Share

บทที่ 6

Penulis: เฉิงกวงโฮ่วถู่
“โรงพยาบาลโทรมา พ่อของฉันเขา..ฮึก.ฮือ..”

หญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจ พยายามก้าวเท้าออกไปทันที "ไม่ได้การ ตอนนี้ฉันต้องไปโรงพยาบาล"

เย่ซิวตามมาทันในที่สุด "ให้ฉันไปกับเธอเอง"

หญิงสาวไม่อาจประคองสติได้ดังเดิม เธอต้องการไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

เย่ซิวช่วยเธอปิดประตูร้านทั้งหมด

จากนั้น แท็กซี่คันหนึ่งก็เข้ามาจอดที่ข้างทาง

ทั้งสองคนรีบเข้าไปในรถอย่างรวดเร็ว เย่ซิวตะโกนบอกคนขับว่า "ไปโรงพยาบาล ด่วนเลยครับ!"

"ได้!"

คนขับเหยียบคันเร่งอย่างแรง จนรถพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

หญิงสาวส่งเสียงร้องตกใจอย่างไม่ทันระวัง ร่างกายของเธอโน้มไปข้างหน้ากะทันหัน เกือบจะชนเข้ากับเบาะด้านหน้า

เย่ซิวเอื้อมมือไปคว้าเธออย่างรวดเร็ว

แต่การยื่นมือไปคว้าตัวเธอ กลับเป็นสร้างปัญหาขึ้นแทน

เย่ซิวรีบหยุดการกระทำดังกล่าวทันที "ขอโทษที ฉันไม่ได้ตั้งใจ"

หญิงสาวส่ายหน้าอย่างไม่ถือสา ถ้าอยู่ในสถานการณ์ปกติเธอคงจะเขินอายจนทำอะไรไม่ถูก แต่ตอนนี้จิตใจของเธอจดจ่อเพียงเรื่องของผู้เป็นพ่อเท่านั้น

ทันใดนั้น คนขับก็สบถขึ้น "ให้ตายเถอะ! ข้างหน้ารถติดเป็นบ้า ดูเหมือนจะมีอุบัติเหตุ"

"ฉันจะทำยังไงดี?" เธอกังวลมากเสียจนน้ำตาแทบเอ่อล้น

เมื่อเย่ซิวมองออกไปนอกรถ จึงเห็นว่ารถยังคงติดสะสมเป็นระยะทางยาว

ดูจากสถานการณ์แล้ว เป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขได้ทัน ไม่เพียงเท่านั้นยังต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมง ในการแก้ปัญหาการจราจรดังกล่าวอีกด้วย

เย่ซิวหยิบเงินสิบหยวนส่งให้คนขับ "เราจะลงตรงนี้ครับ"

หลังจากพูดจบ เขาก็ดึงเธอลงจากรถ

"พี่ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี? พ่อของฉันเขารอต่อไปไม่ได้อีกแล้ว"

เธอกังวลจนน้ำตาไหลอาบแก้ม รู้สึกราวกับหัวใจถูกบดขยี้

จู่ ๆ เย่ซิวช้อนร่างเธอขึ้นแล้วพูดว่า "โรงพยาบาลอยู่ที่ไหน? ฉันจะพาเธอไปที่นั่นเอง"

หญิงสาวตกใจ "นี่…ทางไปโรงพยาบาลยังอีกไกล พี่รีบปล่อยฉันลงเถอะ"

"ไม่เป็นไร ฉันยังแข็งแรงอยู่ สิ่งสำคัญตอนนี้คือต้องไปช่วยพ่อเธอให้ได้"

เธอรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก

เธอชี้บอกทางไปโรงพยาบาลให้เขา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงลมพัดหวีดหวิวในหูของเธอ

เย่ซิวออกแรงที่เท้าทั้งสองข้าง และความเร็วที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันของเขานั้นเทียบได้กับความเร็วของกระทิงป่าที่ออกวิ่งอย่างบ้าคลั่ง!

เขาวิ่งไปตามช่องว่างระหว่างรถ

ผู้ขับขี่บนท้องถนนเหล่านั้นเห็นเงาวาบผ่าน และกระแสลมหมุนวนทำให้เอาผมของพวกเขาเสียทรงไป

"เมื่อกี้มันอะไรกัน?"

"ซุปเปอร์แมน?"

"โอ้พระเจ้า หยิบมือถือมาถ่ายรูปสิ!"

ความเร็วของเย่ซิวเร็วเกินไป ทำให้หญิงสาวต้องก้มศีรษะของเธอแนบลงแผ่นอกของเขาเพื่อที่จะรู้สึกดีขึ้น

เมื่อได้ยินการเต้นของหัวใจที่มั่นคงและทรงพลังของเย่ซิว เธอก็รู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก

เย่ซิววิ่งผ่านท้องถนนและตรอกซอกซอยซึ่งเดิมทีต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าครึ่งชั่วโมง แต่เขากลับมาถึงโรงพยาบาลได้ภายในสิบนาที

เขาวางหญิงสาวลง เธอรีบวิ่งไปที่หอผู้ป่วยทันที

ภายในหอผู้ป่วย มีชายวัยกลางคนนอนอ่อนแรงอยู่ในนั่น

เขามีผิวหนังหมองคล้ำและใบหน้าตอบ กลิ่นเหม็นคละคลุ้งลอยออกมาจากร่างกาย

นี้คือสภาวะใกล้ตาย

หมอหลายคนยืนอยู่หน้าเตียงผู้ป่วยและส่ายหน้าเบา ๆ

"เขาไตวาย ช่วยไม่ได้แล้ว"

"น่าเสียดาย ถ้าเราสามารถทำการปลูกถ่ายไตได้เมื่อเดือนที่แล้ว เขาก็อาจจะรอดก็ได้"

ในบรรดาหมอเหล่านี้ มีหมอคนหนึ่งที่ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ

นั่นคือสาวสวยที่ดูอายุประมาณสามสิบปี

ใบหน้าของเธออ่อนเยาว์ ประกอบกับการแต่งหน้าบาง ๆ

มู่ชิงมีจมูกโด่งได้รูป และมีริมฝีปากเล็กราวกับลูกเชอร์รี่

แม้เธอจะสวมเสื้อคลุมตัวใหญ่ แต่ก็สามารถมองเห็นความเย่อหยิ่งที่อยู่ภายในได้ลาง ๆ

หมอผู้ชายหลายคนจ้องมองไปที่เธอเป็นครั้งคราว ด้วยความปรารถนาที่มีเพียงผู้ชายเท่านั้นที่จะเข้าใจ

"พ่อ!"

หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไป เมื่อเห็นชายบนเตียงพยาบาล น้ำตาก็ไหลทันที

"คุณหมอคะ ตอนนี้พ่อเป็นยังไงบ้าง?"

หมอคนสวยถอนหายใจ "เตรียมจัดพิธีศพให้เขาเถอะ"

ดวงตาของหญิงสาวมืดลง เธอเกือบจะเป็นลมล้มพับไป

เธอส่ายหน้าอย่างแรง "ไม่ได้นะ พ่อของฉันยังอายุไม่มากเท่าไหร่เลย เขาจะตายได้ยังไง? ได้โปรดช่วยเขาด้วยนะคะ"

หมอคนสวยถอนหายใจ "เราก็อยากช่วย แต่ไม่มีไตที่เข้ากับเขาได้เลย และไตก็มีราคาอย่างน้อยห้าแสนหยวนเข้าไปแล้ว..."

เธอตระหนักดีว่าสถานะทางการเงินของครอบครัวหญิงสาวคนนี้ไม่ค่อยดีนัก

แม้จะมีไต แต่ก็เกรงว่าจะทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

ใบหน้าของหญิงสาวซีดมากจนน่ากลัว เธอรู้สึกราวกับฟ้ากำลังจะถล่ม

เธอสูญเสียแม่ไปตั้งแต่อายุยังน้อยและเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูจากพ่อ

โลกทั้งใบกลายเป็นสีดำต่อหน้าต่อตาเธอ

เย่ซิวเดินเข้าไปในหอผู้ป่วยด้วยเช่นกัน

เมื่อมองไปที่ชายบนเตียงพยาบาล เขาก็เดินเข้าไปใกล้และตรวจชีพจรของเขาทันที

จากนั้นเขาก็พูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ทุกคนในหอผู้ป่วยตกใจ

"ไม่ต้องห่วง ฉันช่วยพ่อเธอได้"

หญิงสาวเบิกตากว้าง "พี่ นี้พี่พูดจริงเหรอ?"

ก่อนที่เย่ซิวจะทันได้ตอบ หมอชายคนหนึ่งก็แสดงท่าทีโกรธเกรี้ยว "คุณเป็นใคร? อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระที่นี่นะ!"

หมอชายอีกคนกล่าวเสริม "เขาไตวายขั้นรุนแรงแล้ว และเป็นที่ไตทั้งสองข้างด้วย ไม่มีทางที่จะช่วยชีวิตเขาได้เลย"

"คุณอยากใช้วิธีนี้หลอกผู้หญิงใช่ไหม? นั่นน่ารังเกียจมาก!"

หมอคนสวยก็ขมวดคิ้ว ความประทับใจแรกของเธอที่มีต่อเย่ซิวนั่นแย่มาก

เมื่อเผชิญกับคำถาม เย่ซิวจึงพูดอย่างใจเย็น "ไตของเขาล้มเหลวทั้งสองข้าง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางรอดเลย"

คุณหมอคนสวยยิ่งรังเกียจเย่ซิวมากกว่าเก่า "อย่างนั้นก็บอกฉันมาสิว่าคุณจะช่วยเขายังไง?"

แม้แต่อาจารย์หมอของเธอที่เคยศึกษาด้วยในต่างประเทศก็ยังไม่กล้ารับปากว่ารักษาเขาได้

เธอไม่เชื่อหรอก เด็กหนุ่มอย่างเขาจะสามารถช่วยชีวิตคนไข้ของเธอได้

หากเธอเชื่อก็แปลว่า ทักษะทางการแพทย์ทั้งหมดที่เธอได้เรียนรู้มาตลอดหลายปีนั้นเป็นเพียงเรื่องตลอดไม่ใช่หรือ?

สายตาของเย่ซิวจ้องมองไปที่หญิงสาว สิ่งสำคัญคือต้องทำให้เธอเชื่อใจเขา เขาถึงจะสามารถช่วยเธอได้

"อวัยวะภายในทั้งห้าของร่างกายมนุษย์สอดคล้องกับธาตุทั้งห้า ตับเป็นตัวแทนของธาตุไม้ หัวใจคือธาตุไฟ ม้ามคือธาตุดิน ปอดคือทองคำ และไตคือธาตุน้ำ"

"และในบรรดาธาตุทั้งห้า ทองคือแหล่งกำเนิดน้ำ"

"ดังนั้นเพียงแค่ใช้การฝังเข็มเพื่อกระตุ้นความแข็งแรงของปอดและบำรุงไต"

"ธาตุทั้งห้าก็จะถูกกระตุ้นเพื่อสร้างวงจรหมุนเวียน และสามารถนำไปสู่การรักษาโรค"

เย่ซิวอธิบายอย่างง่าย ๆ แต่มีหมอไม่กี่คนจากทั้งหมดในอาณาจักรหลงเถิงที่สามารถกระตุ้นอวัยวะภายในทั้งห้าได้ด้วยการฝังเข็ม

ดวงตาของหญิงสาวเป็นประกายเมื่อได้ยินเช่นนั้น "จริงเหรอ? งั้นพี่ช่วยพ่อฉันด้วยนะ"

หมอคนสวยหัวเราะเย้ยหยัน "ไร้สาระ! อะไรคือปอดเป็นทอง ไตเป็นน้ำ ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ทางวิทยศาสตร์เลยสักนิด น้องสาวอย่าได้หลงกลเขา เขาดูไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรกแล้ว "

หมอผู้ชายอีกหลายคนเมื่อเห็นหญิงสาวใสซื่อบริสุทธิ์อย่างเธอ ก็ยิ่งไม่ต้องการให้เธอถูกหลอกและพากันเอ่ยปากพูด

"ใช่แล้ว น้องสาวเธอลองมองเด็กหนุ่มคนนี้ให้ดีสิ เขาอายุเท่าไหร่ เขาจะมีความสามารถในการรักษาคนได้ยังไง?"

"ต้องเชื่อหมอสิ เรื่องรักษาคนต้องไว้ใจเรา"

"ถูกต้อง น้องสาว เธอต้องดูให้ดี ๆ เข้าไว้"

เพราะเหตุผล หญิงสาวจึงสับสนอีกครั้ง

เธอพบว่าสิ่งที่หมอพูดดูคล้ายจะถูกต้อง

เย่ซิวดูเด็กเกินไป เขาดูไม่ต่างไปจากนักเรียนมัธยมปลายด้วยซ้ำ

ในด้านทักษะทางการแพทย์ ตามสามัญสำนึกของคนทั่วไป ยิ่งอายุมากทักษะทางการแพทย์ก็จะยิ่งมากตามไปด้วย

เย่ซิวมองไปที่หญิงสาว "อย่างไรเสีย หมอก็บอกนี่เองว่าไม่สามารถช่วยพ่อของเธอ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ทำไมไม่ให้ฉันลองดูล่ะ?"

หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง "ถ้าอย่างนั้น... พี่ ก็ลองดูสิ"

ตอนนี้เธอไม่เหลือทางเลือกอื่นแล้ว

โรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเจียงเฉิงแล้ว

พวกเขาทุกคนบอกว่าไม่สามารถช่วยพ่อของเธอได้ และเธอเองก็หมดหวังแล้วเช่นกัน

เย่ซิวพยักหน้าและหยิบเข็มเงินที่เขามีออกมา

จู่ ๆ หมอคนสวยก็ก้าวไปข้างหน้าและตะคอกใส่เย่ซิวเสียงดัง "หยุดนะ!"

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1356

    เย่ซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ การป้องกันร่างจำแลงกระดูกขาวนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริง ๆ สามารถทนรับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งจากผู้บำเพ็ญตนระดับรวมกายาขั้นสูงได้แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญคือเฉินอิ๋งอิ๋งไม่ได้ใช้สมบัติเวทมนตร์ ไม่อย่างนั้นคงจะต้านไม่ได้นานขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเฉินอิ๋งอิ๋งไม่อยากใช้ แต่เป็นเพราะรู้ดีว่าใช้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรนักเธอรู้อยู่เต็มอกว่าในครั้งก่อนที่อยู่ในคุก เย่ซิวได้รับสมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่งมาแถมของสิ่งนั้นยังมีคุณสมบัติข่มพลังของเธอโดยตรง ถ้าเอาออกมาใช้ เธออาจจะกลายเป็นเสียเปรียบเสียเองหลังจากร่างกระดูกขาวถูกทำลายครั้งที่สอง เฉินอิ๋งอิ๋งก็เหงื่อชุ่มตัว หายใจแรงไม่หยุดการโจมตีต่อเนื่องครึ่งชั่วโมงทำให้เธอเสียพลังไปมหาศาลแต่เย่ซิวยังยืนอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอกัดฟันแน่น “ไอ้เต่าหดหัว มีปัญญาก็สู้กันซึ่ง ๆ หน้า มัวแต่ตั้งรับแบบนี้จะเรียกว่าผู้ชายได้ยังไงกัน”เย่ซิวไม่หลงกล แถมยังไม่โกรธเลยสักนิด “ฉันเป็นผู้ชายจริงไหม เธอก็น่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ”เฉินอิ๋งอิ๋งแทบจะทนไม่ไหว ผู้ชายคนนี้มันน่าหมั่นไส้เกินไปแล้วเดิมทีเฉินอิ๋งอิ๋งคิดว่าตลอดหลายปีท

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1355

    ในช่วงสามวันแรก เย่ซิวฝึกฝนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แม้จะมีความก้าวหน้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก จนกระทั่งเที่ยงของวันที่สี่หลัวเวยเวยเองก็ได้รู้เรื่องการท้าสู้ของเฉินอิ๋งอิ๋ง จึงตั้งใจจะช่วยเย่ซิวฝึกฝนด้วยแต่เธอบอกว่าช่วงสองวันนี้จำเป็นต้องลงไปเสริมผนึกที่ก้นสำนัก เลยช่วยอะไรไม่ได้เย่ซิวเลยถามว่าผนึกอะไรปรากฏว่าร้อยกว่าปีก่อน สำนักอวิ้นหลิงเคยถูกฝูงปีศาจโจมตีครั้งใหญ่ แม้สุดท้ายจะสามารถปราบพวกมันได้หมดแต่ว่าซากศพและกระดูกของพวกมันจำเป็นต้องหาวิธีจัดการไม่สามารถทิ้งขว้างได้ตามอำเภอใจ เพราะจะทำให้พื้นดินปนเปื้อน หากสัตว์ธรรมดาไปแตะต้องเข้าก็อาจกลายเป็นปีศาจได้เช่นกันดังนั้นจึงทำได้แค่กดพลังซากกระดูกเหล่านี้ไว้ใต้ดินของสำนักและในทุก ๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ต้องลงไปเสริมผนึกใหม่ทุกครั้งพอได้ยินแบบนี้ เย่ซิวก็ดีใจสุด ๆนี่มันเหมือนมีคนยื่นหมอนให้ตอนง่วงพอดีเลยไม่ใช่เหรอ?จะได้ใช้กระดูกพวกนั้นมาเพิ่มพลังให้คัมภีร์หมื่นกระดูกของเขาพอดีทั้งเป็นการแก้ปัญหาภัยเรื้อรังที่สำนักอวิ้นหลิงมีมาอย่างยาวนานทั้งยังช่วยเสริมความสามารถในการป้องกันของตนได้อย่างมากเมื่อถึงเ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1354

    เฉินอิ๋งอิ๋งโคจรพลังปราณในร่างเพื่อรักษาบาดแผลของตัวเองอย่างรวดเร็ว รอยบุ๋มที่หน้าอกก็กลับมาเรียบเนียนดังเดิม เธอจ้องเย่ซิวด้วยสายตาแข็งกร้าว “ได้ วันนี้ไว้แค่นี้ก่อน อีกห้าวันค่อยกลับมาสู้กันใหม่”เย่ซิวเก็บเข็มทิศ “ถ้ามาอีก ฉันจะซัดเธอให้ระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ เลยคอยดู”เฉินอิ๋งอิ๋งรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร ยิ่งได้ยินก็ยิ่งโมโห แต่ก็ไม่ได้เสียเวลาต่อปากต่อคำ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันทีเย่ซิวเองก็กลืนโอสถลงไปบางส่วน เขานั่งขัดสมาธิลงกับพื้นและเริ่มฟื้นฟูบาดแผลเงียบ ๆการต่อสู้ครั้งนี้สำหรับเขาก็มีประโยชน์ไม่น้อยทำให้พัฒนาทักษะการต่อสู้ของตัวเองมากขึ้นไม่นานนัก เฉินเยียนจือก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นสภาพห้องรับแขกที่พังยับเยินก็อดตกใจไม่ได้ “นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม แล้วผลเป็นยังไงบ้าง”“ถือว่าเธอชนะไปนิดหน่อยก็แล้วกัน” เย่ซิวยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่ต้องห่วง เธอเก่งกว่าฉันไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าเป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตายล่ะก็ คนที่ชนะต้องเป็นฉันแน่นอน”แม้เฉินอิ๋งอิ๋งจะมีพลังบำเพ็ญตนสูงกว่าเย่ซิว แต่ในเรื่องทักษะการต่อสู้กับไพ่ตายก็ยังเทียบกับเขาไม่ได้เลยอย่างน้อยเย่ซิวก็ยังมีของอีกมากที่ยังไม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1353

    อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างรวดเร็วในทันทีเย่ซิวยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “ลองว่ามาสิว่าฉันทำเกินไปตรงไหนกันแน่? ระหว่างฉันกับเธอ ใครกันแน่ที่เกินไป ฉันช่วยชีวิตเธอด้วยเจตนาดีแท้ ๆ แต่เธอกลับตอบแทนฉันด้วยการหักหลัง”“ทั้งที่นายมีพลังขนาดนั้น พรสวรรค์ก็สูง ทำไมถึงขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ?” เฉินอิ๋งอิ๋งมีสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก“ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้สำนักหมื่นพุทธะกับสำนักผลึกแก้วโดนเล่นงานจนเละ อย่างน้อยก็อีกหลายร้อยปีกว่าจะฟื้นตัวได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกแก้แค้นแล้ว”“ฉันบอกให้เธอไสหัวไป ได้ยินไหม?!”ท่าทีแบบนี้ของเฉินอิ๋งอิ๋งทำให้เย่ซิวยิ่งรู้สึกไม่พอใจเฉินอิ๋งอิ๋งแค่นเสียงหึ “เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายหรอกนะ ในเมื่อฉันถูกใจนายแล้ว ยังไงก็ต้องเอานายมาให้ได้!”พูดจบ กลิ่นอายพลังระดับรวมกายาขั้นสูงก็ระเบิดออกจากร่างของเธอทันทีเปลือกตาของเย่ซิวกระตุกเบา ๆ พลังผู้หญิงคนนี้เพิ่มขึ้นได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงอะไร ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ หากจะต้องสู้กันตรง ๆ ก็ใช่ว่าจะแพ้ โดยเฉพาะเมื่อเขาฝึกวิชาของสำนักวัชระมา ซึ่งสามารถข่มพลังของสำนักศตะบุปผาได้โ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1352

    มีผู้อาวุโสบางคนพยายามใช้อาคมขับไล่ แต่ก็ไม่ได้ผล ได้ยินมาว่าทั้งแคว้นต่างก็เป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ”เย่ซิวพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหายวับไปปรากฏตัวที่ที่พักของเฉินเยียนจือเธอกำลังฝึกอาคมอยู่ในเรือน ตั้งใจฝึกอย่างจริงจังจนเหงื่อซึมทั่วร่างเย่ซิวเปลี่ยนรูปลักษณ์ทันที ปลดปล่อยพลังระดับสูงออกมา ก่อนจะตบฝ่ามือลงไปที่เฉินเยียนจือพร้อมกับแสร้งหัวเราะว่า “สาวน้อยที่ไหนกันเนี่ย มาให้ฉันชิมหน่อยสิ”เฉินเยียนจือตกใจไปหนึ่งจังหวะ แต่ไม่นานก็ใจเย็นลง นอกจากจะไม่หลบหนีแล้ว แต่ยังอ้าแขนออก ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะให้เขาแตะต้องเต็มที่ฝ่ามือของเย่ซิวหยุดลงก่อนจะสัมผัสตัวเธอ เขาถอนพลังกลับแล้วคืนรูปลักษณ์เดิม ก่อนจะดันร่างเธอไปจนชิดมุมกำแพง “รู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน”เขานึกว่าวิชาอำพรางของตัวเองแนบเนียนแล้ว เฉินเยียนจือเป็นแค่เด็กสาวธรรมดา ไม่น่าจะดูออกเฉินเยียนจือยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ก็ฉันรู้จักนายดีขนาดนั้น จะจำผิดได้ยังไงกัน แค่ใช้สัญชาตญาณก็ดูออกแล้วล่ะ ฉันเก่งไหม มีรางวัลให้ฉันไหม”ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังเย่ซิวแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว “เธออยากได้รางวัลแบบไหนล่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1351

    การบุกโจมตี อาวุธป้องกันร่างกายมีครบแล้ว แต่ยังขาดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือของป้องกันจิตวิญญาณเย่ซิวค้นหาในแหวนผนึกของของตัวเองอีกครั้ง แล้วก็หยิบเอาสมบัติเวทมนตร์ออกมาอีกสิบกว่าชิ้น แจกให้สิงโตหยกขาวตัวละสองชิ้นชิ้นหนึ่งไว้สำหรับป้องกันจิตวิญญาณ อีกชิ้นหนึ่งไว้สำหรับหลบหนีในตอนนี้พวกมันก็แทบไม่มีจุดอ่อนอะไรเหลืออีกแล้ว ถ้าสิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวร่วมมือกันลงมือ แม้แต่คนระดับปฐมญาณขั้นสมบูรณ์ก็ยังรับมือไม่ไหวเย่ซิวเผยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นก็หยิบป้ายขึ้นมา แล้วส่งเสียงผ่านจิตไปหาหลัวเวยเวยให้เธอไปยื่นคำขอเพื่อเลื่อนระดับสำนักอวิ้นหลิงจากระดับเจ็ดขึ้นเป็นระดับหกแต่หลัวเวยเวยกลับขอให้เขารออีกสักหน่อย“ทำไมล่ะ?”“อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันจัดการประลองของศิษย์รุ่นเยาว์จากทั้งหกสำนักระดับเจ็ดแล้ว นายก็น่าจะรู้นี่”“ผมรู้”“การประลองครั้งนี้จัดขึ้นโดยสำนักระดับหกขั้นสูงสุดแห่งหนึ่ง จุดประสงค์ของพวกเขาคือเลือกเฟ้นศิษย์ที่มีพรสวรรค์และพลังฝีมือสูงจากแต่ละสำนักไปฝึกฝนเพิ่มเติมอีกไม่นานก็จะเริ่มแล้ว ถ้าเรายื่นขอเลื่อนระดับในตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้พวกเขาไม่พอใจได้ เพราะถ้ามองจา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status