Share

บทที่ 10

Author: เฉิงกวงโฮ่วถู่
ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยเจี๋ยก็เดินเข้ามาจากด้านนอก

ทันใดนั้น แขกเหรื่อภายในงานต่างก็ลุกขึ้นยืน

รัศมีอันทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเซี่ยเจี๋ย ทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

"คุณเซี่ย!" จ้าวจางรู้สึกประหลาดใจและรีบเดินเข้ามาหา "คุณมาได้ยังไง?"

ใบหน้าของจ้าวเฉียนปรากฏรอยยิ้มกว้าง "คุณเซี่ยมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับพ่อของผมในวันเกิดเขาสินะ?"

แขกเหรื่อหลายคนมองจ้าวจางด้วยความอิจฉาเมื่อได้ยินเรื่องนี้

การที่เซี่ยเจี๋ยมาร่วมแสดงความยินดีในวันเกิดด้วยตัวเองเช่นนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!

หากเปรียบตระกูลจ้าวเป็นงู เซี่ยเจี๋ยก็คือมังกรใหญ่

การบดขยี้ตระกูลจ้าวให้สิ้นซากเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา เพียงแค่ดีดนิ้วทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากองได้ทันที

เมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวจางที่ยื่นมือออกมา เซี่ยเจี๋ยมีสีหน้าเย็นชาและไม่ได้แสดงทีท่าใดใด "มีค่าพอจะจับมือกับฉันด้วยเหรอ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวจางแข็งค้างไป

แขกเหรื่อหลายคนก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เขาไม่สนใจใบหน้าบอกบุญไม่รับของจ้าวจาง เซี่ยเจี๋ยเดินผ่านเขาและโค้งคำนับต่อหน้าเย่ซิวด้วยความน้อมนอบ

"ในที่สุดฉันก็ได้พบผู้มีพระคุณของฉันแล้ว"

ตู้ม!

ราวกับมีหินก้อนยักษ์ถูกโยนลงมาในทะเลสาบอันเงียบสงบ ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่หลายระลอก

สายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อคู่หนึ่งจ้องมองไปที่เย่ซิว

เด็กนี้เป็นใครมาจากไหน เขาถึงทำให้เซี่ยเจี๋ยโค้งคำนับให้ได้?

เย่ซิวรู้สึกประหลาดใจ "คุณมาได้ยังไง?"

เซี่ยเจี๋ยหัวเราะ "ฉันได้ยินมาว่าผู้มีพระคุณจะมาที่นี่ ฉันกลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นกับเธอ จึงมาดูเสียหน่อย ไม่คาดคิดเลยว่า ... "

เขาหันไปมองจ้าวจางและตำหนิอย่างรุนแรง "ตระกูลจ้าวของคุณกล้าหาญมาก แม้แต่ผู้มีพระคุณของฉัน ก็ยังกล้าข้ามหัวเขา!"

ทุกคนในตระกูลจ้าวรู้สึกหวาดกลัวทันที

ใครจะคิดเหล่าว่าเด็กหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งจะความสัมพันธ์กับผู้สง่างามอย่างเซี่ยเจี๋ย?

สิ่งนี้ทำเอาแขกเหรื่อหลายคนอิจฉาตาร้อน

ในสายตาของพวกเขา เย่ซิวคงโชคดีที่ได้ทำการช่วยเหลือเซี่ยเจี๋ยในระหว่างทาง

จากนั้นเซี่ยเจี๋ยคงรู้สึกซาบซึ้งที่ไดัอีกฝ่ายช่วยเหลือ

สีหน้าของจ้าวจางเปลี่ยนไปมาไม่หยุด

หลังจากไตร่ตรองสถานการณ์ตรงหน้า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตเขา ในไม่ช้าเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา "โอ้ ที่แท้เขาก็เป็นผู้มีพระคุณของเซี่ยเจี๋ยนี่เอง ฉะนั้นก็ถือว่าเขาเป็นแขกเหมือนกัน”

“ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ต้องขออภัยสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย"

"สายไปแล้ว" การแสดงออกของเย่ซิวเย็นชา "เตรียมตัวล่มสลายไปเสียเถอะ"

หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกไปข้างนอก "คืนนี้เวลาเที่ยงคืน ฉันจะมาหาตระกูลจ้าวด้วยตัวเอง ถ้าไม่กลัวตายก็รอแล้วกัน"

วันนี้เป็นวันที่แปดแล้ว เขาต้องไปที่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงเพื่อรายงานตัวก่อน

จากนั้นค่อยมาแก้แค้นตระกูลจ้าว

สำหรับคำพูดที่ว่าเขาจะมาเพียงลำพังก็เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลจ้าวหนีไป

เซี่ยเจี๋ยตกตะลึง "ผู้มีพระคุณ เธอจะไม่ให้ฉันลงมือเหรอ?"

ขณะที่เขาพูดรัศมีอันแข็งแกร่งก็แผ่กระจายออกมาจากตัวเขา

นี่คือพลังอันยิ่งใหญ่อันของจอมยุทธ์ระดับสี่!

ทันใดนั้น แขกทุกคนในห้องโถงก็ตัวสั่น ความกลัวฉายขึ้นในแววตาของพวกเขา

"พละกำลังของเซี่ยเจี๋ยฟื้นคืนแล้วอย่างนั้นเหรอ?"

"ว้าว ตระกูลเซี่ยกำลังจะผงาดขึ้นอีกครั้งแล้ว!"

"เซี่ยเจี๋ยดูอ่อนกว่าวัยมาก!"

ในทางกลับกัน คนในตระกูลจ้าวกลับมีใบหน้าซีดราวกับกระดาษ

แม้ว่าหลังจากเซี่ยเจี๋ยสูญเสียวรยุทธ์ไป แต่เขาก็ยังทรงพลังงานเป็นอย่างมาก

นับประสาอะไรกับตอนที่วรยุทธ์ของเขาฟื้นกลับมาเช่นนี้ กลัวว่าแค่มือเพียงข้างเดียวก็สามารถทำลายตระกูลจ้าวทั้งหมดลงได้

เย่ซิวโบกมือ "ไม่จำเป็น ผมสามารถจัดการกับตระกูลเล็ก ๆ นี้ได้เพียงตัวคนเดียว"

เขาไม่ชอบติดหนี้บุญคุณคนอื่นมาโดยตลอด

เมื่อได้ยินดังนั้นเซี่ยเจี๋ยก็ไม่กล้าขัดอะไรมากนัก ในเมื่อผู้มีพระคุณพูดเช่นนี้แล้ว เขาจะต้องสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตนเองอย่างแน่นอน

เขาสะบัดแขนเสื้อและมองจ้าวจางแวบหนึ่ง "ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ!"

เขาตามเย่ซิวไปทันทีและทั้งสองก็หายไปจากสายตาแขกเหรื่อในงานไวปานสายลม

ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก สีหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวอย่างไม่น่าดู

แม้ว่าเซี่ยเจี๋ยจะรับปากว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง แต่ตระกูลจ้าวก็ทำให้เซี่ยเจี๋ยขุ่นเคือง

จ้าวเฟิงมองไปที่จ้าวจางด้วยใบหน้าซีดเซียว "คุณปู่ เราควรทำยังไงดี?"

จ้าวจางเรียกสติกลับมาได้และตะคอกอย่างเย็นชา "แกไม่ได้ยินไอ้สารเลวนั่นพูดเหรอ? เขาบอกว่าคืนนี้เขาจะมาคนเดียว”

“ยโสจริง ๆ แม้ว่าตระกูลจ้าวของเราจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะถูกคน ๆ เดียวทำลายลงได้”

“เดี๋ยวไปเรียกพวกอันธพาลที่เลี้ยงไว้ทั้งหมดกลับมา เราต้องทำให้มั่นใจว่าคืนนี้จะได้ต้อนรับเขาอย่างสาสม!"

ดวงตาของเขาเย็นชา เขาหันศีรษะไปทางอื่น

หากคืนนี้จับเย่ซิวได้ เขาก็คงไม่กล้าฆ่าเด็กนั่น

แต่เขาสามารถติดต่อเซี่ยเจี๋ยและปล่อยตัวเย่ซิวไปได้

ด้วยวิธีนี้จะช่วยสมานรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ไม่มากก็น้อย

แขกเหรื่อจำนวนมากจากไปทีละคน ท้ายที่สุดแล้วงานเลี้ยงวันเกิดแสนคึกคักกลับกลายเป็นงานเลี้ยงน่าเบื่อหน่าย

จ้าวเฉียนเริ่มวางแผนด้วยตนเอง เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าเย่ซิวไม่ใช่คนอ่อนแอ

ที่ด้านนอก เซี่ยเจี๋ยตามติดเย่ซิวอย่างไม่คลาดสายตา "ผู้มีพระคุณ ตอนนี้เธอจะไปไหน? ให้ฉันไปส่งได้ไหม?"

เย่ซิวโบกมือปฏิเสธ "คุณไม่จำเป็นต้องเรียกผมว่าผู้มีพระคุณ เรียกผมว่าเย่ซิวก็ได้ คุณกลับไปเถอะ ผมต้องไปที่มหาวิทยาลัย"

ดวงตาของเซี่ยเจี๋ยเป็นประกาย "ถ้าอย่างนั้นให้ฉันไปส่งเธอเถอะ ยังไงที่นั่นก็ไม่ไกลจากที่พักของฉันอยู่แล้ว"

เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา

"ก็ได้ ผมคงต้องขอรบกวนคุณด้วย"

เย่ซิวไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของเขาอีกต่อไป

เซี่ยเจี๋ยดีใจมากเสียจนไล่คนขับลงจากรถ และอาสาจะขับรถให้เย่ซิวเป็นการส่วนตัว

สาเหตุที่เขามีท่าทีนอบน้อมก็เพราะเขาเพิ่งไปได้ข้อมูลของเย่ซิวจากเพื่อนเก่ามาเมื่อวานนี้

ทักษะทางการแพทย์ของเย่ซิวนั้นในโลกนี้ไม่มีใครเทียบได้!

การผูกมิตรกับคนเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลประโยชน์อย่างไม่รู้จบในอนาคต!

ดังนั้น ท่าทีของเขาจึงน้อมนอบมากเป็นพิเศษ

เย่ซิวรู้ดีอยู่แล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่แยแสเช่นกัน

……

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง

เย่ซิวลงจากรถ เดินเข้าไปข้างในโดยถือกระเป๋าใบใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อมา

การแต่งกายของเขาถือว่าเป็นปกติและไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น

เซี่ยเจี๋ยไม่ได้ตามเข้าไป ด้วยสถานะของเขาแล้ว หากเขาปรากฏตัว ก็อาจก่อให้เกิดปัญหากับเย่ซิวได้

มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงมีขนาดใหญ่มาก สามารถพบเห็นเด็กสาวที่มีเสน่ห์มากมายได้ทุกที่

บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของคนรุ่นใหม่ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ

เย่ซิวถามคนที่เดินผ่านไปมาและในที่สุดก็พบสถานที่ลงทะเบียน เขาได้รับบัตรประจำตัวนักศึกษาและเอกสารอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว

ส่วนเรื่องหอพัก เขาไม่คิดที่จะเข้าอยู่ หากทำแบบนั้นก็มีแต่สร้างเรื่องลำบากเสียเปล่า ๆ

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เย่ซิวก็เดินออกไปข้างนอก

สิ่งต่อไปที่เขาทำคือต้องตามหาผู้หญิงที่ชื่อ ลู่เสวี่ยเอ๋อร์

เมื่อมองไปยังเหล่านักศึกษาที่พลุกพล่าน สายตาเย่ซิวก็ไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มสวมแว่นตาคนหนึ่ง "สวัสดี ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าหลู่เสวี่ยเอ๋ออยู่ชั้นเรียนไหน?"

ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ เผยสีหน้าที่ผู้ชายทุกคนเข้าใจ "ตอนนี้เธอกำลังฝึกเต้นอยู่ในห้องซ้อมเต้น ที่นั่นมีคนไม่น้อยเลย"

เย่ซิวขอบคุณอีกฝ่ายและถามถึงที่ตั้งของห้องซ้อมเต้น

จุดประสงค์หลักของการมาที่นี้คือการตามหาไข่มุกราชาแห่งยา

เมื่อได้พบไข่มุกราชาแห่งยา ทักษะทางการแพทย์ของเขาจะสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกขั้น

ตามบันทึก ราชาแห่งยาไม่ถูกพบเห็นมาเป็นเวลานานหลายร้อยปีแล้ว

เมื่อมาถึงทางเข้าห้องซ้อมเต้น เขาก็พบว่าตัวเองถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ขวางเอาไว้

ชายหนุ่มร่างกำยำคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้นำจ้องมองมาที่เขาอย่างดุเดือด "หลงทางหรือนายอยากจะเห็นเสวี่ยเอ๋อร์ซ้อมเต้นด้วยเหมือนกัน?"

หลายคนไม่กล้าแสดงออกถึงความโกรธ พวกเขาต่างเกรงกลัวตัวตนของชายคนดังกล่าว อย่างไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเสียด้วยซ้ำ

เย่ซิวแทรกตัวออกจากฝูงชนแล้วเดินตรงไปที่ประตู

เมื่อเห็นการกระทำของเย่ซิว ชายหนุ่มร่างกำยำจึงไม่สบอารมณ์ เขาปล่อยหมัดต่อยเย่ซิวในทันที "แกไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดงั้นเหรอ?"

Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
จำปานคร ทัวร์
ยุ่งยากมาก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1407

    “ว่าไง?”“ก่อนนายจะไป มาฝึกกับฉันอีกครั้งเถอะ!”น้ำเสียงของเธอแน่วแน่มาก เธอแทบจะพูดผ่านไรฟันที่กัดแน่น เหมือนกำลังเดินเข้าสู่ลานประหารยังไงยังงั้นเย่ซิวถอนหายใจเงียบ ๆเธอก็คงรับไม่ได้จริง ๆ กับการที่ทั้งสองฝั่งกลายเป็นศัตรูกันนี่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ งั้นก็ให้เธอสมหวังก็แล้วกันผ่านไปกว่าสามชั่วโมง แสงทั้งสองสายก็พุ่งออกไปคนละทิศทางแสงหนึ่งในนั้นคือเฉินอิ๋งอิ๋งที่ตาแดงก่ำ พลางเอ่ยเสียงสั่น “ฮือ ๆ ๆ ฉันอกหักเหรอเนี่ย…”……เมื่อเย่ซิวกลับมาถึงสำนัก ก็เห็นหลัวเวยเวยเดินกลับมาจากข้างนอกพอเธอเห็นเขา ใบหน้าของเธอก็ฉายแววยินดีออกมา “สัตว์วิญญาณหรือปีศาจที่มีสายเลือดแข็งแกร่งที่นายให้ฉันช่วยตามหาน่ะ ตอนนี้ได้ข่าวแล้วนะ”“จริงเหรอ? เล่าให้ฟังหน่อยเร็ว”หลัวเวยเวยเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “มีงานประมูลงานหนึ่งจะจัดขึ้นพรุ่งนี้ สถานที่อยู่ที่เมืองหนึ่งที่ห่างจากที่นี่ประมาณห้าร้อยกิโลเมตร ในงานจะมีของประมูลชิ้นหนึ่ง เป็นปีศาจที่มีสายเลือดหมีเพลิงบรรพกาลอยู่เล็กน้อย”สีหน้าเย่ซิวเปลี่ยนไปเล็กน้อยหมีเพลิงบรรพกาลเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายมากมันเป็นปีศาจที่บ้าคลั่งโดยธรรมช

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1406

    ทั่วร่างของเธอแผ่ไอหมอกสีชมพูเข้มออกมา ส่งผลให้พลังต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเย่ซิวส่ายหน้า ผู้หญิงคนนี้นี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆเขาใช้พลังแค่เพียงหนึ่งในสิบเท่านั้นเองแถมยังไม่ได้ใช้วิชาโลกีย์หลอมเซียนด้วยซ้ำในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ให้เธอได้สัมผัสว่าความสิ้นหวังที่แท้จริงมันเป็นยังไงกันเถอะเขาใช้วิชาโลกีย์หลอมเซียนพร้อมกับปล่อยพลังออกมาห้าส่วนในทันทีชั่วพริบตาเดียว เฉินอิ๋งอิ๋งก็แทบจะรับมือไม่ไหว ดวงตาโตคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง“นายมันแย่เกินไปแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงนะ ไม่คิดจะออมมือให้หน่อยเหรอ”เฉินอิ๋งอิ๋งแค้นเย่ซิวจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเย่ซิวตอบอย่างจริงจัง “ฉันมองเธอเป็นคู่ต่อสู้ ในเมื่อเป็นคู่ต่อสู้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะออมมือ ถ้าฉันทำอย่างนั้นมันก็เท่ากับไม่ให้เกียรติเธอ เธอว่าไหมล่ะ”เฉินอิ๋งอิ๋งอ้าปากจะเถียง แต่สุดท้ายก็ไม่รู้จะพูดอะไรกลับไปดีหมอนี่พูดถูกทุกอย่าง แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้ก็ไม่รู้หลังจากพยายามฝืนสู้ต่อไปได้แค่ห้านาที เธอก็เริ่มตามจังหวะของเย่ซิวไม่ทันแล้ว และรีบร้องขอให้เขาหยุดแต่เย่ซิวยังใช้วิชาโลกีย์หลอมเซียนอย่างต่อ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1405

    คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเย่ซิวคือเด็กสาวคนหนึ่งที่ใส่กระโปรงสั้นจู๋ ขาเรียวยาวสวมถุงน่องสีเนื้อนั่นไม่ใช่ใครอื่น เฉินอิ๋งอิ๋งนั่นเอง!เธอเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ผิวขาวจนเหมือนเรืองแสงได้ เส้นผมใสเหมือนคริสตัลดูเหมือนจะสูงขึ้นเล็กน้อยด้วย ร่างกายเต็มไปด้วยเสน่ห์โดยธรรมชาติทั้งร่างของเธอเปล่งประกายความงามที่น่าตะลึงออกมาจากภายในสู่ภายนอกเย่ซิวประหลาดใจเล็กน้อย “เธอกลับมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ได้รับการถ่ายทอดพลังมาแล้วเหรอ?”เฉินอิ๋งอิ๋งเชิดหน้า “แน่นอนสิ นายคิดว่าฉันเป็นใครกัน”จากท่าทางของเธอก็รู้เลยว่าได้ผลประโยชน์กลับมาไม่น้อยแน่เย่ซิวโบกมือเรียกเธอ “เอามา”“อะไรเหรอ?”“ก็ของล้ำค่ากับทรัพยากรที่อยู่ในถ้ำนั่นไง อย่าคิดจะตุกติกนะ เธอสาบานไว้แล้วไม่ใช่เหรอ”“อ๋อ เรื่องนั้นเหรอ” เฉินอิ๋งอิ๋งหัวเราะคิกคัก “ฉันไม่คิดจะผิดสัญญาหรอกน่า แต่ก่อนจะให้ นายต้องตกลงเงื่อนไขของฉันก่อน”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เงื่อนไขอะไร?”“ฉันอยากให้นายอยู่กับฉันทั้งคืน”พูดจบ เธอก็ยักคิ้วให้เขาเล็กน้อยแค่ท่าทางกับน้ำเสียง ใครเป็นผู้ใหญ่ก็ดูออกว่าเธอหมายถึงอะไร“เรื่องสองอย่างนี้มันดูไม่ค่อยเก

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1404

    เหนือกว่าสมบัติวิญญาณก็คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ตามตำนาน ว่ากันว่าทั้งโลกนี้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่แค่สามชิ้นเท่านั้น และล้วนอยู่ในการครอบครองของสำนักระดับหนึ่งทั้งสามแห่งแต่ตอนนี้เย่ซิวมีมันอยู่ในมือ ซึ่งก็อาจจะเป็นชิ้นที่สี่ถ้าข่าวนี้หลุดรั่วออกไป จะต้องมียอดฝีมือจำนวนมากพุ่งตรงมาเพื่อบดเขาให้แหลกเป็นผุยผงแน่เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เขาก็รู้สึกขนลุกเกรียวก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครทั้งสิ้น“เอาล่ะ ไว้เจอกันใหม่เมื่อถึงคราวมีวาสนาต่อกัน”หญิงสาวเอื้อมมือไปคว้าหลุมดำข้างหลัง แล้วก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาเย่ซิวไม่มีแม้แต่แรงสั่นสะเทือนของอากาศ ราวกับว่าเธอไม่เคยมีอยู่จริงเย่ซิวอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งถึงระดับไหนกันแน่?หรือว่าจะเป็นเซียนเขาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเริ่มหลอมรวมเจดีย์ทองคำเข้ากับร่างกาย แล้วเก็บมันไว้ในห้วงแห่งจิตสำนึกทันทีทันทีที่เข้าไป มันก็เบียดเอากระบี่หายนะกับสัตว์วิญญาณกิเลนออกจากตำแหน่งกลาง ส่วนตัวเองก็ยึดตำแหน่งนั้นเอาไว้แทน เจดีย์ทองคำช่างโอหังนักเย่ซิวเพียงแค่คิด ก็สามารถเข้าสู่ภายในเจดีย์ได้ทันทีราวกับว่าเขาหลุดเข

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1403

    พอธูปขนาดมหึมาทั้งสามดอกจุดติด ก็เริ่มลุกไหม้อย่างรวดเร็วกลิ่นหอมของธูปกลายเป็นรูปมังกรสามตัว พุ่งเข้าสู่จมูกของหญิงสาวที่นอนอยู่จากนั้นเตียงน้ำแข็งด้านล่างของเธอก็เริ่มละลายอย่างรวดเร็วภายใต้สายตาของเย่ซิว จนกระทั่งเผยให้เห็นหลุมสีดำขนาดเท่ากำปั้นพลังวิญญาณปะทุออกมาจากหลุมนั้นอย่างต่อเนื่องจิตใจของเย่ซิวถึงกับสะเทือน ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าพลังวิญญาณมาจากที่ไหนหลุมนี้อาจจะเชื่อมต่อกับแดนสวรรค์แห่งใดแห่งหนึ่ง หรือไม่ก็เชื่อมไปยังอีกโลกหนึ่งโดยตรง“วูม!”ธูปขนาดมหึมาทั้งสามดอกไหม้หมดภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที และพลังทั้งหมดก็ถูกหญิงสาวดูดซับเข้าไปในร่างแล้วเธอก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและนั่นเป็นดวงตาแบบไหนกันนะ?!จิตใจของเย่ซิวถึงกับสั่นสะเทือนเขาเห็นดาราจักรหมุนเวียนในดวงตาคู่นั้น เห็นภูเขาและแม่น้ำเปลี่ยนแปลง เห็นสุริยันจันทราหมุนเวียน เห็นสรรพสิ่งกำเนิดและดับสูญ!เมื่อหญิงสาวเอ่ยปาก เสียงของเธอก็ราวกับเสียงดนตรีจากสวรรค์แว่วอยู่ข้างหูเย่ซิว ส่งผลกระทบอย่างมหาศาล ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของเขาราวกับถูกชำระล้าง“ขอบคุณที่ช่วยเหลือ”เย่ซิวได้สติกลับมา ก่อนจะมองหญิงสาวตร

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1402

    อีกข้อหนึ่งก็คือต้องมีจิตใจที่แน่วแน่มั่นคงพอไม่อย่างนั้นจะถูกพลังอันแข็งแกร่งจากภายนอกกัดกร่อนจิตใจได้ง่าย แล้วสุดท้ายก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งปีศาจแต่สำหรับเย่ซิวแล้ว ข้อเสียสองข้อนี้ไม่ใช่ปัญหาเลยร่างกายของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้บำเพ็ญระดับรวมกายาเสียอีกจิตใจก็มั่นคงดั่งเหล็กกล้าเรียกได้ว่าวิชาลับนี้เหมือนถูกสร้างมาเพื่อเขาโดยเฉพาะทั้งร่างกายและจิตใจของเขาล้วนแข็งแกร่งเกินมนุษย์ถ้าสามารถหาสัตว์วิญญาณหรือปีศาจที่มีสายเลือดทรงพลังมาฝังลงในจุดลมปราณได้ พลังต่อสู้ของเขาจะพุ่งสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดแน่นอนอารมณ์ของเขาดีขึ้นทันตา ขนาดตอนมองเฉินเฟยเจี๋ยก็ยังรู้สึกว่าเธอน่ามองมากกว่าเดิมผู้หญิงคนนี้คือเทพแห่งโชคลาภของเขาโดยแท้ เป็นเหมือนสาวน้อยผู้ส่งของวิเศษมาให้คิดได้ดังนั้น เย่ซิวก็ลุกขึ้นยืนยิ้มพลางเอ่ยว่า “ขอบคุณมากนะคุณเฉิน งั้นผมคืนให้คุณก็แล้วกัน”พูดจบก็ยื่นหนังสือเล่มนั้นคืนให้เฉินเฟยเจี๋ยเฉินเฟยเจี๋ยรับไปแล้วเก็บไว้เรียบร้อย ก่อนจะเตือนเย่ซิว “อย่าลืมนะ วิชาลับนี้สำคัญมาก ห้ามรั่วไหลแม้แต่นิดเดียว ถ้าใครเห็นเข้าก็ต้องทำให้เขาหายไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status