แชร์

บทที่ 9

ผู้เขียน: เฉิงกวงโฮ่วถู่
ที่หน้าลานตระกูลจ้าว วันนี้คึกคักมากเป็นพิเศษ

เหล่าคนมีอำนาจในเมืองเจียงเฉิงเดินทางมาถึงแล้ว รถยนต์หรูหราหลายคันจอดอยู่ด้านนอก

วันนี้เป็นวันเกิดครบรอบแปดสิบปีของจ้าวจางแห่งตระกูลจ้าว

จ้าวจางเป็นที่รู้จักกันในนามบุคคลในตำนาน เขาเป็นจอมยุทธ์ระดับสามและมีธุรกิจภายใต้ชื่อของเขามากมาย

นอกจากบริษัทเหิงหยวนกรุ๊ปแล้ว เขายังดำเนินกิจการสถานบันเทิงมากกว่าสิบแห่ง และมีเครือข่ายอิทธิพลกว้างขวาง

ในเจียงเฉิง ตระกูลจ้าวถือว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอันดับต้น ๆ

"บริษัทต้าเหิงเรียลเอสเตทมอบขาวหยกคู่หนึ่ง"

"เฉิงซิ่นแอนทีคมอบสร้อยประคำ"

"โรงรับจำนำตระกูลเฉินมอบหยกหรูอี้คู่หนึ่ง"

ที่หน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลจ้าว พ่อบ้านกำลังรายงานของขวัญจากแต่ละตระกูลที่ส่งมาด้วยเสียงดังอย่างต่อเนื่อง

ของขวัญชิ้นใดชิ้นหนึ่งเหล่านี้มีมูลค่าถึงหกหลักเลยทีเดียว

เย่ซิวมาถึงแล้ว

เขาถือถุงพลาสติกสีดำอยู่ในมือด้วยสีหน้าเย็นชา

ทันทีที่เขาปรากฏตัว เขาก็ดึงดูดความสนใจได้เป็นอย่างมากทันที

ในโอกาสสำคัญเช่นนี้ ทุกคนล้วนแต่งตัวเต็มยศเพื่อเข้าร่วมงาน มีเพียงเขาเท่านั้นที่สวมชุดกีฬา นี่มันจงใจมองข้ามระเบียบกันชัด ๆ

เขาไม่สนใจสายตาแปลก ๆ มากมายจากคนเหล่านั้น เย่ซิวเดินไปที่ประตูใหญ่

เขาถูกขวางอย่างรวดเร็ว

บอดี้การ์ดสวมชุดสูทและแว่นกันแดดเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้ม "คุณเป็นใคร?"

"คนที่จะมาอวยพรวันเกิดให้จ้าวจางยังไงล่ะ หลีกทางไปซะ"

รังสีของเย่ซิวแผ่ออกมาทั่วบริเวณ บอดี้การ์ดคนนี้รู้สึกกลัวขึ้นทันที

กว่าที่เขาจะเรียกสติกลับมาได้ เย่ซิวก็เดินผ่านเขาไปแล้ว

เมื่อมาถึงพ่อบ้าน เขาก็ยื่นของในมือให้อย่างไม่แยแส

พ่อบ้านหยิบมันขึ้นมาเปิดดูตามสัญชาตญาณ เผยให้เห็นนาฬิกาเรือนหนึ่ง

"แขกมอบนาฬิกามาหนึ่งเรือน"

หลังจากพูดจบ ทันใดนั้นการตอบสนองและใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปฉับพลัน "อะไรกัน? นี่จะยั่วโมโหกันเหรอไง?"

ในขณะเดียวกัน เย่ซิวก็มาถึงห้องโถงด้านในแล้ว

ภายในห้องโถงเหล่าผู้นำด้านธุรกิจแขนงต่าง ๆ ของเจียงเฉิงล้วนนั่งอยู่ที่นี่

จ้าวจางอายุแปดสิบปี แต่เขายังคงดูมีชีวิตชีวาไม่น้อย

นัยตาของเขาเต็มไปด้วยความหยิ่งผยอง

เดิมทีภายในงานนั่นคึกคักเป็นอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินจากด้านนอกว่ามีคนนำนาฬิกามามอบเป็นของขวัญให้เขา บรรยากาศก็ตึงเครียดขึ้นทันที

รอยยิ้มของจ้าวจางหายไป

จ้าวเฉียนนั่งอยู่ด้านข้างตบโต๊ะอย่างโกรธจัด "วันนี้ใครมันกล้าให้ของอัปมงคลแบบนี้!"

"ผมเอง!"

เย่ซิวเดินเข้ามาและมองจ้าวเฉียนด้วยแววตาคมกริบราวกับสายฟ้าฟาด "คุณกล้ามาก กล้ามาหลอกผม!"

"ไอ้เด็กสามหาว!" จ้าวเฉียนตะคอกอย่างเย็นชา “แกไม่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี้ คุกเข่าลง คำนับพ่อฉันเก้าครั้งแล้วไสหัวไปซะ!"

เย่ซิวเอามือไพล่หลัง "คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ผมมีสองสิ่งที่ต้องการ หนึ่งคือโอนเงินสองร้อยล้านหยวนให้ผมทันที และอย่างที่สองคือตระกูลจ้าวของคุณต้องคุกเข่าลงและขอโทษผมด้วย"

เย่ซิวคิดว่าการลงโทษนี้ไม่สาสมแล้วด้วยซ้ำ

ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งเสียของอาจารย์ที่สอนเขาว่าผู้มีปัญหาไม่ควรใช้กำลังในการแก้ปัญหา เขาคงลงมือทำลายตระกูลจ้าวไปแล้ว ไม่ปล่อยให้เสียเวลาจนถึงป่านนี้

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า!"

ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา แขกเหรื่อทุกคนในห้องต่างก็หัวเราะเสียงดัง

"เด็กคนนี้เป็นใครมาจากไหน เขาทำฉันขำเกือบตายแล้ว"

"เขารู้ไหมว่าเขาพูดอะไรออกมา?"

"เด็กบ้านนอกนี้จะทำให้ตระกูลจ้าวคุกเข่าและขอโทษได้ยังไง?"

"มิหนำซ้ำเขายืนกรานที่จะทำแบบนี้อีกด้วย"

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเคร่งขรึม "ไอ้เด็กสารเลว กล้าข่มขู่ตระกูลจ้าวของฉันเหรอ? นายเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์เลยนะ ฉันไม่มีทางให้ค่านายหรอก!"

เย่ซิวรู้สึกขบขัน "ข่มขู่งั้นเหรอ? คุณนี่ไร้ยางอายกว่าที่ผมคิดเสียอีก ในตอนที่อาจารย์ของผมช่วยจ้าวเฉียน คุณให้หุ้นห้าเปอร์เซ็นต์แก่เขา เมื่อวานผมขายหุ้นให้คุณ แต่สุดท้ายคุณก็อายัดเงินไว้ ช่างหน้าด้านจริง ๆ!"

เย่ซิวคิดกับตัวเองว่าเป็นเพราะเขาขาดประสบการณ์ทางสังคม เรื่องราวจึงเป็นเช่นนี้

"ไร้สาระ!" จ้าวเฟิงโกรธจัด "ตระกูลจ้าวของฉันปราศจากมลทิน กล้าดียังไงมาใส่ร้ายพวกเรา ใครก็ได้ไล่เขาออกไปที!"

"เดี๋ยวก่อน" จ้าวจางพูดขึ้นและมองตรงไปที่เย่ซิว "พ่อหนุ่ม วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน และฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องอัปมงคลขึ้นในวันนี้"

"เอาล่ะ ฉันจะให้เงินนายหนึ่งแสนหยวน แล้วออกไปเดี๋ยวนี้"

จ้าวเฟิงเข้าใจเรื่องราวในทันที เขาหยิบเช็คออกมาจากกระเป๋า เขียนจำนวนเงินหนึ่งแสนหยวนด้วยความงุนงงและเดินไปหาเย่ซิว

"ฉันเคยเห็นคนแบบนายมาเยอะแล้ว นายแค่ต้องการเงินไม่ใช่หรือ? รับไปสิ หนึ่งแสนหยวนคงพอให้นายใช้ได้อีกนาน"

เช็คในมือของเขาถูกยกขึ้นต่อหน้าเย่ซิว จากนั้น จู่ ๆ เขาก็ปล่อยเช็คลงกับพื้น

ใบหน้าของจ้าวเฟิงเต็มไปด้วยการถากถาง "รับเช็คแล้วออกไปจากที่นี่ซะ ไอ้บ้านนอก!"

แขกเหรื่อต่างพากันหัวเราะเสียงดัง บรรดาชนชั้นสูงจากแวดวงต่าง ๆ มองตรงไปที่เย่ซิวด้วยความเย้ยหยันบนใบหน้าของพวกเขา ราวกับว่าพวกเขากำลังมองดูตัวตลก

เย่ซิวไม่แม้แต่จะปรายตามองเช็คที่ตกลงบนพื้นด้วย "ผมเลือกเส้นทางของผมเองได้ ตอนนี้ผมขอประกาศว่าตระกูลจ้าวได้ล่มสลายไปแล้ว"

คำพูดนี้กระตุ้นให้เกิดเสียงหัวเราะอีกครั้ง

ทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่ใช้มองคนโง่เขลา

จะทำให้ตระกูลจ้าวล่มสลายอย่างนั้นเหรอ?

ตอนนี้ตระกูลจ้าวอยู่ในจุดสูงสุดและมีอิทธิพลอย่างกว้างขวาง

การที่เด็กสารเลวอย่างเขาหมายจะทำให้ตระกูลจ้าวล่มสลายไร้สาระพอ ๆ กับคนที่หมายจะไขว่คว้าดวงจันทร์บนท้องฟ้า

ใบหน้าของจ้าวจางเข้มขึ้นเล็กน้อย "หนุ่มน้อย ตระกูลจ้าวของฉันเป็นตระกูลที่มีเมตตา ฉันให้เงินไปแล้วนายยังต้องการอะไรอีก? นายอย่าได้โลภเกินไป ไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาขึ้นได้"

คำพูดของเขาเป็นการข่มขู่

เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอีกต่อไป เขามองไปรอบ ๆ "วันนี้เป็นปัญหาส่วนตัวของฉันกับตระกูลจ้าว เพื่อไม่ให้ถูกลูกหลงจนได้รับบาดเจ็บ พวกคุณทุกคนควรออกไปจะดีที่สุด"

"กล้ามาก!" ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าชั่วร้ายยืนขึ้นก่อนตะโกนใส่เย่ซิว "แกไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วใช่ไหม? ถึงได้กล้ามาขู่พวกเราแบบนี้!"

หญิงสาวสวยอวบอ้วนพูดด้วยสีหน้าเย็นชา "คุณจ้าวมีจิตใจดีและไม่ต้องการเอาเรื่องนาย เพราะงั้นอย่ามัวมาคิดเล็กคิดน้อยแบบนี้เลย"

ผู้ทรงอิทธิพลหลายคนได้แสดงความคิดเห็นของตนกันเป็นจำนวนมาก

นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้รับความชื่นชมจากตระกูลจ้าว และไม่มีใครอยากพลาดเหตุการณฺที่เกิดขึ้น

ในไม่ช้าพวกเขาก็รีบเรียกบอดี้การ์ดจำนวนร้อยกว่าคนเข้ามา

แต่ละคนมีกล้ามเนื้อปูดโปนและสายตาที่ดุร้าย

จ้าวเฟิงกล่าวอย่างเสแสร้ง "แม้ว่านายจะเป็นฝ่ายมาที่บ้านของฉันเพื่อรีดไถเงินก่อน แต่ตระกูลจ้าวของฉันก็มีเมตตา ตอนนี้ฉันให้โอกาสนายอีกครั้ง ออกไปพร้อมกับเงินนั่น และจบเรื่องนี้ลงซะ"

เพียะ!

เย่ซิวตบหน้าเขาทันที "ไร้สาระจริง ๆ คุณมันก็แค่คนโง่คนหนึ่ง"

เขาออกแรงเเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ร่างของจ้าวเฟิงหมุนเคว้งกลางอากาศก่อนจะดิ่งลงสู่พื้น

ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาบวมฉึ่ง และดวงตาของเขาเบิกกว้าง ก่อนจะหมดสติไปในที่สุด

การตบของเย่ซิวแฝงไปด้วยปราณทมิฬที่รุนแรง

ตอนนี้อาจยังไม่ปรากฏอะไรให้เห็น แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่วันหากไม่ได้จอมยุทธ์ระดับเจ็ดมาช่วยจัดการ เขาจะตายอย่างไม่ต้องสงสัย

การตบนี้ทำให้ทั้งห้องโถงเงียบเป็นเป่าสาก

จ้าวเฉียนส่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง "สารเลว แกกล้าทำร้ายลูกชายของฉันเหรอ? พวกแกมัวยืนทำอะไรอยู่? ฆ่าเขาสิ!"

หลังจากพูดจบ เขาก็วิ่งไปหาจ้าวเฟิงที่หมดสติทันที

บอดี้การ์ดจำนวนมากเมื่อได้รับคำสั่ง ก็เหวี่ยงแท่งเหล็กเข้าหาศีรษะของเย่ซิวอย่างดุเดือด

ใบหน้าของเย่ซิวเย็นชา ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะได้เพลิดเพลินกับการสังหารเสียแล้ว

กระแสลมปราณอันทรงพลังหมุนวนอยู่ภายในร่างกายของเขา และเมื่อมันปะทุขึ้น ก็จะทำให้เกิดแรงกระทบอย่างรุนแรงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

"หยุดนะ!"

แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามดังมาจากด้านนอก!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1304

    ในห้องของหลัวเวยเวย เย่ซิวกำลังฝึกวิชาโลกีย์หลอมเซียนร่วมกับเธอไม่นานนัก หลัวเวยเวยก็สร่างเมา จึงตกใจจนตัวโยนขึ้นมาทันทีเธออยากจะผลักเย่ซิวออกไป แต่ความรู้สึกที่วิชานี้มอบให้ รวมถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึก มันกลับทำให้เธอไม่อยากหยุดกลางคันได้แต่แอบบ่นตัวเองในใจว่าทำไมถึงห้ามปากตัวเองไม่อยู่ ไปดื่มเสียเยอะขนาดนั้น?ทั้งที่ตามแผนเดิม เธอตั้งใจจะเลี้ยงไข้เย่ซิวให้นานกว่านี้แต่ตอนนี้…เธอกัดฟันแน่น คิดในใจว่าในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว งั้นก็ต้องทุ่มให้สุดตัว อย่างน้อยก็ต้องทำให้เย่ซิวยอมสยบ ให้เขารู้เสียบ้างว่าเธอเจ๋งแค่ไหนเพียงแต่ความฝันนั้นสวยงาม ขณะที่ความจริงนั้นโหดร้ายช่วงแรก หลัวเวยเวยยังสามารถต่อกรกับเย่ซิวได้อย่างสูสีด้วยพลังที่สั่งสมมานานนับสิบปี แต่หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงกว่า ๆ เธอก็ถูกต้อนจนถอยไม่ทันเย่ซิวเป็นฝ่ายควบคุมการฝึกอย่างสมบูรณ์ ต่อให้เธออยากแย่ง ‘อำนาจในการควบคุม’ ก็ทำอะไรไม่ได้เลยหลัวเวยเวยตะลึงสุดขีด “ทำไมนายถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้!”เย่ซิวแค่ยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบอะไรนี่แหละคือความน่ากลัวของร่างกายที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิม บวกกับพลังจากเคล็ดว

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1303

    รั่วอวิ๋น "..."เย่ซิว "..."“ดื่มสิ จะยืนเอ๋ออยู่ทำไม คืนนี้เมากันให้สุด ใครถอยก่อนเป็นหมานะ”บนโต๊ะเหล้า เฉินเยียนจือเอาเท้าวางพาดเก้าอี้ ถลกแขนเสื้อขึ้น มือถือแก้วเหล้าใหญ่เหมือนแม่ทัพผู้คว้าชัยชนะแค่ดื่มไปสองแก้วแรกก็ ตุบ ล้มตึงไปนอนกับพื้นทันที ทำเอาผู้หญิงอีกสองคนหัวเราะจนตัวโยกจากนั้นรั่วอวิ๋นกับหลัวเวยเวยก็มองหน้ากันแวบหนึ่ง ในแววตาของทั้งคู่แฝงไปด้วยประกายแห่งความเป็นศัตรูไม่นานนัก ทั้งสองคนก็เริ่มแข่งขันกันทันที ต่างฝ่ายต่างหมายมั่นจะทำให้อีกฝ่ายเมาร่วงให้ได้“มา ๆ สามแก้วรวด!”“จะกินอะไรนักหนา? รีบ ๆ ดื่มเหล้าเดี๋ยวนี้ เธอจะรอให้ปลาในแก้วมันโตก่อนหรือไง เทให้เต็มเลย”บรรยากาศบนโต๊ะเหล้าเดือดสุด ๆ สองสาวไม่มีใครยอมใคร แข่งกันแบบไม่มีถอยทั้งคู่ต่างเร่งใช้พลังบำเพ็ญขับฤทธิ์เหล้า พลางแข่งกันยกชนแก้วอย่างดุเดือดราวกับอยู่ท่ามกลางสนามรบ มีทั้งคมดาบแสงกระบี่ ทุกอย่างเข้มข้นถึงขีดสุดสองสาวไม่มีใครยอมใคร ต่างคนต่างจ้องตาเขม็งใส่กัน วันนี้อีกฝ่ายต้องแพ้เท่านั้นเย่ซิวนั่งดูอยู่เงียบ ๆ เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ใต้โต๊ะ เฉินเยียนจือกอดขาเย่ซิวแล้วหลับปุ๋ยอยู่ตรงนั้น นอน

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1302

    เย่ซิวหยิบตราสำนักโลหิตสังหารออกมาทันใดนั้น ไอสังหารเย็นเยียบก็แผ่กระจายไปทั่วเมื่อเห็นตรานี้ ทุกคนในที่นั้นเหมือนโดนสายฟ้าฟาด หน้าซีดเผือด ตกตะลึงสุดขีด หวาดกลัวสุดใจเมื่อเห็นสีหน้าของพวกเขา เย่ซิวก็เผยรอยยิ้มบาง ๆ ออกมาอย่างคลุมเครือ “ที่แท้พวกคุณก็รู้จักสิ่งนี้ งั้นก็คุยกันง่ายแล้วล่ะขอแนะนำตัวหน่อย ตอนนี้ผมคือเจ้าสำนักโลหิตสังหาร ลองเดาดูสิว่าตอนนี้ในสำนักมีนักฆ่าของเรากี่คนที่แฝงตัวอยู่”ที่พูดออกไปก็แค่ขู่ให้กลัวเท่านั้น แต่เจ้าสำนักกับพรรคพวกกลับไม่รู้แต่ละคนถึงกับตัวสั่น ไม่มีใครสงสัยเลยว่าสัญลักษณ์นั่นจะเป็นของปลอมหรือไม่ เพราะถ้ามีสมองสักนิด ก็จะรู้ว่าไม่มีใครบ้าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นแน่ทุกคนต่างรู้ดีว่านักฆ่าสำนักนี้โหดขนาดไหน แถมยังมีสำนักรัตติกาลหนุนหลังอีกต่อให้ใครอยากตาย ก็คงไม่เลือกวิธีโง่ ๆ แบบนี้หรอกฝั่งเซียนกระบี่แต่ละคนรู้สึกเย็นเฉียบเหมือนตกลงไปในน้ำแข็ง พวกเขายืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่รู้ควรจะมีปฏิกิริยายังไงดีเฉินเยียนจือรีบวิ่งเข้าไปคว้ามือเจ้าสำนักไว้ทันที “คุณพ่ออย่าขัดขวางเขาอีกเลย เย่ซิวเก่งมากนะ พ่อสู้เขาไม่ได้หรอก”เจ้าสำนักเบิกตากว้

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1301

    เสียงตะโกนกึกก้องนั้น เมื่อเสริมด้วยพลังบำเพ็ญก็เหมือนคลื่นโหมกระหน่ำกระจายไปทั่วเจ้าสำนักโกรธจัด “เธอมันผู้หญิงใจง่าย แล้วกับเย่ซิวอีก!!!”เย่ซิวที่เพิ่งออกจากถ้ำของหานเฟิงและกำลังจะกลับ ก็ได้ยินเสียงตะโกนของหลัวเวยเวยสายตาเขาแข็งกร้าวขึ้น “ไป ตามผมไปดูด้วยกัน!”หานเฟิงกับคนอื่น ๆ รีบตามไปทันทีไม่นาน ที่พักของหลัวเวยเวยก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนทั้งฝั่งเซียนกระบี่และฝั่งอนุรักษนิยมก็มาครบสองฝั่งยืนเผชิญหน้ากันชัดเจน บรรยากาศตึงเครียดจนเหมือนจะระเบิดแต่ว่าหลัวเวยเวยที่ควรจะยืนข้างเซียนกระบี่ กลับยืนอยู่ฝั่งอนุรักษนิยมเจ้าสำนักมองด้วยสายตาเดือดดาลพอเห็นหลัวเวยเวยอยู่ข้างเย่ซิว ความสงสัยทั้งหมดก็ได้รับการยืนยันเขาโกรธจนเหมือนโดนไฟเผา รู้สึกโดนสวมเขาเข้าเต็ม ๆ“เย่ซิว พวกนายหมายความว่ายังไง เรื่องของครอบครัวฉัน ออกไปเดี๋ยวนี้!”เย่ซิวเอ่ยนิ่ง “เดิมทีคิดจะรออีกสักสองสามวันแล้วค่อยสะสาง แต่ถ้าคุณจะร้อนรนขนาดนี้ งั้นจัดการเลยก็แล้วกัน”หลัวเวยเวยมองเขาอย่างกังวล “มั่นใจแล้วใช่ไหม?”ท่าทีห่วงใยแบบนี้ สำหรับเจ้าสำนักคือการราดน้ำมันลงกองเพลิงเขาระเบิดพลังออกมาราวกับภูเขาไฟท

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1300

    ตอนนี้เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้กับร่างแยกทั้งห้าธาตุเขายุ่งจนถึงค่ำ กว่าจะมีเวลามาหาหลัวเวยเวยถึงที่พัก คิดจะถามข่าวคราวของสำนักในช่วงที่ตัวเองปิดด่านฝึกตนไปแต่พอไปถึงที่พักของหลัวเวยเวย แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากถามอะไร เจ้าสำนักก็ถึงกับตกตะลึง“เธอทะลวงระดับได้ยังไง!”หลัวเวยเวยนั่งอยู่บนโซฟา ขาเรียวยาวได้รูปไขว้กันอย่างสวยงามเธอปรายตามองเขาแวบหนึ่งก่อนจะเบือนหน้าไปอีกทาง “ฉันทะลวงระดับแล้วมันแปลกตรงไหน”เจ้าสำนักก้าวฉับ ๆ มาหยุดตรงหน้าหลัวเวยเวย “เธอหาทรัพยากรจำนวนมหาศาลแบบนั้นมาจากไหน?”เขารู้ดีว่าหลัวเวยเวยติดอยู่ที่ระดับปฐมญาณมานานแล้วและอุปสรรคใหญ่ที่สุดในการทะลวงขั้นก็คือทรัพยากรหลัวเวยเวยแค่นเสียงหึ “ฉันได้มันมาด้วยฝีมือตัวเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย”เจ้าสำนักขมวดคิ้วแน่น “เธอเป็นอะไรไป ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอดูหงุดหงิดฉันจัง?”“ก็ใช่น่ะสิ” หลัวเวยเวยเลิกเสแสร้ง “ฉันเบื่อคุณนานแล้ว เราเลิกกันเถอะ”เจ้าสำนักเบิกตากว้าง “เธอว่าไงนะ เธอจะเลิกกับฉันงั้นเหรอ? เธอบ้าไปแล้วหรือไง!”หลัวเวยเวยตอบเสียงหนักแน่น “ฉันไม่ได้บ้า คุณไม่แตะต้องฉันมานานกว่าสิบปีแล้ว อย่างนี้ยังจะเ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1299

    เย่ซิวเห็นเสี่ยวโหรวยืนอยู่ตรงหน้าในชุดแอร์โฮสเตสแถมยังไม่ใช่ชุดธรรมดา แต่เป็นเวอร์ชันดัดแปลงพิเศษอีกต่างหากผ้าบางเบาแนบลำตัว โชว์สัดส่วนอย่างชัดเจนชุดนี้ต่อให้คนแก่แปดสิบนอนป่วยอยู่ ก็ยังมีแรงลุกจากเตียงได้เลยหัวใจของเย่ซิวเต้นแรงขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัว ก่อนจะหัวเราะอย่างจนใจ “ไปหาชุดแบบนี้มาจากไหนกัน”แม่สาวน้อยคนนี้ชักจะเก่งขึ้นทุกวันคอยแต่จะหยั่งเชิงขีดจำกัดของเขาอยู่นั่นเสี่ยวโหรวกะพริบตาปริบ ๆ อย่างไร้เดียงสา “ข้าเห็นมีคนใส่ในทีวี ก็เลยลองเอาผ้ามาดัดแปลงดูเอง งามไหมเจ้าคะ?”พูดจบก็หมุนตัวหนึ่งรอบตรงหน้าเขาชายกระโปรงสะบัดพลิ้วดูสดใสมีชีวิตชีวาเย่ซิวชูนิ้วโป้งให้ “สุดยอดเลย”ในใจเสี่ยวโหรวพองโตด้วยความดีใจเมื่อครู่สายตาที่เย่ซิวมองเธออย่างตะลึงงัน เธอก็สัมผัสได้ชัดเจนว่าเขาต้องชอบแน่ ๆจากนั้นเสี่ยวโหรวก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อทำให้ความสัมพันธ์ของตัวเองกับเย่ซิวก้าวหน้าไปอีกขั้นแต่สุดท้ายก็ล้มเหลว จนเธอรู้สึกท้อแท้อย่างหนักหลังจากอาบน้ำเสร็จ เย่ซิวก็เห็นเสี่ยวโหรวที่กำลังทำหน้างออย่างหงุดหงิดเขาเพียงแค่ส่ายหน้าเบา ๆ แล้วก็เดินออกจากถ้ำ มุ่งหน้าตรงไปยังประตูเข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status