Share

บทที่ 10

Penulis: เฉิงกวงโฮ่วถู่
ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยเจี๋ยก็เดินเข้ามาจากด้านนอก

ทันใดนั้น แขกเหรื่อภายในงานต่างก็ลุกขึ้นยืน

รัศมีอันทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเซี่ยเจี๋ย ทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

"คุณเซี่ย!" จ้าวจางรู้สึกประหลาดใจและรีบเดินเข้ามาหา "คุณมาได้ยังไง?"

ใบหน้าของจ้าวเฉียนปรากฏรอยยิ้มกว้าง "คุณเซี่ยมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับพ่อของผมในวันเกิดเขาสินะ?"

แขกเหรื่อหลายคนมองจ้าวจางด้วยความอิจฉาเมื่อได้ยินเรื่องนี้

การที่เซี่ยเจี๋ยมาร่วมแสดงความยินดีในวันเกิดด้วยตัวเองเช่นนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!

หากเปรียบตระกูลจ้าวเป็นงู เซี่ยเจี๋ยก็คือมังกรใหญ่

การบดขยี้ตระกูลจ้าวให้สิ้นซากเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา เพียงแค่ดีดนิ้วทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากองได้ทันที

เมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวจางที่ยื่นมือออกมา เซี่ยเจี๋ยมีสีหน้าเย็นชาและไม่ได้แสดงทีท่าใดใด "มีค่าพอจะจับมือกับฉันด้วยเหรอ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวจางแข็งค้างไป

แขกเหรื่อหลายคนก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เขาไม่สนใจใบหน้าบอกบุญไม่รับของจ้าวจาง เซี่ยเจี๋ยเดินผ่านเขาและโค้งคำนับต่อหน้าเย่ซิวด้วยความน้อมนอบ

"ในที่สุดฉันก็ได้พบผู้มีพระคุณของฉันแล้ว"

ตู้ม!

ราวกับมีหินก้อนยักษ์ถูกโยนลงมาในทะเลสาบอันเงียบสงบ ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่หลายระลอก

สายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อคู่หนึ่งจ้องมองไปที่เย่ซิว

เด็กนี้เป็นใครมาจากไหน เขาถึงทำให้เซี่ยเจี๋ยโค้งคำนับให้ได้?

เย่ซิวรู้สึกประหลาดใจ "คุณมาได้ยังไง?"

เซี่ยเจี๋ยหัวเราะ "ฉันได้ยินมาว่าผู้มีพระคุณจะมาที่นี่ ฉันกลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นกับเธอ จึงมาดูเสียหน่อย ไม่คาดคิดเลยว่า ... "

เขาหันไปมองจ้าวจางและตำหนิอย่างรุนแรง "ตระกูลจ้าวของคุณกล้าหาญมาก แม้แต่ผู้มีพระคุณของฉัน ก็ยังกล้าข้ามหัวเขา!"

ทุกคนในตระกูลจ้าวรู้สึกหวาดกลัวทันที

ใครจะคิดเหล่าว่าเด็กหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งจะความสัมพันธ์กับผู้สง่างามอย่างเซี่ยเจี๋ย?

สิ่งนี้ทำเอาแขกเหรื่อหลายคนอิจฉาตาร้อน

ในสายตาของพวกเขา เย่ซิวคงโชคดีที่ได้ทำการช่วยเหลือเซี่ยเจี๋ยในระหว่างทาง

จากนั้นเซี่ยเจี๋ยคงรู้สึกซาบซึ้งที่ไดัอีกฝ่ายช่วยเหลือ

สีหน้าของจ้าวจางเปลี่ยนไปมาไม่หยุด

หลังจากไตร่ตรองสถานการณ์ตรงหน้า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตเขา ในไม่ช้าเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา "โอ้ ที่แท้เขาก็เป็นผู้มีพระคุณของเซี่ยเจี๋ยนี่เอง ฉะนั้นก็ถือว่าเขาเป็นแขกเหมือนกัน”

“ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ต้องขออภัยสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย"

"สายไปแล้ว" การแสดงออกของเย่ซิวเย็นชา "เตรียมตัวล่มสลายไปเสียเถอะ"

หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกไปข้างนอก "คืนนี้เวลาเที่ยงคืน ฉันจะมาหาตระกูลจ้าวด้วยตัวเอง ถ้าไม่กลัวตายก็รอแล้วกัน"

วันนี้เป็นวันที่แปดแล้ว เขาต้องไปที่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงเพื่อรายงานตัวก่อน

จากนั้นค่อยมาแก้แค้นตระกูลจ้าว

สำหรับคำพูดที่ว่าเขาจะมาเพียงลำพังก็เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลจ้าวหนีไป

เซี่ยเจี๋ยตกตะลึง "ผู้มีพระคุณ เธอจะไม่ให้ฉันลงมือเหรอ?"

ขณะที่เขาพูดรัศมีอันแข็งแกร่งก็แผ่กระจายออกมาจากตัวเขา

นี่คือพลังอันยิ่งใหญ่อันของจอมยุทธ์ระดับสี่!

ทันใดนั้น แขกทุกคนในห้องโถงก็ตัวสั่น ความกลัวฉายขึ้นในแววตาของพวกเขา

"พละกำลังของเซี่ยเจี๋ยฟื้นคืนแล้วอย่างนั้นเหรอ?"

"ว้าว ตระกูลเซี่ยกำลังจะผงาดขึ้นอีกครั้งแล้ว!"

"เซี่ยเจี๋ยดูอ่อนกว่าวัยมาก!"

ในทางกลับกัน คนในตระกูลจ้าวกลับมีใบหน้าซีดราวกับกระดาษ

แม้ว่าหลังจากเซี่ยเจี๋ยสูญเสียวรยุทธ์ไป แต่เขาก็ยังทรงพลังงานเป็นอย่างมาก

นับประสาอะไรกับตอนที่วรยุทธ์ของเขาฟื้นกลับมาเช่นนี้ กลัวว่าแค่มือเพียงข้างเดียวก็สามารถทำลายตระกูลจ้าวทั้งหมดลงได้

เย่ซิวโบกมือ "ไม่จำเป็น ผมสามารถจัดการกับตระกูลเล็ก ๆ นี้ได้เพียงตัวคนเดียว"

เขาไม่ชอบติดหนี้บุญคุณคนอื่นมาโดยตลอด

เมื่อได้ยินดังนั้นเซี่ยเจี๋ยก็ไม่กล้าขัดอะไรมากนัก ในเมื่อผู้มีพระคุณพูดเช่นนี้แล้ว เขาจะต้องสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตนเองอย่างแน่นอน

เขาสะบัดแขนเสื้อและมองจ้าวจางแวบหนึ่ง "ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ!"

เขาตามเย่ซิวไปทันทีและทั้งสองก็หายไปจากสายตาแขกเหรื่อในงานไวปานสายลม

ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก สีหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวอย่างไม่น่าดู

แม้ว่าเซี่ยเจี๋ยจะรับปากว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง แต่ตระกูลจ้าวก็ทำให้เซี่ยเจี๋ยขุ่นเคือง

จ้าวเฟิงมองไปที่จ้าวจางด้วยใบหน้าซีดเซียว "คุณปู่ เราควรทำยังไงดี?"

จ้าวจางเรียกสติกลับมาได้และตะคอกอย่างเย็นชา "แกไม่ได้ยินไอ้สารเลวนั่นพูดเหรอ? เขาบอกว่าคืนนี้เขาจะมาคนเดียว”

“ยโสจริง ๆ แม้ว่าตระกูลจ้าวของเราจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะถูกคน ๆ เดียวทำลายลงได้”

“เดี๋ยวไปเรียกพวกอันธพาลที่เลี้ยงไว้ทั้งหมดกลับมา เราต้องทำให้มั่นใจว่าคืนนี้จะได้ต้อนรับเขาอย่างสาสม!"

ดวงตาของเขาเย็นชา เขาหันศีรษะไปทางอื่น

หากคืนนี้จับเย่ซิวได้ เขาก็คงไม่กล้าฆ่าเด็กนั่น

แต่เขาสามารถติดต่อเซี่ยเจี๋ยและปล่อยตัวเย่ซิวไปได้

ด้วยวิธีนี้จะช่วยสมานรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ไม่มากก็น้อย

แขกเหรื่อจำนวนมากจากไปทีละคน ท้ายที่สุดแล้วงานเลี้ยงวันเกิดแสนคึกคักกลับกลายเป็นงานเลี้ยงน่าเบื่อหน่าย

จ้าวเฉียนเริ่มวางแผนด้วยตนเอง เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าเย่ซิวไม่ใช่คนอ่อนแอ

ที่ด้านนอก เซี่ยเจี๋ยตามติดเย่ซิวอย่างไม่คลาดสายตา "ผู้มีพระคุณ ตอนนี้เธอจะไปไหน? ให้ฉันไปส่งได้ไหม?"

เย่ซิวโบกมือปฏิเสธ "คุณไม่จำเป็นต้องเรียกผมว่าผู้มีพระคุณ เรียกผมว่าเย่ซิวก็ได้ คุณกลับไปเถอะ ผมต้องไปที่มหาวิทยาลัย"

ดวงตาของเซี่ยเจี๋ยเป็นประกาย "ถ้าอย่างนั้นให้ฉันไปส่งเธอเถอะ ยังไงที่นั่นก็ไม่ไกลจากที่พักของฉันอยู่แล้ว"

เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา

"ก็ได้ ผมคงต้องขอรบกวนคุณด้วย"

เย่ซิวไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของเขาอีกต่อไป

เซี่ยเจี๋ยดีใจมากเสียจนไล่คนขับลงจากรถ และอาสาจะขับรถให้เย่ซิวเป็นการส่วนตัว

สาเหตุที่เขามีท่าทีนอบน้อมก็เพราะเขาเพิ่งไปได้ข้อมูลของเย่ซิวจากเพื่อนเก่ามาเมื่อวานนี้

ทักษะทางการแพทย์ของเย่ซิวนั้นในโลกนี้ไม่มีใครเทียบได้!

การผูกมิตรกับคนเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลประโยชน์อย่างไม่รู้จบในอนาคต!

ดังนั้น ท่าทีของเขาจึงน้อมนอบมากเป็นพิเศษ

เย่ซิวรู้ดีอยู่แล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่แยแสเช่นกัน

……

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง

เย่ซิวลงจากรถ เดินเข้าไปข้างในโดยถือกระเป๋าใบใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อมา

การแต่งกายของเขาถือว่าเป็นปกติและไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น

เซี่ยเจี๋ยไม่ได้ตามเข้าไป ด้วยสถานะของเขาแล้ว หากเขาปรากฏตัว ก็อาจก่อให้เกิดปัญหากับเย่ซิวได้

มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงมีขนาดใหญ่มาก สามารถพบเห็นเด็กสาวที่มีเสน่ห์มากมายได้ทุกที่

บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของคนรุ่นใหม่ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ

เย่ซิวถามคนที่เดินผ่านไปมาและในที่สุดก็พบสถานที่ลงทะเบียน เขาได้รับบัตรประจำตัวนักศึกษาและเอกสารอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว

ส่วนเรื่องหอพัก เขาไม่คิดที่จะเข้าอยู่ หากทำแบบนั้นก็มีแต่สร้างเรื่องลำบากเสียเปล่า ๆ

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เย่ซิวก็เดินออกไปข้างนอก

สิ่งต่อไปที่เขาทำคือต้องตามหาผู้หญิงที่ชื่อ ลู่เสวี่ยเอ๋อร์

เมื่อมองไปยังเหล่านักศึกษาที่พลุกพล่าน สายตาเย่ซิวก็ไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มสวมแว่นตาคนหนึ่ง "สวัสดี ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าหลู่เสวี่ยเอ๋ออยู่ชั้นเรียนไหน?"

ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ เผยสีหน้าที่ผู้ชายทุกคนเข้าใจ "ตอนนี้เธอกำลังฝึกเต้นอยู่ในห้องซ้อมเต้น ที่นั่นมีคนไม่น้อยเลย"

เย่ซิวขอบคุณอีกฝ่ายและถามถึงที่ตั้งของห้องซ้อมเต้น

จุดประสงค์หลักของการมาที่นี้คือการตามหาไข่มุกราชาแห่งยา

เมื่อได้พบไข่มุกราชาแห่งยา ทักษะทางการแพทย์ของเขาจะสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกขั้น

ตามบันทึก ราชาแห่งยาไม่ถูกพบเห็นมาเป็นเวลานานหลายร้อยปีแล้ว

เมื่อมาถึงทางเข้าห้องซ้อมเต้น เขาก็พบว่าตัวเองถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ขวางเอาไว้

ชายหนุ่มร่างกำยำคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้นำจ้องมองมาที่เขาอย่างดุเดือด "หลงทางหรือนายอยากจะเห็นเสวี่ยเอ๋อร์ซ้อมเต้นด้วยเหมือนกัน?"

หลายคนไม่กล้าแสดงออกถึงความโกรธ พวกเขาต่างเกรงกลัวตัวตนของชายคนดังกล่าว อย่างไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเสียด้วยซ้ำ

เย่ซิวแทรกตัวออกจากฝูงชนแล้วเดินตรงไปที่ประตู

เมื่อเห็นการกระทำของเย่ซิว ชายหนุ่มร่างกำยำจึงไม่สบอารมณ์ เขาปล่อยหมัดต่อยเย่ซิวในทันที "แกไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดงั้นเหรอ?"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
จำปานคร ทัวร์
ยุ่งยากมาก
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1356

    เย่ซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ การป้องกันร่างจำแลงกระดูกขาวนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริง ๆ สามารถทนรับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งจากผู้บำเพ็ญตนระดับรวมกายาขั้นสูงได้แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญคือเฉินอิ๋งอิ๋งไม่ได้ใช้สมบัติเวทมนตร์ ไม่อย่างนั้นคงจะต้านไม่ได้นานขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเฉินอิ๋งอิ๋งไม่อยากใช้ แต่เป็นเพราะรู้ดีว่าใช้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรนักเธอรู้อยู่เต็มอกว่าในครั้งก่อนที่อยู่ในคุก เย่ซิวได้รับสมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่งมาแถมของสิ่งนั้นยังมีคุณสมบัติข่มพลังของเธอโดยตรง ถ้าเอาออกมาใช้ เธออาจจะกลายเป็นเสียเปรียบเสียเองหลังจากร่างกระดูกขาวถูกทำลายครั้งที่สอง เฉินอิ๋งอิ๋งก็เหงื่อชุ่มตัว หายใจแรงไม่หยุดการโจมตีต่อเนื่องครึ่งชั่วโมงทำให้เธอเสียพลังไปมหาศาลแต่เย่ซิวยังยืนอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอกัดฟันแน่น “ไอ้เต่าหดหัว มีปัญญาก็สู้กันซึ่ง ๆ หน้า มัวแต่ตั้งรับแบบนี้จะเรียกว่าผู้ชายได้ยังไงกัน”เย่ซิวไม่หลงกล แถมยังไม่โกรธเลยสักนิด “ฉันเป็นผู้ชายจริงไหม เธอก็น่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ”เฉินอิ๋งอิ๋งแทบจะทนไม่ไหว ผู้ชายคนนี้มันน่าหมั่นไส้เกินไปแล้วเดิมทีเฉินอิ๋งอิ๋งคิดว่าตลอดหลายปีท

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1355

    ในช่วงสามวันแรก เย่ซิวฝึกฝนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แม้จะมีความก้าวหน้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก จนกระทั่งเที่ยงของวันที่สี่หลัวเวยเวยเองก็ได้รู้เรื่องการท้าสู้ของเฉินอิ๋งอิ๋ง จึงตั้งใจจะช่วยเย่ซิวฝึกฝนด้วยแต่เธอบอกว่าช่วงสองวันนี้จำเป็นต้องลงไปเสริมผนึกที่ก้นสำนัก เลยช่วยอะไรไม่ได้เย่ซิวเลยถามว่าผนึกอะไรปรากฏว่าร้อยกว่าปีก่อน สำนักอวิ้นหลิงเคยถูกฝูงปีศาจโจมตีครั้งใหญ่ แม้สุดท้ายจะสามารถปราบพวกมันได้หมดแต่ว่าซากศพและกระดูกของพวกมันจำเป็นต้องหาวิธีจัดการไม่สามารถทิ้งขว้างได้ตามอำเภอใจ เพราะจะทำให้พื้นดินปนเปื้อน หากสัตว์ธรรมดาไปแตะต้องเข้าก็อาจกลายเป็นปีศาจได้เช่นกันดังนั้นจึงทำได้แค่กดพลังซากกระดูกเหล่านี้ไว้ใต้ดินของสำนักและในทุก ๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ต้องลงไปเสริมผนึกใหม่ทุกครั้งพอได้ยินแบบนี้ เย่ซิวก็ดีใจสุด ๆนี่มันเหมือนมีคนยื่นหมอนให้ตอนง่วงพอดีเลยไม่ใช่เหรอ?จะได้ใช้กระดูกพวกนั้นมาเพิ่มพลังให้คัมภีร์หมื่นกระดูกของเขาพอดีทั้งเป็นการแก้ปัญหาภัยเรื้อรังที่สำนักอวิ้นหลิงมีมาอย่างยาวนานทั้งยังช่วยเสริมความสามารถในการป้องกันของตนได้อย่างมากเมื่อถึงเ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1354

    เฉินอิ๋งอิ๋งโคจรพลังปราณในร่างเพื่อรักษาบาดแผลของตัวเองอย่างรวดเร็ว รอยบุ๋มที่หน้าอกก็กลับมาเรียบเนียนดังเดิม เธอจ้องเย่ซิวด้วยสายตาแข็งกร้าว “ได้ วันนี้ไว้แค่นี้ก่อน อีกห้าวันค่อยกลับมาสู้กันใหม่”เย่ซิวเก็บเข็มทิศ “ถ้ามาอีก ฉันจะซัดเธอให้ระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ เลยคอยดู”เฉินอิ๋งอิ๋งรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร ยิ่งได้ยินก็ยิ่งโมโห แต่ก็ไม่ได้เสียเวลาต่อปากต่อคำ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันทีเย่ซิวเองก็กลืนโอสถลงไปบางส่วน เขานั่งขัดสมาธิลงกับพื้นและเริ่มฟื้นฟูบาดแผลเงียบ ๆการต่อสู้ครั้งนี้สำหรับเขาก็มีประโยชน์ไม่น้อยทำให้พัฒนาทักษะการต่อสู้ของตัวเองมากขึ้นไม่นานนัก เฉินเยียนจือก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นสภาพห้องรับแขกที่พังยับเยินก็อดตกใจไม่ได้ “นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม แล้วผลเป็นยังไงบ้าง”“ถือว่าเธอชนะไปนิดหน่อยก็แล้วกัน” เย่ซิวยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่ต้องห่วง เธอเก่งกว่าฉันไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าเป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตายล่ะก็ คนที่ชนะต้องเป็นฉันแน่นอน”แม้เฉินอิ๋งอิ๋งจะมีพลังบำเพ็ญตนสูงกว่าเย่ซิว แต่ในเรื่องทักษะการต่อสู้กับไพ่ตายก็ยังเทียบกับเขาไม่ได้เลยอย่างน้อยเย่ซิวก็ยังมีของอีกมากที่ยังไม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1353

    อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างรวดเร็วในทันทีเย่ซิวยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “ลองว่ามาสิว่าฉันทำเกินไปตรงไหนกันแน่? ระหว่างฉันกับเธอ ใครกันแน่ที่เกินไป ฉันช่วยชีวิตเธอด้วยเจตนาดีแท้ ๆ แต่เธอกลับตอบแทนฉันด้วยการหักหลัง”“ทั้งที่นายมีพลังขนาดนั้น พรสวรรค์ก็สูง ทำไมถึงขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ?” เฉินอิ๋งอิ๋งมีสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก“ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้สำนักหมื่นพุทธะกับสำนักผลึกแก้วโดนเล่นงานจนเละ อย่างน้อยก็อีกหลายร้อยปีกว่าจะฟื้นตัวได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกแก้แค้นแล้ว”“ฉันบอกให้เธอไสหัวไป ได้ยินไหม?!”ท่าทีแบบนี้ของเฉินอิ๋งอิ๋งทำให้เย่ซิวยิ่งรู้สึกไม่พอใจเฉินอิ๋งอิ๋งแค่นเสียงหึ “เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายหรอกนะ ในเมื่อฉันถูกใจนายแล้ว ยังไงก็ต้องเอานายมาให้ได้!”พูดจบ กลิ่นอายพลังระดับรวมกายาขั้นสูงก็ระเบิดออกจากร่างของเธอทันทีเปลือกตาของเย่ซิวกระตุกเบา ๆ พลังผู้หญิงคนนี้เพิ่มขึ้นได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงอะไร ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ หากจะต้องสู้กันตรง ๆ ก็ใช่ว่าจะแพ้ โดยเฉพาะเมื่อเขาฝึกวิชาของสำนักวัชระมา ซึ่งสามารถข่มพลังของสำนักศตะบุปผาได้โ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1352

    มีผู้อาวุโสบางคนพยายามใช้อาคมขับไล่ แต่ก็ไม่ได้ผล ได้ยินมาว่าทั้งแคว้นต่างก็เป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ”เย่ซิวพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหายวับไปปรากฏตัวที่ที่พักของเฉินเยียนจือเธอกำลังฝึกอาคมอยู่ในเรือน ตั้งใจฝึกอย่างจริงจังจนเหงื่อซึมทั่วร่างเย่ซิวเปลี่ยนรูปลักษณ์ทันที ปลดปล่อยพลังระดับสูงออกมา ก่อนจะตบฝ่ามือลงไปที่เฉินเยียนจือพร้อมกับแสร้งหัวเราะว่า “สาวน้อยที่ไหนกันเนี่ย มาให้ฉันชิมหน่อยสิ”เฉินเยียนจือตกใจไปหนึ่งจังหวะ แต่ไม่นานก็ใจเย็นลง นอกจากจะไม่หลบหนีแล้ว แต่ยังอ้าแขนออก ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะให้เขาแตะต้องเต็มที่ฝ่ามือของเย่ซิวหยุดลงก่อนจะสัมผัสตัวเธอ เขาถอนพลังกลับแล้วคืนรูปลักษณ์เดิม ก่อนจะดันร่างเธอไปจนชิดมุมกำแพง “รู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน”เขานึกว่าวิชาอำพรางของตัวเองแนบเนียนแล้ว เฉินเยียนจือเป็นแค่เด็กสาวธรรมดา ไม่น่าจะดูออกเฉินเยียนจือยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ก็ฉันรู้จักนายดีขนาดนั้น จะจำผิดได้ยังไงกัน แค่ใช้สัญชาตญาณก็ดูออกแล้วล่ะ ฉันเก่งไหม มีรางวัลให้ฉันไหม”ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังเย่ซิวแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว “เธออยากได้รางวัลแบบไหนล่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1351

    การบุกโจมตี อาวุธป้องกันร่างกายมีครบแล้ว แต่ยังขาดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือของป้องกันจิตวิญญาณเย่ซิวค้นหาในแหวนผนึกของของตัวเองอีกครั้ง แล้วก็หยิบเอาสมบัติเวทมนตร์ออกมาอีกสิบกว่าชิ้น แจกให้สิงโตหยกขาวตัวละสองชิ้นชิ้นหนึ่งไว้สำหรับป้องกันจิตวิญญาณ อีกชิ้นหนึ่งไว้สำหรับหลบหนีในตอนนี้พวกมันก็แทบไม่มีจุดอ่อนอะไรเหลืออีกแล้ว ถ้าสิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวร่วมมือกันลงมือ แม้แต่คนระดับปฐมญาณขั้นสมบูรณ์ก็ยังรับมือไม่ไหวเย่ซิวเผยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นก็หยิบป้ายขึ้นมา แล้วส่งเสียงผ่านจิตไปหาหลัวเวยเวยให้เธอไปยื่นคำขอเพื่อเลื่อนระดับสำนักอวิ้นหลิงจากระดับเจ็ดขึ้นเป็นระดับหกแต่หลัวเวยเวยกลับขอให้เขารออีกสักหน่อย“ทำไมล่ะ?”“อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันจัดการประลองของศิษย์รุ่นเยาว์จากทั้งหกสำนักระดับเจ็ดแล้ว นายก็น่าจะรู้นี่”“ผมรู้”“การประลองครั้งนี้จัดขึ้นโดยสำนักระดับหกขั้นสูงสุดแห่งหนึ่ง จุดประสงค์ของพวกเขาคือเลือกเฟ้นศิษย์ที่มีพรสวรรค์และพลังฝีมือสูงจากแต่ละสำนักไปฝึกฝนเพิ่มเติมอีกไม่นานก็จะเริ่มแล้ว ถ้าเรายื่นขอเลื่อนระดับในตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้พวกเขาไม่พอใจได้ เพราะถ้ามองจา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status