ไม่แน่ว่าในตอนนั้นอาจมีปีศาจหรือสิ่งลี้ลับต่าง ๆ ตามไปด้วยการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นย่อมไม่ใช่เรื่องเสียหายแม้ว่าชูตงจะรู้สึกอาลัยอาวรณ์ที่ต้องแยกจากเย่ซิว แต่เธอก็พยักหน้าอย่างว่าง่ายอวิ๋นเหยานั่งอยู่ริมหน้าต่างอย่างเงียบสงบในสวนสมุนไพรในมือเธอถือหนังสือเล่มหนึ่งและค่อย ๆ พลิกหน้าหนังสือไปอย่างช้า ๆบนโต๊ะมีแก้วน้ำเปล่าตั้งอยู่ แสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาให้ความรู้สึกสงบสุขอย่างแท้จริงหูของเธอกระดิกเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้า “มาหาฉันเช้าขนาดนี้มีอะไรเหรอ”เย่ซิวตอบตามตรง “สำนักเธอน่าจะใกล้เปิดแล้วใช่ไหม ตอนนี้เราก็ไปกันได้เลย”อวิ๋นเหยาบอกว่าสำนักของเธอจะเปิดทุกหนึ่งเดือนและวันนี้ก็เป็นวันที่ยี่สิบเก้าแล้วปกติแล้วหากสำนักเปิดทุกเดือนจริง ๆ ก็มักจะเปิดช่วงต้นเดือนหรือกลางเดือน และโอกาสที่จะเปิดปลายเดือนนั้นมีน้อยมากอวิ๋นเหยาปิดหนังสือลง ก่อนจะหันไปมองเย่ซิว “จริง ๆ แล้วมันเปิดวันที่หนึ่ง ถ้าจะไปตอนนี้ก็ได้นะ”เย่ซิวเรียกกระบี่หงส์โบยบินออกมาทันทีหลังจากที่เขาก้าวเข้าสู่ระดับจินตานแล้ว สีสันของกระบี่เล่มนี้ก็ยิ่งสดใสยิ่งขึ้นทุกครั้งที่เรีย
“บำเพ็ญตนไปเรื่อย ๆ ก็ทะลวงระดับได้แล้ว” เย่ซิวพูดอย่างขอไปที เขาย่อมไม่มีทางบอกความจริงกับเธออวิ๋นเหยาแค่นเสียงเหอะอย่างเย็นชา ไม่ได้ถามอีก ทว่าในใจกลับกระตือรือร้นมากขึ้นเธอเดาว่าแปดถึงเก้าในสิบส่วนเย่ซิวน่าจะได้รับถ้ำของยอดฝีมือโบราณมาจริง ๆ จากนั้นได้โอสถวิเศษบางอย่างมาจากในถ้ำนั้นไม่อย่างนั้นเขาจะสามารถมาถึงระดับนี้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้อย่างไรในใจก็คิดว่าถ้าเอาให้ฉัน ฉันทำได้เหมือนกัน“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดไร้สาระแล้ว รีบไปกันเถอะ” เย่ซิวเร่งเร้าอวิ๋นเหยาเก็บความคิดกลับมา มือทั้งสองข้างทำท่ามุทรากระแสน้ำวนปรากฏขึ้นในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวข้างหน้า เธอกระโดดเข้าไปก่อน ตามหลังด้วยเย่ซิวอวิ๋นเหยาดำลงไปจนสุด กัดนิ้วของเธอแล้วใช้เลือดเป็นสื่อกลาง ควบแน่นกระจกขึ้นมาหนึ่งบาน ส่องแสงสีเลือดลงไปที่ก้นแม่น้ำจากนั้นก็เห็นว่าระลอกคลื่นกระจายออกไปทีละวง ๆ ปรากฏม่านกึ่งโปร่งแสงขึ้นมุทราของอวิ๋นเหยาเปลี่ยนไป ฝาครอบก็บิดเบี้ยวเล็กน้อย จากนั้นเปลี่ยนเป็นเส้นทางเดิน เธอเดินนำเข้าไปก่อน ตามหลังด้วยเย่ซิวภาพตรงหน้าเบลอเลือน เท้าของเย่ซิวก็สัมผัสกับพื้นดินรอบด้านวิหกร้องขับขาน กลิ่นหอม
“บอกผมมาว่าจะหลอมรวมมันยังไง”อวิ๋นเหยาบอกเย่ซิวถึงวิธีการหลอมรวมอย่างละเอียดพลังจิตของเย่ซิวแผ่ไปที่ตัวเธออยู่ตลอด หลังจากที่เธอพูดจบ เขาก็ลงมือ พันธนาการเธอให้อยู่กับที่ทันทีน้ำเสียงของอวิ๋นเหยาเย็นเยียบ มุมปากของเธอเหยียดขึ้นอย่างประชดประชัน "ทำไม คุณจะฆ่าฉันเหรอ?"เย่ซิวไม่ตอบ แต่ออกจากที่นี่และไปยังสถานที่ที่สำนักหุ่นเชิดรวบรวมคัมภีร์โบราณต่าง ๆ เอาไว้เมื่อสักครู่นี้เขาได้ใช้พลังจิตเพื่อตรวจสอบทุกสิ่งที่นี่อย่างละเอียดแล้วแม้ว่าพลังจิตจะสัมผัสได้ว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ได้โกหก แต่เพื่อความปลอดภัย เย่ซิวจึงยังต้องพลิกผ่านคัมภีร์โบราณของพวกเขาก่อน ตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง เขาถึงจะรู้สึกสบายใจเมื่อผลักประตูอันหนักหน่วงบานนั้นออก เย่ซิวก็เห็นว่ามีคัมภีร์โบราณจำนวนมากอยู่ที่นี่ เกรงว่ามีนับแสนเล่มได้แบ่งพลังจิตออกเป็นหลายร้อยส่วน แล้วแผ่ไปที่คัมภีร์แต่ละเล่ม ทำการค้นหาอย่างรวดเร็วตอนนี้พลังจิตของเขาเรียกได้ว่าแข็งแกร่งมาก เทียบได้กับเครื่องสแกนเนอร์เมื่อสแกนมัน ภาพก็จะติดอยู่ในหัวและจะไม่มีวันลืมตลอดกาลในไม่ช้าเขาก็พบวิธีที่จะหลอมรวมกับสัตว์วิญญาณ เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองแล้ว อว
วิธีการหลอมสัตว์วิญญาณ คือจำเป็นต้องปล่อยให้สัตว์วิญญาณวิ่งผ่านเส้นลมปราณก่อนหนึ่งรอบถ้าลองเปรียบเทียบ ก็จะเหมือนกับการศึกษาเส้นทางก่อนล่วงหน้า ทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมก่อนยกตัวอย่างอีกครั้งเช่นคนคนหนึ่งมายังสถานที่หนึ่ง บางคนอาจจะชื่นชอบสถานที่นี้ แต่ก็มีบางคนที่รู้สึกว่าไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ อวิ๋นเหยาจ้องเย่ซิวตาไม่กะพริบ ขณะที่นับเวลาอย่างเงียบ ๆ และตั้งตารอช่วงเวลาที่เขาจะล้มลงส่วนเย่ซิวในตอนนี้ รู้สึกว่ามีบอลเพลิงกำลังพุ่งผ่านเส้นลมปราณในร่างกายของเขาไปอย่างต่อเนื่องแม้ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงอย่างไรก็ตามผลลัพธ์ของมันก็ชัดเจนมากเหมือนกันเส้นลมปราณขยายใหญ่ขึ้น แถมยังถูกเพลิงกิเลนแผดเผาจนแข็งแกร่งขึ้นด้วยนี่ก็เหมือนกับเหล็กชิ้นหนึ่ง เมื่อมันถูกตีด้วยอุณหภูมิที่ร้อนจัด ความหนาแน่นของพลังงานก็ยิ่งสูงขึ้นยิ่งเส้นลมปราณกว้างและแข็งแกร่งมากเท่าใด ภาระที่เกิดจากพลังวิญญาณเมื่อมันขับเคลื่อนก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้นสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในความช้าเร็วของการร่ายคาถาหลังจากที่สัตว์วิญญาณกิเลนวิ่งผ่านเส้นลมปราณทั้งหมดในร่าง
ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามที่น่าสะพรึงกลัวดังขึ้น ห้องทั้งห้อง พื้น และผนัง เกิดรอยแตกร้าวขึ้นทั่วทุกแห่งหนร่างกายของเย่ซิวเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลเปลวไฟอันไม่มีที่สิ้นสุดพุ่งออกมาจากรูขุมขนทั่วทั้งร่าง ควบแน่นเป็นชุดเกราะเปลวไฟลุกโชติช่วงชุดหนึ่งบนไหล่ทั้งสองข้างเป็นรูปทรงของแขนกิเลน บนหน้าอกคือหัวกิเลน ดูสง่างามและเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันศักดิ์สิทธิ์ที่มิอาจล่วงเกินได้เมื่อเย่ซิวมองไปที่อวิ๋นเหยา ร่างกายของเธอก็สั่นอย่างรุนแรง บนใบหน้าเธอไร้สีเลือดโดยสิ้นเชิงม่านตาคู่นั้นลุกโชนด้วยเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ เต็มไปด้วยพลังและการครอบงำที่ดุจดั่งว่าเหนือฟ้าใต้ปฐพีนี้เขาคือที่สุดมองผ่านดวงตาคู่นี้ อวิ๋นเหยาก็เห็นว่าในดวงตาของเย่ซิว เหมือนจะมีจักรพรรดิผู้ซึ่งจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ กำลังสบตากับตัวเองผ่านห้วงมิติเวลาอันไม่มีที่สิ้นสุดเพียงแวบเดียวก็ทำให้พลังใจของเธอทั้งหมดพังทลายลง เธอกระอักเลือดออกมาทันทีในเวลาเดียวกัน มันก็คลายการพันธนาการที่เย่ซิวทำไว้บนตัวของเธอแต่วิญญาณของตัวเองในตอนนี้ กลับถูกเงาของเย่ซิวลงตราประทับแต่วิญญาณของตัวเองในตอนนี้ กลับมีเงาของเย่ซิวประทับลงมา
รถสีชมพูขับออกจากโรงรถแล้วขับไปที่ท่าเรือคนขับรถเป็นชายวัยกลางคนพูดจาฉะฉานด้านหลังรถจวงเสี่ยวหยิงหมดสติไป และมีผู้หญิงร่างเล็กสองคนนั่งประกบอยู่ทางฝั่งซ้ายและขวาผู้ชายที่ขับรถมองจวงเสี่ยวหยิงผ่านกระจกมองหลังและอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปาก "ในที่สุดฉันก็หาเธอเจอ หลังจากพยายามอย่างหนัก ผู้หญิงคนนี้สวยมาก ทำเอาเลือดในกายพลุ่งพล่านไปหมด"ผู้หญิงที่นั่งทางฝั่งซ้ายของจวงเสี่ยวหยิงพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า "ฉันขอแนะนำให้คุณอย่าคิดอะไรไม่เข้าท่าจะดีกว่า ผู้หญิงคนนี้เกี่ยวพันกับความรุ่งโรจน์ของทั้งประเทศเรา เธอจำเป็นต้องบริสุทธิ์และสะอาดอย่างแท้จริงถ้าคุณกล้าคิดอะไรชั่ว ๆ ฉันจะฆ่าคุณทันที”ชายคนนั้นหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า "ในเมื่อเป็นแบบนี้งั้นเธอก็มาเล่นกับฉันแทนเถอะ"“กับคุณน่ะเหรอ?” ผู้หญิงคนนั้นพูดด้วยสีหน้าดูถูก “ครั้งหนึ่งฉันเคยเปิดศึกกับผู้ชายสิบสองคนพร้อม ๆ กัน คิดว่าตัวเองไหวเหรอ?”“เอาล่ะ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว” ผู้หญิงที่นั่งฝั่งขวาของจวงเสี่ยวหยิงลดเสียงลงต่ำ “ขับเร็วขึ้นอีกหน่อย เราต้องกลับไปให้ไว และจะให้เกิดอุบัติเหตุใด ๆ ไม่ได้เป็นอันขาด”จากนั้นชายคนนั้นก็เหยียบคันเร่งจนมิด ว
ครั้งนี้แปดถึงเก้าในสิบส่วนก็น่าจะเป็นฝีมือคนกลุ่มเดิมนั้นพอดีเลย งั้นก็ใช้โอกาสนี้เก็บกวาดคนพวกนั้นให้ราบคาบเขารีบกลับมาโดยใช้เวลาที่เร็วที่สุด ร่างก็ร่อนลงที่ชั้นดาดฟ้าของบริษัทเวินหว่านเอ๋อร์ได้เตรียมเฮลิคอปเตอร์ไว้แล้ว เมื่อเห็นเย่ซิว เธอก็ก้มศีรษะลงไป ใบหน้าเต็มไปด้วยการโทษตัวเอง "เป็นความประมาทเลินเล่อของฉันเอง ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น"“ไม่โทษคุณหรอก” เย่ซิวตบไหล่เธอ “ต่อไปแค่ระมัดระวังให้มากขึ้นก็พอ ผมไปก่อนนะ”พูดจบเขาก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์และออกเดินทางไปอย่างรวดเร็วในไม่ช้าข่าวการเดินทางไปยังประเทศอ่ายเหรินก่อนกำหนดของเย่ซิวก็แพร่กระจายไปยังประเทศสำคัญ ๆ ทั่วโลก…… ณ สถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งของประเทศอ่ายเหริน เฟยอวี่อ่านข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเย่ซิวที่เธอมีเกี่ยวกับข้อมูลของเย่ซิวเธอได้ทำการรวบรวมมาพอสมควรแล้ว กับคนคนนี้เธอสามารถพูดได้ว่ามีความเข้าใจในตัวเขาระดับหนึ่ง“แข็งแกร่งมาก ไม่มีครอบครัว ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวแต่ละคนก็ทรงพลังเช่นกัน บางทีเขาอาจจะได้รับการสืบทอดพลังอันแข็งแกร่งบางอย่างมา จุดอ่อนเพียงอย่างเดียวของเขาคือเรื่องความเจ้าชู้”เฟยอวี่ทำการ
เมื่อความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มสูงขึ้น อำนาจของคาถาต่าง ๆ ที่เขาร่ายก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกันแต่ขณะนี้แม้ว่าจะใช้วิชามองทะลุ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เขามองทะลุไม่ได้จริง ๆนั่นเป็นผู้หญิงสวมที่ชุดกระโปรงยาวสีขาว บนชุดนั้นมีรูปดอกไม้หลากชนิดทั้งดอกโบตั๋น กุหลาบ ดอกบ๊วย ดอกเบญจมาศ และอื่น ๆเมื่อสายตาของเย่ซิวตกลงไปที่มัน ดอกไม้ก็ดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมาก่อตัวเป็นม่านกั้นอันทรงพลังที่ขัดขวางการสำรวจของเย่ซิวดวงตาของเย่ซิวหรี่ลงชุดของผู้หญิงคนนี้ดูคุ้น ๆ เหมือนกับว่าตัวเองเคยเห็นมันจากที่ไหนสักแห่งหลังจากค้นหาในความทรงจำสักพักหนึ่ง เขาก็นึกขึ้นได้ในที่สุดชุดนี้เรียกว่าอาภรณ์ร้อยบุปผาครั้งหนึ่งมันเคยเป็นสมบัติของสำนักร้อยบุปผาและมีเพียงเจ้าสำนักเท่านั้นที่สามารถสวมใส่มันได้กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชุดนี้ควรเป็นของประเทศหลงเถิง แต่ตอนนี้มันกลับถูกคนนอกคนหนึ่งแย่งชิงไปเฟยอวี่รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเล็กน้อยเมื่อถูกสายตาของเย่ซิวจ้องมองสายตาของเขาจะมีพลังมากเกินไปแล้ว คลับคล้ายกับจะมองเห็นความลับทั้งหมดของตัวเองได้“คุณชายเย่ คุณคงเหนื่อยจากการเดินทางแล้ว ถ้ายังไงไปพักที่บ้านของฉันสั
เฉินเยียนจือยังไม่ยอมแพ้ เธอออดอ้อนไม่หยุด “ไม่เอาน่าแม่ หนูแค่อยากสั่งสอนเขานิดหน่อยเอง ขอระบายอารมณ์บ้าง รับรองว่าจะไม่ทำให้เขาเจ็บตัวแน่นอนขอร้องนะคะ ถ้าไม่ได้ทำแบบนี้ สุดท้ายความแค้นมันจะกลายเป็นเงาในใจถ้าวันหนึ่งตอนบำเพ็ญตนแล้วพลังวูบวาบจนผิดพลาด แม่ก็อาจจะต้องสูญเสียลูกสาวที่ทั้งน่ารัก ฉลาด สดใสและว่านอนสอนง่ายไปเลยนะ”“พอ ๆ ๆ เลิกเขย่าแม่ได้แล้ว แม่จะเวียนหัวอยู่แล้วเนี่ย” ภรรยาเจ้าสำนักถอนหายใจแล้วพูดอย่างหงุดหงิด“งั้นก็ได้ แม่จะสอนให้แค่บางส่วนพอไว้ใช้สั่งสอนเขานิดหน่อยก็แล้วกัน”เฉินเยียนจือดีใจจนตาเป็นประกาย “ขอบคุณค่ะแม่”……สถานที่ปิดด่านของเจ้าสำนักกินพื้นที่นับหลายร้อยไร่ ภายในเต็มไปด้วยของล้ำค่าที่ช่วยในการบำเพ็ญตนทั้งสิ้นหลังจากพาห้าร่างแยกของเย่ซิวมาถึงที่นี่ เจ้าสำนักก็ส่งข่าวให้ภรรยาทราบต่อจากนี้ เขากับผู้อาวุโสอีกหลายคนจะเป็นผู้ฝึกสอนห้าคนนี้ด้วยตัวเองส่วนเรื่องภายนอกก็ให้ภรรยาของเขาจัดการไปก่อนในแววตาของเจ้าสำนักเต็มไปด้วยประกายทะเยอทะยานอย่างไม่คิดจะปิดบังเลยแม้แต่น้อย“ถ้ามีเด็กทั้งห้าคนนี้ บางทีในงานประชุมใหญ่ในอีกสองปีข้างหน้า เราอาจจะคว้าอัน
เย่ซิวจ้องเสี่ยวโหรวแน่นิ่ง “เธอพูดจริงหรือเปล่า?”เสี่ยวโหรวก้มหน้าลงเล็กน้อยจนมองไม่เห็นสีหน้าที่ชัดเจน “นายท่านไม่เหมือนคนอื่น นายท่านจะไม่ทำร้ายข้า เพราะแบบนั้น ข้าถึงยิมยอมจากใจจริง”เย่ซิวไม่พูดอะไร เพียงแค่มองเธออยู่อย่างนั้นประมาณหนึ่งถึงสองนาที จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ “ช่างเถอะ วันนี้ฉันยังมีธุระ เอาไว้คราวหน้าแล้วกันไปล้างตัวแล้วเลือกห้องว่างเอาไว้พักสักห้องเถอะ จำไว้นะ ห้องกลั่นโอสถกับห้องหมายเลขห้า ห้ามเข้าเด็ดขาด นอกนั้นเลือกได้ตามสบาย”ในห้องหมายเลขห้ามีเตียงน้ำแข็งตั้งอยู่“รับทราบเจ้าค่ะนายท่าน”เสี่ยวโหรวลุกขึ้นและก้าวเดินด้วยขาเรียวยาวไปล้างตัวอย่างว่าง่ายช่วงที่เธอไปอาบน้ำ เย่ซิวก็จัดการวางค่ายกลในห้องหมายเลขห้าเพิ่มเติมอีกหลายชั้นจากนั้นก็หยิบหุ่นเชิดระดับถอดจิตออกมาบริเวณด้านหน้ามีรอยเว้าสำหรับเปิดช่องเก็บพลังงานเมื่อวางศิลาวิญญาณลงไป ไม่กี่วินาทีพลังวิญญาณก็ถูกดูดไปจนหมดเขาใช้ศิลาวิญญาณไปทั้งหมดกว่าสองแสนก้อนกว่าจะเติมพลังให้หุ่นเชิดจนเต็มถ้าใช้พลังเต็มกำลัง หุ่นเชิดตนนี้ก็จะสามารถต่อสู้ได้นานถึงหนึ่งชั่วโมง เหมาะสำหรับใช้เป็นยามเฝ้าที่เย
“รู้…แล้ว...”เฉินเยียนจือตอบเสียงแผ่วเบาอย่างที่ใคร ๆ ว่ากันไว้ คนเลวต้องเจอกับคนที่เลวยิ่งกว่า คนแบบเธอ มีแต่ต้องเจอคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้น ถึงจะถูกกำราบอยู่หมัด“ในเมื่อเข้าใจแล้ว ลองเรียกคำว่านายท่านให้ฉันฟังหน่อยสิ”เย่ซิวไม่ได้หลงเชื่อว่าเธอจะยอมสยบง่าย ๆ สิ่งที่เธอแสดงออกตอนนี้มีแต่จะเป็นการยอมจำนนแบบชั่วคราวเท่านั้นและก็จริงตามคาด สีหน้าของเฉินเยียนจือพลันแข็งกระด้างขึ้นมาอีกครั้ง“หืม ไม่อยากพูดงั้นเหรอ” เย่ซิวแกล้งทำหน้าบึ้ง “แสดงว่าบทเรียนเมื่อกี้ยังเบาเกินไปสินะ”เฉินเยียนจือถึงกับสั่นไปทั้งตัว เรื่องเมื่อกี้ยังคงเป็นฝันร้ายที่เธอไม่อยากเผชิญซ้ำอีก“นาย…ท่าน...”สองคำนั้นหลุดออกจากปากเธอด้วยความรู้สึกอัปยศเกินบรรยายเย่ซิวยิ้ม แล้วบิดแหวนผนึกของจากนิ้วของเธอออกมา “เปิดมันซะ”เฉินเยียนจือรู้ว่าขัดขืนไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงทำตามอย่างว่าง่ายเย่ซิวใช้พลังจิตสำรวจภายในทันที ด้านในมีทั้งศิลาวิญญาณจำนวนมาก สมุนไพรหายาก และโอสถล้ำค่า รวมมูลค่าแล้วไม่น่าจะต่ำกว่าสิบล้านศิลาวิญญาณเย่ซิวเก็บทั้งหมดเอาไว้โดยไม่ลังเลเฉินเยียนจือเจ็บใจจนแทบร้องไห้ทรัพยากรจำนวนมหาศา
“ฉัวะ!!”สายฝนสีเลือดโปรยปรายลงมาทั่วฟ้าเย่ซิวฉีกสัตว์วิญญาณของเฉินเยียนจือเป็นชิ้น ๆ อย่างไม่ลังเลจากนั้นเตะเข้าหน้าอกเธอเข้าเต็มรักร่างของเธอลอยละลิ่วไปกระแทกกับเนินเขาอย่างรุนแรงเสียงกระดูกหักดังทั่วร่าง ไม่รู้ว่าหักไปกี่จุดเฉินเยียนจือมองเย่ซิวที่ลอยตัวอยู่ตรงหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บแค้น“ไอ้สารเลว แกตายแน่ แกต้องตาย ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปเด็ดขาด!!!”ถึงจะเจ็บปางตาย เธอก็ยังไม่หยุดอาฆาต ใจคิดแต่จะแก้แค้นให้ได้ในภายหลัง“เพียะ ๆ ๆ”เย่ซิวไม่ใช่คนที่จะใจอ่อนให้กับคนอย่างเธอเขาตบซ้ายทีขวาที เพียงพริบตาก็ฟาดไปกว่าร้อยครั้งแรงฝ่ามือแต่ละครั้ง ทำให้ใบหน้าที่เคยสวยงามของเธอบวมช้ำจนดูไม่ได้ความแค้นในใจของเธอระเบิดออกจนแทบปิดไม่อยู่ ดวงตาแดงก่ำราวกับจะสังหารได้ทุกสิ่งเธอไม่เคยถูกปฏิบัติแบบนี้มาก่อน ตั้งแต่เด็กก็เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่และแฟนหนุ่มถูกตามใจทุกอย่างราวกับแตะต้องไม่ได้ แต่วันนี้กลับโดนกระทืบจนแทบจำหน้าตัวเองไม่ได้เย่ซิวเห็นสภาพเธอก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ยังไม่ยอมแพ้ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่ต้องปรานีอีกต่อไปเขาควักโอสถสองเม็ดออกมา แล้วยัดใส่ปาก
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก