LOGINเพื่อนสนิท ? ถือกระเป๋าให้ เดินจับมือกัน งอน!เวลามีคนอื่นมาจีบ ให้ดอกไม้วันวาเลนไทน์ (ช่อใหญ่เบ้อเร่อ) พีคสุด! เพื่อนสนิทจดทะเบียนสมรสกันแล้ว… ยังไงดีล่ะ เพื่อนสนิทกี่โมงดี
View MoreSet : Princess of Engineering
1 วิศวะรักเพื่อน (My heart) NC18+ พระผู้เป็นเจ้าครับ ช่วยฟังคำภาวนาของผมที ระยะเวลาต่อจากนี้ ขอให้ท่านช่วยปกป้องใจเธอคนนี้ ขออย่าให้มีชายใด ได้ใจเธอไปครอง จนกว่าจะถึงวันเวลาที่เหมาะสม ให้ผมได้กลับมาเคียงข้างเธออีกครั้ง ธีร์ ภูวินทร์ อัศวศิริธรากุล วิศวกรรมศาสตร์ ปี 3 อายุ 21 ปี ผู้นำกระกูล อัศวศิริธรากุล ฉายา : หมาใหญ่ขี้หวง (หวงของรักจนเพื่อนเรียกไอ้หมา หึงกัดคนอื่นไปทั่ว) เขาคนนี้ หล่อ รวย มีความสามารถในด้านการทำธุรกิจ เจ้าของบริษัทเทคโนลัส บริษัทยักษ์ใหญ่อันดับต้นๆของประเทศ แต่ดันอ่อนหัดในเรื่องความรัก! “เพื่อนก็เหี้ยแหละ กูผัวฟอนต์เว๊ย” ฟอนต์ นลินญา อัศวศิริธรากุล คณะเทคโนโลยีการอาหาร ปี 3 อายุ 21 ฉายา : ดาวบนฟ้า (เพราะสวยยิ่งกว่าดาวคณะ) เธอคนนี้ สวย น่ารัก ขี้อ้อน ชอบทำขนมหวานเธอมีแววตาสีนิลใสเพียงมองสบตาเมื่อไหร่เป็นอันต้องมนต์สะกด ยากที่จะละสายตาจากคู่นี้ไปได้ มีความสามารถในการทำขนม แต่มืดบอดในการทำอาหาร เจ้าของร้านคาเฟ่พักพิง “ลูกเขามีพ่อมีแม่นะ ได้แล้วก็ต้องรับผิดชอบสิ!” เราทั้งคู่ผูกพันกันมาโดยตลอด จนกระทั้งช่วงเวลาหนึ่ง เขา...หายไปจากเธอ...แต่เขาโหยหาเธอมาตลอด ธีร์ : ที่ผ่านมา...จนถึงทุกวันนี้ เค้าผ่านมันมาได้เพราะคิดถึงเธอ และ เธอ...ไม่มีเขาข้างกาย ปากบอกไม่คิดถึงเขา... แต่กลับทำเค้กวันเกิดรอเข้าทุกปี ฟอนต์ : Happy Birthday นะ...ขอให้เขาคนนั้นกลับมา อย่างปลอดภัย ⚙️⚙️⚙️⚙️⚙️⚙️⚙️⚙️⚙️⚙️ คำเตือน นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม มีคำพูดที่หยาบคายไม่สุภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และแสดงความคิดเห็นด้วยวาจาที่สุภาพนะคะ เนื้อหาในนิยายเรื่องนี้ล้วนเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีใดๆ อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ไม่แนะนำให้ลอกเลียนแบบการกระทำตามนิยายค่ะ ขอให้อ่านใย้อนกลับไปเมื่อช่วง ม.4 “แม่ฝากซื้อเข็มหมุดปักบอร์ดหน่อยลูก” เข็มหมุดที่ว่านั่นแม่จะเอาไปปักโพสอิทให้ลูกค้าเขียนในวันวาเลนไทน์ จำได้แม่นเลยว่าเข็มหมุดที่ซื้อวันนั้นเป็นสีชมพูพิง ซึ่งมันควรจะไปปักที่บอร์ด แต่....ระหว่างทางที่กำลังกลับคาเฟ่พักพิงนั้น มันกลับไปปักอยู่ที่ล้อรถมอเตอร์ไซต์เวสป้าคันสีดำคันหนึ่ง คิดว่าน่าจะพึ่งออกใหม่ซะด้วยสิ ดูจากสีรถ เงาวับสะท้อนเเสงระยิบระยับแยงตาไปหมด ส่วนตัวฉันนั้นได้นั่งพับเพียบยิ้มแห้งงงงงให้เจ้าของรถ “ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจอ่ะ เราสะดุดล้มเข็มหมุดมันก็......เลยกระโดดไปไกล.....ไปหน่อย แฮะๆ” คิดว่าไม่หน่อยนะเกลื่อนถนนเลย ปักล้อรถเขาน่าจะถึง 10 อัน ได้มั่ง ^^! “ขอโทษด้วยค่ะ” ฉันรีบลุกวิ่งไปเก็บหมุดก่อนเลย เพราะว่ากลัวรถคันอื่นจะเหยียบเข้าอีก ยังดีที่ถนนช่วงเวลานี้ไม่ค่อยมีรถขับผ่าน “หื้มมม?” “เดี๋ยวช่วยเก็บ” “ไม่เป็นไร นายรอก่อนนะเดี๋ยวเราจะโทรหาแม่เรียกช่างเอารถไปส่วนค่าซ่อมเรารับผิดชอบเอง” ฉันก้มเก็บหมุดไปพูดไป “ขาเธอ เลือดออก” “ห๊ะ อ้าววว.... T^T….เจ็บ” พอก้มลงดูแผลเท่านั้นแหละเจ็บขึ้นมาเลย ฮือออออน้ำตาซึมค่ะงานนี้ ทว่า แขนบางถ
ย้อนกลับไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว “ธีร์ยิ้มหน่อยยยยย” แชะ แชะ “ชิ ยิ้มให้กล้องหน่อยก็ได้นะเวสป้า” ร่างบางในชุดนักเรียนมอปลาย ผมทักเปียมัดรวบขึ้นผูกโบสีขาว ในมือเธอถือกล้องถ่ายรูปอันใหม่ที่เธอรักมาก เพราะพ่อซื้อให้เป็นรางวัลที่เธออัพเกรดได้สูงขึ้นกว่าเทอมที่แล้ว และเธอกำลังเห่อของชิ้นนี้มาก ซึ่งตอนนี้เธอกำลังยู่ปาก ขมวดคิ้วบ่นเขาอยู่ “ยิ้มให้ฟอนต์หน่อยไม่ได้เหรอ นะ น้าาา พลีสสสส~” “ถ้าธีร์ยิ้มธีร์จะได้อะไร” “โห้ มันยากขนาดนั้นเลยรึเจ้าคะ” “งั้นไม่ยิ้ม” “อ่าาาาา ก็ได้ว่ามา” ถ้าไม่ใช่เพราะว่า โมโม่หรือเจ้าจอม ห้อง 7 ขอมานะ ฉันจะไม่ยอมแลกเด็ดขาด หื้ย! ย้อนกลับไปเมื่อตอนพักกลางวัน ในขณะที่เธอกำลังรอธีร์ไปซื้อน้ำให้อยู่นั้น....... “ฟอนต์จ้า โมโม่รู้นะว่าช่วงนี้ฟอนต์อยากได้ มัมมี่ฮา” ฟุดฟิด (-__-) กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูฉันพร้อมเป่าลมเข้าจมูก ทุกคนฟังไม่ผิดหรอกค่ะ จมูกฉันจริงๆ ไม่ใช่หู กลิ่นใบกะเพราเต็มๆ กูจะไม่กินผัดกะเพราไปตลอดชีวิต “มันนี่รึเปล่าโมโม่ money” “yessss โมโม่มีงานให้ทำ” แกไปแปรงฟันก่อนไหมยัยโมโม่ แต่ไม่เป็นไรเพื่อเงิน เอ๊
ตุบ ปัง! เอี๊ยดดดดดดดดดด! ผมกำลังคุยกับไอ้ติน จู่ๆก็เกิดเสียงกระแทกบางอย่างดังขึ้น ไอ้ตินกำพวงมาลัยเเน่น เหยียบเบรกพยายามควบคุมรถ ในขณะที่ไฟจราจรได้แจ้งสัญญาณไฟเขียวอยู่นั้น ก็ได้มีรถฝั่งตรงข้ามพุ่งชนเข้าด้านขวารถอย่างแรง ยังดีที่มันประคองรถไว้ได้ “เชี่ยยยยย! ซวยแล้ว คุณธีร์เป็นอะไรไหมครับ” “ไม่เป็นไร มึงละบาดเจ็บตรงไหนไหม” “ไม่เป็นไรครับคุณธีร์.....อ้าว คูณธีร์หาย” เขาที่เห็นว่าตินปลอดภัยแล้ว แต่เหมือนว่ารถที่พุ่งชนรถเขานั้นดูท่าจะไม่ดี เลยรีบวิ่งลงจากรถทุบกระจกเรียกคนขับข้างใน ตุบ ตุบๆ ๆๆ “คุณ คุณ! ได้ยินเสียงผมไหม” ตุบ ตุบ ตุบ “คุณตื่น! ปลดล็อกประตู!” ผมตะโกนเรียก เคาะกระจกประตูรถเรียกคนข้างในอย่างร้อนรน เพราะกระจกรถดำทึบ ผมมองเห็นได้แค่เพียงแค่ร่างคนฟุบอยู่กับพวงมาลัยรถ คิดว่าน่าจะบาดเจ็บจากเเรงกระแทกเมื่อกี้ เอาไงดีวะทุบกระจกเลยดีไหม “รถกู้ภัยกำลังมาครับคุณธีร์” ไอ้ตินรีบวิ่งตามผมหน้าตื่น “ตินถอย กูจะพังกระจก” “ห๊ะ คุณธีร์จะพังยังไงครับ อย่าบอกนะ เชี่ยเอ๊ย!” มันสถบออกมาอย่างไม่เชื่อ ใช่ครับผมจะทุบมันให้แตกด้วยมือเปล่า เพราะผมรอไม่ได้แล้ว ไม่รู้สิครับค
ณ สนามบิน ผมกำลังเดินลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากทางออก มองภาพตรงหน้านิ่งภายใต้แว่นตาสีชา “คุณธีร์ ทางนี้ครับ” ได้ยินเสียงไอตินร้องเรียกเสียงดัง มันเห็นผมยกยิ้มร่ารีบเดินเข้ามาใกล้ “ไง ตินไม่เจอกันนานเลย สบายดีนะ” “สบายดีครับคุณธีร์ โห้ ไปอยู่ต่างประเทศตั้งหลายปี หล่อขึ้นนะครับ แต่น้อยกว่าผมนิดหนึ่ง” “เออยอมวะ มึงหล่อ” ผมยิ้มส่ายหน้ายอมใจกับมันที่ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ความหลงตัวเองไม่เปลี่ยน “ฮ่าฮ่าฮ่า ไปกันครับคุณท่านบ่นคิดถึงคุณธีร์ทุกวันเลย” “ที่พูดมา มึงคิดแล้วใช่ไหม” ผมเลิกคิ้วถามไอติน อย่างพ่อผมน่ะเหรอบ่นคิดถึง หึ ขนลุกว่ะ “ไปถึงนายก็จะรู้เองครับ” ว่าเสร็จตินรีบช่วยผมยกกระเป๋าไปเก็บข้างในรถ อ่า...พ่อจัดรถใหม่อีกแล้ว ครั้งนี้เล่นของแรงซะด้วย BMW 8 “คันใหม่ของคุณท่านเป็นไงครับ อย่างงามเป็นบุญไอตินมากที่ได้ขับ” “เฉยๆ วะ กูชอบนินจามากว่า” “เชื่อครับ เล่นข้นมาจากสวิตเซอร์แลนด์ตั้ง 3 คัน” “แค่ 3 คันเหรอวะ” ผมให้เอามาไทย 6 คันนะ อย่าบอกนะว่าปู่ให้เอามาแค่นี้ เชี่ยแต่กูขอแล้วไง “ครับ ตอนนี้จอดอยู่ที่บ้าน” “จอดอยู่บ้านทำเชี่ยอะไร” ทำไมไม่มาจอดอยู่คอนโดกูวะ กูส