Home / โรแมนติก / ใครจะยอมให้คุณเป็นของคนอื่น / 2│ลูกเจี๊ยบในเมืองใหญ่ (4)

Share

2│ลูกเจี๊ยบในเมืองใหญ่ (4)

last update Last Updated: 2024-12-22 00:11:45

 “ถ้าพิทำแบบนั้นจะยอมให้เฮียเอาให้ตายเลยค่ะ”

 สิ้นประโยคของสมาชิกใหม่ หมอนอิงที่อยู่ใกล้มือหนาก็ถูกคว้ามาเคาะกะโหลกแข็งๆ ของผู้พูดจนสาวเจ้าเผลอหลับตาปี๋

 “น้อยๆ หน่อยแม่คุณ เป็นสาวเป็นนาง”

 คนตัวเล็กยกมือมาลูบศีรษะป้อย ๆ หาได้รู้สึกเจ็บแต่อย่างใดเพราะแรงที่วสุใช้นั้นน้อยนิดเหลือคณา

 “อะไรเล่า เฮียเป็นคนพูดก่อนด้วยซ้ำ”

 พอโดนย้อนเช่นนั้นชายหนุ่มก็ทำเพียงทิ้งหางตาไปที่ร่างระหง ก่อนยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงโดยที่ครั้งนี้ไม่มีใครรั้งไว้แต่อย่างใด เขาจึงแยกเข้าห้องนอนเพื่อจัดการธุระส่วนตัว

 ให้หลังเกือบยี่สิบนาทีวสุจึงเดินออกมาด้านนอก ชุดที่สวมใส่ยังคงเป็นชุดทำงาน เพียงแค่ปลดกระดุมเพื่อให้ผ่อนคลายขึ้น แขนเสื้อเชิ้ตถูกพับอยู่แถวข้อศอก มือข้างหนึ่งถือกระเป๋าสตางค์ไว้ สายตาถูกทิ้งไปที่โซฟากลางห้องที่มีร่างแน่งน้อยนั่งก้มหน้าก้มตาสนใจเครื่องมือสื่อสาร ทว่าเมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากเขา ใบหน้านวลก็ค่อยๆ ผินมาหา

 ริมฝีปากสีหวานเบนกว้างเป็นรอยยิ้ม “ออกมามีอะไรจะคุยกับพิเหรอคะ”

 เขามุ่นคิ้ว “นี่ห้องฉันด้วยซ้ำ”

 สาวเจ้าไหวไหล่ “ก็นึกว่าอยากคุยด้วย”

 “อย่าเพ้อเจ้อ”

 เขาเองก็ไม่อยากจะแยแสเพื่อนร่วมห้องนัก หลังค่อนขอดเสร็จจึงหมุนปลายเท้าไปทางหน้าห้อง แต่กลับถูกประชิดตัวด้วยความรวดเร็ว

 ความไวเป็นเรื่องของปีศาจหรือของพินรีกันแน่

 คนตัวใหญ่หยุดการก้าวเท้าไว้เท่านั้น “อะไรอีก”

 “เฮียจะไปไหนคะ”

 “ไม่เกี่ยวกับเธอ อีกอย่างเธอตกลงกับฉันแล้วว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องของกันและกัน”

 หล่อนยู่ปาก “เรื่องแค่นี้เอง”

 “แค่นี้หรือแค่ไหนไม่สำคัญ สำคัญคือสัญญาที่เราตกลงกันแล้ว”

 ก่อนมาที่นี่วลีย้ำกับเธอว่าตนส่งถึงได้แค่นี้ คือการสานฝันให้ได้มาอยู่กับวสุ แต่หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของเธอเองที่จะใช้วิชามารมัดใจเขาได้ ซึ่งการที่ทำตามกฎและอยู่ไปวันๆ มันจะมีประโยชน์อะไร พาตัวเองมาถึงขนาดนี้แล้วไม่ได้หวังแค่มาอยู่ใครอยู่มันกับเขาในห้องเดียวกันเสียหน่อย

 เธอหวังเป็นเจ้าสาวของเขาต่างหาก

 วสุเดินลิ่วๆ ไปหน้าห้อง พินรีก็เดินตามเหมือนเงา

 เขาไม่ไล่ เธอก็ไม่กลับ

 อันที่จริงเหมือนเขาจะไล่ทางสายตา แต่เธอไม่สะทกสะท้าน

 หลังแทรกตัวเข้ามาอยู่ในลิฟต์ก็พยายามไสหน้าตัวเองไปอยู่ใกล้ๆ เขา “สรุปเฮียจะไปไหนคะ”

 นัยน์ตาคมเข้มทอดมองคนถามด้วยความดุดัน ทั้งยังแสร้งปั้นเสียงขรึม “พาเด็กแถวนี้ไปปล่อยวัด”

 “พิเหรอคะ”

 ผู้เชี่ยวชาญประจำตัวสส. ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เลิกพูดออกอ่าวออกทะเลก่อนตอบตัดบท “จะไปหาอะไรกิน”

 เขาเปลี่ยนเรื่อง เธอก็ตามน้ำได้หมดไม่มีสะดุด “โอ๊ะ! พิหิวพอดีเลยค่ะ”

 “ขยับไปหน่อย ที่ว่างเยอะแยะ”

 พินรียอมถอยออกมาหนึ่งก้าว เธอรู้ว่าเวลาไหนควรถอยและเวลาไหนควรบุก ดันทุรังมากเกินไปวสุอาจจะรำคาญใจเอาได้

 หล่อนสงบปากสงบคำและทำเพียงลอบมองเสี้ยวหน้าคมคายของชายอันเป็นที่รัก อมยิ้มอย่างอิ่มเอมใจโดยไม่ต้องมีคำพูดใด เพราะเท่านี้ก็เกินที่วาดฝันไว้แล้ว เดิมทีพินรีหมดหวังไปแล้วด้วยซ้ำ เธอคิดไม่ออกจริงๆ ว่าจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในโลกของวสุได้อย่างไร

 แต่ตอนนี้เขาอยู่ใกล้ๆ เธอ

 ใกล้แค่นี้เอง...

 ใกล้จนใจเต้นแรง

 กว่าลิฟต์จากชั้นสี่สิบจะลงมาชั้นหนึ่งมันจึงต้องใช้เวลาพอประมาณ ไหนยังมีผู้อาศัยท่านอื่นเข้ามาใช้บริการด้วย พินรีขยับตัวไปทางพี่ชายเพื่อน โดยที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ถดกายหนีด้วยมีพื้นที่จำกัด เสื้อผ้าเสียดสีกันอย่างมิอาจหลบเลี่ยงได้ พาใจดวงน้อยเต้นระส่ำทั้งยังอมยิ้มจนแก้มนวลพองฟู

 หล่อนชำเลืองไปทางชายหนุ่มข้างกายที่ก็หลุบสายตามามองพอดิบพอดี นัยน์ตาดำขลับไร้คลื่นอารมณ์ใด ต่างกับแววตาสุกใสของพินรีที่ทอประกายความสุขสมใจจนเกรงว่าความอิ่มเอมจะล้นทะลักออกมาจากสองตา ริมฝีปากสีระเรื่อถูกเม้มเพื่อกลั้นยิ้ม ก่อนผินหน้าหนีสายตาคมกริบที่ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อใจ

 เธอคงชอบวสุมากเกินไป ต่อให้เขามองเหมือนหน่ายใจหรืออะไรก็ตาม พินรีก็ขอแค่ได้อยู่ในสายของชายอันเป็นที่รัก เทียบกับเมื่อก่อนที่ไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิด แบบนี้ดีกว่าเป็นไหนๆ

 ให้หลังไม่นานนักลิฟต์ก็มาถึงชั้นหนึ่ง ผู้คนทยอยเดินออกเพื่อให้คนใหม่ได้เข้าไปด้านใน

 “ไปร้านไหนเหรอคะ”

 สาวน้อยจากปราจีนบุรีเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าพี่ชายเพื่อนมุ่งหน้าไปนอกอาคาร โดยที่เธอต้องสับเท้าให้ไวขึ้นด้วยช่วงขาสั้นกว่าวสุพอสมควร

 ชายหนุ่มไม่ตอบแต่สืบเท้าเดินไปเรื่อยๆ ขายาวก้าวอาดๆ ไปด้านหน้าอย่างไม่คิดจะรอเพื่อนร่วมห้อง แต่พินรีก็ตามทันอยู่ดี

 “เฮีย กินร้านไหนคะ”

 วสุยังคงเงียบ กระทั่งเดินมาถึงหน้าร้านสะดวกซื้อถึงได้เข้าใจทุกอย่าง ทั้งสองเข้าไปด้านในโดยที่ฝ่ายชายหยุดอยู่แถวประตูแล้วคว้าตะกร้ามาหนึ่งใบ พินรีก็ทำตามเหมือน Copycat ที่ไม่ว่าคนตัวใหญ่จะทำอะไร เธอก็ลอกเลียนแบบทุกอย่าง เขาเดินไปโซนไหนเธอก็เดินตาม เขาหยุดเธอก็หยุด

 “อันนี้อร่อยค่ะ พิเคยกิน” ไม่ว่าเปล่า ยังหยิบขนมปังกลิ่นนมฮอกไกโดลงตะกร้าตัวเองแล้วหันไปพยักหน้าถี่รัวให้คนตัวโต “อร่อยจริงๆ นะคะ มีน้อยด้วย ของแรร์สุดๆ”

 ขนมปังถุงสีฟ้าถูกโยนลงไปในตะกร้าตามคำเชียร์ของพินรี ที่พอเห็นว่าเขายอมซื้อของตามตนก็ฉีกยิ้มกว้าง

 คนตัวเล็กชวนคุยระหว่างเดินดูของ “พิเปิดตู้เย็นดูแต่ไม่มีอะไรเลย ปกติเฮียไม่ทำกับข้าวเองเหรอคะ”

 “ยุ่งยาก” ว่าพลางก้าวเดินไปหยุดอยู่ยังโซนข้าวกล่องและสารพัดอาหารกึ่งสำเร็จรูป ที่แค่โยนใส่ไมโครเวฟก็อิ่มท้อง เขาชอบความสะดวกแบบนี้มากกว่าการพิถีพิถันจัดเตรียมวัตถุดิบ ลงมือทำ ไหนยังต้องเก็บกวาดเช็ดถูหลังทำเสร็จอีก

 “แต่พิทำเป็น ทำอร่อยด้วย ให้พิรับผิดชอบส่วนนี้นะคะ เฮียจะได้ไม่ต้องกินของเวฟ โซเดียมมันเยอะนะ”

 “ฉันชอบโซเดียม”

 หล่อนยิ้มแหย “ถึงว่า”

 ชายหนุ่มชะงักมือที่เอื้อมไปคว้าอาหารไว้กลางอากาศแล้วหันไปหรี่ตาแคบใส่คู่สนทนา “อะไร”

 “เปล่าค่ะ” ก่อนเสเปลี่ยนเรื่อง “งั้นพิกินด้วย พิก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็น”

 อันที่จริงแล้วพินรีก็หาใช่พวกรักสุขภาพ แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นนักทำลาย ปกติแล้วเธอทานข้าวที่บ้านโดยที่เป็นฝ่ายจัดการเรื่องอาหารการกินให้ครอบครัว เพราะพ่อและแม่ง่วนอยู่กับการขายของทั้งวัน ขายเสร็จก็ใช่ว่าพักได้ ยังต้องเตรียมของสำหรับขายในวันพรุ่งนี้เช้า พ่อแม่เธอตื่นตั้งแต่ตีสี่ครึ่งเพื่อมาเตรียมของจะได้ขายทันช่วงเช้า ตกเย็นก็ขายซาลาเปาขนมจีบกว่าจะทำทุกอย่างเสร็จสรรพก็มืดค่ำดึกดื่น อะไรที่พอจะช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ได้ พินรีก็อยากทำ

 การที่เธอมาอยู่ที่นี่ก็ได้แต่หวังว่าพ่อแม่จะไม่เหนื่อยจนเกินไป แต่จะทำอย่างไรได้ ภารกิจจีบเฮียสี่ก็สำคัญ

 คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยหล่อนก็นิ่งงันไปจนวสุยังผิดสังเกต เขาว่า “เป็นอะไรอีกล่ะ”

 “เฮีย พิลืมหยิบกระเป๋าตังมาค่ะ”

 เพราะทันทีที่วสุเดินออกมาจากห้อง พินรีก็ปรี่เข้าหาจนไม่ได้หยิบอะไรติดมือมาสักอย่าง ทั้งกระเป๋าสตางค์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ทั้งมือถือที่ตอบแชตลูกค้าอยู่ เธอทิ้งหมด

 ชายหนุ่มหรี่ตาแคบ “ฉันเกลียดมุกนี้จริงๆ กลับไปเอา”

 สาวเจ้าย่นหัวคิ้วเข้าหากันอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “ต้องให้พิกลับขึ้นไปที่ห้องน่ะเหรอคะ” เจ้าของร่างกำยำเพียงแค่พยักหน้ารับอย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆ “แต่มันชั้นสี่สิบนะ”

 “ไปเอามา”

 “ออกให้พิก่อนได้ไหม เดี๋ยวกลับห้องแล้วพิคืนเลย ไม่บิดหรอกค่ะ”

 ใบหน้าคมคายส่ายไปมาเพื่อปฏิเสธ ก่อนติเตียน “เดี๋ยวเธอจะย่ามใจ ไม่รอบคอบ”

 “เฮียอย่าใจร้ายกับพินักสิ เรื่องแค่นี้เอง ไหนก่อนหน้านี้เฮียยังถามพิว่ามีเงินใช้หรือเปล่า ถ้าไม่มีจะให้ยืม นี่ไงคะ พิขอยืม”

 วสุกล่าวเสียงแข็ง “คนละกรณีกัน กลับไปเอามา เดี๋ยวรอ”

 “โธ่เฮีย ยืมนี่ก็ไม่ใช่จะยืมเยอะยืมนาน กลับห้องก็จ่ายให้แล้ว”

 “งั้นก็กลับห้องแล้วไปเอามาจ่ายเองเลยสิ ไป อย่าลีลา”

 พินรีกระแทกลมหายใจใส่ชายตัวโตแล้ววางตะกร้าของตัวเองลงใกล้ๆ กับเขา ก่อนหมุนตัวเดินออกจากร้านสะดวกซื้อเพื่อกลับไปยังตึกสูงระฟ้าด้วยสีหน้าบึ้งตึง

 วลีเคยเตือนแล้วว่าวสุเป็นพวกหน้าเลือด แต่ก็ไม่คิดว่าจะอาการหนักขนาดนี้ ออกให้เธอก่อนก็ไม่ทำให้เขาขาดสภาพคล่องทางการเงินแต่อย่างใด ที่หยิบๆ ไปมันจะสักเท่าไรเชียว ถึงสองร้อยหรือเปล่าก็มิอาจทราบ แต่เงินแค่นี้เขากลับออกให้ก่อนไม่ได้ เธอก็ใช่ว่าจะไม่คืนเสียหน่อย

 สงสัยพี่ชายยายรี่กินเป็นแต่โซเดียมถึงได้เค็มยิ่งกว่าเกลือ ได้เป็นเมียเมื่อไรจะเอาคืนร้อยเท่าพันทวีเลยคอยดู!

♡⃛ ──────── ♡⃛

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ใครจะยอมให้คุณเป็นของคนอื่น   4│ลูกเจี๊ยบเดินเกม (3)

    “มาทำงานกับหนูไหมคะ” คำเชื้อเชิญของเด็กสาวเจ้าของ Aroma & Sound ส่งผลให้พินรีนิ่งงันไปหลายวินาที เธอยังคงสับสนกับสถานะของคนทั้งสองว่าจริงๆ แล้วมันมีความเป็นมาเช่นไร เหตุใดวสุต้องบอกว่าเป็นลูกสาว ทั้งที่ดูอย่างไรก็ไม่ใช่พ่อลูก ตัวอิสรีเองก็เรียกชายหนุ่มว่าพี่ หรือเขาแค่หยอกให้เธอใจฝ่อจนอยากยอมแพ้ในการจีบ ต่อให้มีลูกแล้วก็จะจีบเถอะ ถ้ายังยืนยันว่าโสดไม่มีเมียน่ะ พิคนนี้ดับเครื่องชนหมด! เท่าที่สังเกตดูเหมือนอิสรีจะเป็นคนที่วสุเอ็นดูมากพอสมควร ดูได้จากตอบโต้บทสนทนา สายตาที่ใช้มอง ทั้งยังยิ้มให้อย่างอบอุ่น ยิ้มแบบที่เธอก็เคยได้รับตอนยังเป็นเด็กๆ แต่หลังจากทำตัวเป็นกบฏก็ไม่เคยเห็นมันอีกเลย วสุเริ่มเหินห่างไปเรื่อยๆ จนเธอเข้าใจไปว่าเขาเป็นคนยิ้มยาก แต่เขาแค่ไม่มีมันให้เธอเท่านั้น กับคนอื่นก็ยังได้รับเป็นปกติ ความเฉยชาของพี่ชายเพื่อนถูกสงวนไว้ใช้แค่กับเธอคนเดียว ด้วยประการทั้งปวง เธอควรตกลงหากอยากอยู่ใกล้ชิดกับวสุ พินรีต้องการทีมสนับสนุนจำนวนมากเพราะกำแพงน้ำแข็งนั้นทำลายยากจนอาจจะเกินกำลังจะสู้เพียงลำพัง “ทำเกี่ยวกับเทียนหอมอย่างเดียวเลยเหรอคะ” “ค่ะ ทำเทียนหอมขาย” เจ้าของร้านวัยแรกรุ่

  • ใครจะยอมให้คุณเป็นของคนอื่น   4│ลูกเจี๊ยบเดินเกม (2)

    พินรีจมกับความคิดของตัวเองอยู่นาน กระทั่งรถแล่นเข้ามายังบ้านหลังใหญ่ที่สามารถดึงความสนใจของหล่อนจากการครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรให้จีบคนอย่างวสุติดภายในหนึ่งเดือน เพื่อหันมาสอดส่องสายตามองดูบ้านหลังงามด้วยความตื่นเต้น ก่อนดึงสายตาไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย “เฮียมารับใครในที่แบบนี้เหรอคะ” “ลูกสาว” ดวงตาสีน้ำตาลเบิกโตด้วยความตกใจ หล่อนอ้าปากพะงาบๆ คล้ายมีสิ่งที่อยากเอ่ยทว่าไม่มีเสียงที่จะเล็ดลอดออกไป กระทั่งรถจอดลงยังส่วนของหน้าบ้าน พินรีถึงได้หาเสียงของตัวเองเจอ “เฮียมีลูกเหรอคะ” คนขี้แกล้งเพียงยิ้มน้อยๆ แต่ไม่ยอมตอบให้กระจ่าง จากนั้นก็เปิดประตูลงไปโดยที่หนนี้ผู้โดยสารไม่ได้ตามลงไปด้วย เธอยังประมวลข้อมูลที่ได้รับมาไม่ครบถ้วนจึงยังอยู่ในสภาพจังงัง เป็นไปได้หรือที่วสุจะมีลูกมีเมียแล้ว ล้อกันเล่นแน่ๆ หากนั่นคือเรื่องจริงคนในครอบครัวย่อมรู้ และวลีก็ต้องรู้ ซึ่งถ้าแม่นั่นรู้มีหรือที่จะไม่บอกเธอ ไหนยังส่งเธอมาอยู่กับพี่ชายตัวเองอีก แต่กรณีที่เขาแอบไข่ทิ้งไว้แล้วไม่บอกใครเลยก็....ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ ครู่สั้นๆ ก็มีกลุ่มคนเดินออกมาจากบ้านหลังงาม เป็นหญิงวัยกลางคนท่าทางแลดูภูมิฐา

  • ใครจะยอมให้คุณเป็นของคนอื่น   4│ลูกเจี๊ยบเดินเกม (1)

    บทที่ 4ลูกเจี๊ยบเดินเกม... หนุ่มสาวจากชั้นสี่สิบพากันมายังส่วนของลานจอดรถ หลังก่อสงครามประสาทกันอยู่พักใหญ่เพราะเจ้าของห้องไม่ปรารถนาจะให้มีป้ายบาดตาอยู่บนประตู แต่คนทำกลับยืนกรานที่จะติดมันไว้ ลูกดื้อของพินรีนั้นมีเหลือล้น และวสุก็ป่วยการจะเอาชนะ จึงปล่อยให้พวกมือบอนทำตามใจตัวเอง เมื่อมาถึงเอสยูวีที่ชายหนุ่มเป็นเจ้าของ เขาไม่รอช้าที่จะสอดกายเข้าไปด้านในโดยมีคนตัวเล็กตามขึ้นมานั่งที่เบาะข้างคนขับ นัยน์ตาคู่คมถูกทิ้งไปที่ร่างแน่งน้อย เอ่ยเสียงเรียบ “ไปนั่งข้างหลัง” “คะ?” “เดี๋ยวมีคนมานั่งตรงนี้ เธอไปนั่งข้างหลัง” พินรียังคงไม่ขยับเขยื้อนไปตามประโยคแกมสั่งของเขา แต่เลือกที่จะนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมเปิดปากถามในสิ่งที่ตนสงสัย “เราไม่ได้จะไปกันแค่สองคนเหรอคะ” “ตอนแรกจะไปแค่สองคน แต่เธอขอมาด้วยเลยเป็นสาม” หญิงสาวเอียงคอมอง “หมายถึงพิเป็นคนที่สามน่ะเหรอ” เขาแกล้งกระทบกระเทียบ “ฉลาดนี่” ทว่าพินรีไม่หยิบมาใส่ใจ แต่ยิงคำถามไปอีกหน “แล้วคนที่สองคือใครคะ” “ไปนั่งข้างหลังเดี๋ยวก็รู้เอง” “ผู้หญิงผู้ชาย?” บางทีอาจจะเป็นหนึ่งในพลพรรคของเขาก็เป็นได้ ใครสักคนบนชั้นสี่สิบที่เธอยังไม่ค่อยรู

  • ใครจะยอมให้คุณเป็นของคนอื่น   3│ลูกเจี๊ยบไม่เด็กแล้ว (4)

    ไก่เน่าท่านหนึ่งนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในเอสยูวีสัญชาติญี่ปุ่นเมื่อนึกถึงสิ่งที่เจ้าชายน้ำแข็งเพิ่งทำลงไป พินรีไม่ได้หวังว่าวสุจะใจดี ด้วยที่ผ่านมาเขาก็ทำตัวอย่างกับยักษ์กับมารใส่เธอตลอด แต่อีกฝ่ายกลับทำอย่างที่ลั่นวาจาไว้ด้วยการบอกให้สดายุที่รับหน้าที่ดูแลอัปสราอยู่ที่ชาเฮาส์มารับเธอกลับคอนโดฯ เพราะเจ้าตัวไปต่างจังหวัดกับเจ้านาย ผู้ช่วยสส. ที่ถูกโยกย้ายมาดูแลคนท้องชำเลืองมองสาวน้อยข้างกายพร้อมรอยยิ้มบางๆ บนดวงหน้าคม พินรีก็เหมือนน้องสาวเขาอีกคน “พออยู่ได้ไหม” เจ้าหล่อนผินหน้าไปทางชายหนุ่มที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย พยักหน้าติดกันหลายหน “อยู่ได้ค่ะ สบายมาก” สารถียกยิ้มแต่ก็นึกเห็นใจคนที่ตนมองเป็นน้องสาวไม่ได้ “อยู่กับเฮียสี่ต้องทำใจหน่อยนะพิ” “...คะ?” “มันหน้าเลือด ไหนยังเค็มยิ่งกว่าเกลือ” ได้รับคำตอบเช่นนั้นเสียงหัวเราะก็ถูกพ่นออกมาจากปากสีหวาน “ไม่เท่าไรค่ะ พิไหว” เขาถอนหายใจพรืด “เฮียขอเอาใจช่วยเราแล้วกัน มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาได้ตลอดนะ” “ค่ะ” เรื่องพฤติกรรมการใช้เงินของวสุไม่ใช่ปัญหา หากมองอย่างเป็นกลางเขาย่อมทำถูกทุกอย่าง คนอยู่ด้วยกันก็ต้องช่วยแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน ค่าน

  • ใครจะยอมให้คุณเป็นของคนอื่น   3│ลูกเจี๊ยบไม่เด็กแล้ว (3)

    พื้นฐานแล้วพินรีไม่ใช่คนตื่นสาย อาจจะไม่ได้ตื่นเช้าเท่าพ่อและแม่ที่ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเพื่อเตรียมตัวเปิดร้านน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ให้ทันคนไปทำงานตอนเช้า ผนวกกับต่างที่จึงทำให้รู้สึกตัวตั้งแต่หกโมงครึ่ง ห้องของเธอไม่มีห้องน้ำในตัว ต่างจากห้องของวสุ พินรีลุกจากเตียง เก็บที่นอนให้เรียบร้อยแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็กมาพาดบ่า ก้าวเดินออกไปยังพื้นที่ส่วนกลางด้วยสภาพผมฟู หน้ายังไม่ได้ล้าง แลดูมอมแมมสมเป็นไก่เน่า ทว่าเมื่อพาตัวเองออกมาจากห้องนอนกลับพบใครบางคนนั่งอยู่ที่โซฟาพร้อมแก้วกาแฟที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นไปทั่วบริเวณ ชายร่างสูงทิ้งสายตาไว้ที่หน้าจอสี่เหลี่ยมในมือ แต่เสียงเปิดประตูของเพื่อนร่วมห้องก็เรียกสายตาให้ชำเลืองไปมอง พินรียืนผมฟูฉีกยิ้มให้เขาก่อนเปล่งเสียงหวานให้ลอยมาตามลม “ตื่นเช้าจังเลยค่ะ” “มีงานมีการต้องทำ” “ชอบจังคนตื่นเช้า” เจ้าของห้องปั้นหน้าตึง “ปกติไม่ได้ตื่นเช้าเท่าไร” “ตื่นสายก็ชอบค่ะ” คนตัวใหญ่อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “ถ้ายังลามปามมาเล่นหัวฉันไม่เลิก ฉันจะไม่ให้อยู่ด้วยจริงๆ นะพิ” หล่อนไหวไหล่แล้วมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำ วสุดึงสายตากลับมาที่เดิม เขายังคงไม่ชินที่มีคนมา

  • ใครจะยอมให้คุณเป็นของคนอื่น   3│ลูกเจี๊ยบไม่เด็กแล้ว (2)

    ฟังก์ชันบล็อกผลิตมาเพื่อปิดการมองเห็นคนที่ไม่อยากเห็นและไม่อยากให้เห็นความเคลื่อนไหวใดๆ เขาถึงได้บล็อกพินรีไป เพราะเกรงว่าเธอจะทำตัวยุ่มย่าม อาทิ แสดงความคิดเห็นเชิงลบต่อความรู้สึกของเขา การไม่เห็นเธอในแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นทางออกที่ดีที่สุด ชายหนุ่มระบายลมหายใจอย่างคิดไม่ตก “ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนกับเธอในนั้นนะ” “โอเค เฮียจ๋าว่าไงพิก็ว่างั้นค่ะ ไม่ตื้อ” หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “อย่าเรียกแบบนี้” “ปลดบล็อก” “พิ” คนตัวเล็กทำตาแป๋ว “จ๋า” มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก่อนหยิบสมาร์ตโฟนออกมา แตะไปที่เฟซบุ๊กเพื่อทำการปลดบล็อก ‘พิ เป็นไก่เน่าทุกทีเยย’ เสร็จสรรพแล้วจึงยัดมือถือกลับเข้าที่เดิม “ถ้าเธอเรียกแบบนี้อีกฉันจะบล็อกอีกครั้ง” หล่อนพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “รับแอดหน่อยค่ะ” “ไม่” วสุปฏิเสธเสียงแข็งกับพวกได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา เป็นเหตุให้พินรีทำหน้าหงอย ซึ่งเขาก็หาได้นึกสงสารแต่อย่างใด เด็กพรรค์นี้หากตามใจก็มีแต่จะยิ่งเรียกร้อง อนาคตหากยังต้องอยู่ร่วมกันเขาจะลำบากเอาได้ “งั้นเรียกเฮียจ๋า” “เชิญ แต่บล็อก” ว่าจบก็หันมาสนใจข้าวและหน้าจอทีวี ไม่คิดจะง้องอนคนตัวเล็กที่ปั้นหน้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status