ใช้วิชาดำดินหลบหนีลงไปใต้ดินอย่างบ้าคลั่งก็ได้อย่างมากก็แค่ได้รับแรงกระแทกจากคลื่นระเบิดเท่านั้น แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้ ถ้าเขาทำจะมีสิ่งมีชีวิตมากมายนับไม่ถ้วนต้องสังเวยชีวิตไปด้วย เขามีความแค้นกับประเทศจ้าน แต่เขาไม่ได้มีความแค้นกับประชาชนธรรมดาของประเทศจ้าน “ตายซะ รีบตายไปซะ!!” ผู้นำตระกูลเฒ่ามองภาพตรงหน้าอย่างเหี้ยมเกรียม ขณะที่เย่ซิวกำลังทะยานขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้ เย่ซิวเข้าใกล้ขีปนาวุธเอชสองลูกนั้นแล้ว พลังของสัตว์วิญญาณกิเลนถูกเร่งขึ้นถึงขีดสุด กลายเป็นร่างมหึมายาวนับพันเมตร กรงเล็บอันใหญ่โตทั้งสองข้างตะปบออกไปสุดกำลัง ในชั่วพริบตาที่ขีปนาวุธเอชสองลูกพุ่งเข้าปะทะกัน สัตว์วิญญาณกิเลนส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน หัวใจของเย่ซิวเต้นระรัวดั่งกลองศึก อัตราการสร้างเลือดพุ่งสูงขึ้นกว่าปกติถึงสิบกว่าครั้ง โลหิตราวกับสายน้ำที่ไหลพลุ่งพล่านไปทั่วร่าง มอบพลังอันแข็งแกร่งให้แก่เขา จินตานถูกขับเคลื่อนจนถึงขีดสุด พลังเบญจธาตุหลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย แผ่กระจายไปทั่วร่าง ก่อเกิดเป็นเกราะแสงห้าสีห่อหุ้มไว้ เขารวบรวมพลังทั้งหมด พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้
นอกชั้นบรรยากาศ ทุกสิ่งเงียบสงัดและเย็นเยือกราวกับกาลเวลาได้หยุดนิ่งลงทุกคนเชื่อว่าเย่ซิวได้ถูกทำลายอย่างสมบูรณ์แล้วและความจริงก็เป็นเช่นนั้นหากเป็นแค่ขีปนาวุธเอชเพียงลูกเดียว เย่ซิวอาจจะสามารถต้านทานได้แต่เมื่อเป็นสองลูก และเขาอยู่ ณ ใจกลางของการระเบิดเต็มกำลัง ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ไม่มีทางที่จะทานรับได้เลยแต่โชคดีที่เขายังมีไพ่ตายที่เหนือสามัญสำนึกของโลกใบนี้ในเสี้ยววินาทีแห่งความตาย มันได้ปลุกพลังแฝงในสายเลือดของเขาขึ้นมาถือกำเนิดอีกครั้งจากเปลวไฟ!“วี๊ด!!!”เสียงกู่ร้องอันกึกก้องพุ่งทะลุออกมาจากนอกชั้นบรรยากาศ มันกึกก้องกังวานไปทั่วโลก ทุกคนได้ยินมันอย่างชัดเจน!ทุกคนเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว แล้วสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าก็กลายเป็นภาพที่พวกเขาจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิตหงเพลิงที่แผดเผาด้วยเปลวเพลิงลุกโชติช่วง กางปีกออกกว้าง ลอยอยู่ในห้วงอวกาศร่างของมันแผ่กลิ่นอายแห่งความสูงส่ง ทรงพลังและเกรี้ยวกราดจากนั้นหงเพลิงก็ค่อย ๆ หดตัว กลายเป็นไข่ขนาดมหึมาเทียบเท่าภูเขาลูกย่อม"แกร๊ก! แกร๊ก!"รอยร้าวเริ่มแผ่ขยายไปทั่วเปลือกไข่ ตามมาด้วยเสียงระเบิดดังสนั่นเย่ซิวกลับมาอีกครั
“ฮ่า ๆ ๆ นี่มันเกินคาดจริง ๆ!”“เจ้าหนูนี่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”“การมีเขาอยู่เป็นโชคดีของพวกเรา!”……ภายในประเทศหลงเถิงเดิมทีผู้นำและนายกรัฐมนตรีต่างหมดหวังไปแล้วแต่ตอนนี้กลับพากันหัวเราะด้วยความตื่นเต้นราวกับพบแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์“เย่ซิวส่งของขวัญชิ้นใหญ่มาให้อีกแล้ว! เขาทำลายดาวเทียมส่วนใหญ่ของประเทศเหล่านั้นไปตอนนี้พวกเขามองไม่เห็นข้อมูลจากหลายพื้นที่แล้ว”แต่ก็มีบางคนที่แสดงความกังวลขึ้นมา “กลัวแต่ว่าประเทศมหาอำนาจเหล่านั้นจะทนไม่ไหวแล้วลงมือก่อน”นายกรัฐมนตรียิ้มและกล่าวว่า “เย่ซิวแยกตัวจากประเทศหลงเถิงไปนานแล้ว นั่นเป็นการกระทำของเขาเอง เราควบคุมอะไรไม่ได้ ที่ทำได้มากที่สุดก็ทำได้แค่ประณามเขาต่อสาธารณะเท่านั้น”เมื่อพูดจบ ทุกคนก็พากันหัวเราะอีกครั้งจักรพรรดิหมีเหล็กและจักรพรรดิอินทรีครามเปิดการสนทนาทางวิดีโออีกครั้งจักรพรรดิหมีเหล็กกล่าวว่า “ฉันคิดว่าการเผชิญหน้ากันแบบนี้ต่อไปไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเราเลย”“ใช่ ๆ” จักรพรรดิอินทรีครามพยักหน้าอย่างจริงจัง “ขืนยังสู้กันต่อไป คนที่ลำบากก็คือประชาชนของเราเอง ฉันคิดว่าการฟื้นฟูการค้ากับประเทศหลงเถิงน่าจะเป็นทางออ
กลุ่มควันสีดำลอยฟุ้งไปทั่ว และปกคลุมทั้งอาณาเขตของประเทศจ้าน สิ่งเหล่านี้คือพลังงานแห่งความคับแค้นที่มหาศาล ซึ่งเกิดขึ้นจากประชาชนของประเทศจ้าน และสาเหตุของความคับแค้นนี้ย่อมมาจากผู้นำตระกูลเฒ่าและผู้นำของประเทศจ้าน ทุกคนไม่ใช่คนโง่ ย่อมเข้าใจดีว่าเกิดอะไรขึ้นโดยเฉพาะชาวเมืองในเมืองแห่งหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ ได้เห็นกับตาตัวเองว่าเย่ซิวทำอะไรลงไป ชีวิตของพวกเขากลับเป็นศัตรูที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ นี่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าขันเสียจริง บางคนถึงกับนำวิดีโอที่เกี่ยวข้องอัปโหลดลงบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจอย่างมหาศาล ในเมืองนั้น มีญาติพี่น้องและเพื่อนฝูงมากมายที่อาศัยอยู่ในเมืองอื่น ๆ การกระทำของเย่ซิว เท่ากับช่วยชีวิตครอบครัวกว่าสิบล้านครอบครัว แต่ประเทศจ้านกลับเลือกที่จะสังเวยชีวิตประชาชนหลายสิบล้านหรืออาจถึงพันล้านคน เพียงเพื่อจัดการเย่ซิว แน่นอนว่าความโกรธแค้นต่อรัฐบาลย่อมรุนแรงขึ้นเป็นเงาตามตัว ความแข็งแกร่งของประเทศหนึ่งนั้นขึ้นอยู่กับโชคชะตาของชาติ และโชคชะตาของชาติ ก่อเกิดจากพลังแห่งความสามัคคีของประชาชน!เมื่อพวกเขาสูญเสียความหวังในประเท
ทุกครั้งที่เดินทาง เย่ซิวสามารถขนเสบียงจำนวนมากกลับไปได้และตอนนี้พลังของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้การเดินทางไปกลับใช้เวลาไม่นานสองวันต่อมา เย่ซิวและพรรคพวกเดินทางมาถึงเมืองหลวงของประเทศจ้านได้อย่างราบรื่นความง่ายดายของการเดินทางทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนเป็นเรื่องไม่จริงเมื่อพวกเขามาถึง มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเอ่ยปากอยากให้เย่ซิวอยู่ที่นี่ตลอดไป และขึ้นเป็นกษัตริย์ของพวกเขาต้องยอมรับว่าตอนที่เย่ซิวได้ยิน เขาก็รู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้างแต่หลังจากลังเลไปเพียงครู่เดียว เขาก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไปมีคำกล่าวว่าหากไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกัน ย่อมมีความคิดที่แตกต่างกันผู้คนเหล่านี้ไม่ได้เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกับเขาที่พวกเขาแสดงออกแบบนี้เป็นเพียงเพราะความประทับใจในพลังของเขา และเพราะเขาเคยช่วยชีวิตพวกเขาไว้ทำให้พวกเขาส่วนใหญ่ซาบซึ้งใจเป็นพิเศษแต่เมื่อเหตุการณ์นี้ผ่านไปแล้ว พวกเขาย่อมต้องกลับมารู้สึกต่อต้านเย่ซิวอีกครั้งอย่างแน่นอนและเมื่อนั้นเขาจะทำอย่างไร?ฆ่าทุกคนที่ต่อต้านเขางั้นหรือ?เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นไปไม่ได้ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายของเขาไม่ใช่การแย่งชิงแผ่นดิน หรือครองโลก
เมื่อเย่ซิวปล่อยพลังวิญญาณเข้าไปในสิ่งนั้น ก็เห็นว่าชามใบนั้นเปล่งแสงสีชมพูออกมา แสงสีชมพูนั้นรวมตัวกันกลางอากาศ ก่อร่างเป็นหญิงสาวที่มีรูปร่างอ้อนแอ้นเย้ายวน เธอสวมชุดผ้าบางเบาที่เผยให้เห็นรูปร่างสุดเร่าร้อนแบบราง ๆ จนทำให้คนมองแทบกระอักเลือด ทันทีที่ปรากฏตัว เธอส่งสายตาหวานเยิ้มไปที่เย่ซิว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ขอบคุณคุณชายที่ปล่อยข้าออกมา ตั้งแต่นี้ไปข้าจะเป็นของท่าน ให้ข้าได้ปรนนิบัติท่านเถอะ" ทันใดนั้นพลังจิตลึกลับก็แผ่ออกมาจากร่างเธอ แต่เย่ซิวแค่แค่นเสียงหึเย็นชาออกมาเท่านั้น!เธอพยายามใช้เสน่ห์สะกดเขา แต่สำหรับเขาแล้ว มันก็แค่ของเด็กเล่นหญิงสาวกรีดร้องออกมาทันที เพียงแค่เสียงหึของเย่ซิว ก็ดังราวกับสายฟ้าฟาดกลางใจเธอทำให้ร่างวิญญาณของเธอบิดเบี้ยวราวกับจะแตกสลาย "ท่านโปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าผิดไปแล้ว ข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว!" เย่ซิวจ้องเธอด้วยสายตาเย็นชา ก่อนเอ่ยถาม "เธอมีที่มาอย่างไร?" หญิงสาวรีบตอบเสียงสั่น "เรียนนายท่าน ข้าคือปีศาจเสน่หา จะต้องเกิดในวันที่สามเดือนสาม และต้องตายในที่ที่ดอกท้อบานสะพรั่งเท่านั้น จึงจะถูกหลอมรวมกลายเป็นปีศาจเสน่หาได้
ตอนนี้เย่ซิวเหลือเพียงร่างแยกธาตุไม้และร่างแยกธาตุดินที่ยังไม่ได้สร้างขึ้นมานอกจากวัสดุหลักสองอย่างนี้แล้ว วัสดุอื่น ๆ ก็หาได้ครบหมดแล้ว เย่ซิวเก็บของทั้งหมดอย่างระมัดระวัง หลังจากกลับไปก็สามารถเริ่มสร้างร่างแยกธาตุไม้ได้ทันทีของที่วางอยู่บนชั้นก็ถูกเก็บไปจนหมด ทุกชิ้นล้วนเป็นของล้ำค่า ในตอนนี้ ทรัพย์สมบัติที่เย่ซิวมีจากการบำเพ็ญเพียร ไม่ต้องพูดถึงยุคปัจจุบันเลยแม้แต่ในยุคโบราณที่เป็นยุคทองของการฝึกตน เย่ซิวก็ยังนับได้ว่ามีทรัพย์สินมหาศาลในหมู่ผู้ฝึกตนในระดับเดียวกัน หลังจากกวาดล้างคลังสมบัติจนไม่เหลืออะไรแล้ว เย่ซิวก็ออกจากที่นั่น ผ่านไปไม่นาน คนอื่น ๆ ก็ทยอยกลับมาเช่นกัน และทุกคนก็ได้ผลประโยชน์กลับมาไม่น้อยไม่มีใครเสียเวลาอยู่ที่นั่นนานนัก ทุกคนเดินทางกลับสำนักโอสถทันที เมื่อกลับมาถึงสำนักโอสถพวกเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเหล่าประชาชน ทุกคนต่างพากันส่งเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้น เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ตลอดทั้งเรื่องทำให้ทุกคนรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าขุมกำลังที่ปกป้องพวกเขาอยู่ในตอนนี้แข็งแกร่งเพียงใด แน่นอนว่าบุคคลที่น่าทึ่งที่สุดก็คื
จิตใจหรือมุมมองของเย่ซิวถูกแบ่งออกเป็นห้าส่วนสามารถมองเห็นมุมมองของร่างแยกทั้งสี่รวมถึงตัวเขาเองแต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจที่สุดสิ่งที่ทำให้เย่ซิวประหลาดใจยิ่งกว่าคือ พลังของร่างแยกทั้งสี่สามารถไหลเวียนระหว่างกันได้ หรือสามารถถ่ายโอนไปยังร่างหลักของเย่ซิวทั้งหมดนั่นหมายความว่าร่างแยกทั้งสี่สามารถฝึกฝนได้พร้อมกันและพลังงานที่พวกมันดูดซับได้ทั้งหมดจะถูกส่งมายังเย่ซิวที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือหากร่างหลักหรือร่างแยกตัวใดตัวหนึ่งถูกโจมตี พลังของการโจมตีนั้นสามารถถ่ายโอนไปยังร่างใดร่างหนึ่งได้ตามต้องการไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้ทำให้ความสามารถของเย่ซิวเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลมุมปากของเย่ซิวเผยรอยยิ้มออกมาหากเกิดขีปนาวุธเอชขึ้นอีกครั้ง เย่ซิวก็สามารถถ่ายโอนแรงระเบิดบางส่วนไปยังร่างแยกทั้งสี่ ทำให้เขาสามารถรอดพ้นจากอันตรายได้โดยไม่ต้องใช้วิถีหรือสัตว์วิญญาณกิเลนหลังจากย่อยพลังที่ได้รับมาในครั้งนี้ เย่ซิวก็พัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองขึ้นอีกระดับเมื่อกลับออกมา เย่ซิวนิ่งคิดครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจไปที่ห้องทดลองชีวภาพเพื่อตรวจดูเฉินน่าและหลานสาวของเธอว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้
เจ้าสำนักจ้องมองห้าพี่น้องตรงหน้า พยายามทำให้ท่าทางของตัวเองดูเป็นมิตรมากที่สุด “ไม่ต้องกลัวไปนะ พวกเราไม่ได้มาร้าย เคยได้ยินชื่อสำนักอวิ้นหลิงกันบ้างไหม…”ทั้งห้าคนพยักหน้าเบา ๆผ่านไปครึ่งชั่วโมง เหล่าผู้อาวุโสที่ออกไปตรวจสอบหมู่บ้านก็กลับมาจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบอะไรผิดปกติ ห้าพี่น้องก็อยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้มาตลอดแต่พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่า คนทั้งหมู่บ้านถูกฝังความทรงจำบางอย่างเพิ่มเติมเข้าไปและเรื่องนี้ แน่นอนว่าเป็นฝีมือของจอมมารโลหิตนั่นเอง ซึ่งเชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะส่วนระดับพลังของห้าร่างแยกในตอนนี้ ก็ถูกถ่ายโอนมาไว้ที่ร่างหลักของเย่ซิวชั่วคราวทั้งหมดดังนั้น พวกเขาจึงดูเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่มีใครจับพิรุธได้แม้แต่น้อยแนวคิดนี้ เย่ซิวเคยคิดไว้ตั้งแต่ตอนสอบเข้าเป็นศิษย์ใหม่แล้วสายเซียนกระบี่ในลัทธิ เป็นสายที่มีอิทธิพลและมีพลังมากการเผชิญหน้าตรง ๆ ไม่มีทางชนะแน่นอนเย่ซิวจึงวางแผนจะส่งร่างแยกไปแฝงตัวอยู่ฝั่งนั้นเพราะหากเจออัจฉริยะระดับนี้ แน่นอนว่าทางสำนักต้องทุ่มสุดตัวในการฝึกฝนแน่ซึ่งก็หมายความว่าเหล่าศิษย์รุ่นใหม่คนอื่น ๆ จะได้รับทรัพยากรน้อยลงอย่างมาก
เจ้าสำนักนำเหล่ายอดฝีมือมาถึงหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในหุบเขาหนึ่งในผู้อาวุโสเอ่ยถามขึ้นว่า “เจ้าสำนัก พวกเรามาที่นี่ทำอะไรกันแน่? ตลอดทางที่มาคุณก็ไม่พูดอะไรสักคำ”เจ้าสำนักส่ายหน้า “ก่อนอื่น ไปปิดล้อมหมู่บ้านนี้ไว้ก่อน แล้วลองหาดูว่ามีเด็กชายที่มีหน้าตาเหมือนกันห้าคนไหม”แม้ทุกคนจะไม่เข้าใจนัก แต่ก็เริ่มลงมือทันทีเจ้าสำนักระงับพลังของตัวเองไว้ แล้วเดินเข้าไปในหมู่บ้านอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับปล่อยพลังจิตออกไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ที่นี่เป็นเพียงหมู่บ้านธรรมดา ผู้คนภายในก็ล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอะไรผิดปกติแต่เมื่อเขาเดินมาถึงกลางหมู่บ้าน กลับพบเด็กหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาห้าคน แต่เปล่งพลังวิญญาณออกมาอย่างชัดเจน แต่ละคนกำลังช่วยกันแบกฟืนและตักน้ำอย่างขยันขันแข็งบรรยากาศอบอุ่นและมีความสุขอย่างน่าประหลาดหัวใจของเจ้าสำนักสั่นสะเทือนเบา ๆ ก่อนที่เขาจะไปเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งไม่นานก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาเปิดประตู “สวัสดีครับ มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”เจ้าสำนักยิ้มอย่างเป็นมิตร “พอดีผ่านมาแถวนี้ รู้สึกคอแห้งนิดหน่อย เลยอยากขอน้ำดื่มสักแก้วน่ะ”เด็กหนุ่มเกาหัวแล้วยิ้มอย่างซื่อ
“แกจะส่งมาดี ๆ หรือจะให้ฉันลงมือเอามาเอง”เย่ซิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร”“แกน่าจะรวยมากเลยสินะ บอกไว้เลยนะ ฉันนี่แหละที่เป็นคนขายปีศาจแมวให้แก”เย่ซิวจึงเข้าใจทันที “ก็แสดงว่านายแอบทำอะไรไว้ในตัวเสี่ยวโหรว เพื่อใช้ติดตามฉัน… ดูท่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่นายทำแบบนี้สินะ”ดูจากท่าทางก็รู้ว่าเป็นมืออาชีพใช้วิธีเอาเสี่ยวโหรวไปขายในตลาดมืด พอมีคนซื้อก็ค่อยตามไปแล้วหาจังหวะชิงตัวกลับมาจากนั้นก็เอาไปขายใหม่ วนลูปแบบนี้ไปเรื่อย ๆถือเป็นวิธีหาเงินที่รวดเร็วจริง ๆแต่น่าเสียดายที่คราวนี้ดันมาเจอของแข็งเข้าแล้ว“ใช่เลย แกน่ะเป็นคนที่อ่อนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาเลยนะ อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานปราณแท้ ๆ แต่กลับพกศิลาวิญญาณมามากขนาดนั้น อย่างนี้ต้องรวยมากแน่…”พูดยังไม่ทันจบ อีกฝ่ายก็ลอบโจมตีทันทีทั้งที่มีพลังระดับวิญญาณก่อกำเนิด แต่ยังเล่นสกปรกด้วยการลอบจู่โจม เรียกได้ว่าทั้งเลวทั้งเจ้าเล่ห์สุด ๆเปรี้ยง!ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าสีม่วงเส้นหนึ่งก็ผ่าลงมากลางหัวอย่างจังชายคนนั้นถูกฟาดจนร่างแหลกละเอียดกลายเป็นเศษธุลีแทบไม่เหลือชิ้นดีเสี่ยวโหรวที่ยืนข้าง ๆ ถึงกับหน้าซีด
“สินค้าชิ้นที่สองของงานประมูล เป็นจิตวิญญาณนักรบระดับถอดจิตขั้นต้นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้สภาพจิตวิญญาณจึงยังไม่คงที่เราต้องใช้วิชาเฉพาะตัวเพื่อรักษาสภาพเอาไว้ชั่วคราว ต้องพาไปที่ที่มีพลังหยินหนาแน่น หรือไม่ก็ต้องมีจิตวิญญาณนักรบที่แข็งแกร่งช่วยรักษาให้ ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ”พูดจบ เธอก็หยิบลูกแก้วคริสตัลออกมา ภายในมีวิญญาณของปีศาจหมาป่าตนหนึ่งถูกผนึกไว้บนร่างมันมีรูโหว่อยู่หลายแห่งมีหลายคนให้ความสนใจ ต่างเริ่มเสนอราคากันเย่ซิวเองก็ถูกจิตวิญญาณนักรบตนนั้นดึงดูดสายตาเข้าแล้วเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าหลังจากให้กระบี่แม่ลูกกับเสี่ยวโหรวไป เธอก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยไม่นานราคาก็ถูกดันขึ้นไปถึงสองล้านกว่าศิลาวิญญาณถ้ามันไม่บาดเจ็บล่ะก็ ต่อให้มีหลายสิบล้านก็อาจจะยังซื้อไม่ได้ด้วยซ้ำจำนวนคนที่ร่วมประมูลค่อย ๆ ลดลงเย่ซิวจึงเสนอราคาไปที่สามล้านศิลาวิญญาณในครั้งเดียว และชนะการประมูลไปอย่างราบรื่นของก็ถูกส่งมาถึงมือเย่ซิวอย่างรวดเร็วเขานำมันเก็บเข้าไปในธงหมื่นวิญญาณแล้วให้จิตวิญญาณนักรบทั้งสามที่อยู่ภายในช่วยรักษาบาดแผลให้แน่นอนว่าจอมมารโลหิตดู
แน่นอนว่าการค้างคืนด้วยกันนั้นไม่ได้ทำให้เย่ซิวเสียสมาธิอะไรหากพูดถึงความเย้ายวน ก็ไม่มีใครจะสู้เสวี่ยเหมยได้อยู่แล้วในตลาดมืดแห่งนี้มีขายเสื้อคลุมแบบเดียวกับที่เย่ซิวสวมอยู่เขาซื้อมาเพิ่มอีกสองชุดเก็บไว้หนึ่งชุด อีกชุดให้เสี่ยวโหรวสวมไม่งั้นสายตาโลมเลียจากรอบข้างจะมากเกินไปหน่อยจากนั้นเขาก็พาเสี่ยวโหรวเดินเล่นในตลาดมืดต่อจริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของอะไรเดินวนไปหนึ่งรอบก็ไม่เจอของอะไรที่ดูมีค่าเป็นพิเศษแบบที่ในนิยายบางเรื่องชอบเขียนว่าพระเอกเดินผ่านตลาดแป๊บเดียวก็เจอสมบัติล้ำค่าอะไรแบบนั้น เรื่องแบบนั้นไม่มีเกิดขึ้นที่นี่หรอกสุดท้ายเขาก็มาถึงอาคารจัดประมูลของตลาดมืดถึงจะเรียกว่าอาคาร แต่จริง ๆ ก็แค่โรงเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านทั่วไปนิดหน่อยเท่านั้นเองการเข้าไปข้างในต้องจ่ายค่าผ่านประตูคนละหนึ่งร้อยศิลาวิญญาณเย่ซิวจ่ายไปสองร้อยแล้วก็จับมือเสี่ยวโหรวเดินเข้าไปมือของเธอนุ่มมาก แถมยังเย็นนิด ๆ ชวนให้รู้สึกอยากจับไม่ปล่อยตอนเข้าไป ที่นั่งก็เหลือว่างอยู่ไม่มากแล้วคนอื่น ๆ แค่เหลือบมองเย่ซิวแล้วก็หันหน้ากลับไปทันทีเพราะที่นี่ ถ้าจ้องใครนานเกินไปจะถูก
“วันนี้บังเอิญมีงานประมูลจัดขึ้นพอดี หนึ่งในของประมูลสำคัญคือหุ่นเชิดโบราณตัวหนึ่งมีพลังระดับถอดจิต ถ้าคุณมีฝีมือก็ลองประมูลดูได้”เย่ซิวสะดุดใจขึ้นมาทันที พลังต่อสู้ของหุ่นเชิดระดับถอดจิตนั้นสูงมากถ้าได้มาจะช่วยยกระดับพลังโดยรวมของเขาได้มากทีเดียวเขาพยักหน้าแล้วก็ตรงเข้าสู่เขตตลาดมืดทันทีบรรยากาศภายในตลาดมืดดูไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไปผู้บำเพ็ญตนนั่งเรียงกันสองฝั่งข้างทาง หน้าแต่ละคนมีแผงเล็ก ๆ วางของขายหลากหลาย“แวะมาดูได้เลย ของดีราคาถูก รับประกันไม่มีโกง”“คัมภีร์ประจำตระกูลของแท้ ขอแลกกับหินธาตุไฟ”“หญิงแท้ ขอแลกแต่งงานกับร้อยศิลาวิญญาณ”……ของหลากหลายจนมองตามแทบไม่ทันเย่ซิวเดินผ่านแผงขายของทีละอันของบางอย่างเขาก็สนใจ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีประโยชน์กับเขามากนัก เลยไม่ได้ซื้ออะไรจู่ ๆ เขาก็หยุดที่แผงหนึ่งแผงนี้ไม่ได้มีของวางขายเหมือนแผงอื่น ๆ แต่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่แทนเธอสวมเสื้อผ้าบางเบา ร่างเล็กบอบบางแต่รูปร่างกลับพอดีสัดส่วน หน้าตาจัดว่าระดับแปดเต็มสิบที่เด่นที่สุดคือดวงตาสีฟ้าราวกับไพลินแค่เห็นแวบเดียวก็ยากจะละสายตามีคนจำนวนไม่น้อยหยุดมองที่แผงนี้
เย่ซิวเก็บร่างแยกทั้งห้าไว้ในจุดตันเถียนจากนั้นเขาก็ขังตัวเองบำเพ็ญตนในถ้ำอยู่อีกหลายวันเมื่อออกมาอีกครั้ง เขาก็ทยอยส่งมอบโอสถให้กับแต่ละคนตามที่สั่งไว้ แลกกับวัตถุดิบล้ำค่าหลายชิ้นหลังจากนั้นเย่ซิวก็ตรงไปหาจางเสี่ยวอวี๋ “ฉันอยากไปตลาดมืด เธอพอมีช่องทางไหม”ตลาดมืดนี่ เย่ซิวเคยได้ยินมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ในสำนักอวิ้นหลิงแล้วเขาว่ากันว่าสถานที่ตั้งลึกลับสุด ๆนอกจากคนในสำนัก ก็ยังมีผู้บำเพ็ญจากสำนักอื่น ๆ แอบเข้ามาทำการค้าด้วยเบื้องหลังตลาดมืดเหมือนจะมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลังอยู่หลายรายการซื้อขายข้างในถือว่าปลอดภัยมากมีของดี ๆ หลายอย่างที่โลกภายนอกหาไม่ได้แน่นอนว่าถ้ามีสมบัติติดตัวมากเกินไปแล้วโดนรู้เข้าตอนออกจากตลาดมืดอาจถูกตามฆ่าปิดปากหรือโดนปล้นก็ได้“ฉันรู้สิ สถานที่แบบนั้นต้องใช้ชุดพิเศษในการเข้าไปด้วย”จางเสี่ยวอวี๋พูดจบก็ดึงชุดคลุมสีดำออกมาจากแหวนผนึกของ“ในนั้นทุกคนต้องใส่ชุดนี้ ห้ามเปิดเผยตัวตน และต้องจ่ายค่าผ่านประตูสิบศิลาวิญญาณด้วยนะ”เย่ซิวรับเสื้อคลุมมาถือไว้แล้วจางเสี่ยวอวี๋ก็อธิบายเส้นทางไปตลาดมืดให้ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากสำนัก เป็นเมืองเล็ก ๆ แ
“อะไรนะ? แค่วันเดียวนายก็กลั่นสำเร็จจริงเหรอ?”ทันทีที่เห็นเย่ซิว เจ้าสำนักก็รีบถามขึ้นด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความคาดหวังเขาเองก็ไม่ได้เพิ่มพลังตัวเองมานานแล้วเหตุผลหลักก็เพราะไม่มีโอสถที่เหมาะสมพอให้ใช้โอสถระดับปฐมญาณนั้นหาได้ยากมากในตลาดต่อให้มีก็จะปรากฏแค่ในงานประมูลเท่านั้น และราคาก็มักจะพุ่งขึ้นสูงเทียมฟ้าเสมอแม้รั่วอวิ๋นจะสามารถกลั่นยาได้แต่เธอต้องลองห้าหกครั้งถึงจะสำเร็จสักครั้ง แถมแต่ละครั้งต้องใช้ต้นทุนมหาศาล“ผมไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวังครับ” เย่ซิวยื่นโอสถเก้าเม็ดที่ถูกเจือจางแล้วให้ ก่อนถอนหายใจหนึ่งที “ไม่คิดเลยว่าฝีมือกลั่นโอสถของผมจะแย่ขนาดนี้ ทั้งหมดออกมาเป็นแค่ระดับต่ำ”เจ้าสำนักมองโอสถระดับปฐมญาณในมือแล้วถึงกับตกใจ แม้เขาจะเป็นคนสุขุมมาก แต่ก็ยังเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมาแล้วก็หัวเราะลั่นด้วยความยินดี “ดี ดีมาก ๆ ฝีมือกลั่นโอสถของนายอาจจะแซงหน้าอาจารย์ของตัวเองไปแล้วก็ได้นะ”เย่ซิวยิ้มเก้อ ๆ “ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมยังพัฒนาอีกมาก เอ่อ…”จู่ ๆ สีหน้าเขาก็ซีดเผือด ร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้มเจ้าสำนักหรี่ตา “นายเป็นอะไรไป?”“ไม่เป็นไรครับ แค่เสียพลังมากเก
เย่ซิวเอ่ยรายชื่อวัตถุดิบออกมาติดต่อกันเป็นสิบ ๆ อย่างหนึ่งในนั้นก็คือวัตถุดิบชิ้นสุดท้ายสำหรับการหลอมร่างแยกธาตุดินเขามีแผนการบางอย่างในใจ และจำเป็นต้องสร้างร่างแยกธาตุทั้งห้าสำเร็จเสียก่อนถึงจะลงมือได้ดวงตาของเจ้าสำนักเปล่งประกายวาบ “ฉันมีหินดินธาตุดั้งเดิมอยู่ก็จริง แต่ของสิ่งนี้ล้ำค่ามาก เว้นเสียแต่นายจะสามารถกลั่นโอสถระดับปฐมญาณออกมาได้”เย่ซิวพยักหน้า เขารู้จักโอสถประเภทนี้ดี มันสามารถเพิ่มพลังระดับปฐมญาณได้แต่กระบวนการกลั่นซับซ้อนมาก แถมวัตถุดิบยังหาได้ยากสุด ๆแค่ต้นทุนวัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นก็เกินสิบล้านศิลาวิญญาณแล้วผู้บำเพ็ญสายอิสระทั่วไปไม่มีทางสู้ราคาไหวแน่“แล้วเจ้าสำนักอยากได้กี่เม็ด ถึงจะยอมแลกล่ะครับ”“นายกลั่นได้จริงเหรอ?” เจ้าสำนักมองเย่ซิวด้วยสีหน้าตกตะลึง ดวงตาฉายแววไม่เชื่อโอสถชนิดนี้ไม่เหมือนกับโอสถวิญญาณหยก ระดับความยากสูงกว่ากันหลายเท่าเย่ซิวไม่ได้รีบตอบในทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยว่า “ผมขอลองก่อน ยังไม่กล้ารับประกันว่าจะสำเร็จเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน เจ้าสำนักให้วัตถุดิบสำหรับหนึ่งเตากลั่นกับผมก่อนถ้ากลั่นไม่ได้ ผมยินดีจ่ายค่าต้นทุน