Share

บทที่ 10

Penulis: เฉิงกวงโฮ่วถู่
ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยเจี๋ยก็เดินเข้ามาจากด้านนอก

ทันใดนั้น แขกเหรื่อภายในงานต่างก็ลุกขึ้นยืน

รัศมีอันทรงพลังแผ่ออกมาจากร่างกายของเซี่ยเจี๋ย ทำให้บอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย

"คุณเซี่ย!" จ้าวจางรู้สึกประหลาดใจและรีบเดินเข้ามาหา "คุณมาได้ยังไง?"

ใบหน้าของจ้าวเฉียนปรากฏรอยยิ้มกว้าง "คุณเซี่ยมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับพ่อของผมในวันเกิดเขาสินะ?"

แขกเหรื่อหลายคนมองจ้าวจางด้วยความอิจฉาเมื่อได้ยินเรื่องนี้

การที่เซี่ยเจี๋ยมาร่วมแสดงความยินดีในวันเกิดด้วยตัวเองเช่นนี้ ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง!

หากเปรียบตระกูลจ้าวเป็นงู เซี่ยเจี๋ยก็คือมังกรใหญ่

การบดขยี้ตระกูลจ้าวให้สิ้นซากเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา เพียงแค่ดีดนิ้วทุกอย่างก็ราบเป็นหน้ากองได้ทันที

เมื่อเผชิญหน้ากับจ้าวจางที่ยื่นมือออกมา เซี่ยเจี๋ยมีสีหน้าเย็นชาและไม่ได้แสดงทีท่าใดใด "มีค่าพอจะจับมือกับฉันด้วยเหรอ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้าวจางแข็งค้างไป

แขกเหรื่อหลายคนก็ตกตะลึงเช่นกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

เขาไม่สนใจใบหน้าบอกบุญไม่รับของจ้าวจาง เซี่ยเจี๋ยเดินผ่านเขาและโค้งคำนับต่อหน้าเย่ซิวด้วยความน้อมนอบ

"ในที่สุดฉันก็ได้พบผู้มีพระคุณของฉันแล้ว"

ตู้ม!

ราวกับมีหินก้อนยักษ์ถูกโยนลงมาในทะเลสาบอันเงียบสงบ ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์ขนาดใหญ่หลายระลอก

สายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อคู่หนึ่งจ้องมองไปที่เย่ซิว

เด็กนี้เป็นใครมาจากไหน เขาถึงทำให้เซี่ยเจี๋ยโค้งคำนับให้ได้?

เย่ซิวรู้สึกประหลาดใจ "คุณมาได้ยังไง?"

เซี่ยเจี๋ยหัวเราะ "ฉันได้ยินมาว่าผู้มีพระคุณจะมาที่นี่ ฉันกลัวว่าจะมีปัญหาเกิดขึ้นกับเธอ จึงมาดูเสียหน่อย ไม่คาดคิดเลยว่า ... "

เขาหันไปมองจ้าวจางและตำหนิอย่างรุนแรง "ตระกูลจ้าวของคุณกล้าหาญมาก แม้แต่ผู้มีพระคุณของฉัน ก็ยังกล้าข้ามหัวเขา!"

ทุกคนในตระกูลจ้าวรู้สึกหวาดกลัวทันที

ใครจะคิดเหล่าว่าเด็กหนุ่มบ้านนอกคนหนึ่งจะความสัมพันธ์กับผู้สง่างามอย่างเซี่ยเจี๋ย?

สิ่งนี้ทำเอาแขกเหรื่อหลายคนอิจฉาตาร้อน

ในสายตาของพวกเขา เย่ซิวคงโชคดีที่ได้ทำการช่วยเหลือเซี่ยเจี๋ยในระหว่างทาง

จากนั้นเซี่ยเจี๋ยคงรู้สึกซาบซึ้งที่ไดัอีกฝ่ายช่วยเหลือ

สีหน้าของจ้าวจางเปลี่ยนไปมาไม่หยุด

หลังจากไตร่ตรองสถานการณ์ตรงหน้า จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตเขา ในไม่ช้าเขาก็เผยรอยยิ้มออกมา "โอ้ ที่แท้เขาก็เป็นผู้มีพระคุณของเซี่ยเจี๋ยนี่เอง ฉะนั้นก็ถือว่าเขาเป็นแขกเหมือนกัน”

“ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ต้องขออภัยสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย"

"สายไปแล้ว" การแสดงออกของเย่ซิวเย็นชา "เตรียมตัวล่มสลายไปเสียเถอะ"

หลังจากพูดจบ เขาก็เดินออกไปข้างนอก "คืนนี้เวลาเที่ยงคืน ฉันจะมาหาตระกูลจ้าวด้วยตัวเอง ถ้าไม่กลัวตายก็รอแล้วกัน"

วันนี้เป็นวันที่แปดแล้ว เขาต้องไปที่มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงเพื่อรายงานตัวก่อน

จากนั้นค่อยมาแก้แค้นตระกูลจ้าว

สำหรับคำพูดที่ว่าเขาจะมาเพียงลำพังก็เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลจ้าวหนีไป

เซี่ยเจี๋ยตกตะลึง "ผู้มีพระคุณ เธอจะไม่ให้ฉันลงมือเหรอ?"

ขณะที่เขาพูดรัศมีอันแข็งแกร่งก็แผ่กระจายออกมาจากตัวเขา

นี่คือพลังอันยิ่งใหญ่อันของจอมยุทธ์ระดับสี่!

ทันใดนั้น แขกทุกคนในห้องโถงก็ตัวสั่น ความกลัวฉายขึ้นในแววตาของพวกเขา

"พละกำลังของเซี่ยเจี๋ยฟื้นคืนแล้วอย่างนั้นเหรอ?"

"ว้าว ตระกูลเซี่ยกำลังจะผงาดขึ้นอีกครั้งแล้ว!"

"เซี่ยเจี๋ยดูอ่อนกว่าวัยมาก!"

ในทางกลับกัน คนในตระกูลจ้าวกลับมีใบหน้าซีดราวกับกระดาษ

แม้ว่าหลังจากเซี่ยเจี๋ยสูญเสียวรยุทธ์ไป แต่เขาก็ยังทรงพลังงานเป็นอย่างมาก

นับประสาอะไรกับตอนที่วรยุทธ์ของเขาฟื้นกลับมาเช่นนี้ กลัวว่าแค่มือเพียงข้างเดียวก็สามารถทำลายตระกูลจ้าวทั้งหมดลงได้

เย่ซิวโบกมือ "ไม่จำเป็น ผมสามารถจัดการกับตระกูลเล็ก ๆ นี้ได้เพียงตัวคนเดียว"

เขาไม่ชอบติดหนี้บุญคุณคนอื่นมาโดยตลอด

เมื่อได้ยินดังนั้นเซี่ยเจี๋ยก็ไม่กล้าขัดอะไรมากนัก ในเมื่อผู้มีพระคุณพูดเช่นนี้แล้ว เขาจะต้องสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ด้วยตนเองอย่างแน่นอน

เขาสะบัดแขนเสื้อและมองจ้าวจางแวบหนึ่ง "ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ!"

เขาตามเย่ซิวไปทันทีและทั้งสองก็หายไปจากสายตาแขกเหรื่อในงานไวปานสายลม

ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอก สีหน้าของพวกเขาบิดเบี้ยวอย่างไม่น่าดู

แม้ว่าเซี่ยเจี๋ยจะรับปากว่าจะไม่เข้าไปยุ่ง แต่ตระกูลจ้าวก็ทำให้เซี่ยเจี๋ยขุ่นเคือง

จ้าวเฟิงมองไปที่จ้าวจางด้วยใบหน้าซีดเซียว "คุณปู่ เราควรทำยังไงดี?"

จ้าวจางเรียกสติกลับมาได้และตะคอกอย่างเย็นชา "แกไม่ได้ยินไอ้สารเลวนั่นพูดเหรอ? เขาบอกว่าคืนนี้เขาจะมาคนเดียว”

“ยโสจริง ๆ แม้ว่าตระกูลจ้าวของเราจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ใช่ว่าจะถูกคน ๆ เดียวทำลายลงได้”

“เดี๋ยวไปเรียกพวกอันธพาลที่เลี้ยงไว้ทั้งหมดกลับมา เราต้องทำให้มั่นใจว่าคืนนี้จะได้ต้อนรับเขาอย่างสาสม!"

ดวงตาของเขาเย็นชา เขาหันศีรษะไปทางอื่น

หากคืนนี้จับเย่ซิวได้ เขาก็คงไม่กล้าฆ่าเด็กนั่น

แต่เขาสามารถติดต่อเซี่ยเจี๋ยและปล่อยตัวเย่ซิวไปได้

ด้วยวิธีนี้จะช่วยสมานรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายได้ไม่มากก็น้อย

แขกเหรื่อจำนวนมากจากไปทีละคน ท้ายที่สุดแล้วงานเลี้ยงวันเกิดแสนคึกคักกลับกลายเป็นงานเลี้ยงน่าเบื่อหน่าย

จ้าวเฉียนเริ่มวางแผนด้วยตนเอง เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าเย่ซิวไม่ใช่คนอ่อนแอ

ที่ด้านนอก เซี่ยเจี๋ยตามติดเย่ซิวอย่างไม่คลาดสายตา "ผู้มีพระคุณ ตอนนี้เธอจะไปไหน? ให้ฉันไปส่งได้ไหม?"

เย่ซิวโบกมือปฏิเสธ "คุณไม่จำเป็นต้องเรียกผมว่าผู้มีพระคุณ เรียกผมว่าเย่ซิวก็ได้ คุณกลับไปเถอะ ผมต้องไปที่มหาวิทยาลัย"

ดวงตาของเซี่ยเจี๋ยเป็นประกาย "ถ้าอย่างนั้นให้ฉันไปส่งเธอเถอะ ยังไงที่นั่นก็ไม่ไกลจากที่พักของฉันอยู่แล้ว"

เขากล่าวอย่างตรงไปตรงมา

"ก็ได้ ผมคงต้องขอรบกวนคุณด้วย"

เย่ซิวไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของเขาอีกต่อไป

เซี่ยเจี๋ยดีใจมากเสียจนไล่คนขับลงจากรถ และอาสาจะขับรถให้เย่ซิวเป็นการส่วนตัว

สาเหตุที่เขามีท่าทีนอบน้อมก็เพราะเขาเพิ่งไปได้ข้อมูลของเย่ซิวจากเพื่อนเก่ามาเมื่อวานนี้

ทักษะทางการแพทย์ของเย่ซิวนั้นในโลกนี้ไม่มีใครเทียบได้!

การผูกมิตรกับคนเหล่านี้จะนำมาซึ่งผลประโยชน์อย่างไม่รู้จบในอนาคต!

ดังนั้น ท่าทีของเขาจึงน้อมนอบมากเป็นพิเศษ

เย่ซิวรู้ดีอยู่แล้วว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่แยแสเช่นกัน

……

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็มาถึงมหาวิทยาลัยเจียงเฉิง

เย่ซิวลงจากรถ เดินเข้าไปข้างในโดยถือกระเป๋าใบใหม่ที่เขาเพิ่งซื้อมา

การแต่งกายของเขาถือว่าเป็นปกติและไม่น่าจะก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น

เซี่ยเจี๋ยไม่ได้ตามเข้าไป ด้วยสถานะของเขาแล้ว หากเขาปรากฏตัว ก็อาจก่อให้เกิดปัญหากับเย่ซิวได้

มหาวิทยาลัยเจียงเฉิงมีขนาดใหญ่มาก สามารถพบเห็นเด็กสาวที่มีเสน่ห์มากมายได้ทุกที่

บรรยากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของคนรุ่นใหม่ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ

เย่ซิวถามคนที่เดินผ่านไปมาและในที่สุดก็พบสถานที่ลงทะเบียน เขาได้รับบัตรประจำตัวนักศึกษาและเอกสารอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว

ส่วนเรื่องหอพัก เขาไม่คิดที่จะเข้าอยู่ หากทำแบบนั้นก็มีแต่สร้างเรื่องลำบากเสียเปล่า ๆ

หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เย่ซิวก็เดินออกไปข้างนอก

สิ่งต่อไปที่เขาทำคือต้องตามหาผู้หญิงที่ชื่อ ลู่เสวี่ยเอ๋อร์

เมื่อมองไปยังเหล่านักศึกษาที่พลุกพล่าน สายตาเย่ซิวก็ไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มสวมแว่นตาคนหนึ่ง "สวัสดี ผมขอถามหน่อยได้ไหมว่าหลู่เสวี่ยเอ๋ออยู่ชั้นเรียนไหน?"

ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ เผยสีหน้าที่ผู้ชายทุกคนเข้าใจ "ตอนนี้เธอกำลังฝึกเต้นอยู่ในห้องซ้อมเต้น ที่นั่นมีคนไม่น้อยเลย"

เย่ซิวขอบคุณอีกฝ่ายและถามถึงที่ตั้งของห้องซ้อมเต้น

จุดประสงค์หลักของการมาที่นี้คือการตามหาไข่มุกราชาแห่งยา

เมื่อได้พบไข่มุกราชาแห่งยา ทักษะทางการแพทย์ของเขาจะสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกขั้น

ตามบันทึก ราชาแห่งยาไม่ถูกพบเห็นมาเป็นเวลานานหลายร้อยปีแล้ว

เมื่อมาถึงทางเข้าห้องซ้อมเต้น เขาก็พบว่าตัวเองถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ขวางเอาไว้

ชายหนุ่มร่างกำยำคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้นำจ้องมองมาที่เขาอย่างดุเดือด "หลงทางหรือนายอยากจะเห็นเสวี่ยเอ๋อร์ซ้อมเต้นด้วยเหมือนกัน?"

หลายคนไม่กล้าแสดงออกถึงความโกรธ พวกเขาต่างเกรงกลัวตัวตนของชายคนดังกล่าว อย่างไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเสียด้วยซ้ำ

เย่ซิวแทรกตัวออกจากฝูงชนแล้วเดินตรงไปที่ประตู

เมื่อเห็นการกระทำของเย่ซิว ชายหนุ่มร่างกำยำจึงไม่สบอารมณ์ เขาปล่อยหมัดต่อยเย่ซิวในทันที "แกไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดงั้นเหรอ?"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
จำปานคร ทัวร์
ยุ่งยากมาก
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terbaru

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1262

    “ภรรยา…”ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกขัดจังหวะเสียก่อนผู้อาวุโสคนหนึ่งที่อยู่เวรข้างนอกรีบวิ่งเข้ามาอย่างกระหืดกระหอบหลัวเวยเวยไม่พอใจเล็กน้อย “ทำไมถึงได้รีบร้อนขนาดนี้”“เรียนภรรยาเจ้าสำนัก สำนักโอสถส่งคนมาแล้วครับ”หลัวเวยเวยสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นทันที ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็พลันจริงจังขึ้นมาเช่นกันหลัวเวยเวยตอบสนองอย่างรวดเร็ว “ไปเชิญเขามาที่ห้องประชุม”ไม่นานนัก ชายหนุ่มท่าทางโอหังคนหนึ่งก็เชิดหน้าเดินมาถึงห้องประชุมเมื่อเห็นหลัวเวยเวยก็ไม่โค้งคำนับอะไรสักนิด กลับนั่งลงบนที่นั่งอย่างไม่เกรงใจหลัวเวยเวยนั่งอยู่บนที่สูง สองฝั่งเป็นผู้อาวุโสมากมายเมื่อเห็นภาพแบบนี้เธอก็ไม่ได้โกรธอะไร และไม่กล้าโกรธด้วยความแข็งแกร่งของสำนักโอสถไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะเทียบได้ แม้จะมีผู้บำเพ็ญตนระดับปฐมญาณอีกร้อยคน พวกเขาก็ไม่กล้าทำอะไรสำนักโอสถอยู่ดีหลัวเวยเวยมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิบนใบหน้า “น้องชายเดินทางมาถึงนี่ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรจะชี้แนะเหรอ”ชายหนุ่มผู้นั้นกวาดสายตามองหลัวเวยเวยด้วยสายตาโลภหากหลัวเวยเวยมีสถานะต่ำกว่านี้ ด้วยชื่อเสียงของการเป็นทูตของสำนักโอสถ เขาก็สามารถ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1261

    เห็นเพียงหานเฟิงหยิบคริสตัลขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากแหวนผนึกของ แล้ววางลงตรงหน้าเย่ซิว“นี่มันอะไร?” เย่ซิวรู้สึกงุนงงเล็กน้อยคริสตัลเป็นรูปหญิงสาว พื้นผิวเต็มไปด้วยรอยร้าวมากมายหญิงสาวในคริสตัลกอดกระบี่ยาวไว้ในอ้อมแขน ผมยาวสยายดวงตาคมกริบ ดูเหมือนงานแกะสลักวิจิตรบรรจงมาก เหมือนมีชีวิตจริง ๆหานเฟิงเอ่ย “นี่คือผู้พิทักษ์กระบี่ เป็นการดำรงอยู่ที่พิเศษมาก มีตำนานเกี่ยวกับเธอมากมายแต่ที่น่าเชื่อถือที่สุดคือเซียนกระบี่ที่แข็งแกร่งคนหนึ่งได้ผนึกปฐมญาณและเจตจำนงแห่งกระบี่ของตนเองด้วยวิชาลับ ก่อนที่จะเสียชีวิตลงผ่านไปหลายพันปี จนกระทั่งหลายหมื่นปี ก็ได้กลายเป็นรูปปั้นที่เราเห็นอยู่นี้หากสามารถฟักตัวมันออกมาได้ มันจะจงรักภักดีต่อเจ้านายตลอดไป ไม่มีวันทรยศ และยังมีพลังมหาศาล”เย่ซิวสนใจขึ้นมาทันที “แล้วจะฟักตัวมันออกมาได้ยังไง?”“ต้องใช้เลือดของตัวเอง และต้องใช้ในปริมาณที่มหาศาลนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายคนถึงไม่แตะต้องมันเลยแม้จะได้มาก็ตาม เพราะปริมาณที่ต้องการมันมากเกินไปมีคนประเมินไว้ว่าแม้จะรดเลือดร้อยกรัมลงไปทุกวัน ก็ยังต้องทำต่อเนื่องถึงสิบปีมีผู้แข็งแกร่งสักกี่คนที่จะทนไ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1260

    อาจเป็นเรื่องการล้างแค้น หรือไม่ก็…ที่นี่มีบางสิ่งที่เธอต้องการ หรือให้ความสำคัญอยู่?สารพัดความคิดแล่นผ่านหัวเย่ซิวในพริบตา ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงสองวินาทีสุดท้ายเย่ซิวก็ตอบตกลงที่ผ่านมาเขาได้ประโยชน์จากผู้หญิงคนนี้ไม่น้อย ถ้าว่ากันตามเหตุและผล เขาก็ควรจะตอบแทนบุญคุณเธอบ้างยิ่งไปกว่านั้น ก็แค่จุดธูปวันละสามครั้งเองจากนั้นเขาก็รีบออกไปด้วยตัวเอง ไปซื้อธูปจันทน์คุณภาพดีที่สุด พร้อมทั้งโต๊ะบูชาและกระถางธูปมาชุดหนึ่งเมื่อกลับมาถึงห้องก็จัดวางโต๊ะและกระถางธูปไว้ตรงหน้าเตียงน้ำแข็งเย่ซิวหยิบธูปขึ้นมาสามดอกแล้วจุดไฟจากนั้นก็เห็นสายควันบาง ๆ ลอยวนเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ถูกดูดเข้าสู่จมูกของผู้หญิงคนนั้นเย่ซิวนั่งดูอยู่พักหนึ่ง ก็ยังไม่เข้าใจกลไกเบื้องหลัง สุดท้ายเขาก็พาเสี่ยวไป๋ที่กำลังฟักตัวกับเสี่ยวอวี่ออกไปจากห้องหญิงสาวคนนี้มีภูมิหลังลึกล้ำเกินหยั่งรู้หลังจากตอบแทนบุญคุณเธอเสร็จแล้ว เย่ซิวคิดว่าคงต้องตัดขาดความเกี่ยวข้องกับเธอจะดีกว่าใครจะรู้ว่าในอนาคต ผู้หญิงคนนี้จะนำหายนะแบบไหนมาสู่ตัวเขาบ้างยังไงตอนนี้เย่ซิวก็สามารถหาศิลาวิญญาณได้ด้วยตัวเองแล้ว ความจำเป็นที่ต้องพึ่งพ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1259

    “ไม่ต้องหรอก เธอไปพักผ่อนเถอะ” เย่ซิวส่ายหน้าปฏิเสธเสี่ยวโหรวสีหน้าหม่นลงทันที “เพราะข้าเป็นเผ่าปีศาจใช่ไหมเจ้าคะ คุณชายจึงไม่สนใจข้า...”“ไม่ใช่แน่นอน” เย่ซิวหยิกจมูกเธอเบา ๆ “เธอมีเสน่ห์มาก ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่ชอบหรอกแต่ก็นะ ฉันอยากให้เธอมาเป็นผู้จัดการใหญ่ของฉัน ความสัมพันธ์ของเราจะได้ไม่ยุ่งยากซับซ้อน”ความเศร้าในใจเสี่ยวโหรวหายวับไปกับตา เธอรีบตอบตกลงอย่างดีใจสุด ๆ “เข้าใจแล้ว ข้าจะทำให้ดีที่สุดเจ้าค่ะ”เทียบกับการเป็นแค่ของสวยงามไว้โชว์ เธออยากเป็นคนที่เย่ซิวสามารถพึ่งพาได้มากกว่าส่วนเรื่องของแม่ เธอก็เลือกที่จะลืมมันไปแววตาเธอฉายแววลังเลวูบหนึ่ง แล้วพึมพำเบา ๆ “หลายปีที่ผ่านมา ข้าทำตามคำสั่งของท่านแม่มาตลอด ก็ถือว่าตอบแทนบุญคุณหมดแล้วขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่ข้าจะทำเพื่อตัวเอง ตามหาความสุขของตัวเองบ้าง”เย่ซิวเดินเข้าไปในห้องที่วางเตียงน้ำแข็งไว้เสี่ยวไป๋ยังคงหลับลึกอยู่ขนนกของเสี่ยวอวี่ยิ่งขาวสะอาดมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ปล่อยพลังปีศาจออกมา ยังอยู่ในช่วงสะสมพลังพอเห็นเย่ซิว เสี่ยวอวี่ก็พุ่งเข้ามากระโดดเกาะบนอกเขาทันทีเย่ซิวลูบขนที่นุ่มเหมือนผ้าไหมของเสี่ยวอวี่เ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1258

    หลัวเวยเวยเป็นคนตอบคำถามนั้นให้เขา “ก็แค่เรื่องแย่งชิงแหล่งทรัพยากรกับพื้นที่อยู่อาศัยนั่นแหละ เผ่าปีศาจก็ต้องใช้ทรัพยากรในการพัฒนาเหมือนกันแถมพวกเราที่เป็นผู้บำเพ็ญตน สำหรับพวกมันแล้วก็คือวัตถุดิบชั้นเลิศ เป็นโอสถวิเศษสำหรับการฝึกฝนของพวกมันเลยล่ะ”“แล้วตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?” เย่ซิวเริ่มรู้สึกกังวลตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือสภาพแวดล้อมที่มั่นคง เพื่อให้ตัวเองสามารถพัฒนาและเติบโตได้หากรอบตัวเต็มไปด้วยความวุ่นวายไม่สงบ มันก็จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อการพัฒนาของเขา“ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายก็สู้กันแบบกินกันไม่ลง ไม่มีใครเหนือกว่าใครหรอก”เย่ซิวค่อยเบาใจลงมาหน่อยขอแค่มีช่วงเวลาแห่งความสงบประมาณสิบปี เขาก็มั่นใจว่าจะฝึกถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์ แล้วไร้เทียมทานในโลกมนุษย์ได้แน่สุดท้าย เย่ซิวก็หันไปมองเฉินเยียนจือ “แล้วเธอล่ะ? มาหาฉันทำไม”เฉินเยียนจือตอบแบบไม่คิดอะไรเลย “ก็คิดถึงนายน่ะสิ”เย่ซิวยิ้มบางหลังจากนั้น เย่ซิวก็คุยเรื่องสัพเพเหระกับพวกเธอไปเรื่อยหลัวเวยเวยกับรั่วอวิ๋นนั่งคุยกันอีกสักพัก พอดูเวลาแล้วก็ต้องลุกขึ้นเตรียมตัวกลับก่อนกลับ หลัวเวยเวยยังไม่ลืมลากเฉินเยียน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1257

    รั่วอวิ๋นเริ่มออกอาการลนลานอย่างเห็นได้ชัดภายใต้สายตาของเย่ซิว เธอไม่มีทางพูดความคิดลึก ๆ ในใจออกไปได้อยู่แล้ว ได้แต่ปากแข็งเอ่ยไปว่า “ฉันแค่มาดูว่าฝีมือกลั่นโอสถของนายพัฒนาขึ้นบ้างหรือเปล่า ถ้ายังแย่อยู่ นายก็ทำให้ฉันเสียหน้าพอดีสิ”ปากไม่ตรงกับใจขนาดนี้ เย่ซิวยังรู้สึกได้เลย แต่เขาไม่ได้แฉออกมาตรง ๆ “งั้นก็สบายใจได้เลยครับ ตอนนี้ผมกลั่นโอสถระดับสูงได้แล้วนะ”“อะไรนะ?!”สิ้นเสียงพูดนั้น ผู้หญิงทั้งสี่คนในที่นั้นก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกตะลึง จนเสียงดังสะเทือนไปทั่วเสี่ยวโหรวทำหน้าตาเลื่อมใสสุดขีด “คุณชายเก่งเกินไปแล้วเจ้าค่ะ”ในตาของหลัวเวยเวยสะท้อนแสงบางอย่างออกมา เธอไม่พูดอะไร เพียงจ้องเขานิ่ง ๆ ตาไม่กะพริบเฉินเยียนจือเองก็มีสีหน้าแบบเดียวกับเสี่ยวโหรวส่วนรั่วอวิ๋นกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “ที่พูดออกมานั่นแน่ใจเหรอ อย่าโม้น่า แม้แต่ฉันตอนนี้ยังกลั่นได้แค่โอสถกลางระดับเท่านั้นเองนะ”“แน่นอนว่าเรื่องจริง ก็เพราะท่านอาจารย์สอนเก่งไง ลูกศิษย์ก็เลยเก่งกว่าอาจารย์แล้ว”เย่ซิวประจบไปเบา ๆ คำหนึ่ง ก็ทำเอารั่วอวิ๋นยิ้มแก้มแทบปริ หางแทบชี้ขึ้นฟ้า รู้สึกปลื้มปริ่มเ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status