LOGIN“เมื่อความจริงเปลี่ยนชีวิตให้พลิกผัน ดาริน หญิงสาวจากต่างจังหวัดที่เพิ่งสูญเสียแม่ ได้พบว่าเธอคือทายาทตระกูลดัง และมีพี่สาวฝาแฝดชื่อไอด้า คุณหนูสุดมั่นที่ใช้ชีวิตหรูหราและมีบริษัทเป็นของตัวเอง แต่เมื่อไอด้าประสบอุบัติเหตุอาการสาหัส ดารินจำต้องสวมรอยเป็นพี่สาวโดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว นั่นคือการก้าวเข้าสู่วังวนแห่งความลับและการแก้แค้นที่มีผู้คนรอทวงคืนจากพี่สาวเธอ ชีวิตที่เธอคิดว่าคือโชคดี กลับอาจเป็นจุดเริ่มต้นของบททดสอบที่เธอไม่เคยคาดคิด”
View More“ฮึก..ฮือ”
เสียงสะอื้นสะท้อนดังก้องหน้าศาลาเผาศพ ร่างบอบบางของดารินสั่นระริก ขณะมองโลงศพที่บรรจุร่างผู้เป็นแม่ถูกเคลื่อนเข้าไปในเตาเผา น้ำตาไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย “ฮึก…คุณแม่คะ อย่าทิ้งดารินไปนะคะ หนูจะอยู่ได้ยังไง…” หญิงสาวพร่ำเพ้อขณะมองมือหยาบกร้านที่เคยใช้ทำงานหนักหาเงินรักษาแม่ที่ป่วยด้วยมะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย มันเป็นเวลาสี่ปีที่เธอเสียสละทุกอย่าง แม้กระทั่งบอกแม่ว่าเธอกำลังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย แต่ความจริงแล้วเธอทำงานเพื่อหาเงินมารักษาแม่ ทว่าความพยายามนั้นกลับสูญเปล่า เมื่อแม่จากไปโดยไม่มีโอกาสได้เห็นดารินอีก “ดารินจ้ะ แม่ไปสบายแล้วนะลูก ทำใจนะ” เสียงนุ่มของยายสา เพื่อนบ้านที่คอยดูแลเธออยู่เสมอ พูดปลอบโยนก่อนจะโอบกอดคนตัวเล็กไว้แน่น เมื่อเห็นเธอพยายามจะวิ่งไปหาโลงศพ “ยายคะ…ทำไมแม่ถึงทิ้งหนูไป” ดารินคร่ำครวญทั้งน้ำตา ความรักที่เธอมีต่อแม่เต็มหัวใจ แต่ผู้เป็นแม่กลับดูเหมือนจะไม่เคยรักเธออย่างแท้จริง “ไม่มีแม่คนไหนไม่รักลูกหรอกลูก แม่เอ็งหมดกรรมแล้ว เอ็งมาอยู่กับยายก็ได้นะ” ยายสาสวมกอดเธอปลอบโยนด้วยความรัก ดวงตาขุ่นมองหญิงสาวที่เหมือนลูกของตนเองตั้งแต่เล็ก ดารินสะอื้นหนักขึ้นจนหมดแรงล้มลงกับพื้น ยายสาได้แต่เรียกขุน หลานชายที่มาช่วยประคองเธอไปพักที่ศาลา เช้าวันถัดมา เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่น หมู่บ้านชนบทสงบเงียบต้องสะเทือนด้วยรถซีดานหรูสีบรอนซ์เงินที่จอดหน้าบ้านยายสา ชายใส่สูทสีดำสองคนลงจากรถ มองหาบ้านเลขที่ 36 อย่างแน่วแน่ “ที่นี่มีคนชื่อดารินไหม” ชายในชุดดำเอ่ยถามขุน ที่กำลังรดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้าน “มี แต่เธอกำลังพักอยู่ มีธุระอะไรกับเธอ” ขุนตอบด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง จับตามองชายแปลกหน้าอย่างระแวง “พวกผมมารับคุณหนูกลับไปยังตระกูลไพศาลครับ” ชายในชุดดำอธิบาย ขุนมองชายตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ “คุณหนู?” เขาทวนคำอย่างไม่เข้าใจ ตั้งแต่เด็กดารินอยู่ที่นี่ ไม่เคยรู้ว่าเธอมีฐานะร่ำรวย ชายชุดดำพยักหน้ารับ “ครับ คุณหนูดาริน อยู่ไหนครับ” ขุนขอตัวไปบอกยายสา เมื่อยายได้ยินจึงให้ชายทั้งสองเข้ามานั่งในบ้านเพราะสัมผัสได้ว่าชายแปลกหน้าทั้งสองมีความจริงใจ ไม่นานนัก ดาริน ขุน และยายสานั่งล้อมวงอยู่ที่เก้าอี้ไม้รับแขกตรงกลางบ้าน ฝั่งตรงข้ามคือชายในชุดสูทสองคนที่มองดารินด้วยสายตาจริงจัง “เอ็งจะตัดสินใจยังไงดารินเอ้ย” ยายสาร้องถามเสียงสั่น เมื่อลูกสาวของเธอได้ยินความจริงจากชายชุดดำว่าผู้หญิงที่เพิ่งเสียไปไม่ใช่แม่แท้ ๆ แต่เป็นเมียลับของหัวหน้าตระกูลไพศาลที่สลับตัวเธอไว้ตั้งแต่แรกเกิด ดารินนั่งนิ่งด้วยหัวใจที่แตกสลาย แม่แท้ ๆ ที่เธอไม่เคยรู้จักคือคุณหญิงของตระกูลไพศาล หญิงผู้เป็นภรรยาหลวงที่ถูกสลับลูกโดยไม่รู้ตัว เธอเคยสงสัยเสมอว่าทำไมผู้เป็นแม่ถึงมองเธอเหมือนเป็นคนอื่น และในวันนี้คำตอบนั้นชัดเจนเหลือเกิน น้ำตาที่แห้งเหือดไปแล้วกลับไหลออกมาอีกครั้ง ความเจ็บปวดจากการรู้ความจริงทำให้เธอปวดร้าวเกินกว่าจะทน “ดารินเอ้ย ยายก็อยากให้เอ็งกลับไปนะลูก อยู่กับยายมันลำบาก แต่ที่บ้านนั้นจะให้เอ็งมีชีวิตที่ดีขึ้น” ยายสากุมมือดารินไว้เบา ๆ ชายชุดดำพูดโน้มน้าว “คุณหนูไปกับพวกเราเถอะครับ คุณพ่อคุณแม่รอพบหน้าอยู่” ดารินช้อนตามองใบหน้าคุณยายและขุน หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความลังเล ความรู้สึกอยากมีครอบครัวสักครั้งในชีวิตรุนแรงเหลือเกิน เธอโหยหาความรักจากพ่อแม่มาทั้งชีวิต หากที่นั่นมีคนที่รอเธออยู่จริง บางทีเธออาจจะได้พบความรักที่เธอฝันถึง1 เดือนผ่านไปตึก ตึก !เสียงเท้าเล็กที่ใส่รองเท้าส้นสูงสีแดงสูงขนาด 3 นิ้ว ก้าวเดินมาเป็นจังหวะเนิบตามเดินตามข้างถนน วันนี้เป็นวันที่เธอเหนื่อยมาก เนื่องจากการประชุมที่บริษัท เธอทำออกมาด้ไม่ดีพอ แถมยังต้องโดนผู้เป็นมารดาต่อว่ากลับมาอีก ดารินใช้ชีวิตเป็นไอด้ามาได้ 1 เดือนเต็ม ไม่เคยมีวันไหนที่เธอได้ใช้ชีวิตเป็นตัวเอง ตั้งแต่ที่คนตัวเล็กก้าวขาเข้ามาในบ้านตระกูลไพศาลสกุลรัตน์ ความอึดอึดมันเริ่มถาโถมเข้ามาในชีวิตของเธออย่างไม่จบไม่สิ้น และดูเหมือนว่าวันนี้มันเลยขีดจำกัดของดารินแล้ว ดังนั้นหญิงสาวจึงเดินออกมาจากบริษัทของไอด้า ด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งทว่าในใจรู้สึกเศร้าจนถึงขีดสุด เธอเดินมาเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จุดหมายปลายทางเดินมาตลอดเป็นเวลาหลายชั่วโมง โดยไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว บรรยากาศโดยรอบแสงสว่างเริ่มเลือนหายไป ความมืดได้เริ่มคืบคลานเข้ามา จนกระทั่งฝนเริ่มลงเม็ดปรอย ๆ จากนั้นตกแรงขึ้นเรื่อย ๆซ่าส์ ซ่าส์ !เสียงฝนกระทบกับพื้นดิน เม็ดฝนใหญ่ ๆ สัมผัสกับใบหน้าเนียน นั่นทำให้ดารินเงยใบหน้าขึ้นมา สายตาเรียวกวาดมองไปรอบ ๆ พบว่าตัวเองเดินมาไกลจนไม่พบบ้านคนสักหลัง พื้นที่รอบ ๆ
ในห้องรับแขกของตระกูลไพศาลสกุลรัตน์ หลังจากที่คุณหญิงและไอรินออกไปแล้ว ดารินนั่งเงียบก้มหน้า ก่อนจะค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นและถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้เธอจะไม่เข้าใจว่าทำไมตั้งแต่วันแรกผู้เป็นแม่จึงดูเย็นชาและห่างเหินกับเธอเช่นนี้ ท่าทีของมารดาเหมือนละครหลังข่าวที่แม่เลี้ยงมักตั้งแง่ใส่ลูกเลี้ยง“คุณดารินคะ เดี๋ยวไปที่ห้องของคุณไอด้าเลยค่ะ” ทิพย์ เลขาส่วนตัวของบ้าน พูดขึ้น พร้อมส่งสัญญาณให้เจ้หยาดกับลูกน้องตามไปด้วย “ทำไมต้องไปที่ห้องของพี่ไอด้าด้วยล่ะคะ” ดารินถามด้วยความสงสัย เธอไม่อยากจะบุกรุกห้องของคนอื่น “นับจากนี้ ทิพย์จะเรียกคุณดารินว่า ‘คุณไอด้า’ นะคะ เพื่อให้คุณซึมซับความเป็นคุณไอด้าได้เร็วที่สุด คุณต้องเข้าไปอยู่ในห้องและดูวิถีชีวิตของเจ้าของห้อง จะได้ไม่มีข้อผิดพลาด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวกับชื่อเสียงของตระกูลค่ะ”ดารินพยักหน้าเบา ๆ “ค่ะ เรียกได้เลย เพราะชีวิตฉันไม่เคยเป็นของตัวเองอยู่แล้ว” เธอตัดพ้อ ก่อนก้าวเท้าไปยังห้องนอนของพี่สาว เมื่อมาถึงห้องสุดหรูของไอด้า ห้องตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์นำเข้า โทนสีเข้ม เฟอร์นิเจอร์เป็นระเบียบ เตียงคิงส์ไซส์ตั้งอยู่ใกล้หน้าต่าง ห้องกว้
กริ้ง!เสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้งที่ประตูบ้านหรูหราสไตล์คลาสสิก หน้าบ้านมีเหล่าสาวประเภทสองที่รูปร่างกำยำแต่ใจเป็นหญิงสองคน และลูกน้องสาวอีกหกคนยืนเรียงกันเป็นแถว สีหน้าบ่งบอกถึงความตื่นเต้นและสงสัยในงานที่ได้รับ“เจ้ เรามาแต่งให้ใครกันเนี่ย ขนกันมาเยอะขนาดนี้ จ้างแต่งหน้ากี่คนกันนะ” เจน ลูกน้องคนสนิทของเจ้หยาดเอ่ยขึ้นเสียงเบา ดวงตาเป็นประกาย ตื่นเต้นเมื่อคิดถึงค่าจ้างที่ได้รับ ซึ่งมากกว่าทำงานทั้งเดือนเสียอีก “จุ๊ ๆ ฟังนะพวกเธอ ห้ามแพร่งพรายอะไรไปเด็ดขาด งานนี้มันความลับของตระกูลเขา ถ้าพูดมากระวังตายไม่มีศพนะ” เจ้หยาดบอกอย่างจริงจัง น้ำเสียงนิ่ง แต่ทว่ามีประกายความขบขันในแววตา แอบปรายตาไปทางลูลู่ เพื่อนซี้หุ้นส่วนร้านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “เอ้า! อีเจ้นี่หมายความว่าไง ว่าฉันปากหมางั้นเหรอ!!! แหม ยุ่งหน่อยก็ตายไม่มีศพเหมือนกันทั้งนั้นแหละ” ลูลู่รีบตอบพลางจีบปากจีบคอ หันมองเพื่อนรักแบบประชดประชัน “อ้าวอีลูลู่!”“ว่าไงล่ะ อีเจ้!”สองสาวประเภทสองเริ่มโต้เถียงกันเสียงดังอย่างที่ทำให้ลูกน้องพากันถอนหายใจไปตาม ๆ กัน ก็เรื่องปากนี่แหละที่ทำให้ทั้งคู่เป็นเพื่อนซี้กันมาได้“เจ้ ๆ ค
“สวัสดีค่ะ คุณหญิงลดา คุณหนูไอริน” เสียงของสาวใช้ดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้ดารินหันไปมอง นัยน์ตาสีน้ำผึ้งจ้องไปยังมารดาผู้ให้กำเนิด ความรู้สึกวูบไหวแล่นเข้ามาในใจเธอโดยไม่อาจห้าม คุณหญิงลดาเพียงปรายตามองลูกสาวที่พลัดพรากไปนานถึง 24 ปี ใบหน้าของดารินเหมือนกับไอด้า ลูกสาวคนโตแทบจะถอดแบบกันออกมา แต่สิ่งที่ต่างคือแววตา ไอด้ามีแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจเด็ดเดี่ยว ผิดกับดารินที่แววตาดูอ่อนแอและไม่กล้าสู้ใคร“อ้าว คุณกลับมาแล้วหรือ มานั่งนี่สิ มานั่งใกล้ ๆ” เกรียงไกรส่งยิ้มพร้อมผายมือเชื้อเชิญภรรยาของเขาให้นั่งข้างดาริน “ผมดีใจจริงๆ ที่ครอบครัวเราได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันอีกครั้ง”“ไม่ล่ะ ฉันจะนั่งกับไอริน แค่เห็นหน้าก็พอแล้ว” น้ำเสียงเย็นชาของคุณหญิงลดาทำให้ดารินนั่งตัวแข็ง เธอพยายามบังคับใจให้สงบ แม้ลึก ๆ แล้วรู้สึกได้ว่าการกลับมาครั้งนี้อาจไม่เป็นที่ต้องการ“เอาล่ะๆ ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมนั่งข้างลูกเอง” เกรียงไกรยิ้มบาง พลางส่งสายตาปลอบใจดารินขณะนั่งลงข้างเธอ “วันนี้ผมให้แม่บ้านเตรียมอาหารเยอะแยะเลยนะ จะได้ฉลองที่เราได้ลูกกลับมา”“โอ้ย จะฉลองอะไรคุณ เวลานี้มันใช่เวลาฉลองไหม ไ





