ด้านหน้ายังมีคนอยู่เป็นจำนวนมากที่กำลังขนเงินสดออกมาอย่างต่อเนื่องคนเหล่านี้ไม่มีกลิ่นฉุนของเลือด พวกเขาเป็นเพียงกลุ่มอันธพาลและเย่ซิวก็ไม่ได้จะฆ่าพวกเขา แค่ทำให้ได้รับความเจ็บปวดบ้างก็เท่านั้น“พี่ใหญ่ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะนะ พวกเราเป็นเพียงกลุ่มอันธพาลกลุ่มหนึ่งเท่านั้น”“ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ต่อไปผมจะทำแต่ทำความดีให้มาก ๆ ”“ขอร้องล่ะพี่ใหญ่ ปล่อยพวกเราไปเถอะนะ”พวกเหล่าอันธพาลทั้งหมดคุกเข่าลงต่อหน้าเย่ซิวพร้อมก้มหัวให้เขาไม่หยุดเย่ซิวสั่งให้พวกเขาขนเงินสดทั้งหมดกลับขึ้นรถ อีกทางด้านหนึ่ง หลิ่วอวี้ฝูได้ช่วยหลิวเหนิงออกมาพร้อมสั่งเขาว่า “เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนี้ ห้ามคุณพูดอะไรออกไปเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ช่วยคุณ”เธอเข้าใจดี ถ้าหากเรื่องพละกำลังของเย่ซิวแพร่งพรายออกไป มันคงจะสร้างความโกลาหลมากอาจมีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้มากมายอยากมาประลองกับเขาและอาจจะถึงขั้นอยากเอาชีวิตเขา เพราะว่าทั่วโลกนี้มีปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้จำนวนมาก และส่วนใหญ่พวกเขาก็แบ่งวิชาการฝึกตนอยู่แล้วถ้าพวกเขารู้ว่ามีอีกคน คงมาแย่งวิชาจากเขาไปอีกแน่เขายังดูหนุ่มขนาดนี้ ต่อไปผู้คนมากมายอาจจ
เย่ซิวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ้มและไม่ได้พูดอะไรหลิ่วอวี้ฝูสั่งผู้ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บนำตัวผู้บาดเจ็บในวิลล่าไปรับการรักษาและจัดระบบรักษาความปลอดภัยใหม่……อีกด้านหนึ่งที่ตระกูลหลี่เพล้ง!“ไอ้พวกขยะ!”หลี่หรูปิงคำรามออกมาเสียงดังขณะปาข้าวของลูกน้องที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างก้มหน้าลงและไม่กล้าพูดอะไรออกมา“พวกแกมีกองกำลังตั้งเยอะแต่กลับฆ่าพวกมันไม่ได้ พวกแกจะยังมีประโยชน์อะไรอีก!”หลี่หรูปิงโกรธจนถึงขีดสุด ครั้งนี้เรียกได้ว่าสูญเสียเป็นอย่างมากเขาขาดทุนมากมายมหาศาลเพราะจอมยุทธเหล่านั้นที่ถูกเย่ซิ่วฆ่าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว พวกเขามีพี่ชาย น้องสาวหรือญาติของตัวเองแต่พวกเขาตายเพื่อหลี่หรูปิงมีความสมเหตุสมผลที่จะจัดให้มีเงินบำนาญ เนื่องจากครั้งนี้สูญเสียจอมยุทธไปเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยก็ต้องจ่ายเงินถึงพันล้านหลังจากระบายความโกรธแล้ว เขาก็ถามอย่างเย็นชา “สืบได้หรือยังว่าคนที่ติดตามหลิ่วอวี้ฝูมามันเป็นใคร?!”ชายคนหนึ่งตอบขึ้นว่า “เป็นผู้ชายที่ชื่อว่าเย่ซิวครับ ในเมืองเจียงเฉิงมีบริษัทที่เรียกว่าบริษัทสตาร์รี่สกาย ว่ากันว่าเขาเป็นจอมยุทธ์ขั้นสูงสุดระดับสามดูเหมือนว่าเขาจะเชี่ยวชาญวิ
“คุณนอนที่โซฟาไม่สะดวกหรอก นอนที่เตียงเถอะ ผมจะไปนอนที่โซฟาเอง”ดวงตาของเซี่ยซิ่วซิ่วสว่างขึ้นทันที “ขอบคุณมากนะเย่ซิว นายนี่เป็นคนดีจริง ๆ ”จากนั้นเธอก็เดินเขย่งเท้าเข้าไป เธอจุ๊บลงบนแก้มของเย่ซิวเบา ๆ แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วเย่ซิวสัมผัสถึงกลิ่นหอมที่อยู่บนใบหน้าของเขาแล้วยิ้มเขาปิดไฟ แล้วเข้านอนทันทีในขณะที่เซี่ยซิ่วซิ่วกำลังห่มผ้าห่ม หัวใจของเธอยังคงเต้นแรงเธอก้าวเข้าสู่ขั้นตอนสำคัญ และความคิดต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นในใจของเธอ‘นี่ฉันอยู่ห้องเดียวกับเย่ซิวจริง ๆ เหรอนี่’‘คิดไม่ถึงเลยว่าจะพัฒนาไปเร็วขนาดนี้ ถ้าคืนนี้เขาควบคุมใจไม่ไหว ฉันจะตอบตกลงดีไหม?’ไม่นานเธอก็ผล็อยหลับไปในความคิดยุ่งเหยิงเมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเธออยู่คนเดียวบนเตียงลูบไล้ร่างกายตัวเอง ก็พบว่าไม่มีอะไรเสียหาย“เห้อ..” เธอถอนหายใจ “หนทางยังอีกยาวไกล สู้ ๆ เข้าไว้นะซิ่วซิ่ว”หลังจากอาบน้ำเสร็จเธอก็เดินออกมา เธอเห็นเย่ซิวที่ไม่สวมเสื้อกำลังวอร์มร่างกายอยู่กล้ามเนื้อที่แข็งแรงและใบหน้าที่ใสสะอาดนั้นในเวลานี้ มีแสงตะวันสาดส่องลงมาที่เขาภาพนี้ทำให้เซี่ยซิ่วซิ่วคลั่งไคล้จนหัวใจเต้นแรง เธอไม่อาจละสา
ไม่นานก็มาถึงสถานที่จัดงานโดยไม่รู้ตัว รถหยุดลงบอดี้การ์ดรีบลงมาก่อนเพื่อคุ้มครองบริเวณโดยรอบนอกจากนี้ยังมีบางคนที่ครองตำแหน่งผู้นำอย่างรวดเร็ว และมาตรการรักษาความปลอดภัยสามารถพูดได้ว่าเข้มงวดมากหลังจากนั้นหลิ่วอวี้ฝูก็ลงมาจากรถเมื่อลงจากรถ เธอก็เห็นขบวนรถแล่นมาแต่ไกลบอดี้การ์ดจำนวนมากเดินออกมา โดยมีชายหน้าตาน่ากลัวคนหนึ่งเดินเข้ามาดวงตาของหลี่หรูปิงกวาดมองเย่ซิว หลิ่วอวี้ฝูและคนอื่น ๆ อย่างเผด็จการโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสายตาเขามองไปที่เย่ซิว เจตนาฆ่าก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างไม่ปิดบังแต่เมื่อเขามองไปที่หลิ่วอวี้ฝู ใบหน้าก็มีรอยยิ้มขึ้นมาทันที “นี่น้องหลิ่ว ไม่ได้เจอกันแค่แป๊บเดียว เธอสวยขึ้นมากเลยนะ”หลิ่วอวี้ฝูกลับมามีท่าทีเย็นชา เมื่อเธอต้องเผชิญกับคำพูดของหลี่หรูปิง เธอก็ไม่สนใจที่จะพูดอะไรกับเขาและเพิกเฉยต่อคำพูดเหล่านั้นสีหน้าของหลี่หรูปิงไม่ดีนัก “นี่หลิ่วอวี้ฝู ฉันพูดกับเธออยู่นะ หรือว่าผู้ใหญ่ตระกูลเธอไม่ได้สอนเรื่องมารยาท?”เย่ซิวพูดเสียงเรียบ “มารยาทเอาไว้ใช้กับคน นายก็แค่หมาบ้าตัวหนึ่ง สมควรมีมารยาทด้วยหรือไง?!”โอกาสน้อยมากที่เย่ซิวจะด่าใครสักคน แ
วันนี้หูเม่ยเอ๋อร์สวมชุดกี่เพ้ากรีดยาวถึงเข่าสีเขียวมรกต เผยให้เห็นรูปร่างที่เย้ายวนของเธอ ผมถูกมัดเกล้าเอาไว้ใบหน้าของเธอถูกตกแต่งแบบบางเบา และเสน่ห์อันน่าหลงใหลบนร่างกายของเธอก็ได้รับการพัฒนาจนถึงขั้นสูงสุด เหมือนต้นหลิวพลิ้วไหวตามสายลม สง่างามเป็นอย่างยิ่งทุกการเคลื่อนไหวสุดแสนจะพรรณนาทางด้านของหรูฮว่าเองก็สวมกระโปรงยาวขาว บนกระโปรงมีลวดลายสวยงามมากมายเธอเหมือนสตรีผู้สูงศักดิ์ในสมัยโบราณในแง่ของรูปลักษณ์ เธอด้อยกว่าหูเเม่ยเอ๋อร์เล็กน้อย แต่ในแง่ของออร่าเธอไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยยากที่จะจินตนาการว่าหรูฮว่าซึ่งดูเหมือนผู้หญิงสูงส่ง จริง ๆ แล้วเธอเป็นผู้หญิงที่สามารถชกแผ่นเหล็กได้ด้วยเพียงหมัดเดียว เมื่อสองสาวปรากฏกายออกมา ก็ดึงดูดสายตาผู้ชายในงานทั้งหมดเสียงกลืนน้ำลายดังขึ้นอย่างต่อเนื่องแม้แต่หลี่หรูปิงและต๋งอู่ที่มีสาวมากน้อยนับไม่ถ้วนก็ยังใจเต้นจนเลือดของพวกเขาไหลเวียนเร็วมากยิ่งขึ้นเมื่อสองสาวเดินเข้ามา ทุกสายตาจับจ้องมาที่พวกเธอโดยไม่ได้ตั้งใจและเป็นการยากที่จะละสายตาไปจากพวกเธอได้ดวงตาของเย่ซิวเองก็ฉายแววประหลาดใจเช่นกันวันนี้ทั้งสองคนเป็นตัวชูโรงในงาน
เซี่ยซิ่วซิ่วที่อยู่ไม่ไกลดึงแขนเสื้อของเย่ซิว “พวกเราไปช่วยดีไหม?”เย่ซิวส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก พวกเธอทั้งสองคนไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา ๆ พวกเธอไม่ต้องการให้เราช่วยหรอก”เขาไม่มีความตั้งใจที่จะเป็นฮีโร่ช่วยหญิงสาวความสัมพันธ์กับหูเม่ยเอ๋อร์เป็นเพียงความสัมพันธ์ที่แค่ร่วมมือกัน เขาจะไม่เพียงแค่วิ่งไปจะจู่โจมทักทายหรืออะไรทั้งนั้น“หยุดนะ พวกแกจะทำอะไร?!”เสียงอันทรงพลังดังขึ้นในระยะไกลทำเอาบอดี้การ์ดหยุดลงเมื่อหันกลับมาก็เห็นชายที่แข็งแกร่งในชุดทหารเดินเข้ามาหลิ่วอวี้ฝูอธิบายเบา ๆ “ท่านนี้คือบุคคลที่จะรับผิดชอบในการประมูลการจัดหาอาวุธของพวกเรา เขาคือหวังลี่”ต๋งอู่กับหลี่หรูปิงก็สั่งให้บอดี้การ์ดหยุดลงมือทันทีเขายิ้มอย่างจริงใจให้กับหวังลี่ที่เดินเข้ามา เพราะพวกเขาไม่สามารถที่จะรุกรานหวังลี่ได้เมื่อหวังลี่เดินเข้ามา เขาก็ตะคอกอย่างไม่เกรงใจ “นี่พวกนายทำอะไรกัน ไม่รู้หรือไงว่าที่นี่ที่ไหน?!”ทั้งสองคนรีบก้มหน้าลงแล้วกล่าวขอโทษไม่ว่าธุรกิจของพวกเขาจะใหญ่แค่ไหน พวกเขาก็ยังต้องก้มหัวและแกล้งทำเป็นหลานชายต่อหน้าคนในกองทัพ ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะต้องรับผลที่ตามมาสีหน้าของหวังลี่
"ฉันจะเสนอหกแสนล้านบาท!"เสียงของหลี่หรูปิงดังและชัดเจน ทันทีที่เปิดปากเขาก็ปล่อยไพ่ตายออกมาทำให้สีหน้าฝั่งคนทางด้านของหลิ่วอวี้ฝูเปลี่ยนไปอย่างมากในครั้งนี้หลิ่วอวี้ฝูเตรียมเงินไว้มากกว่าสี่แสนล้านบาทแม้จะรวมกับเย่ซิวและหูเม่ยเข้าด้วยกัน ก็มีมูลค่าเพียงประมาณสี่แสนแปดหมื่นล้านเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะมีโอกาสได้พูด คนอื่น ๆ ก็ถูกกดลงไปหมดแล้วเมื่อมองดูใบหน้าของหลิ่วอวี้ฝู เย่ซิวก็ตระหนักได้ถึงบางสิ่งบางอย่าง เขาจึงถามเธออย่างไม่ต้องสงสัย “มีอะไรผิดปกติเหรอ? เพราะเงินไม่เพียงพอใช่ไหม?”คนเช่นตระกูลหลี่จะทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และเย่ซิวไม่ต้องการให้พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่หากหลิ่วอวี้ฝูมีเงินไม่เพียงพอจริง ๆ เขาอาจจะต้องใช้เงินขององค์กรปัจจุบันองค์กรนั้นมีเงินในบัญชีมากกว่าหนึ่งล้านล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินกองทุนฉุกเฉินเขาจะไม่ใช้มันเว้นแต่ว่าจะจำเป็นหลิ่วอวี้ฝูส่ายหัว “โชคดีที่ฉันเตรียมตัวมาดี ฉันมีญาติที่ทำงานในธนาคาร ฉันก็เลยใช้สินทรัพย์คุณภาพสูงบางส่วนเป็นหลักประกันในกรณีฉุกเฉินเธอหันมองไปที่หวังลี่แล้วพูดว่า “หกแสนห้าหมื่นล้านบาท”ดูเหมือนเธอจ
หลี่หรูปิงหัวเราะลั่น เขามองเย่ซิวด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “ไอ้โง่ แกรู้ไหมว่าเงินแปดแสนล้านมันเป็นยังไง? แกมีเงินมากขนาดนั้นเลยหรือยังไงถึงได้กล้าเสนอเงินมั่ว ๆ แบบนั้น!”ต่งอู่พูดเสริม “ที่นี่ไม่มีที่ให้คนกระจอกอย่างนายพูด หุบปากไปซะ!”เย่ซิวเพิกเฉยต่อสุนัขบ้าสองตัวนี้และแสดงข้อมูลธุรกรรมบนโทรศัพท์ให้หลิ่วอวี้ฝูดูหลิ่วอวี้ฝูเหลือบมองอย่างไม่ใส่ใจ และทันใดนั้นเธอก็เบิกตากว้าง พลางโน้มตัวลงดู ใบหน้าแทบจะฝังเข้าไปในหน้าจอโทรศัพท์ของเย่ซิวอยู่แล้วเลขศูนย์ติดกันเป็นพืดจนเธอไม่อยากจะเชื่อเธอนับหลายครั้งติดต่อกันเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้นับผิด สายตาของเธอที่จ้องมองเย่ซิวเต็มไปด้วยประกายแวววาว“พี่เย่ นี่เรื่องจริงใช่ไหม?”เย่ซิวพยักหน้ายิ้มทันใดนั้น หลิ่วอวี้ฝูก็ยืดอกขึ้น เธอรู้สึกได้ถึงพละกำลังที่เต็มเปี่ยม เธอมองไปที่หวังลี่ด้วยสายตาที่แน่วแน่ “แปดแสนล้าน!”หวังลี่เหลือบมองเย่ซิว เจ้าหมอนี่มีความสามารถมากขนาดนั้นเลยหรือ?อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้พูดอะไรและเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยแต่หลี่หรูปิงและต่งอู่โต้ตอบอย่างรุนแรง"เป็นไปไม่ได้!" หลี่หรูปิงทุบโต๊ะ “นี่เธอจะบอกว่าไอ้โง่นั่นหาเง
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ