Share

บทที่ 7

Penulis: เฉิงกวงโฮ่วถู่
"หยุดนะ! คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเรื่องบ้า ๆ กับคนไข้ของฉัน!" หมอคนสวยโกรธมากจนหน้าขึ้นสีแดง แววตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

หมอชายหลายคนเมื่อเห็นการกระทำของเย่ซิว ก็พากันมาล้อมตัวเขาเอาไว้

เย่ซิวขี้เกียจเกินกว่าจะสนใจคนเหล่านี้และมองไปที่หญิงสาว "นี่คือพ่อของเธอ ขึ้นอยู่กับเธอว่าจะตัดสินใจให้ช่วยหรือไม่"

ในการรักษาผู้ป่วย ขั้นตอนแรกคือต้องได้รับความยินยอมจากครอบครัวเสียก่อน

"ฉัน... พี่ได้โปรดช่วยพ่อด้วยเถอะ อย่างไรเสียผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่มีทางแย่ไปกว่านี้แล้ว หมออย่าทำให้พี่เขาต้องลำบากใจเลย"

หมอคนสวยพูดด้วยความขุ่นเคืองว่า "น้องสาว อย่าไปหลงกลเขานะ เด็กคนนี้มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่คนดี!"

"หุบปาก!"

ทันใดนั้น เย่ซิวก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง

เสียงของเขาดังราวกับเสือคำรามอย่างดุร้ายทำให้ทุกคนในหอผู้ป่วยต่างตกใจ แววตาของพวกเขาก็เผยให้เห็นความกลัว มีเพียงผู้ป่วยที่ไร้สติและหญิงสาว

เย่ซิวตะคอกอย่างเย็นชา "แม้แต่คนในครอบครัวเขาก็เห็นด้วย พวกคุณคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงได้กล้าพูดอะไรแบบนี้?"

หลังจากพูดแล้ว เย่ซิวจึงเพิกเฉยต่อคนที่หว่าดกลัว และเขาเริ่มดำเนินการทันที

ขั้นแรก เขาฆ่าเชื้อเข็มเงินด้วยแอลกอฮอล์ จากนั้นจึงเริ่มทำการฝังเข็ม

วิญญาณสิบสามเข็ม

มีเพียงวิธีนี้ ผสานกับพลังลมปราณที่แข็งแกร่งของเขาเองเท่านั้นที่สามารถช่วยชีวิตคนได้

การแสดงออกของเย่ซิวดูจริงจัง ขณะที่เขาปักเข็มเข้าไปในจุดฝังเข็มทีละจุด

"เขาต้องตายแน่!" หมอคนสวยกัดฟัน "นี่มันฆาตกรรมชัด ๆ!"

เธอโกรธมากและรู้สึกราวกับว่าอาชีพของเธอกำลังถูกตั้งคำถาม

"เกิดอะไรขึ้น?"

น้ำเสียงที่ฟังดูมีอายุเล็กน้อยดังลอยมาจากด้านหลัง

หมอหลายคนหันไปและพบเข้ากับชายชราผมขาวครึ่งศีรษะ ผู้มีจิตใจดียืนอยู่ตรงนั้น

"ผู้อำนวยการเฉิน!"

"เจอผู้อำนวยการเฉินก็ดีเลย!"

"เรื่องเป็นอย่างนี้ค่ะ..." หมอคนสวยอธิบายสถานการณ์ให้ผู้อำนวยการเฉินฟัง

"ไร้สาระ!" ผู้อำนวยการเฉินมองไปที่เตียงผู้ป่วย

แต่ครู่ต่อมา รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงอย่างกะทันหันและเขาก็พูดว่า "นี่มัน...ฮึ! วิญญาณสิบสามเข็มงั้นเหรอ?"

เขาตกใจมาก ไม่อาจละสายตาได้เลย

หมอคนสวยถาม "ผู้อำนวยการ วิญญาณสิบสามเข็มคืออะไรคะ?"

ผู้อำนวยการเฉินตอบกลับโดยไม่ละสายตาไปจากเย่ซิว "วิญญาณสิบสามเข็มเป็นวิชาการฝังเข็มที่เก่าแก่และทรงพลังที่สุดในสมัยโบราณ เมื่อใช้วิชานี้แล้ว ต่อให้อยากตายก็คงไม่ง่าย!"

หมอหลายคนที่ได้ยินดังนั้น ในใจพลันเกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก

โลกนี้จะมีทักษะทางการแพทย์เช่นนี้ได้อย่างไร?

ในขณะนี้เย่ซิวฝังเข็มเล่มสุดท้ายลงไปแล้ว

เข็มทั้งสิบสามเล่มก็สั่นเล็กน้อยต่อเนื่องกัน

ทันใดนั้นเอง ชีพจรของผู้ป่วยก็หายไปกะทันหัน อุปกรณ์ส่งเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น

หมอคนสวยตกใจจนหน้าซีด "เขาตายแล้ว คุณกำลังก่อเหตุฆาตกรรม!"

เย่ซิวเอ่ยขึ้น "หุบปากซะ ยายโง่!"

ตั้งแต่เขาเข้ามาผู้หญิงคนนี้ก็พูดจาไม่ยอมหยุด น่ารำคาญจริง ๆ

ใบหน้าของหมอคนสวยเปลี่ยนเป็นซีดขาว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกด่าแบบนี้!

ขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากด่ากลับ สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้าทำให้เธอลืมไม่ลงไปชั่วชีวิต!

ขณะที่เย่ซิวค่อย ๆ ดึงเข็มเงินออกมาทีละเล่ม

เมื่อเข็มเงินเล่มสุดท้ายถูกดึงออกมา ผู้ป่วยที่หมอเหล่านั้นยอมแพ้ไปแล้วก็ลืมตาขึ้น

แม้ว่าเขาจะยังดูอ่อนแอมาก แต่บนใบหน้าของเขาก็ปรากฏเลือดฝาดขึ้นเล็กน้อย

เมื่อมองดูคลื่นไฟฟ้าหัวใจอีกครั้ง มันก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวขึ้นสู่ระยะปลอดภัย

"พ่อคะ พ่อเป็นยังไงบ้าง?"

หญิงสาวรีบวิ่งเข้าไปและร้องไห้ด้วยความดีใจ

"พ่อ...ได้นอนพักแล้วรู้สึกดีขึ้นมาก"

"ฮือ ๆ ดีจังเลยค่ะ" หญิงสาวมีความสุขมากเสียจนพูดอะไรไม่ออกด้วยซ้ำ

"เป็นไปไม่ได้!" หมอคนสวยเซถอยไปสองสามก้าว และภาพตรงหน้าที่เธอเห็นก็เกินกว่าความรู้ที่เธอมีอยู่

หมอชายคนอื่น ๆ ต่างก็ทำหน้าราวกับเห็นผีเช่นกัน

ผู้อำนวยการเฉินก้าวไปข้างหน้าเย่ซิวอย่างรวดเร็ว และเอ่ยปากอย่างสุภาพ "สวัสดี ฉันเฉินฮุยเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งนี้ ฉันขอถามได้ไหม คุณเรียนรู้ทักษะทางการแพทย์นี้จากใครกัน?"

ภาพนี้ทำให้หมอหลายคนตกตะลึงอีกครั้ง

ผู้อำนวยการเฉินมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมและเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนมากมาย

แม้แต่คนที่มีฐานะทางสังคมสูงก็ยังต้องเกรงใจเขา เมื่อได้พบหน้า

แต่ตอนนี้พวกเขากลับเห็นผู้อำนวยการเฉินแสดงความเคารพต่อเด็กหนุ่ม พูดจาอย่างให้เกียรติเป็นที่สุดอีกด้วย?

"ต้องขอโทษด้วยแต่ผมบอกไม่ได้จริง ๆ"

อาจารย์ของเย่ซิวได้เตือนเขาตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้วว่าไม่ควรเปิดเผยตัวตนของเขา ไม่ว่าในเวลาใดก็ตาม

เย่ซิวเดาว่าบางทีอาจเป็นเพราะอาจารย์อาจทำให้หลายคนขุ่นข้องหมองใจในตอนที่เขายังเด็ก?

แต่แท้จริงแล้วเขาคิดผิด

อาจารย์ไม่ยอมให้เขาเปิดเผยตัวตนของท่าน เพราะในช่วงเวลานั้นเขาได้ช่วยชีวิตผู้คนไว้มากเกินไป

ในหมู่ผู้คนที่อาจารย์ได้เคยช่วยเหลือไว้มีบุคคลที่มีอำนาจอยู่ในนั้นด้วย

หากตัวตนของเย่ซิวถูกเปิดเผย เขาไม่จำเป็นต้องฝึกฝนอะไรเลย และจะได้รับการยกย่องจากบุคคลที่ทรงพลังเหล่านั้นทันที

นี่เป็นสิ่งที่อันตรายมาก

เฉินฮุยค่อนข้างผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก แต่เขากลับหยิบนามบัตรของเขาออกมาแล้วยื่นให้เย่ซิว

"น้องชายมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม บางทีเราอาจมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันในอนาคตได้ ใช่ไหม?"

เย่ซิวเห็นว่าชายชราคนนี้ดูท่าทางใช้ได้ เขาจึงไม่ได้ปฏิเสธและหยิบนามบัตรไป

"ผู้อาวุโสอย่างคุณดูไม่เลวเลย แต่ลูกน้องของคุณนั้นไม่ไหวเลยจริง ๆ ขาดคุณสมบัติอย่างมาก"

เย่ซิวพูดประโยคนี้ขณะมองหน้าหมอคนสวย

เธอทั้งโกรธทั้งโมโห แต่ก็ไม่อาจโต้แย้งได้

มันเป็นปัญหาของเธอจริง ๆ

เฉินฮุยยิ้มอย่างขมขื่น "มู่ชิงมีนิสัยสุดโต่งเล็กน้อย หวังว่าคุณจะไม่ถือสา"

เย่ซิวไม่อยากทะเลาะผู้หญิง เขาจึงเอ่ยเพียงว่า "ช่วยจัดการเรื่องออกจากโรงพยาบาลให้ก็พอ"

มู่ชิงนึกอยากเอ่ยปาก แต่ถูกสายตาของเฉินฮุยห้ามไว้ เธอรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่าพวกเขาไร้ความสามารถไม่ใช่หรือ?

แต่ในความคิดของเย่ซิวคิด สถานะทางครอบครัวของหญิงสาวไม่สู้ดีนัก

การเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่อเนื่องจะต้องมีค่าใช้จ่ายสูงมาก

และชีวิตพ่อของเธอในตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วเพียงแค่ต้องพักฟื้นที่บ้านสักระยะหนึ่ง

เฉินฮุยพยักหน้า "เอาล่ะ ให้มู่ชิงจัดการเรื่องนี้เถอะ"

มู่ชิงเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเธอหงุดหงิด เธอก็ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นเท่านั้น

เพียงแต่เธอไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของเฉินฮุย เธอจ้องมองเย่ซิวอย่างดุร้ายก่อนไป

จากนั้นเธอก็จงใจเดินกระแทกรองเท้าส้นสูงและจากไปพร้อมกับเสียงรองเท้านั้น

……

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ขั้นตอนการออกจากโรงพยาบาลก็เสร็จสิ้น

ทั้งสามคนออกจากโรงพยาบาล

ในระหว่างทาง พ่อและลูกสาวต่างรู้สึกขอบคุณเย่ซิวเป็นอย่างมาก

เขาไม่เพียงช่วยชีวิตคนเท่านั้น แต่ยังช่วยชีวิตครอบครัวและอนาคตของหญิงสาวไว้อีกด้วย

ในระหว่างการสนทนา เย่ซิวก็ได้รู้ชื่อของหญิงสาวเธอชื่อหลิ่วเมิ่งอิ๋นและพ่อของเธอชื่อหลิ่วมู่

เมื่อส่งสองพ่อลูกกลับถึงบ้าน เย่ซิวก็พร้อมที่จะจากไป

ใบหน้าหลิ่วเมิ่งอิ๋นเปลี่ยนเป็นสีแดง "พี่เย่ นี่มันก็ดึกมากแล้ว ทำไมไม่อยู่ทานอาหารและพักค้างคืนที่นี่ล่ะ?"

หลิ่วมู่ยังกล่าวอีกว่า "ใช่แล้ว คุณเป็นผู้มีพระคุณของเรา หากคุณจากไปแบบนี้ พวกเราคงจะไม่สบายใจไปตลอดชีวิต"

ภายใต้การโน้มน้าวของพ่อและลูกสาว เย่ซิวจึงตอบตกลงที่จะอยู่ที่นี่ในคืนนี้

หลิ่วมู่ยังคงอ่อนแอมาก ดังนั้นเมื่อเขากลับถึงบ้าน เขาจึงเข้าไปพักผ่อนที่ห้องนอนเทันที

หลิ่วเมิ่งอิ๋นไปซื้อผักที่ตลาดอย่างมีความสุข

วันนี้เป็นวันที่เธอมีความสุขที่สุดในรอบสิบกว่าปี

ก่อนไปตลาด หลิ่วเมิ่งอิ๋นดึงเย่ซิวมานั่งในห้องของเธอ

เพราะช่วงนี้เธอยุ่งมาก ห้องนั่งเล่นจึงสกปรกและรกมากทำให้ไม่มีที่เหลือให้นั่ง

หลังจากนั้นเธอก็จากไปพร้อมใบหน้าแดงก่ำ

เย่ซิวนั่งอยู่บนขอบเตียงและมองไปรอบ ๆ

ทันใดนั้น เขาก็เห็นอะไรบางอย่างที่มีสีขาว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1356

    เย่ซิวอดไม่ได้ที่จะรู้สึกทึ่งอยู่ในใจ การป้องกันร่างจำแลงกระดูกขาวนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้วจริง ๆ สามารถทนรับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งจากผู้บำเพ็ญตนระดับรวมกายาขั้นสูงได้แน่นอนว่าปัจจัยสำคัญคือเฉินอิ๋งอิ๋งไม่ได้ใช้สมบัติเวทมนตร์ ไม่อย่างนั้นคงจะต้านไม่ได้นานขนาดนี้ไม่ใช่ว่าเฉินอิ๋งอิ๋งไม่อยากใช้ แต่เป็นเพราะรู้ดีว่าใช้ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรนักเธอรู้อยู่เต็มอกว่าในครั้งก่อนที่อยู่ในคุก เย่ซิวได้รับสมบัติวิญญาณชิ้นหนึ่งมาแถมของสิ่งนั้นยังมีคุณสมบัติข่มพลังของเธอโดยตรง ถ้าเอาออกมาใช้ เธออาจจะกลายเป็นเสียเปรียบเสียเองหลังจากร่างกระดูกขาวถูกทำลายครั้งที่สอง เฉินอิ๋งอิ๋งก็เหงื่อชุ่มตัว หายใจแรงไม่หยุดการโจมตีต่อเนื่องครึ่งชั่วโมงทำให้เธอเสียพลังไปมหาศาลแต่เย่ซิวยังยืนอยู่เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเธอกัดฟันแน่น “ไอ้เต่าหดหัว มีปัญญาก็สู้กันซึ่ง ๆ หน้า มัวแต่ตั้งรับแบบนี้จะเรียกว่าผู้ชายได้ยังไงกัน”เย่ซิวไม่หลงกล แถมยังไม่โกรธเลยสักนิด “ฉันเป็นผู้ชายจริงไหม เธอก็น่าจะรู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ”เฉินอิ๋งอิ๋งแทบจะทนไม่ไหว ผู้ชายคนนี้มันน่าหมั่นไส้เกินไปแล้วเดิมทีเฉินอิ๋งอิ๋งคิดว่าตลอดหลายปีท

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1355

    ในช่วงสามวันแรก เย่ซิวฝึกฝนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน แม้จะมีความก้าวหน้าอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก จนกระทั่งเที่ยงของวันที่สี่หลัวเวยเวยเองก็ได้รู้เรื่องการท้าสู้ของเฉินอิ๋งอิ๋ง จึงตั้งใจจะช่วยเย่ซิวฝึกฝนด้วยแต่เธอบอกว่าช่วงสองวันนี้จำเป็นต้องลงไปเสริมผนึกที่ก้นสำนัก เลยช่วยอะไรไม่ได้เย่ซิวเลยถามว่าผนึกอะไรปรากฏว่าร้อยกว่าปีก่อน สำนักอวิ้นหลิงเคยถูกฝูงปีศาจโจมตีครั้งใหญ่ แม้สุดท้ายจะสามารถปราบพวกมันได้หมดแต่ว่าซากศพและกระดูกของพวกมันจำเป็นต้องหาวิธีจัดการไม่สามารถทิ้งขว้างได้ตามอำเภอใจ เพราะจะทำให้พื้นดินปนเปื้อน หากสัตว์ธรรมดาไปแตะต้องเข้าก็อาจกลายเป็นปีศาจได้เช่นกันดังนั้นจึงทำได้แค่กดพลังซากกระดูกเหล่านี้ไว้ใต้ดินของสำนักและในทุก ๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่งก็ต้องลงไปเสริมผนึกใหม่ทุกครั้งพอได้ยินแบบนี้ เย่ซิวก็ดีใจสุด ๆนี่มันเหมือนมีคนยื่นหมอนให้ตอนง่วงพอดีเลยไม่ใช่เหรอ?จะได้ใช้กระดูกพวกนั้นมาเพิ่มพลังให้คัมภีร์หมื่นกระดูกของเขาพอดีทั้งเป็นการแก้ปัญหาภัยเรื้อรังที่สำนักอวิ้นหลิงมีมาอย่างยาวนานทั้งยังช่วยเสริมความสามารถในการป้องกันของตนได้อย่างมากเมื่อถึงเ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1354

    เฉินอิ๋งอิ๋งโคจรพลังปราณในร่างเพื่อรักษาบาดแผลของตัวเองอย่างรวดเร็ว รอยบุ๋มที่หน้าอกก็กลับมาเรียบเนียนดังเดิม เธอจ้องเย่ซิวด้วยสายตาแข็งกร้าว “ได้ วันนี้ไว้แค่นี้ก่อน อีกห้าวันค่อยกลับมาสู้กันใหม่”เย่ซิวเก็บเข็มทิศ “ถ้ามาอีก ฉันจะซัดเธอให้ระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ เลยคอยดู”เฉินอิ๋งอิ๋งรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร ยิ่งได้ยินก็ยิ่งโมโห แต่ก็ไม่ได้เสียเวลาต่อปากต่อคำ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันทีเย่ซิวเองก็กลืนโอสถลงไปบางส่วน เขานั่งขัดสมาธิลงกับพื้นและเริ่มฟื้นฟูบาดแผลเงียบ ๆการต่อสู้ครั้งนี้สำหรับเขาก็มีประโยชน์ไม่น้อยทำให้พัฒนาทักษะการต่อสู้ของตัวเองมากขึ้นไม่นานนัก เฉินเยียนจือก็เดินเข้ามา เมื่อเห็นสภาพห้องรับแขกที่พังยับเยินก็อดตกใจไม่ได้ “นายไม่เป็นอะไรใช่ไหม แล้วผลเป็นยังไงบ้าง”“ถือว่าเธอชนะไปนิดหน่อยก็แล้วกัน” เย่ซิวยิ้มพร้อมกล่าว “ไม่ต้องห่วง เธอเก่งกว่าฉันไม่เท่าไหร่หรอก ถ้าเป็นการต่อสู้เอาเป็นเอาตายล่ะก็ คนที่ชนะต้องเป็นฉันแน่นอน”แม้เฉินอิ๋งอิ๋งจะมีพลังบำเพ็ญตนสูงกว่าเย่ซิว แต่ในเรื่องทักษะการต่อสู้กับไพ่ตายก็ยังเทียบกับเขาไม่ได้เลยอย่างน้อยเย่ซิวก็ยังมีของอีกมากที่ยังไม

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1353

    อุณหภูมิในห้องลดลงอย่างรวดเร็วในทันทีเย่ซิวยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “ลองว่ามาสิว่าฉันทำเกินไปตรงไหนกันแน่? ระหว่างฉันกับเธอ ใครกันแน่ที่เกินไป ฉันช่วยชีวิตเธอด้วยเจตนาดีแท้ ๆ แต่เธอกลับตอบแทนฉันด้วยการหักหลัง”“ทั้งที่นายมีพลังขนาดนั้น พรสวรรค์ก็สูง ทำไมถึงขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ?” เฉินอิ๋งอิ๋งมีสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก“ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้สำนักหมื่นพุทธะกับสำนักผลึกแก้วโดนเล่นงานจนเละ อย่างน้อยก็อีกหลายร้อยปีกว่าจะฟื้นตัวได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกแก้แค้นแล้ว”“ฉันบอกให้เธอไสหัวไป ได้ยินไหม?!”ท่าทีแบบนี้ของเฉินอิ๋งอิ๋งทำให้เย่ซิวยิ่งรู้สึกไม่พอใจเฉินอิ๋งอิ๋งแค่นเสียงหึ “เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายหรอกนะ ในเมื่อฉันถูกใจนายแล้ว ยังไงก็ต้องเอานายมาให้ได้!”พูดจบ กลิ่นอายพลังระดับรวมกายาขั้นสูงก็ระเบิดออกจากร่างของเธอทันทีเปลือกตาของเย่ซิวกระตุกเบา ๆ พลังผู้หญิงคนนี้เพิ่มขึ้นได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวั่นเกรงอะไร ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ หากจะต้องสู้กันตรง ๆ ก็ใช่ว่าจะแพ้ โดยเฉพาะเมื่อเขาฝึกวิชาของสำนักวัชระมา ซึ่งสามารถข่มพลังของสำนักศตะบุปผาได้โ

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1352

    มีผู้อาวุโสบางคนพยายามใช้อาคมขับไล่ แต่ก็ไม่ได้ผล ได้ยินมาว่าทั้งแคว้นต่างก็เป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นค่ะ”เย่ซิวพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหายวับไปปรากฏตัวที่ที่พักของเฉินเยียนจือเธอกำลังฝึกอาคมอยู่ในเรือน ตั้งใจฝึกอย่างจริงจังจนเหงื่อซึมทั่วร่างเย่ซิวเปลี่ยนรูปลักษณ์ทันที ปลดปล่อยพลังระดับสูงออกมา ก่อนจะตบฝ่ามือลงไปที่เฉินเยียนจือพร้อมกับแสร้งหัวเราะว่า “สาวน้อยที่ไหนกันเนี่ย มาให้ฉันชิมหน่อยสิ”เฉินเยียนจือตกใจไปหนึ่งจังหวะ แต่ไม่นานก็ใจเย็นลง นอกจากจะไม่หลบหนีแล้ว แต่ยังอ้าแขนออก ทำท่าทางเหมือนพร้อมจะให้เขาแตะต้องเต็มที่ฝ่ามือของเย่ซิวหยุดลงก่อนจะสัมผัสตัวเธอ เขาถอนพลังกลับแล้วคืนรูปลักษณ์เดิม ก่อนจะดันร่างเธอไปจนชิดมุมกำแพง “รู้ได้ยังไงว่าเป็นฉัน”เขานึกว่าวิชาอำพรางของตัวเองแนบเนียนแล้ว เฉินเยียนจือเป็นแค่เด็กสาวธรรมดา ไม่น่าจะดูออกเฉินเยียนจือยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ก็ฉันรู้จักนายดีขนาดนั้น จะจำผิดได้ยังไงกัน แค่ใช้สัญชาตญาณก็ดูออกแล้วล่ะ ฉันเก่งไหม มีรางวัลให้ฉันไหม”ดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวังเย่ซิวแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว “เธออยากได้รางวัลแบบไหนล่

  • โคตรคนยอดปรมาจารย์   บทที่ 1351

    การบุกโจมตี อาวุธป้องกันร่างกายมีครบแล้ว แต่ยังขาดอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คือของป้องกันจิตวิญญาณเย่ซิวค้นหาในแหวนผนึกของของตัวเองอีกครั้ง แล้วก็หยิบเอาสมบัติเวทมนตร์ออกมาอีกสิบกว่าชิ้น แจกให้สิงโตหยกขาวตัวละสองชิ้นชิ้นหนึ่งไว้สำหรับป้องกันจิตวิญญาณ อีกชิ้นหนึ่งไว้สำหรับหลบหนีในตอนนี้พวกมันก็แทบไม่มีจุดอ่อนอะไรเหลืออีกแล้ว ถ้าสิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวร่วมมือกันลงมือ แม้แต่คนระดับปฐมญาณขั้นสมบูรณ์ก็ยังรับมือไม่ไหวเย่ซิวเผยรอยยิ้มพึงพอใจ จากนั้นก็หยิบป้ายขึ้นมา แล้วส่งเสียงผ่านจิตไปหาหลัวเวยเวยให้เธอไปยื่นคำขอเพื่อเลื่อนระดับสำนักอวิ้นหลิงจากระดับเจ็ดขึ้นเป็นระดับหกแต่หลัวเวยเวยกลับขอให้เขารออีกสักหน่อย“ทำไมล่ะ?”“อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันจัดการประลองของศิษย์รุ่นเยาว์จากทั้งหกสำนักระดับเจ็ดแล้ว นายก็น่าจะรู้นี่”“ผมรู้”“การประลองครั้งนี้จัดขึ้นโดยสำนักระดับหกขั้นสูงสุดแห่งหนึ่ง จุดประสงค์ของพวกเขาคือเลือกเฟ้นศิษย์ที่มีพรสวรรค์และพลังฝีมือสูงจากแต่ละสำนักไปฝึกฝนเพิ่มเติมอีกไม่นานก็จะเริ่มแล้ว ถ้าเรายื่นขอเลื่อนระดับในตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้พวกเขาไม่พอใจได้ เพราะถ้ามองจา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status