ผู้หญิงคนนั้นเพิกเฉยต่อเจ้าของร้านและหันไปชื่นชมเย่ซิวแทน "ขอบคุณมากนะคะ ถ้าวันนี้ไม่ได้คุณ ฉันคงต้องแย่แน่ ๆ เลยค่ะ งั้นให้ฉันเลี้ยงคุณสักมื้อนะคะ"เจ้าของร้านแทบจะกระอักเลือดเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิตผู้หญิงคนนี้ แล้วทำไมเธอถึงไปขอบคุณเจ้าหน้าอ่อนนั่นแทนล่ะ?เย่ซิวพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่งทักษะการแสดงของผู้หญิงคนนี้จะสมจริงกว่านี้หน่อยไม่ได้เหรอ? นี่เกือบจะเทียบเท่ากับนักแสดงหน้าใหม่สมัยนี้แล้วในความเป็นจริง ผู้ชายหลายคนเมื่อเห็นเธอเขาก็ถึงกับเสียสติ จะสนใจอะไรที่ไหนอีก?ไม่เห็นเหรอว่าเจ้าของแผงขายอาหารนี้น้ำลายแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว?เขาส่ายหัว มื้อนี้กินต่อไม่ได้แล้ว เขาจึงลุกออกไปผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมแพ้ ไล่ตามเขามา“พี่ชาย เดี๋ยวก่อนค่ะ ฉันยังไม่ได้ตอบแทนคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้เลย ฉันชื่อจางหมินหมิ่น คุณชื่ออะไรเหรอคะ?”เจ้าของแผงขายอาหารตีอกชกหัวแล้วพูดว่า "โลกนี้มันเป็นอะไรกันไปหมด หล่อแล้วมันยิ่งใหญ่นักหรือไง"กลิ่นหอมแปลก ๆ โชยมาจากร่างกายของหญิงสาวท่าทีของเย่ซิวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหยุดฝีเท้าชั่วคราวพลางมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น "แล้วคุณคิดจะตอบแทนผมยังไง?"จางหมิ
หน่วยนครหลวงเป็นหน่วยหัวกะทิที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศหลงเถิง และยังติดอันดับหนึ่งในสามอันดับแรกของโลกอีกด้วยเย่ซิวรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าหน้าที่เหล่านี้กำลังปฏิบัติหน้าที่กันแต่น่าแปลกตรงที่จังหวะเวลาที่พวกเขาปรากฏตัวมันบังเอิญเกินไปพอเขา 'ตกอยู่ในอันตราย' คนกลุ่มนี้ก็มาถึงทันทีผู้หญิงที่เป็นผู้นำโบกมือ "พาพวกเขาทั้งหมดกลับไปสอบปากคำ"เย่ซิวหรี่ตาลง ไม่ขัดขืน และปล่อยให้พวกเขาพาตัวไปอยากรู้จริง ๆ ว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำอะไรซ่อนอยู่กันแน่ตอนนี้เขาสงสัยว่าหน่วยนครหลวงอาจถูกแทรกแซงไปแล้วถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ก็ถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรงแล้วไม่นานเขาก็ถูกนำตัวไปที่ห้องมืดและถูกสอบปากคำเพียงลำพัง"ชื่อ"“เย่ซิว”“ทำไมมันถึงอยู่ในนั้นล่ะ?”“ผู้หญิงที่ชื่อจางหมินหมิ่นล่อลวงผมไปที่นั่น”……อีกฝ่ายเดินออกไปหลังจากถามคำถามอีกหลายสิบข้อหลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง เขาก็เดินกลับเข้ามาและพูดด้วยรอยยิ้ม "คุณไปได้แล้ว ต้องขอบคุณหัวหน้าของเรา ไม่อย่างนั้นนายไม่รอดแน่" เย่ซิวถามว่า "คนนั้นเป็นผู้หญิงใช่ไหม?"อีกฝ่ายพยักหน้า “ใช่ หัวของเราไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียวนะ เธอย
จากนั้นเขาก็เห็นผู้หญิงที่ชื่อฉีฉูฉู่ขี่มอเตอร์ไซค์มาหยุดอยู่ข้าง ๆเธอสวมแจ็กเกตหนังและกางเกงหนัง รูปร่างของเธอน่าทึ่งมาก ส่วนโค้งเว้าบนร่างกายของเธอสมบูรณ์แบบเหนือจะบรรยายเธอถอดหมวกกันน็อกออกแล้วมองเย่ซิวด้วยสีหน้าเย็นชา "ฉันจะไปในเมือง ขึ้นรถสิ"น้ำเสียงนั้นมีกลิ่นอายของอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้เย่ซิวมองดูใบหน้าอันไร้ที่ติของเธอ แล้วจึงเข้าใจทุกอย่างเขาเห็นความคล้ายคลึงของฉีตังกั๋วบนใบหน้าของเธอประกอบกับการที่พวกเขามีนามสกุลเหมือนกัน ความจริงนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยากเลยเนื่องจากฉีตังกั๋วไม่สามารถงัดข้อกับเย่ซิวได้ตรง ๆ ดังนั้นเขาจึงใช้กลยุทธ์สาวงาม ต้องบอกว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างฉลาดเลยทีเดียวที่ใช้วิธีเช่นนี้เข้าหาเขาหากไม่ใช่เพราะเขาเพิ่งบรรลุและมีพลังจิต เขาอาจถูกหลอก และพัฒนาความรู้สึกต่อฉีฉูฉู่ไปไกลจริง ๆอย่างไรก็ตาม ตอนนี้บทบาทของนักล่าและเหยื่อได้สลับกันแล้วเขายิ้มและขึ้นรถไปโดยไม่ลังเลบึ้น!ฉีฉูฉู่บิดคันเร่ง แล้วมอเตอร์ไซค์ก็พุ่งออกไป"อ๊าาา!"เย่ซิวจงใจตะโกนออกมา จากนั้นก็ยกสองแขนโอบแขนรอบเอวเรียวนุ่มเด้งของฉีฉูฉู่เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเธอสั่นเล็กน้อย จ
ในวิลล่า ไป๋อวี้เตี๋ยซึ่งถูกทรมานมาหลายเดือน ดูน่าสังเวชเหลือเกินเดิมทีเธออาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แต่ต่อมาอาจารย์ของเธอได้พาเธอมาที่เมืองหลวงเธอได้รับบาดเจ็บทั่วร่างกาย เธอคุกเข่าต่อหน้าผู้หญิงคนหนึ่งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบหน้า "อาจารย์อาเล็ก ปล่อยฉันไปเถอะ"ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เธอรู้สึกเหมือนกำลังตกนรก ถูกทรมานด้วยวิธีการต่าง ๆ จากอาจารย์ของเธอ ตอนนี้เธอหมดสภาพจริง ๆแต่แทนที่จะแสดงความเมตตา แต่ในทางกลับกัน เธอยังหัวเราะพร้อมกับดึงไป๋อวี้เตี๋ย "เมื่อคืนนี้อาจารย์อาเล็กคิดเรื่องสนุก ๆ ขึ้นมาได้ เธอจะต้องชอบแน่ ๆ"ไป๋อวี้เตี๋ยไม่มีแรงแม้แต่จะดิ้นรน ทำได้เพียงปล่อยให้อาจารย์ของเธอลากเข้าไปในห้องน้ำเธอถูกผลักลงในอ่างอาบน้ำ และอาจารย์ของเธอก็ถือกล่องสองใบมาวางไว้ตรงหน้าภายในกล่องมีตัวหนีบและมีดเล็ก ๆ หลายเล่ม ส่องประกายเย็นวาบภายใต้แสงไฟอีกกล่องหนึ่งมีแมลงสีดำเล็ก ๆ จำนวนมาก ทั้งดูน่าเกลียดและน่ากลัวใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้มเหมือนคนจิตวิปริต "ฉันจะเฉือนเธอสี่สิบเก้าครั้งแล้วเอาแมลงใส่ลงไปในแผล”“แมลงพวกนี้จะหลั่งสารพิเศษที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่บนมวลเมฆ พวกมันจะ
เย่ซิวพูดอย่างใจเย็น "ล้างหน้าสักหน่อยเถอะ"เขาเดินออกจากห้องน้ำและไปนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเหตุผลที่ช่วยเธอก็เพราะการลงโทษที่ไป๋อวี้เตี๋ยได้รับในช่วงเวลานี้นั้นเพียงพอแล้วยิ่งกว่านั้นเธอเองก็เป็นยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ด้วยเมื่อธุรกิจของเย่ซิวขยายเติบโตขึ้น คนที่ไม่พอใจเขาก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันเขาจำเป็นต้องวางแผนเผื่อไว้สำหรับคนรอบข้างและหายอดฝีมือมาปกป้องคนของเขานั่นเป็นเหตุผลที่เขาปรากฏตัวในตอนที่ไป๋อวี้เตี๋ยสิ้นหวังมากที่สุดและให้ความหวังกับเธอเขายังใช้วิชาต่าง ๆ เพื่อข่มปรามให้เธอหวั่นเกรงอีกด้วยตอนนี้ในใจของไป๋อวี้เตี๋ย เย่ซิวกลายเป็นคนลึกลับและคาดเดาไม่ได้ ต่อให้เธอจะมีความกล้าหาญมากกว่านี้สักร้อยเท่า เธอก็ไม่มีวันกล้าที่จะมีเจตนาร้ายต่อเย่ซิวอีกแล้วเสียงน้ำไหลดังออกมาจากห้องน้ำไป๋อวี้เตี๋ยใช้แชมพูและเจลอาบน้ำเกือบครึ่งขวดขัดผิวของเธออย่างแรง เพื่อพยายามกำจัดความทรมานและความโสมมที่เธอต้องเผชิญในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาเธอไม่กล้าอาบน้ำนานเพราะกลัวว่าเย่ซิวจะต้องรอนานเกินไปหลังจากอาบน้ำได้ห้านาที เธอก็เพิ่งรู้ว่าเธอไม่ได้นำเสื้อผ้าเข้ามาด้วยเธอใช้ผ้าขนหนูเช
โรงแรมเก็นติ้ง ห้องหกศูนย์แปดห้องนี้เป็นห้องหรูขนาดเกือบห้าร้อยตารางเมตรมีทั้งบ่อน้ำพุร้อน คาราโอเกะ ผับ และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันนอกจากนี้ยังมีสิ่งต่าง ๆ ที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักอีกด้วยเซี่ยซิ่วซิ่วมาถึงก่อนเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้เธอกลับบ้านเพื่อไปเอาเสื้อผ้า จากนั้นเมื่อมาถึงโรงแรม เธอก็ส่งรหัสผ่านห้องให้กับเย่ซิวและอยู่ในห้องน้ำจนถึงตอนนี้เธอชำระล้างร่างกายอย่างพิถีพิถันจากบนลงล่าง ทั้งภายในและภายนอกจนสะอาดหมดจด ผิวของเธอขาวอมชมพูกระจ่างใสเปล่งปลั่ง แล้จึงฉีดพรมน้ำหอมราคาแพงและในที่สุดเธอก็สวมเสื้อผ้าที่ตั้งใจเลือกมาอย่างดีชุดนี้เป็นชุดที่เธอไม่เคยใส่มาก่อนกระโปรงสั้นสีขาว ดูโดดเด่นมากเมื่อประกอบกับรูปร่างที่เพรียวบางของเธอและใบหน้าที่งดงามราวกับนางฟ้า ทำให้ใครเห็นเป็นต้องเลือดกำเดาไหลแม้แต่พระภิกษุก็สามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าผู้หิวโหยได้หลังจากมองกระจกเต็มตัวอยู่นาน เซี่ยซิ่วซิ่วก็เม้มริมฝีปากแล้วยิ้มด้วยความรู้สึกพอใจมากเธอต้องการให้เย่ซิวและตัวเธอเองมีค่ำคืนที่น่าจดจำไปตลอดชีวิตเธอเปิดประตูด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความสุขแล
เย่ซิวพาเด็กสาวไปที่ชานเมือง เข้าไปในป่าเขาแล้วปลุกเธอให้ตื่นหลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วก็ยังคิดหาหนทางตายอย่างเดียวเย่ซิวจับเด็กสาวไว้ด้วยมือขวาแล้วยื่นมือซ้ายออกไป "โลกนี้ยังสวยงามมากนะ ถ้าเธอไม่เชื่อก็ลองดูสิ"เหล่าผีเสื้อบินเข้ามาทีละตัว และบินรอบมือซ้ายของเย่ซิวร่างกายของเขาบริสุทธิ์ ใสสะอาดดุจคริสตัล กลิ่นที่เขาปล่อยออกมานั้นเหนือกว่าเหล่าดอกไม้ทั้งปวงฝูงผีเสื้อบินรอบต้นไม้ใบเขียวที่ให้ร่มเงา หมู่ดอกไม้บานสะพรั่ง ผู้คนและธรรมชาติผสมผสานกันกลมกลืนเด็กสาวหยุดดิ้นและจ้องมองฉากนี้อย่างว่างเปล่าเย่ซิวหัวเราะเบา ๆ และมีผีเสื้อสองสามตัวบินลงมาอยู่บนมือของเขาเขาค่อย ๆ ขยับแขนให้ผีเสื้อไปอยู่ข้างหน้าเธอ "ดูสิ น่ารักมากใช่ไหม?"ไกลออกไปมีกวางน้อยน่ารักสองสามตัวกำลังออกหาอาหารดูเหมือนว่ากวางเหล่านั้นจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเย่ซิว พวกมันจึงค่อย ๆ เข้ามาใกล้ ๆด้านหลังของเขา มีกระต่ายสีขาวตัวน้อยห้าหรือหกตัวกระโดดมาที่เท้าของเขา หัวของเจ้ากระต่ายแนบถูไปมากับกางเกงของเขาอยู่อย่างนั้นในไม่ช้า กลิ่นอายของเย่ซิวก็ดึงดูดเหล่าสัตว์เล็กสัตว์น้อยจำนวนมากเข้ามาล้อมรอบเขาไว้ดวงต
“ถ้าอย่างนั้น...” จวงเสี่ยวหยิงยื่นนิ้วก้อยออกมา “เรามาเกี่ยวก้อยสัญญากันเถอะ”เย่ซิวยิ้ม "ได้เลย เกี่ยวก้อยสัญญา"เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วเย่ซิวจึงพาเธอกลับมาระหว่างทางเขาก็ถามเธอด้วยว่าเธออยากทำอะไรในอนาคตเด็กสาวบอกว่าเธออยากไปโรงเรียน เธออายุสิบหกปีแล้วแต่ความรู้ของเธอยังเทียบเด็กนักเรียนประถมไม่ได้เลย“นั่นไม่ใช่ปัญหา ถ้าเธอหายดีแล้วฉันจะช่วยเธอสมัครเข้าเรียนเอง รัฐบาลจะจ่ายค่าเล่าเรียนและค่าธรรมเนียมสำหรับปีสุดท้ายของเธอสำหรับค่าครองชีพและอื่น ๆ ฉันจะให้เธอยืมก่อน พอเธอหาเงินได้เมื่อไหร่ค่อยมาคืนฉันพร้อมดอกเบี้ยก็ได้”แน่นอนว่า เย่ซิวสามารถให้เงินเธอได้ แต่เขาคิดว่าเธอจะไม่ยอมรับแน่นอนเด็กคนนี้ที่ภายนอกอ่อนแอ แต่ภายในแข็งแกร่งมากจวงเสี่ยวหยิงพยักหน้าหนักแน่นและพูดอย่างจริงจัง "ได้ค่ะ ขอบคุณนะพี่ชาย จากนี้ไป… ฉันขอเรียกคุณว่าพี่ชายได้ไหม?"“แน่นอน น้องสาวคนดีของฉัน”"ฮิฮิ พี่ชาย"เมื่อกลับไปบ้านของน่าหลันเหยียนหราน เธอก็ประหลาดใจเมื่อเห็นว่า จวงเสี่ยวหยิงอยู่ในสภาพที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเทียบกับก่อนที่เธอจะออกไปในเวลาเดียวกัน ความชื่นชมของเธอที่มีต่
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน