นเส้นเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมไง เตไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย” เขาจับเอวทั้งสองข้างของตัวเอง ก่อนจะใช้มือหนึ่งเกาหัวอย่างหงุดหงิด
“เออ ณินบ้า แต่เพื่อนกันมันจำเป็นต้องใกล้ขนาดนี้ไหมวะเต แล้วเธอก็เป็นคนบอกเองไหมว่าไม่มีผู้หญิงไปด้วย!” ฉันเท้าเอวตัวเองจ้องมองเขาด้วยแววตาไม่พอใจ
“ก็บอกว่าไม่ได้ไปด้วยกันแต่บังเอิญเจอกันไงวะ เคยไว้ใจเตบ้างปะณิน” เขาเล่นบทนี้อีกแล้ว
“มันไม่ใช่ความไว้ใจหรือไม่ไว้ใจเว้ย คือเตโกหกเค้าไง” ฉันเอียงคอมองเขา “แล้วในคลิปอะก็ไปเต้นกันอยู่สองคนไม่ใช่เหรอเต”
“คนอื่นก็อยู่!” เขาตอบกลับมาเสียงดัง
“แต่ที่เห็นคืออยู่ใกล้กันสองคนไง” ฉันบอกเขาพร้อมกับจ้องเขาอีกครั้งก่อนจะสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ “แล้วที่บอกว่าจะกลับตีสองคืออะไร ล่อไปเกือบตีสี่ ติดลมหรือติดอย่างอื่นกันแน่”
“เออ แล้วแต่จะคิดเหอะณิน อยากจะคิดอะไร อยากจะเข้าใจยังไงก็เชิญ” เขาโวยก่อนจะถอนหายใจ แล้วทำท่าทางฮึดฮัดใส่ฉัน “โคตรเบื่อเลยว่ะ กลับมาทีไรก็ทะเลาะกันเรื่องงี่เง่าไร้สาระตลอดเลย อะไรใจจะไม่ไว้ใจกันขนาดนั้น”
“เออ เบื่อเหมือนกันแหละที่ต้องมานั่งหาเหตุผลอะไรมากมายมาหักล้างให้เธอเวลาที่เธอทำผิดอะ” ฉันกลืนก้อนแข็ง ๆ ลงคอก่อนจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ “ถ้าไม่ทำตัวแบบนี้ก็คงไม่ระแวงหรอก”
ฉันรักเตมากนะ แล้วก็พยายามที่จะไม่อะไรกับเขา แต่ก็เพราะรัก เพราะห่วงถึงเป็นแบบนี้ แต่เตก็ชอบทำตัวให้ฉันระแวงเขาตลอดไง
“ถ้าเตมันจะไม่ดี มันจะทำให้ณินระแวงขนาดนั้นก็ห่างกันไหมณิน” เขาโพล่งออกมาราวกับคนเหลืออดทำให้ฉันนิ่ง และอึ้งกับคำพูดของเขา “ตอนนี้เราสองคนแม่งโคตรจะพังเลยว่ะ ห่างกันไหมเผื่ออะไรจะดีขึ้น จะได้ทบทวนตัวเองไปเลยว่ายังอยากมีกันและกันไหม”
“.....” ฉันยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นและมองเขาค้างเอาไว้
“เตเหนื่อย เหนื่อยที่ต้องคอยทะเลาะกับเธอเรื่องเดิม ๆ อยู่ได้” คำพูดเขามันทิ่มแทงใจฉันมากจนฉันอยากจะร้องไห้ออกมา แต่ฉันกลั้นมันไว้
“จะเอาอย่างนั้นเหรอ” ฉันถามเสียงเข้ม
“เออ เอาแบบนั้นแหละ!” เขากระแทกเสียงใส่ฉันซ้ำอีกครั้ง “เตรักเธอนะเว้ย แต่เตก็เบื่อที่ต้องมาคอยทะเลาะกับเธอเรื่องไม่เป็นเรื่องตลอด”
“เรื่องไม่เป็นเรื่องตรงไหนเต ในเมื่อเรื่องทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเธอที่ไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นอะ” ฉันน้ำตาร่วงลง เขามองว่าเรื่องที่เราทะเลาะกันมันคือเรื่องไม่เป็นเรื่องเหรอ “ถ้าเค้าไม่รักเธอมากเค้าก็คงไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องพวกนี้หรอก ใครจะเหมือนเธอที่ไม่เคยสนใจเค้าเลยว่าจะรู้สึกยังไง”
“พอเหอะณิน พูดไปก็จะทะเลาะกันเปล่า ๆ เตจะกลับคอนโดเตละ” เขาว่าแล้วเดินไปหยิบของใส่กระเป๋าและถุงกระดาษลวก ๆ รวมถึงใส่อารมณ์ด้วย
“จะห่างจริง ๆ ใช่ป้ะ” ฉันถามย้ำกับเขาอีกครั้ง
“ใช่ ห่างกันไปเลยจะได้รู้ว่าตอนมีกับไม่มีอะไรมันจะดีกว่ากัน”
Fly like a butterfly– IV3/3Tey Techaphon Talk“นั่นอะไรน่ะ” ผมสะดุ้งเฮือกตอนที่ญาณินทัก จนกระทั่งต้องหยุดการขยับตัว “เมื่อกี้รูปอะไร เห็นนะ เปิดกลับมาเดี๋ยวนี้เลย”“อะไร ไม่มีอะไรเลย” ผมพูดแล้วก็พยายามกดกากบาทรูปออกแต่ณินเลือกเก้าอี้มาหาแล้วคว้าเม้าท์ออกจากมือผมไปคลิกเองวันนี้ญาณินออกมาทำงานของนอกออฟฟิศ ผมเลยให้ณินแวะมารับผมที่สตูดิโอเพื่อที่จะพาไปเลือกสูทด้วยกันใกล้จะถึงแฟชั่นโชว์ของญาณินที่จะจัดขึ้นแล้ว เธออยากให้ผมไปออกงานกับเธอเป็นงานแรกทั้งเปิดตัวแบรนด์และเปิดตัวแฟนด้วยโฮ๊ะ ๆ ๆ แฟนผมน่ารักไหมล่ะ“เอามือออก” แม่นายส่งผมแล้วจ้องหน้า“มันไม่มีอะไร” ผมย้ำอีกแต่ญาณินเบ้ปากแล้วก็คลิกรูปที่ผมพึ่งกดปิดไปขึ้นมา พอเธอเปิดแล้วเลื่อนดูก็หันหน้ามามองผมพร้อมกับสายตาตั้งคำถาม“เป็นสต๊อกเกอร์เหรอเต” เธอว่าแล้วจ้องหน้าผมอีก เธอคงหมายถึงผมเป็นโรคจิต ถ้ำมอง แอบมองล่ะมั้ง ถึงมันจะเข้าข่ายไปหน่อย ๆ แต่ก็ไม่ถือว่าใช่ทั้งหมดนะ เพราะผมไม่ได้ตามเธอสักหน่อยนี่นา มันก็แค่เรื่องบังเอิญที่ผมตั้งใจก็เท่านั้นเอง“เปล่าสักหน่อย กาแฟตรงคาเฟ่หน้าออฟฟิศของเธอมันอร่อยดีเตเลยไปดื่มบ่อย ๆ แค่นั้นเอง” ผมพยายามพูด
Fly like a butterfly– IV2/3ช่วงเย็นฉันกับเตมาซื้อของในซูเปอร์มาเก็ตเพื่อทำอาหาร วันที่ไปทานข้าวบนเรือฉันขอบคุณเตเรื่องที่เขาช่วยพาฉันไปหาหมอ แล้วฉันก็ได้รู้ว่าที่เตไม่ได้ไปเยี่ยมก็เพราะเขาต้องไปต่างประเทศแต่วันที่เตพาฉันไปส่งโรงพยาบาลเขาก็นั่งรอกับพี่วินจนฉันเข้าห้องพักฟื้นถึงได้กลับตอนที่ฉันถามว่าอยากให้ฉันทำอะไรให้แทนคำขอบคุณที่เขาช่วยเตบอกว่าอยากทานข้าวกับฉันอีก ฉันก็ตกลงนะแต่เตก็พึ่งมาบอกวันนี้ว่าอยากให้ฉันทำอาหารให้เขาทาน“เต” ไปหยิบยางรัดผมในกระเป๋าให้หน่อยได้ไหม ฉันบอกเตตอนที่กำลังแกะห่อเส้นสปาเกตตีเพื่อจะต้มเส้นฉันปล่อยผมไว้แต่ถ้าทำอาหารแล้วปล่อยผมมันก็จะไม่ถูกสุขลักษณะ แล้วก็น่ารำคาญด้วย เขาเดินไปตามคำขอของฉันแล้วก็มาหยุดยืนข้างหลัง“ณินทำเองก็ได้” ฉันพูดเพราะเขารวบผมฉันขึ้นก่อนจะมัดรวบเป็นหางม้าให้“เคยทำให้ออกบ่อย” เตพูดแล้วก็ฉวยโอกาสกอดฉันจากทางด้านหลัง“นี่ อย่ามารุ่มร่าม” ฉันบ่นแล้วก็หันไปจะดุเขา หากแต่ว่าเตก็ไวกว่าดันฉันให้หันหน้ามาตรงกันก่อนจะขยับตัวจนฉันชิดกับโต๊ะวางของ“ทำไมจะรุ่มร่ามไม่ได้ในเมื่อณินคืนดีกับเตแล้วนี่” เขายิ้มกวน“ไม่ใช่สักหน่อย ยังไม่ได้บอกว่าให
Fly like a butterfly– IV1/3เตทำไมต้องเป็นคนแบบนี้นะ ถ้านิสัยไม่ดีไปเลยฉันก็คงไม่แอบมารู้สึกผิดทีหลังแบบนี้หรอก แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าหลังจากการหย่าร้างไปทุกอย่างก็คือจบก่อนหน้านี้ฉันก็มีความคิดอยากมูฟออนไปข้างหน้าเหมือนกัน แต่ยังไม่เจอจังหวะที่ใช้ และยังไม่ได้เจอคนที่ถูกใจจนมาได้ยินคำพูดพวกนี้ของเต เขาดูไม่ได้เป็นคนจมปลักนะแต่ดูเหมือนอยากเดินไปข้างหน้าพร้อมกันกับฉันมากกว่า“ว้าย โอ๊ย” ฉันเซถลาตอนแมวของแม่เตกระโดดผ่านฉันเข้าไปยังหน้าต่าง ฉันไม่รู้ว่าข้าวเหนียว แมวของแม่เตมาอยู่ด้านหลังฉันเมื่อไหร่ แต่ว่ามันก็เป็นชั้นวางของที่แมวสามารถปีนได้ แล้วเดาว่าข้าวเหนียวแมวอ้วนคงปีนลงมาจากตรงนั้นแน่เลย“ใครน่ะ” แม่ของเตส่งเสียงมา แต่ฉันที่นั่งแอ้งแม้งอยู่บนพื้นกระเบื้องก็ลูบหัวตัวเองปอย ๆ เพราะเซไปชนไม้กวาดทางมะพร้าวจนมันฟาดหัวเข้า“หนูเองค่ะ ญาณิน” ฉันส่งเสียงแล้วก็เหมือนจะได้ยินเสียงคนวิ่งออกมา“ณิน” เป็นเตเอง เขารีบมาประคองฉันขึ้นแล้วก็ทำหน้างง ๆ ใส่ “มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอก”“ไม่นานหรอก” ฉันว่าแล้วทำหน้าแหยง ๆ ใส่เตก็มองหน้าฉัน“หัวโนเลยเธอ” แหงสิไม้กวาดด้ามเกือบเท่าสองนิ้วมันล้มม
Fly like a butterfly– III4/4“เธอถูกชดใช้ไปแล้ว” หลังจากฉันได้รับการบำบัดสภาพจิตใจ ฉันก็คิดว่าการที่ได้แก้แค้นเตคือจุดปลดล็อกความแค้นของฉันไปแล้วฉันไม่รู้ว่าจะต้องยึดติดไปทำไมเพราะสุดท้ายคนที่ต้องรับเอฟเฟคความเจ็บปวดมากที่สุดก็คือฉันเองอยู่ดีฉันพยายามปล่อยวางให้มากขึ้น พยายามเดินไปข้างหน้าให้มากขึ้นเท่าที่จะทำได้แล้ว“ไม่ว่าเตจะคิดหาทางไหนแก้ไขความผิดของตัวเอง แต่ผลลัพธ์สุดท้ายที่เตต้องการที่สุด แล้วก็เป็นสิ่งเดียวที่เตอยากได้คือการได้อยู่กับเธอแค่นั้นจริง ๆ” เขายิ้มออกมาแล้วตาเขาก็เป็นประกายด้วยน้ำตาที่คลอ แต่มันก็ไม่ได้หยด “เห็นแก่ตัวเนอะ”“.....” ฉันไม่ได้ตอบเพราะพูดอะไรไม่ออก“ตั้งแต่วันที่เลือกจะทิ้งณินไปด้วยวิธีโหดร้ายในวันนั้น เตก็ลงโทษตัวเองโดยการไม่มูฟออนจากเธอ ไม่เคยมอง ไม่เคยคิดผู้หญิงคนไหนเลยนอกจากเธอ” มันเหมือนการสารภาพรักไหมนะ “เธอจะไม่เชื่อก็ได้แต่เตไม่เคยเปิดใจให้ใครเลยตลอดห้าปีที่ผ่านมา แล้วก็หลังจากหย่ากันปีกว่าเตก็ไม่เคยมองเหมือนกัน”“ญาณินมันมีดีอะไรนักหนานะ” ฉันพูดเพื่อให้สถานการณ์มันผ่อนคลายลงกว่าเดิม“ญาณินคนนั้นทั้งสวย ฉลาด เวลายิ้มโลกก็สดใส ทำอาหารอร่อย เย็