Share

บทที่ 9

Author: เฉิงกวงโฮ่วถู่
ที่หน้าลานตระกูลจ้าว วันนี้คึกคักมากเป็นพิเศษ

เหล่าคนมีอำนาจในเมืองเจียงเฉิงเดินทางมาถึงแล้ว รถยนต์หรูหราหลายคันจอดอยู่ด้านนอก

วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของจ้าวจางแห่งตระกูลจ้าว

จ้าวจางเป็นที่รู้จักกันในนามบุคคลในตำนาน เขาเป็นจอมยุทธ์ระดับสามและมีธุรกิจภายใต้ชื่อของเขามากมาย

นอกจากบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ปแล้ว เขายังดำเนินกิจการสถานบันเทิงมากกว่าสิบแห่ง และมีเครือข่ายอิทธิพลกว้างขวาง

ในเจียงเฉิง ตระกูลจ้าวถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ

"บริษัทต้าเหิงเรียลเอสเตทมอบขาวหยกคู่หนึ่ง"

"เฉิงซิ่นแอนทีคมอบสร้อยประคำ"

"โรงรับจำนำตระกูลเฉินมอบหยกหรูอี้คู่หนึ่ง"

ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลจ้าว พ่อบ้านกำลังรายงานของขวัญจากแต่ละตระกูลที่ส่งมาด้วยเสียงดังอย่างต่อเนื่อง

ของขวัญชิ้นใดชิ้นหนึ่งเหล่านี้มีมูลค่าถึงหกหลักเลยทีเดียว

เย่ซิวมาถึงแล้ว

เขาถือถุงพลาสติกสีดำอยู่ในมือด้วยสีหน้าเย็นชา

ทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาก็ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมากทันที

ในโอกาสสำคัญเช่นนี้ ทุกคนล้วนแต่งตัวเต็มยศเพื่อเข้าร่วมงาน มีเพียงเขาเท่านั้นที่สวมชุดกีฬา นี่มันจงใจมองข้ามระเบียบกันชัด ๆ

เขาไม่สนใจสายตาแปลก ๆ มากมายจากคนเหล่านั้น เย่ซิวเดินไปที่ประตูใหญ่

เขาถูกขวางอย่างรวดเร็ว

บอดี้การ์ดสวมชุดสูทและแว่นกันแดดเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม "คุณเป็นใคร?"

"คนที่จะมาอวยพรวันเกิดให้จ้าวจางยังไงล่ะ หลีกทางไปซะ"

รังสีของเย่ซิวแผ่ออกมาทั่วบริเวณ บอดี้การ์ดคนนี้รู้สึกกลัวขึ้นทันที

กว่าที่เขาจะเรียกสติกลับมาได้ เย่ซิวก็เดินผ่านเขาไปแล้ว

เมื่อมาถึงพ่อบ้าน เขาก็ยื่นของในมือให้อย่างไม่แยแส

พ่อบ้านหยิบมันขึ้นมาเปิดดูตามสัญชาตญาณ เผยให้เห็นนาฬิกาเรือนหนึ่ง

"แขกมอบนาฬิกามาหนึ่งเรือน"

หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นการตอบสนองและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปฉับพลัน "อะไรกัน? นี่จะยั่วโมโหกันเหรอไง?"

ในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็มาถึงห้องโถงด้านในแล้ว

ภายในห้องโถงเหล่าผู้นำด้านธุรกิจแขนงต่าง ๆ ของเจียงเฉิงล้วนนั่งอยู่ที่นี่

จ้าวจางอายุแปดสิบปี แต่เขายังคงดูมีชีวิตชีวาไม่น้อย

นัยตาของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง

เดิมทีภายในงานนั่นคึกคักเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินจากด้านนอกว่ามีคนนำนาฬิกามามอบเป็นของขวัญให้เขา บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นทันที

รอยยิ้มของจ้าวจางหายไป

จ้าวเฉียนนั่งอยู่ด้านข้างตบโต๊ะอย่างโกรธจัด "วันนี้ใครมันกล้าให้ของอัปมงคลแบบนี้!"

"ผมเอง!"

เย่ซิวเดินเข้ามาและมองจ้าวเฉียนด้วยแววตาคมกริบราวกับสายฟ้าฟาด "คุณกล้ามาก กล้ามาหลอกผม!"

"ไอ้เด็กสามหาว!" จ้าวเฉียนตะคอกอย่างเย็นชา “แกไม่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี้ คุกเข่าลง คำนับพ่อฉันเก้าครั้งแล้วไสหัวไปซะ!"

เย่ซิวเอามือไพล่หลัง "คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ผมมีสองสิ่งที่ต้องการ หนึ่งคือโอนเงินสองร้อยล้านหยวนให้ผมทันที และอย่างที่สองคือตระกูลจ้าวของคุณต้องคุกเข่าลงและขอโทษผมด้วย"

เย่ซิวคิดว่าการลงโทษนี้ไม่สาสมแล้วด้วยซ้ำ

ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งเสียของอาจารย์ที่สอนเขาว่าผู้มีปัญหาไม่ควรใช้กำลังในการแก้ปัญหา เขาคงลงมือทำลายตระกูลจ้าวไปแล้ว ไม่ปล่อยให้เสียเวลาจนถึงป่านนี้

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า!"

ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา แขกเหรื่อทุกคนในห้องต่างก็หัวเราะเสียงดัง

"เด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหน เขาทำฉันขำเกือบตายแล้ว"

"เขารู้ไหมว่าเขาพูดอะไรออกมา?"

"เด็กบ้านนอกนี้จะทำให้ตระกูลจ้าวคุกเข่าและขอโทษได้ยังไง?"

"มิหนำซ้ำเขายืนกรานที่จะทำแบบนี้อีกด้วย"

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึม "ไอ้เด็กสารเลว กล้าข่มขู่ตระกูลจ้าวของฉันเหรอ? นายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์เลยนะ ฉันไม่มีทางให้ค่านายหรอก!"

เย่ซิวรู้สึกขบขัน "ข่มขู่งั้นเหรอ? คุณนี่ไร้ยางอายกว่าที่ผมคิดเสียอีก ในตอนที่อาจารย์ของผมช่วยจ้าวเฉียน คุณให้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์แก่เขา เมื่อวานผมขายหุ้นให้คุณ แต่สุดท้ายคุณก็อายัดเงินไว้ ช่างหน้าด้านจริง ๆ!"

เย่ซิวคิดกับตัวเองว่าเป็นเพราะเขาขาดประสบการณ์ทางสังคม เรื่องราวจึงเป็นเช่นนี้

"ไร้สาระ!" จ้าวเฟิงโกรธจัด "ตระกูลจ้าวของฉันปราศจากมลทิน กล้าดียังไงมาใส่ร้ายพวกเรา ใครก็ได้ไล่เขาออกไปที!"

"เดี๋ยวก่อน" จ้าวจางพูดขึ้นและมองตรงไปที่เย่ซิว "พ่อหนุ่ม วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน และฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องอัปมงคลขึ้นในวันนี้"

"เอาล่ะ ฉันจะให้เงินนายหนึ่งแสนหยวน แล้วออกไปเดี๋ยวนี้"

จ้าวเฟิงเข้าใจเรื่องราวในทันที เขาหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋า เขียนจำนวนเงินหนึ่งแสนหยวนด้วยความงุนงงและเดินไปหาเย่ซิว

"ฉันเคยเห็นคนแบบนายมาเยอะแล้ว นายแค่ต้องการเงินไม่ใช่หรือ? รับไปสิ หนึ่งแสนหยวนคงพอให้นายใช้ได้อีกนาน"

เช็คในมือของเขาถูกยกขึ้นต่อหน้าเย่ซิว จากนั้น จู่ ๆ เขาก็ปล่อยเช็คลงกับพื้น

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเต็มไปด้วยการถากถาง "รับเช็คแล้วออกไปจากที่นี่ซะ ไอ้บ้านนอก!"

แขกเหรื่อต่างพากันหัวเราะเสียงดัง บรรดาชนชั้นสูงจากแวดวงต่าง ๆ มองตรงไปที่เย่ซิวด้วยความเย้ยหยันบนใบหน้าของพวกเขา ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูตัวตลก

เย่ซิวไม่แม้แต่จะปรายตามองเช็คที่ตกลงบนพื้นด้วย "ผมเลือกเส้นทางของผมเองได้ ตอนนี้ผมขอประกาศว่าตระกูลจ้าวได้ล่มสลายไปแล้ว"

คำพูดนี้กระตุ้นให้เกิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง

ทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่ใช้มองคนโง่เขลา

จะทำให้ตระกูลจ้าวล่มสลายอย่างนั้นเหรอ?

ตอนนี้ตระกูลจ้าวอยู่ในจุดสูงสุดและมีอิทธิพลอย่างกว้างขวาง

การที่เด็กสารเลวอย่างเขาหมายจะทำให้ตระกูลจ้าวล่มสลายไร้สาระพอ ๆ กับคนที่หมายจะไขว่คว้าดวงจันทร์บนท้องฟ้า

ใบหน้าของจ้าวจางเข้มขึ้นเล็กน้อย "หนุ่มน้อย ตระกูลจ้าวของฉันเป็นตระกูลที่มีเมตตา ฉันให้เงินไปแล้วนายยังต้องการอะไรอีก? นายอย่าได้โลภเกินไป ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาขึ้นได้"

คำพูดของเขาเป็นการข่มขู่

เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอีกต่อไป เขามองไปรอบ ๆ "วันนี้เป็นปัญหาส่วนตัวของฉันกับตระกูลจ้าว เพื่อไม่ให้ถูกลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บ พวกคุณทุกคนควรออกไปจะดีที่สุด"

"กล้ามาก!" ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าชั่วร้ายยืนขึ้นก่อนตะโกนใส่เย่ซิว "แกไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วใช่ไหม? ถึงได้กล้ามาขู่พวกเราแบบนี้!"

หญิงสาวสวยอวบอ้วนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา "คุณจ้าวมีจิตใจดีและไม่ต้องการเอาเรื่องนาย เพราะงั้นอย่ามัวมาคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้เลย"

ผู้ทรงอิทธิพลหลายคนได้แสดงความคิดเห็นของตนกันเป็นจำนวนมาก

นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับความชื่นชมจากตระกูลจ้าว และไม่มีใครอยากพลาดเหตุการณฺที่เกิดขึ้น

ในไม่ช้าพวกเขาก็รีบเรียกบอดี้การ์ดจำนวนร้อยกว่าคนเข้ามา

แต่ละคนมีกล้ามเนื้อปูดโปนและสายตาที่ดุร้าย

จ้าวเฟิงกล่าวอย่างเสแสร้ง "แม้ว่านายจะเป็นฝ่ายมาที่บ้านของฉันเพื่อรีดไถเงินก่อน แต่ตระกูลจ้าวของฉันก็มีเมตตา ตอนนี้ฉันให้โอกาสนายอีกครั้ง ออกไปพร้อมกับเงินนั่น และจบเรื่องนี้ลงซะ"

เพียะ!

เย่ซิวตบหน้าเขาทันที "ไร้สาระจริง ๆ คุณมันก็แค่คนโง่คนหนึ่ง"

เขาออกแรงเเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ร่างของจ้าวเฟิงหมุนเคว้งกลางอากาศก่อนจะดิ่งลงสู่พื้น

ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาบวมฉึ่ง และดวงตาของเขาเบิกกว้าง ก่อนจะหมดสติไปในที่สุด

การตบของเย่ซิวแฝงไปด้วยปราณทมิฬที่รุนแรง

ตอนนี้อาจยังไม่ปรากฏอะไรให้เห็น แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่วันหากไม่ได้จอมยุทธ์ระดับเจ็ดมาช่วยจัดการ เขาจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย

การตบนี้ทำให้ทั้งห้องโถงเงียบเป็นเป่าสาก

จ้าวเฉียนส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง "สารเลว แกกล้าทำร้ายลูกชายของฉันเหรอ? พวกแกมัวยืนทำอะไรอยู่? ฆ่าเขาสิ!"

หลังจากพูดจบ เขาก็วิ่งไปหาจ้าวเฟิงที่หมดสติทันที

บอดี้การ์ดจำนวนมากเมื่อได้รับคำสั่ง ก็เหวี่ยงแท่งเหล็กเข้าหาศีรษะของเย่ซิวอย่างดุเดือด

ใบหน้าของเย่ซิวเย็นชา ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะได้เพลิดเพลินกับการสังหารเสียแล้ว

กระแสลมปราณอันทรงพลังหมุนวนอยู่ภายในร่างกายของเขา และเมื่อมันปะทุขึ้น ก็จะทำให้เกิดแรงกระทบอย่างรุนแรงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

"หยุดนะ!"

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังมาจากด้านนอก!

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1407

    “ว่าไง?”“ก่อนนายจะไป มาฝึกกับฉันอีกครั้งเถอะ!”น้ำเสียงของเธอแน่วแน่มาก เธอแทบจะพูดผ่านไรฟันที่กัดแน่น เหมือนกำลังเดินเข้าสู่ลานประหารยังไงยังงั้นเย่ซิวถอนหายใจเงียบ ๆเธอก็คงรับไม่ได้จริง ๆ กับการที่ทั้งสองฝั่งกลายเป็นศัตรูกันนี่น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็ได้ งั้นก็ให้เธอสมหวังก็แล้วกันผ่านไปกว่าสามชั่วโมง แสงทั้งสองสายก็พุ่งออกไปคนละทิศทางแสงหนึ่งในนั้นคือเฉินอิ๋งอิ๋งที่ตาแดงก่ำ พลางเอ่ยเสียงสั่น “ฮือ ๆ ๆ ฉันอกหักเหรอเนี่ย…”……เมื่อเย่ซิวกลับมาถึงสำนัก ก็เห็นหลัวเวยเวยเดินกลับมาจากข้างนอกพอเธอเห็นเขา ใบหน้าของเธอก็ฉายแววยินดีออกมา “สัตว์วิญญาณหรือปีศาจที่มีสายเลือดแข็งแกร่งที่นายให้ฉันช่วยตามหาน่ะ ตอนนี้ได้ข่าวแล้วนะ”“จริงเหรอ? เล่าให้ฟังหน่อยเร็ว”หลัวเวยเวยเม้มริมฝีปากเล็กน้อย “มีงานประมูลงานหนึ่งจะจัดขึ้นพรุ่งนี้ สถานที่อยู่ที่เมืองหนึ่งที่ห่างจากที่นี่ประมาณห้าร้อยกิโลเมตร ในงานจะมีของประมูลชิ้นหนึ่ง เป็นปีศาจที่มีสายเลือดหมีเพลิงบรรพกาลอยู่เล็กน้อย”สีหน้าเย่ซิวเปลี่ยนไปเล็กน้อยหมีเพลิงบรรพกาลเป็นสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายมากมันเป็นปีศาจที่บ้าคลั่งโดยธรรมช

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1406

    ทั่วร่างของเธอแผ่ไอหมอกสีชมพูเข้มออกมา ส่งผลให้พลังต่อสู้เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเย่ซิวส่ายหน้า ผู้หญิงคนนี้นี่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริง ๆเขาใช้พลังแค่เพียงหนึ่งในสิบเท่านั้นเองแถมยังไม่ได้ใช้วิชาโลกีย์หลอมเซียนด้วยซ้ำในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ให้เธอได้สัมผัสว่าความสิ้นหวังที่แท้จริงมันเป็นยังไงกันเถอะเขาใช้วิชาโลกีย์หลอมเซียนพร้อมกับปล่อยพลังออกมาห้าส่วนในทันทีชั่วพริบตาเดียว เฉินอิ๋งอิ๋งก็แทบจะรับมือไม่ไหว ดวงตาโตคู่สวยเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง“นายมันแย่เกินไปแล้ว ฉันเป็นผู้หญิงนะ ไม่คิดจะออมมือให้หน่อยเหรอ”เฉินอิ๋งอิ๋งแค้นเย่ซิวจนเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเย่ซิวตอบอย่างจริงจัง “ฉันมองเธอเป็นคู่ต่อสู้ ในเมื่อเป็นคู่ต่อสู้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะออมมือ ถ้าฉันทำอย่างนั้นมันก็เท่ากับไม่ให้เกียรติเธอ เธอว่าไหมล่ะ”เฉินอิ๋งอิ๋งอ้าปากจะเถียง แต่สุดท้ายก็ไม่รู้จะพูดอะไรกลับไปดีหมอนี่พูดถูกทุกอย่าง แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกหงุดหงิดขนาดนี้ก็ไม่รู้หลังจากพยายามฝืนสู้ต่อไปได้แค่ห้านาที เธอก็เริ่มตามจังหวะของเย่ซิวไม่ทันแล้ว และรีบร้องขอให้เขาหยุดแต่เย่ซิวยังใช้วิชาโลกีย์หลอมเซียนอย่างต่อ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1405

    คนที่ปรากฏตัวต่อหน้าเย่ซิวคือเด็กสาวคนหนึ่งที่ใส่กระโปรงสั้นจู๋ ขาเรียวยาวสวมถุงน่องสีเนื้อนั่นไม่ใช่ใครอื่น เฉินอิ๋งอิ๋งนั่นเอง!เธอเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ผิวขาวจนเหมือนเรืองแสงได้ เส้นผมใสเหมือนคริสตัลดูเหมือนจะสูงขึ้นเล็กน้อยด้วย ร่างกายเต็มไปด้วยเสน่ห์โดยธรรมชาติทั้งร่างของเธอเปล่งประกายความงามที่น่าตะลึงออกมาจากภายในสู่ภายนอกเย่ซิวประหลาดใจเล็กน้อย “เธอกลับมาเร็วขนาดนี้เลยเหรอ ได้รับการถ่ายทอดพลังมาแล้วเหรอ?”เฉินอิ๋งอิ๋งเชิดหน้า “แน่นอนสิ นายคิดว่าฉันเป็นใครกัน”จากท่าทางของเธอก็รู้เลยว่าได้ผลประโยชน์กลับมาไม่น้อยแน่เย่ซิวโบกมือเรียกเธอ “เอามา”“อะไรเหรอ?”“ก็ของล้ำค่ากับทรัพยากรที่อยู่ในถ้ำนั่นไง อย่าคิดจะตุกติกนะ เธอสาบานไว้แล้วไม่ใช่เหรอ”“อ๋อ เรื่องนั้นเหรอ” เฉินอิ๋งอิ๋งหัวเราะคิกคัก “ฉันไม่คิดจะผิดสัญญาหรอกน่า แต่ก่อนจะให้ นายต้องตกลงเงื่อนไขของฉันก่อน”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เงื่อนไขอะไร?”“ฉันอยากให้นายอยู่กับฉันทั้งคืน”พูดจบ เธอก็ยักคิ้วให้เขาเล็กน้อยแค่ท่าทางกับน้ำเสียง ใครเป็นผู้ใหญ่ก็ดูออกว่าเธอหมายถึงอะไร“เรื่องสองอย่างนี้มันดูไม่ค่อยเก

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1404

    เหนือกว่าสมบัติวิญญาณก็คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ตามตำนาน ว่ากันว่าทั้งโลกนี้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่แค่สามชิ้นเท่านั้น และล้วนอยู่ในการครอบครองของสำนักระดับหนึ่งทั้งสามแห่งแต่ตอนนี้เย่ซิวมีมันอยู่ในมือ ซึ่งก็อาจจะเป็นชิ้นที่สี่ถ้าข่าวนี้หลุดรั่วออกไป จะต้องมียอดฝีมือจำนวนมากพุ่งตรงมาเพื่อบดเขาให้แหลกเป็นผุยผงแน่เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เขาก็รู้สึกขนลุกเกรียวก่อนจะตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครทั้งสิ้น“เอาล่ะ ไว้เจอกันใหม่เมื่อถึงคราวมีวาสนาต่อกัน”หญิงสาวเอื้อมมือไปคว้าหลุมดำข้างหลัง แล้วก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาเย่ซิวไม่มีแม้แต่แรงสั่นสะเทือนของอากาศ ราวกับว่าเธอไม่เคยมีอยู่จริงเย่ซิวอดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่งถึงระดับไหนกันแน่?หรือว่าจะเป็นเซียนเขาส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเริ่มหลอมรวมเจดีย์ทองคำเข้ากับร่างกาย แล้วเก็บมันไว้ในห้วงแห่งจิตสำนึกทันทีทันทีที่เข้าไป มันก็เบียดเอากระบี่หายนะกับสัตว์วิญญาณกิเลนออกจากตำแหน่งกลาง ส่วนตัวเองก็ยึดตำแหน่งนั้นเอาไว้แทน เจดีย์ทองคำช่างโอหังนักเย่ซิวเพียงแค่คิด ก็สามารถเข้าสู่ภายในเจดีย์ได้ทันทีราวกับว่าเขาหลุดเข

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1403

    พอธูปขนาดมหึมาทั้งสามดอกจุดติด ก็เริ่มลุกไหม้อย่างรวดเร็วกลิ่นหอมของธูปกลายเป็นรูปมังกรสามตัว พุ่งเข้าสู่จมูกของหญิงสาวที่นอนอยู่จากนั้นเตียงน้ำแข็งด้านล่างของเธอก็เริ่มละลายอย่างรวดเร็วภายใต้สายตาของเย่ซิว จนกระทั่งเผยให้เห็นหลุมสีดำขนาดเท่ากำปั้นพลังวิญญาณปะทุออกมาจากหลุมนั้นอย่างต่อเนื่องจิตใจของเย่ซิวถึงกับสะเทือน ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าพลังวิญญาณมาจากที่ไหนหลุมนี้อาจจะเชื่อมต่อกับแดนสวรรค์แห่งใดแห่งหนึ่ง หรือไม่ก็เชื่อมไปยังอีกโลกหนึ่งโดยตรง“วูม!”ธูปขนาดมหึมาทั้งสามดอกไหม้หมดภายในเวลาไม่ถึงสิบวินาที และพลังทั้งหมดก็ถูกหญิงสาวดูดซับเข้าไปในร่างแล้วเธอก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและนั่นเป็นดวงตาแบบไหนกันนะ?!จิตใจของเย่ซิวถึงกับสั่นสะเทือนเขาเห็นดาราจักรหมุนเวียนในดวงตาคู่นั้น เห็นภูเขาและแม่น้ำเปลี่ยนแปลง เห็นสุริยันจันทราหมุนเวียน เห็นสรรพสิ่งกำเนิดและดับสูญ!เมื่อหญิงสาวเอ่ยปาก เสียงของเธอก็ราวกับเสียงดนตรีจากสวรรค์แว่วอยู่ข้างหูเย่ซิว ส่งผลกระทบอย่างมหาศาล ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณของเขาราวกับถูกชำระล้าง“ขอบคุณที่ช่วยเหลือ”เย่ซิวได้สติกลับมา ก่อนจะมองหญิงสาวตร

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1402

    อีกข้อหนึ่งก็คือต้องมีจิตใจที่แน่วแน่มั่นคงพอไม่อย่างนั้นจะถูกพลังอันแข็งแกร่งจากภายนอกกัดกร่อนจิตใจได้ง่าย แล้วสุดท้ายก็จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งปีศาจแต่สำหรับเย่ซิวแล้ว ข้อเสียสองข้อนี้ไม่ใช่ปัญหาเลยร่างกายของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้บำเพ็ญระดับรวมกายาเสียอีกจิตใจก็มั่นคงดั่งเหล็กกล้าเรียกได้ว่าวิชาลับนี้เหมือนถูกสร้างมาเพื่อเขาโดยเฉพาะทั้งร่างกายและจิตใจของเขาล้วนแข็งแกร่งเกินมนุษย์ถ้าสามารถหาสัตว์วิญญาณหรือปีศาจที่มีสายเลือดทรงพลังมาฝังลงในจุดลมปราณได้ พลังต่อสู้ของเขาจะพุ่งสูงขึ้นแบบก้าวกระโดดแน่นอนอารมณ์ของเขาดีขึ้นทันตา ขนาดตอนมองเฉินเฟยเจี๋ยก็ยังรู้สึกว่าเธอน่ามองมากกว่าเดิมผู้หญิงคนนี้คือเทพแห่งโชคลาภของเขาโดยแท้ เป็นเหมือนสาวน้อยผู้ส่งของวิเศษมาให้คิดได้ดังนั้น เย่ซิวก็ลุกขึ้นยืนยิ้มพลางเอ่ยว่า “ขอบคุณมากนะคุณเฉิน งั้นผมคืนให้คุณก็แล้วกัน”พูดจบก็ยื่นหนังสือเล่มนั้นคืนให้เฉินเฟยเจี๋ยเฉินเฟยเจี๋ยรับไปแล้วเก็บไว้เรียบร้อย ก่อนจะเตือนเย่ซิว “อย่าลืมนะ วิชาลับนี้สำคัญมาก ห้ามรั่วไหลแม้แต่นิดเดียว ถ้าใครเห็นเข้าก็ต้องทำให้เขาหายไป ไม่อย่างนั้นพวกเราจ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status