Share

บทที่ 11

Author: เฉิงกวงโฮ่วถู่
เย่ซิวสกัดหมัดได้อย่างง่ายดายพลางพูดอย่างใจเย็น “ฉันแค่มาที่นี่เพื่อตามหาคน ไม่ได้อยากจะรังแกนาย”

นักศึกษาหลายคนในบริเวณใกล้เคียงดูประหลาดใจเมื่อเห็นว่าเย่ซิวสกัดหมัดของชายหนุ่มร่างกำยำได้อย่างง่ายดายเพียงใด

“เพื่อนนักศึกษาคนนี้แข็งแกร่งมาก เขาสกัดกั้นการโจมตีของจางเทาได้อย่างง่ายดาย”

“ช่างบังเอิญจริง ๆ จางเทาเป็นนักเทควันโดสายดำระดับแปด เขามีพละกำลังมาก ฉันเคยเห็นเขาเอาชนะผู้ใหญ่ห้าหกคนด้วยตัวเขาเองเลยนะ”

“ฉันก็ว่าอย่างนั้น”

จางเทาทั้งตกใจทั้งโกรธ เขาพบว่าตัวเองไม่สามารถหลุดออกจากฝ่ามือของเย่ซิวได้ ใบหน้าของเขาแดงก่ำเนื่องจากใช้แรงมากเกินไป เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนด้วยความโกรธ “ไอ้สารเลว ยังไม่ปล่อยฉันอีก หาเรื่องตายเรอะ?!”

เย่ซิวปล่อยมือแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เพื่อนนักศึกษา ฉันแค่อยากจะเข้าไปตามหาคน นายช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหม?”

เขาไม่เคยไปเรียนที่นี่มาก่อน ดังนั้นเขาจึงเห็นใจเพื่อนนักศึกษาเป็นพิเศษ ก็ไม่อยากทำร้ายพวกเขาเว้นเสียแต่จะจำเป็นจริง ๆ

แต่ในสายตาของจางเทา ท่าทางของเย่ซิวถือว่าเป็นการทำให้เขาอับอาย

เขาคำรามด้วยสีหน้าดุร้าย “พวกแกมัวยืนทำอะไร? มาช่วยกันจัดการมันสิ!”

จางเทาถูกรายล้อมไปด้วยลูกสมุนมากมาย

เมื่อได้ยินคำสั่งของเขา พวกนั้นก็รีบเข้ามารุมเตะต่อยเย่ซิวทันที

มีประกายเย็นวาบในดวงตาของเย่ซิว

เขาไว้หน้าอีกฝ่ายมากเท่าที่จะทำได้แล้ว แต่เนื่องจากอีกฝ่ายยังคงไม่รู้สำนึก เขาก็จะไม่สุภาพอีกต่อไป

ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในฐานะจอมยุทธ์ระดับเก้า การจัดการกับคนธรรมดาเหล่านี้จึงเป็นเรื่องง่ายไม่ต่างจากการกำจัดมดแมลง

คนรอบตัวไม่มีใครเห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้ชัดเจน และทุกคนที่พุ่งเข้ามาหาเขาต่างก็กรีดร้องและกลิ้งไปบนพื้น

จางเทาและนักศึกษาที่อยู่บริเวณนั้นตกตะลึง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เย่ซิวดูเหมือนกำลังทำเรื่องที่ไม่ได้สำคัญอะไร เพียงปัด ๆ มือเดินผ่านจางเทาและตบไหล่เขา

ทันใดนั้น จางเทาก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาพร้อมล้มลงกับพื้นและเกลือกกลิ้งอย่างบ้าคลั่ง

ร่างกายของเขารู้สึกเหมือนถูกมดนับแสนรุมกัด ให้ความรู้สึกเจ็บปวดทรมานมาก

จางเทาอดทนต่อความเจ็บปวดในร่างกายของเขาพลางตะโกนใส่เย่ซิว “ถ้าแกไม่อยากตายก็หยุดซะ ฉันมีหน้าที่ดูแลที่นี่ตามคำสั่งของอาจารย์หวัง ถ้าเขาต้องการจะฆ่าแก ก็ทำให้ได้ง่าย ๆ เหมือนขยี้มดตัวหนึ่ง!”

เย่ซิวยิ้ม เขาเป็นคนเดียวที่บดขยี้ศัตรูมาโดยตลอด ไม่เคยถูกพวกมันบดขยี้ได้เลย

ฉากนี้ทำให้นักศึกษาที่อยู่รอบตัวพวกเขาเบิกตากว้างและมองไปที่แผ่นหลังของเย่ซิว

“ว้าว เพื่อนนักศึกษาคนนี้เท่มาก!”

“เขาเป็นปรมาจารย์ด้านวรยุทธ์หรือเปล่า?”

“เร็วเข้า เร็วเข้า รีบเข้าไป ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เต้นอยู่ข้างในนั้น!”

……

คำพูดปลุกผู้ตกในห้วงฝัน จุดประสงค์ของนักศึกษาชายเหล่านี้ที่มาที่นี่คือการชมการเต้นรำของลู่เสวี่ยเอ๋อร์

เย่ซิวเดินเข้าไปในห้องซ้อมเต้น และดวงตาของเขาทอแสงเป็นประกาย

ในนั้นล้วนมีแต่เพื่อนนักศึกษาสาวสวยหุ่นดี

บ้างก็สวมกางเกงรัดรูป บ้างก็สวมกระโปรงสั้น กำลังเต้นรำราวกับผีเสื้อ

ความอ่อนเยาว์และมีชีวิตชีวาปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเธอ

สิ่งที่สะดุดตาที่สุดในที่แห่งนี้คือหญิงสาวที่อยู่ตรงกลาง

เธอเป็นเด็กสาวที่สวมกางเกงยีนส์และเสื้อเชิ้ตสีขาว

เธอมีใบหน้างดงามที่สามารถนำความหายนะมาสู่ประเทศและประชาชนได้

อีกทั้งยังเธอยังสูงมาก มีความสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบร้อยแปดสิบเห็นจะได้

เธอมีผมสีดำตรงยาวถึงเอว ผูกด้วยริบบิ้นสีสันสดใสเพียงเท่านั้น

ผิวของเธอขาวเปล่งปลั่ง

ดวงตาสองข้างงดงามราวกับอัญมณีสีดำสองชิ้นที่เปล่งประกายเจิดจ้า

รอยยิ้มหวานราวกับน้ำผึ้งทำให้ใจคนเต้นรัวและตกหลุมรักได้ตั้งแต่แรกเห็น

เพื่อนนักศึกษาหญิงคนอื่น ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอก็กลายเป็นเพียงสิ่งที่ขับทำให้เธอโดดเด่นขึ้นเท่านั้น

ตรงอีกมุมหนึ่งของห้อง เพื่อนนักศึกษาชายที่มีใบหน้าสง่างามและดูสูงส่งกำลังมองหญิงสาวที่อยู่ตรงกลางด้วยความหลงใหล

ทันใดนั้นเขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างและหันไปมองซิวเย่ ดวงตาของเขามึนตึงขึ้น “เกิดอะไรขึ้น? ไอ้คนไร้ประโยชน์จางเทานั่นปล่อยให้คนเข้ามาได้งั้นเหรอ?!”

ชื่อของเขาคือหวังเฟย มาจากตระกูลร่ำรวยและมีภูมิหลังครอบครัวที่แข็งแกร่ง

นอกจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของเขาแล้ว เขายังถูกรายล้อมไปด้วยผู้หญิงมากหน้าหลายตาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

แต่หลังจากพบกับลู่เสวี่ยเอ๋อร์ เขาก็รู้สึกหลงสเน่ห์เธอทันที และสาบานกับตัวเองว่าจะต้องแต่งงานกับเธอให้ได้

เพื่อที่จะจีบลู่เสวี่ยเอ๋อร์ เขาใช้วิธีการมากมาย

แต่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ก็ยังคงไม่หวั่นไหว

หากตัวตนของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ไม่ได้พิเศษเหมือนเขา เขาคงใช้วิธีที่ก้าวร้าวกว่านี้ไปนานแล้ว

เพื่อเพิ่มอัตราความสำเร็จ เขาสั่งให้จางเทาลูกสมุนของเขาคอยเป็นผู้นำกลุ่มอันธพาล ไม่ว่าลู่เสวี่ยเอ๋อร์ไปที่ไหน เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไล่คนรอบตัวเธอออกไป

แต่ในขณะนี้ จู่ ๆ เย่ซิวก็บุกเข้ามา ซึ่งเท่ากับเป็นการทำให้เขาขุ่นเคืองที่ถูกเหยียบถิ่นของเขา

แต่ทว่าเขาก็มีความฉลาดเฉลียวเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ดวงตาของเขาเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินไปหาเย่ซิว

“เพื่อนนักศึกษา ที่นี่คือห้องซ้อมเต้น นายมาผิดที่หรือเปล่า?”

เย่ซิวมองเพื่อนนักศึกษาชายที่ดูสง่างามคนนี้ปรากฏตัวต่อหน้าเขาพลางยิ้มอย่างใจดี “ไม่หรอก ฉันมาตามหาคนที่นี่ นายรู้ไหมว่าใครคือลู่เสวี่ยเอ๋อร์?”

“นายมีธุระกับเธอเหรอ?”

“ก็ประมาณนั้น” เย่ซิวมีสีหน้าคลุมเครือเล็กน้อย

เรื่องไข่มุกราชาแห่งยานั้นสำคัญอย่างยิ่งและเขาจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ใครรู้

“ลู่เสวี่ยเอ๋อร์ไม่อยู่ที่นี่ นายมาหาผิดที่แล้ว เธอเพิ่งจะออกไปเมื่อกี้นี้เอง”

“อย่างงั้นเหรอ?” เย่ซิวผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้คิดมาก เขารู้สึกว่านี่เป็นเพียงครั้งแรกที่เขาได้พบกับเพื่อนนักศึกษาชายคนนี้ จึงไม่มีความแค้นระหว่างกันและเขาก็ไม่จำเป็นต้องโกหกด้วย “โอเค ขอบใจนายมาก งั้นฉันไปก่อนล่ะ”

เขาหันหลังกำลังจะจากไป

แต่ขณะนี้กลุ่มสาว ๆ ก็เต้นเสร็จแล้วเช่นกัน

เด็กสาวคนหนึ่งถือขวดน้ำแร่ไว้ในมือและวิ่งไปหาหญิงสาวที่ดึงดูดความสนใจได้มากที่สุด “เสวี่ยเอ๋อร์ เต้นเหนื่อยไหม? มาดื่มน้ำกันเถอะ”

ลู่เสวี่ยเอ๋อร์เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของเธอ และแสดงรอยยิ้มแสนหวานที่ฆ่าคนได้ออกมา “ขอบใจนะ!”

เย่ซิวหยุดชะงัก จากนั้นก็หันกลับมามองเพื่อนนักศึกษาชายคนเดิม “เพื่อนนักศึกษาคนนี้นี่ใจร้ายไปหน่อยรึเปล่า? มาหลอกกันเสียได้”

หวังเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายคงหูฝาดแล้ว ออกไปจากที่นี่เถอะ”

เย่ซิวเพิกเฉย สายตาของเขาจ้องมองไปที่ลู่เสวี่ยเอ๋อร์

ประกายเย็นวาบฉายผ่านดวงตาของหวังเฟย

เขาถือว่าลู่เสวี่ยเอ๋อร์เป็นสมบัติส่วนตัวของเขาแล้ว และไม่มีใครได้รับอนุญาตให้โลภอยากได้เธอหรือแม้แต่จะมองมาที่เธอด้วยซ้ำ

ในขณะนี้ พฤติกรรมของเย่ซิวทิ่มแทงเข้าลึกถึงจิตใจของเขาแล้ว

เขายื่นคำขาดให้กับเย่ซิว “ออกไปจากที่นี่ซะ! ไม่อย่างนั้นนายจะต้องรับผลที่ตามมา!”

เย่ซิวขมวดคิ้ว “ทำไมล่ะ? ครอบครัวนายเป็นคนก่อตั้งมหาวิทยาลัยนี้เหรอ?!”

“ถึงครอบครัวฉันจะไม่ได้เป็นคนก่อตั้งมหาวิทยาลัยนี้ แต่ฉันชื่อหวังเฟย และฉันมาจากตระกูลหวัง นายน่ารู้ว่านี่หมายความว่ายังไง?!”

หากคนในพื้นที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ พวกเขาคงจะตกตะลึงอย่างแน่นอน

ตระกูลหวังเปรียบเสมือนจักรพรรดิบนดินที่กินรวบทั้งกิจการขาวดำและมีอำนาจมหาศาล

เพียงแต่ว่าเย่ซิวเพิ่งมาถึงและไม่รู้รายละเอียดของตระกูลหวังเลย

แต่ถึงแม้เขาจะรู้ เขาก็ไม่สนใจ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1376

    ห้าวันต่อมาอีกทั้งเธอยังขอให้เย่ซิวเพิ่มความถี่ในการจุดธูปขึ้นเป็นสองเท่า นั่นหมายความว่าต้องจุดวันละหกครั้งเย่ซิวตอบตกลงทันที ยังไงนี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อยู่แล้วเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าหลังจากผู้หญิงคนนั้นฟื้นคืนชีพแล้วจะมอบผลประโยชน์อะไรให้เขาบ้างเย่ซิวอยู่ที่นี่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไปด้านนอกหลังจากที่ร่างกายทะลวงขีดจำกัดขึ้นอีกระดับ เขารู้สึกว่าการรับรู้ต่อโลกใบนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างประหลาดทุกอย่างชัดเจนขึ้นมากเป็นความรู้สึกที่แปลกจนเย่ซิวไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้เหมือนกับว่ามีบางสิ่งที่น่ากลัวกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้าเขาเงยหน้ามองท้องฟ้า เห็นก้อนเมฆดำปกคลุมยิ่งมืดหนากว่าเดิม ทำให้ใจของเขาหนักอึ้งขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ“นี่ไม่ถูกต้อง ต้องมีเรื่องใหญ่บางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นแน่”เย่ซิวเดินไปมาพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปหลายครั้งเขารู้สึกได้ว่าท้องฟ้ากำลังจะเปลี่ยน!แม้ไม่รู้ว่าเป็นภัยที่มาจากไหน แต่เขาไม่อยากนั่งรอความตาย ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว“หืม?”ในขณะที่เขากำลังจะลงมือทำบางสิ่ง ทันใดนั้น เขาก็สัมผัสได้ว่าภายนอกมีคนกลุ่มใหญ่ที่มีพลังแข็งแกร่งและพวกเข

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1375

    ทรัพยากรที่ต้องใช้ในการฝึกเก้าวัจนะลึกลับขั้นที่ห้า หากคิดเป็นศิลาวิญญาณแล้ว จะสูงถึงหนึ่งหมื่นล้านศิลาวิญญาณเพียงแค่คิดถึงตัวเลขนี้ก็ทำให้เย่ซิวรู้สึกชาวาบไปทั้งหัวแล้วจำนวนที่มหาศาลขนาดนี้ ต่อให้เขาสามารถหาได้วันละสิบล้านศิลาวิญญาณ ก็ยังต้องใช้เวลากว่าสองปี แต่ความจริงคือเขาไม่สามารถหาได้มากขนาดนั้นในแต่ละวันตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้บำเพ็ญตนมากมายเมื่อถึงระดับสูง ๆ จึงหันไปปล้นสะดม เพราะหนทางแห่งการแข็งแกร่งขึ้นนั้นเหมือนบ่อไร้ก้น ที่เติมเท่าไรก็เติมไม่เต็มสักทีเขาส่ายหน้า ก่อนเลือกที่จะสลัดเรื่องน่าปวดหัวเหล่านี้ออกไปจากความคิดตอนนี้เย่ซิวแข็งแกร่งมากแล้ว แข็งแกร่งยิ่งกว่าพวกปีศาจเฒ่าที่บำเพ็ญเพียรมาหลายพันปีเสียอีกทั้งที่เขาเริ่มเดินบนเส้นทางการบำเพ็ญตน นับรวมแล้วก็เพียงสามถึงสี่ปีเท่านั้นแต่สามารถก้าวมาถึงระดับนี้ได้ถือว่าน่าทึ่งอย่างที่สุด ดังนั้นจึงไม่ควรโลภเกินไปเมื่อคิดได้เช่นนี้ ร่างกายและจิตใจของเย่ซิวก็รู้สึกผ่อนคลายลงทันตาเขาสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเมื่อมองดูห้องที่กลายเป็นเพียงผงไปแล้วก็ส่ายหน้า ก่อนจะเปิดค่ายกลที่เหลือเพียงสองชั้น แล้วก้

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1374

    แต่ตอนนี้เขาไม่มีศิลาวิญญาณหรือโอสถเหลืออยู่อีกแล้วสิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์กับสมบัติเวทมนตร์บางชิ้นที่ยังไม่ได้เอาออกไปขายเย่ซิวคิดในใจ‘เครื่องรางศักดิ์สิทธิ์และสมบัติเวทมนตร์ก็มีพลังงานมหาศาล ไม่รู้ว่าจะกลืนกินได้หรือเปล่า’ในเมื่อไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ก็ต้องเสี่ยงดูสักครั้งเขาหยิบเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์และสมบัติเวทมนตร์ทั้งหมดออกมาวางตรงหน้าก่อนจะคว้าสมบัติเวทมนตร์ชิ้นหนึ่งขึ้นมาทันใดนั้น ร่างกายก็แผ่พลังดูดกลืนอันทรงพลังออกมา สมบัติเวทมนตร์ชิ้นนั้นถูกดูดหายเข้าไปในร่างทันที ทำเอาเย่ซิวถึงกับตกใจเมื่อเพ่งตรวจดูภายใน กลับไม่พบว่าสมบัติเวทมนตร์นั้นอยู่ที่ไหนแต่ความรู้สึกหิวโหยภายในกลับลดลงอย่างชัดเจนดวงตาของเย่ซิวส่องประกายทันที เขาคว้าเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์และสมบัติเวทมนตร์ชิ้นแล้วชิ้นเล่าโดยไม่ลังเลอีกต่อไป จากนั้นมันก็หายไปจากมืออย่างรวดเร็วความหิวโหยในร่างกายก็ค่อย ๆ ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกันเมื่อเย่ซิวกลืนกินเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ไปกว่าพันชิ้น และสมบัติเวทมนตร์กว่าสองร้อยชิ้น ในที่สุดร่างกายของเขาก็รู้สึกถึงความอิ่มเอมเต็มเปี่ยมตูม!

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1373

    “มีอะไรเหรอ? เสี่ยวอวิ๋นอวิ๋น”เย่ซิวเห็นว่าหน้าตาของรั่วอวิ๋นดูไม่ค่อยดีนักรั่วอวิ๋นส่งเสียงหึ “เรียกอาจารย์สิ นายคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เรียกเสี่ยวอวิ๋นอวิ๋นหรือไง?”เย่ซิวหัวเราะลั่น อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปบีบแก้มเธอเบา ๆ “รอให้ฝีมือหลอมโอสถของคุณเก่งกว่าผมก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นจะให้เรียกอาจารย์ก็ยังไม่สาย”รั่วอวิ๋นกัดฟันแน่น “ไอ้คนสารเลว นี่มันศิษย์ล้างครูชัด ๆ”“ล้างครูหรือขี่ครูล่ะครับ…”รั่วอวิ๋นอึ้ง “...”สีหน้าเธอในตอนนี้ทำให้เย่ซิวรู้สึกสนุกสุด ๆแต่ตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญกว่า “มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ถ้าไม่มี ผมจะกลับไปปิดด่านฝึกตนแล้วนะ”“มีสิ ฉันอยากทำเรื่องนั้นกับนายน่ะ”เย่ซิวเบิกตากว้าง พลางมองรั่วอวิ๋นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อที่เธอกล้าพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยรั่วอวิ๋นโดนสายตาของเขาจ้องจนรู้สึกอึดอัด “ทำไมต้องมองฉันแบบนั้นด้วยเล่า”“คุณยังเป็นเสี่ยวอวิ๋นอวิ๋นของผมอยู่หรือเปล่า?” เย่ซิวทำหน้าจริงจังทันที “คุณโดนปีศาจที่ไหนสิงร่างกัน คงไม่ใช่ถูกแอบยึดร่างไปแล้วหรอกนะ?!”“ไสหัวไปเลย”เธอตีเย่ซิวไปหนึ่งที ใบหน้าก็พลันขึ้นสีแดงระเรื่องดงามเธอเองก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไร

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1372

    ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมสิ่งที่หงอีต้องทำต่อไปคือกุมอำนาจของสำนักปีศาจโลหิตเอาไว้ให้มั่นเมื่อถึงตอนนั้น พื้นที่กว้างนับหมื่นลี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมของเย่ซิวทั้งหมด ทุกอย่างจะอยู่ในมือของเขาเมื่อได้สำนักปีศาจโลหิตมา ก็เท่ากับว่าเย่ซิวมีพลังเทียบได้กับสองสำนักระดับหกอยู่ในมือตอนนี้สำนักอวิ้นหลิงก็เป็นสำนักระดับหกอยู่แล้วถ้ารวมกับสำนักปีศาจโลหิตและสำนักโลหิตสังหาร ถึงแม้จะฝืนไปบ้าง แต่ก็ถือว่ามีพลังในระดับสำนักระดับหกเต็มตัวด้วยพลังนี้ เย่ซิวก็มีอำนาจเพียงพอที่จะขึ้นเป็นเจ้าแห่งดินแดนนี้อย่างแท้จริงจากนั้นก็ขยายร้านขายโอสถให้มากขึ้น แย่งชิงทุกธุรกิจของสำนักโอสถมาเป็นของตัวเองถึงตอนนั้นเย่ซิวอาจทำกำไรได้วันละหนึ่งพันล้านศิลาวิญญาณตอนนี้เขาแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะกลับไปยังสำนักอวิ้นหลิงแล้วเพราะทรัพยากรที่สะสมมาทั้งหมดก็เพียงพอที่จะดันวิชาเก้าวัจนะลึกลับขึ้นไปถึงขั้นที่สี่แล้ว……สำนักกระบี่วิญญาณ“แย่แล้วท่านเจ้าสำนัก เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นครับ” เสียงตะโกนอย่างลนลานดังขึ้นจากศิษย์ที่ดูแลตะเกียงวิญญาณ เขาวิ่งหน้าตื่นเข้ามาด้วยใบหน้าหวาดกลัวภายนอก เจ้าสำนักกระบี่วิญญ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1371

    ภายในใจของหงอีเต็มไปด้วยการต่อต้าน แต่ร่างกายของเธอกลับไม่สามารถต้านทานคำสั่งของเย่ซิวได้เธอค่อย ๆ ลุกขึ้นสีหน้าของเธอดูแย่มาก เธอจ้องไปยังเย่ซิวด้วยดวงตาเย็นยะเยือกเย่ซิวพยักหน้า วิชาลับที่จอมมารโลหิตมอบให้เขามันใช้ได้ผลจริง ๆเขาออกคำสั่งที่สอง “เรียกฉันว่านายท่าน”ความรู้สึกต่อต้านในใจของหงอีพุ่งขึ้นถึงขีดสุดไม่มีทางที่จะพูดคำเรียกที่น่าอับอายแบบนั้นออกมาได้แต่ในตอนนั้นเอง ร่างของเธอกลับถูกกระตุ้นด้วยอักขระทีละเส้น ทำให้เกิดความเจ็บปวดรุนแรง ไม่ใช่แค่ทางกาย แต่ลึกเข้าไปถึงจิตวิญญาณพลังนี้ทำให้เธอไม่อาจต้านทานได้ ปากที่ควรจะควบคุมได้กลับขยับออกมาเองทันที“นาย…นายท่าน…”เพียงสองคำนี้ที่หลุดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้นี้ ทำให้หงอีรู้สึกอัปยศอดสูอย่างหนัก หน้าเธอแดงจัดด้วยความโกรธแต่เย่ซิวไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกอย่างไร ยังคงทำการทดลองของตัวเองต่อไป“คุกเข่าลง”เสียง ตุบ ดังขึ้นเมื่อหงอีทรุดลงคุกเข่าต่อหน้าเขาเป็นถึงราชินีโลหิตผู้ยิ่งใหญ่แท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับคุกเข่าลงตรงหน้าเย่ซิวเหมือนสาวใช้คนหนึ่งความรู้สึกสำเร็จที่เย่ซิวได้รับมันรุนแรงยิ่งกว่าการที่เขาทะลวงพลังขึ้นไ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status