คนที่บุกเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยล้วนเป็นคนของหลี่เฟยเมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็แสดงความเห็นตรงกัน“ใช่แล้ว หลี่เฟยเป็นคนซื่อสัตย์และจริงใจมาก เขาจะไปทำมิดีมิร้ายกับคุณได้ยังไง?”“น่าหลันเยียนหราน ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนแบบนี้!”“ฉันคิดว่า คุณเห็นว่าหลี่เฟยยังหนุ่มและมีอนาคตไกล เลยอยากตามจีบเขาสินะ พอเขาปฏิเสธ คุณก็สาดโคลนใส่เขา”……น่าหลันเยียนหรานมองดูคนเหล่านี้ด้วยความไม่เชื่อพวกเขาไม่แม้แต่จะหาหลักฐาน แต่ก็ยังใส่ร้ายเธอสารพัดดวงตาของเธอแดงด้วยความโกรธ และร่างกายของเธอสั่นสะท้าน แต่เธอไม่รู้ว่าจะโต้แย้งกลับไปอย่างไรในขณะที่เธอทำอะไรไม่ถูกอย่างมาก เย่ซิวก็ดึงน่าหลันเหยียนหรานไปข้างหลัง และมองดูกลุ่มคนที่กล่าวหาอย่างกันอย่างหน้าด้าน ๆ พลางพูดอย่างเย็นชา“ผมให้โอกาสคุณขอโทษเธอ ไม่อย่างนั้นคุณก็เตรียมตัวรับผลที่จะตามมาได้เลย!”หลี่เฟยหัวเราะลั่น "สมองแกมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า? ตอนนี้แกควรจะคิดหาทางขอความเมตตายังไงเสียมากกว่ามั้ง จะได้ไม่ต้องเจ็บตัวมากยังไงล่ะ!"ลุงของหลี่เฟยเยาะเย้ย “นายบุกรุกเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยวีไอพีโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำร้ายหมออย่างไม่สมควร อีกทั้งยังสัม
เย่ซิวเฉยเมย "ถ้าอย่างนั้นเสวี่ยเหมยก็เป็นคนจัดการที่นี่สินะ จัดการได้แย่จริง ๆ""กล้าดีนัก!" ลุงของหลี่เฟยเห็นว่าเย่ซิวเรียกเจ้านายของเขาด้วยชื่อเท่านั้นก็โกรธขึ้นมา "แกมีสิทธิ์อะไรมาเรียกแค่ชื่อของท่าน? คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!"ใบหน้าของหลี่เฟยเต็มไปด้วยความดุร้าย "กล้าที่จะเรียกท่านนั้นด้วยชื่อเฉย ๆ ฉันจะปล่อยเรื่องนี้ออกไป ดีที่สุดแกก็จะได้ออกไปจากที่นี่ในสภาพร่างไร้วิญญาณ!"เย่ซิวเยาะเย้ย "ผมเรียกเธอด้วยชื่อเฉย ๆ แล้วยังไงล่ะ? ผมเคยล่วงเกินเธอมาแล้วด้วย คุณมีปัญหาอะไรอย่างนั้นเหรอ?"สิ่งที่เขาบอกนั้นเป็นความจริง แต่หลี่เฟยและคนอื่น ๆ คิดว่าเย่ซิวกำลังคุยโว พวกเขาจึงมองเย่ซิวราวกับเป็นธาตุอากาศลุงของหลี่เฟยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เด็กสารเลว แกกล้าดีเกินไปแล้ว รีบไปเรียกรปภ.มากดให้ไอ้เด็กนี่ให้คุกเข่าลงซะ”มีคนวิ่งออกไปข้างนอก และภายในสองนาที รปภ.กลุ่มใหญ่ก็บุกเข้ามา แต่ละคนถือกระบองไฟฟ้า สีหน้าของพวกเขาดูโหดเหี้ยมลุงของหลี่เฟยชี้ไปที่เย่ซิว "หักขามัน!"น่าหลันเหยียนหรานดึงแขนเสื้อของเย่ซิวอีกครั้ง "รีบไปสิคะ ฉันจะช่วยขวางพวกเขาไว้ให้เอง!"โดยธรรมชาติแล้วผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้แย
จู่ ๆ หลี่เยี่ยนหงก็ตะโกนขึ้นขัดจังหวะคำพูดของหลี่เฟย และทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็พลันตกใจในขณะที่พวกเขายังคงไม่รู้ถึงสถานการณ์ พวกเขาก็เห็นหลี่เหยียนหงหันกลับมาคุกเข่าลงตรงหน้าเย่ซิวเสียงดังตุ้บ และโค้งคำนับสามครั้งด้วยความเคารพโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ ก็มีก้อนขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา“คุณเย่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ เป็นฉันเองที่ละเลยเรื่องระเบียบวินัย และทำให้คุณต้องไม่พอใจ ฉันขอรับโทษด้วยชีวิตค่ะ!”ในเวลานี้ หลี่เยี่ยนหงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเมื่อได้รู้เรื่องราวภายใน เธอก็เข้าใจได้โดยธรรมชาติถึงพลังอันน่าหวั่นเกรงเบื้องหลังชายหนุ่มที่ดูบอบบางและไม่เป็นอันตรายผู้นี้แม้แต่เสวี่ยเหมยในตอนนี้ก็ยังต้องลดทัศนคติของเธอลงและขอโทษเย่ซิวอย่างเป็นทางการฉากนี้ทำให้ทุกคนในห้องตกตะลึงรองผู้อำนวยการไม่อยากจะเชื่อสายตา เขามองไปที่เย่ซิวที่ซึ่งหลี่เยี่ยนหงกำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้า และอดไม่ได้ที่จะถามว่า "คุณเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่าครับ? ผู้ชายคนนี้ก็แค่พวกกระจอกคนหนึ่งเท่านั้น!"ด้วยสถานะของเขา เขายังคงไม่สามารถเข้าถึงสังคมชนชั้นสูงได้หลี่เยี่ยนหงเพิกเฉยต่อเขา และเงยหน้ามองเย่ซิ
“คุณเย่ ความผิดที่บุคลากรภายใต้บริษัทของฉันทำ สมควรตายจริง ๆ ค่ะฉันเป็นเจ้าของศูนย์รวมความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงทั้งหมด ฉันขอมอบให้คุณเพื่อเป็นการชดเชยแทนคำขอโทษค่ะ”หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง ด้วยกลัวว่าเย่ซิวจะเข้าใจผิด เธอจึงกล่าวเสริมว่า “ศูนย์รวมความบันเทิงมีทั้งหมดสิบห้าชั้น มีพื้นที่รวมมากกว่าหนึ่งแสนตารางเมตรขอบเขตธุรกิจเป็นไปตามกฎหมายทั้งหมด ส่วนมูลค่ารวมของศูนย์รวมความบันเทิงนั้นมากกว่าเกินสองหมื่นล้านบาท” น่าหลันเยียนหรานที่อยู่ข้าง ๆ ตกใจมากจนพูดไม่ออกเธอเริ่มนับนิ้วคำนวณ สงสัยว่าต้องทำงานกี่ชาติกว่าจะหาเงินจำนวนนี้ได้ครั้งสุดท้ายที่เธอได้ยินคำว่าสองหมื่นล้านนั้นมาจากการสำรวจสำมะโนประชากร...เย่ซิวไม่ปฏิเสธ แต่พยักหน้าเห็นด้วยมันไม่ใช่เรื่องของความเป็นและความตาย ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเรื่องนี้มากนักเมื่อเห็นว่าเย่ซิวเต็มใจที่จะยอมรับมันหลี่เยี่ยนหงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเย่ซิวชี้ไปที่น่าหลันเหยียนหรานที่ยืนไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ข้าง ๆ เขา "นี่เพื่อนของผมเอง ถึงทักษะทางการแพทย์ของเธอจะไม่ได้พิเศษอะไร แต่นิสัยก็ไม่ได้แย่เลย"หลี่เยี่ยน
ไม่อย่างนั้นก็รอให้เธอฝึกไปจนถึงจุดสูงสุดของวิทยายุทธนี้ หรือรอให้เย่ซิวทะลวงไปได้เท่านั้น"ไปกันเถอะ กลับกันได้แล้ว"เย่ซิวเดินออกไปข้างนอกเมื่อมองไปที่แผ่นหลังของเขา ริมฝีปากของเสวี่ยเหมยก็โค้งงอเป็นนัยเสียดสี "คนขี้ขลาด"หลังจากกลับมาที่บ้าน ก็ไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่นเลยสิ่งต่อไปที่ต้องทำคือไปรับเซี่ยซิ่วซิ่วและหลิ่วเมิ่งอิ๋นมาที่นี่ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของธุรกิจสินทรัพย์มากมาย ดังนั้นจึงต้องมีคนที่ไว้ใจได้คอยจัดการดูแลก่อนอื่นเขามาที่ห้องของไป๋อวี้เจี๋ยเธอกำลังนอนหลับอยู่ มุมปากของเธอมีรอยยิ้มจาง ๆเขาไม่รบกวนเธอและไปที่ห้องของลู่เสวี่ยเอ๋อร์ ประตูยังเปิดแง้มอยู่เขาสามารถมองเห็นลู่เสวี่ยเอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียงได้ผ่านรอยแยกประตู เสื้อผ้าของเธอถกขึ้น เผยให้เห็นแผ่นหลังนวลขาวของเธอส่วนหลิวอวิ้นกำลังทาครีมผิวหยกบนหลังของเธอตั้งแต่ค้นพบคุณสมบัติพิเศษของครีมนี้ สองแม่ลูกก็คลั่งไคล้มากทาได้ทุกส่วนของร่างกายไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะสามารถต้านทานสิ่งล่อใจที่ทำให้ขาวได้หรอกเย่ซิวยืนอยู่ตรงประตูพลางชื่นชมอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เดินออกไปทันทีที่เขากลับมาถึงห้อง โทรศัพท์
เมื่อเย่ซิวเปิดประตูและเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างนอก เขาก็ตกตะลึง "ทำไมถึงเป็นคุณ?"คนคนนั้นคือหลินโหรวใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเห็นว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในวิลล่าหลังนี้คือเย่ซิว เธอก็ตกตะลึงเช่นกันจากนั้นเธอก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว และพูดว่า "เอ่อ คุณมียาห้ามเลือดบ้างไหม? เพื่อน... เพื่อนของฉันประสบอุบัติเหตุ"เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่นานนี้ เธอก็รู้สึกเสียใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุดนี่เธอกำลังเล่นเล่ห์อะไรอีก แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอขึ้นมาจริง ๆ เขาคงจะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตดวงตาของเย่ซิวหรี่ลงเล็กน้อย "เขาอยู่ที่ไหน พาผมไปดูหน่อย"หลินโหรวกังวล "คุณจะไปตรวจดูหรือยังไง? คุณรักษาคนได้เหรอ? ฉันเรียกรถพยาบาลแล้ว แต่คงใช้เวลาสักพักกว่าจะมาถึงคุณรีบบอกมาเถอะว่ามียาห้ามเลือดไหม ถ้าไม่มีฉันจะได้ไปถามที่อื่น”เย่ซิวกล่าวว่า "ผมรู้วิธีรักษา รีบพาผมไปที่นั่นเถอะ"“รักษาได้กับผีน่ะสิ!” หลินโหรวตะโกน “คุณคิดว่าฉันไม่รู้หรือว่าคุณเป็นคนแบบไหน ฉันจะไปหาคนอื่น!”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่ได้ตำหนิเธอหลินโหรวมีกลิ่นเลือดติดตัว จมูกของเย่ซิวจึงกระตุกในไม่ช้า เขาก็ระบุร่องรอยของกลิ่น
เย่ซิวและเสวี่ยเหมยนั่งอยู่หลังรถของเธอโซนที่นั่งคนขับกับที่นั่งด้านหลังนั้นแยกจากกัน ดังนั้นคนขับจะไม่ได้ยินหรือเห็นสิ่งใดที่เกิดขึ้นทางด้านหลังเลยนอกจากนี้รถคันนี้ยังมีระบบกันการสั่นสะเทือนแบบอิสระสี่ล้อ ดังนั้นไม่ว่าด้านหลังจะสั่นสะเทือนแค่ไหน ก็ไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอกภายในรถเต็มไปด้วยกลิ่นหอมเย้ายวนที่เล็ดลอดออกมาจากร่างกายของเสวี่ยเหมยไม่รู้ว่าจะตั้งใจหรือไม่ แต่เสวี่ยเหมยถอดเสื้อคลุมของเธอออกสวมชุดลูกไม้สีขาวผ้าชีฟองซึ่งเผยให้เห็นรูปร่างที่มีเสน่ห์ของเธออย่างสมบูรณ์แบบหลังจากได้ยินว่าเย่ซิววางแผนที่จะซื้อที่ดิน เธอก็ถามอย่างสงสัย "คุณมีแผนจะทำธุรกิจอะไร?""เครื่องสำอาง"“สายธุรกิจนี้ไม่ง่ายเลยนะ มีคู่แข่งมากเกินไป” เสวี่ยเหมยส่ายหัว เธอไม่มั่นใจในตัวเย่ซิวเท่าไหร่นัก“แค่บริษัทเครื่องสำอางที่จดทะเบียนในประเทศเพียงอย่างเดียวก็เกินห้าสิบบริษัทแล้ว และถ้าคุณนับบริษัทต่างชาติด้วยก็จะมีจำนวนหลายร้อยบริษัทหากคุณไม่มีทักษะและเส้นสาย การแย่งผลประโยชน์จากพวกผู้ประกอบการรายใหญ่นั้นจะเป็นเรื่องที่ยากมาก”เย่ซิวไม่ได้ให้คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหานี้เธอไม่รู้ว่าค
หลังจากพูดถึงคำถามนี้กับเสวี่ยเหมย เธอก็พูดว่า “ว่ากันว่าสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างน่ากลัว นักพัฒนาหลายรายที่ซื้อที่ดินต้องพบกับเรื่องประหลาดก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้างด้วยซ้ำ”“ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก พวกเขาหาพระภิกษุและนักบวชลัทธิเต๋าหลายรูปมาทำพิธี แต่ก็ยังไม่ได้ผล”“ต่อมาที่ดินนี้ก็ได้ถูกรัฐบาลเรียกคืน”“แต่อย่าคิดว่าจะหาราคาต่อรองได้เลย ไม่ว่าที่ดินผืนนี้จะขายไม่ออกแค่ไหน แต่ราคาก็ไม่ได้ลดลงไปเลย”“ข้อได้เปรียบเพียงอย่างเดียวคือไม่มีใครสามารถแข่งขันกับคุณได้”เย่ซิวพยักหน้า "คุณน่าจะรู้จักเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ใช่ไหม ให้พวกเขานำสัญญามา ผมจะซื้อที่ดินผืนนี้เอง"แม้ว่าเสวี่ยเหมยจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่เธอก็ยังต้องตกตะลึงกับความใจใหญ่ของเย่ซิว“นี่คุณบ้าไปแล้วหรือยังไง? แค่มองแวบเดียวก็จะทุ่มเงินสามล้านหกแสนล้านเพื่อซื้อที่ดินอาถรรพ์เนี่ยนะ คุณรู้ไหมว่าเงินจำนวนนี้คืออะไร?”น้ำเสียงของเธอสูงขึ้นมาก “ถ้าคุณฝากเงินจำนวนนี้ไว้กับธนาคาร ต่อให้เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด ก็ยังสร้างรายได้มากกว่าห้าพันล้านต่อปี!”“คุณรู้ไหมว่านี่หมายความว่ายังไง? ต่อให้คุณจะ
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ