...วันรุ่งขึ้น งานแต่งงานครั้งยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นที่คฤหาสน์กาเบรียล แขกที่มาร่วมงานมาถึงกันหมดแล้ว และพวกเขากำลังนั่งอยู่บนม้านั่งยาวที่จัดเอาไว้ล่วงหน้าชารอนและยูจีนก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เธอไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของตัวเองได้ เมื่อเธอกำลังจะเห็นไซมอนแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นอย่างไรก็ตาม สัญชาตญาณของเธอบอกว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นในงานแต่งงาน หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้เธอรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขา...เธออยากจะตบหน้าตัวเอง เธอยังคงห่วงเขามากในสถานการณ์แบบนั้น ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ยอมบอกความจริงกับเธอด้วยซ้ำไซมอนยืนอยู่ไม่ไกลจากเธอนัก และเขากำลังจ้องมองมาที่ชารอนซึ่งอยู่ท่ามกลางฝูงชน 'เธอยังอยู่ที่นี่ ทำไมเธอถึงไม่ยอมกลับไป?’ดวงตาของเขามืดมนลงเมื่อเห็นยูจีนอยู่ข้าง ๆ เธอเขาหันไปหาแฟรงกี้อีกครั้ง และพูดว่า "พองานแต่งเริ่ม นายต้องคอยดูแลความปลอดภัยของเธอให้ดี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม"แฟรงกี้รู้ดีว่าเขาหมายถึงใคร และพยักหน้ารับคำสั่งทันที “เข้าใจแล้วครับเจ้านาย ไม่ต้องห่วงครับ”ถึงเวลาที่งานแต่งงานจะเริ่มขึ้นแล้ว ไซมอนสวมชุดสูทสีขาว ขณะที่ซัมเมอร์สวมชุด
เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นในงานแต่งงานที่ควรจะมีแต่ความสุข ทำให้บรรยากาศภายในงานดูกดดันและย่ำแย่ลงอย่างเห็นได้ชัดในขณะนี้ ซัมเมอร์รู้สึกราวกับถูกมีดกรีดหัวใจ เมื่อได้เห็นร่างของโจอี้ที่เต็มไปด้วยเลือด แถมเขายังถูกบังคับให้คุกเข่าอีกด้วย เธอรู้สึกเหมือนอยากจะฆ่าทุกคนให้ตาย เมื่อได้เห็นการกระทำอันป่าเถื่อนของพวกเขาเธอคงจะชักปืนออกมาแล้ว ถ้าไซมอนไม่ได้ห้ามเธอเอาไว้“ลุงคัวโตร ลุงทำอะไรกับบอดี้การ์ดของฉัน ลุงทำร้ายเขางั้นหรอ?” ซัมเมอร์กัดฟัน และแอบกำหมัดของเธอ เธอแทบรอไม่ไหวที่จะฆ่าคนที่ทำร้ายเขา!คัวโตรยิ้มอย่างน่าสะพรึงกลัวและพูดว่า "ซัมเมอร์ นี่ควรจะเป็นวันสำคัญของหลาน คนที่น่าสงสารอย่างลุงไม่ควรมาที่นี่ แต่ลุงรู้ดีว่าหลานไม่ได้ต้องการการแต่งงานในครั้งนี้เลย เขาต่างหากคือคนที่หลานอยากจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่เหรอ?” เขาชี้ไปที่โจอี้ที่กำลังคุกเข่าอยู่สีหน้าของซัมเมอร์ดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย และดวงตาของเธอก็เปล่งประกาย ช่วงเวลาต่อมา เธอได้ยินเสียงของแขกกำลังพูดคุยกัน ในขณะที่พวกเขาทุกคนจ้องมองมาที่เธอด้วยความสงสัยใบหน้าของเธอมืดมนลง และเธอก็ตะโกนอย่างเย็นชา "ไร้สาระ! เขาเป็นแค่บอดี้การ์ดของฉ
“เอาล่ะ เตรียมตัวตายได้แล้ว!” เขาเหนี่ยวไกปืนที่เล็งไปที่โจอี้"เดี๋ยวก่อน!" เสียงผู้หญิงที่ฟังดูเย็นชา แต่แข็งกระด้างดังขึ้นทุกคนหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน และเห็นคุณหญิงกาเบรียลเดินเข้ามาโดยมีใครบางคนคอยประคองเธออยู่ข้าง ๆซัมเมอร์ปรี่เข้ามาหาเธอทันที ก่อนจะพูดว่า "คุณย่ามาที่นี่ได้ยังไงคะ?"คุณย่าของเธอมีสุขภาพที่ไม่ค่อยดีนัก เธอจึงปล่อยให้คุณย่าได้พักผ่อนอยู่ที่บ้าน พวกเขาวางแผนที่จะพาเธอมาร่วมงานเลี้ยงฉลองเย็นนี้ และให้เธอกล่าวคำอวยพรต่อคู่บ่าวสาวเล็กน้อยคุณหญิงกาเบรียลตบมือของซัมเมอร์เบา ๆ และปลอบเธอว่า "อย่ากังวลไปเลย ซัมเมอร์ เมื่อมีคุณย่าอยู่เคียงข้าง จะไม่มีใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมรดกของหลานได้"ดวงตาของคัวโตรมืดมนลง ความรู้สึกเกลียดชังที่เขามีต่อคนเหล่านี้เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น“คัวโตร เธอไม่ควรมาที่นี่ วางปืนลงแล้วปล่อยเด็กไปซะ” คุณหญิงกาเบรียลพูดอย่างไม่เร่งรีบนักผู้คนที่อยู่ในงานต่างรู้สึกสับสน 'งานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบกลายเป็นละครโทรทัศน์ ที่ครอบครัวกาเบรียลต่อสู้แย่งชิงมรดกไปได้อย่างไร?'ชารอนมองไปที่ไซมอนซึ่งอยู่ในชุดทักซิโด้ และสังเกตเห็นว่าเขายังคงยืนอย
“คุณย่า...” ซัมเมอร์กอดหญิงชราที่ล้มลง เลือดอุ่น ๆ จากร่างของหญิงชราเปรอะเปื้อนมือของเธอทันที เธอร้องไห้และวิงวอนด้วยความหวาดกลัว “คุณย่า ไม่ อย่าทิ้งพวกเราไป ไม่...”คุณหญิงกาเบรียลหายใจรวยริน เธอจับมือซัมเมอร์ไว้แน่น ขณะที่เธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะเอ่ยคำพูดใด ๆ ออกมาในตอนนี้ เธอหายใจเข้าเป็นเฮือกสุดท้าย และมือของเธอก็ตกลงข้างกายของเธอ"คุณย่า!" ซัมเมอร์อุ้มคุณย่าของเธอเอาไว้ในอ้อมแขน และคร่ำครวญด้วยความโศกเศร้า ในตอนนี้ความโกรธแค้นอย่างมหาศาลเข้าครอบงำจิตใจของเธอ!เธอหยิบปืนออกมาแล้วชี้ไปที่คัวโตร ก่อนจะตะโกนด้วยความเกลียดชัง "ทำไมแกถึงโหดร้ายขนาดนี้? ถึงคุณย่าจะเป็นคนผิด แต่เธอก็เป็นคนที่เลี้ยงดูแกมา ไอ้คนสารเลว แกมันโหดร้ายและไร้ยางอาย แกจะต้องชดใช้ให้คุณย่าของฉันด้วยชีวิต!”ไม่มีใครกล้าเข้าไปขัดขวางการกระทำของคัวโตร เขาเงยหน้าขึ้นและหัวเราะเยาะ จากนั้นเขาก็ชี้ปืนไปที่โจอี้แล้วพูดว่า "มาดูกันว่าแกจะยิงฉันตาย ก่อนที่ฉันจะยิงเขาตายหรือเปล่า!"ปืนที่ซัมเมอร์ถืออยู่ในมือสั่นเทา 'โจอี้...'“คุณกาเบรียล ไม่ต้องห่วงผม ยิงเลย!” นี่เป็นครั้
ความเจ็บปวดแพร่กระจายจากไหล่ซ้ายของเธอไปจนถึงทั่วร่างกาย และเลือดยังคงไหลออกมาจากบาดแผลของเธออย่างต่อเนื่อง กลิ่นคาวเลือดทำให้ชารอนรู้สึกเวียนหัว และเธอกำลังสงสัยว่าชีวิตของเธอจะต้องจบลงในวันนี้หรือไม่เธอไม่รู้ว่าเธอรวบรวมความกล้าจากไหน เพื่อวิ่งออกไปรับกระสุนแทนเขาเมื่อเห็นใบหน้าที่ดูบึ้งตึงของชายคนนั้น และความตื่นตระหนกที่ไม่สามารถปกปิดได้ในดวงตาของเขา เธอก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว "คุณช่วยฉันมาหลายครั้งแล้ว ถึงเวลาแล้ว... ที่ฉันจะต้องช่วยคุณบ้าง ฉัน... ฉันไม่ติดหนี้คุณอีกต่อไปแล้วนะ"ไซมอนตะโกนเมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะหมดสติ “อย่าหลับนะ! ลืมตาขึ้นแล้วมองผม ใครบอกว่าคุณไม่ติดหนี้ผมแล้ว ชารอน ผมบอกคุณไปแล้วไงว่าคุณยังติดหนี้ผมอีกเยอะ คุณยังเป็นหนี้ผมอยู่ ชีวิตของคุณเป็นของผม ได้ยินไหม?”ชารอนอยากจะยิ้มอีกครั้ง แต่เธอก็รู้ว่าเธอไม่มีกำลังเหลือมากนัก ดังนั้นเธอจึงได้แต่กระซิบว่า "ใช่แล้วค่ะ ชีวิตฉันเป็นของคุณ... คุณเอามันไปได้เลย"แฟรงกี้โทรเรียกรถพยาบาลแล้ว ในเวลานี้ เขาทำได้เพียงอธิษฐานขอให้ชารอนเข้มแข็งและอดทนต่อไปยูจีนวิ่งเข้าไปตรงจุดที่ชารอนถูกยิง และเห็นชารอนกำลังอยู่ในอ้อมแขนข
ขณะที่พวกเขากำลังเดินทางไปโรงพยาบาล ไซมอนก็กอดหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนของเขา ผู้ชายที่ปกติจะเป็นคนสงบนิ่งไม่สงบอีกต่อไปแล้ว เขาจับมือเธอแน่น และคุยกับเธอตลอดเวลา เพราะเกรงว่าเธอจะหลับตาลงชารอนรู้สึกเหนื่อยและอยากนอนพัก แต่ไซมอนกลับพูดกรอกหูเธอ เขาจะเรียกชื่อเธอทันทีที่เธอต้องการที่จะหลับตา'ทำไมฉันไม่เคยเห็นเขาพูดเก่งขนาดนี้มาก่อนเลย?'“คะ...คุณช่วยเงียบก่อนได้ไหม?” ในที่สุด เธอก็พูดได้สำเร็จเธอไม่รู้เลยว่าในขณะนี้ ไม่เพียงแต่ใบหน้าของเธอจะดูซีดเซียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงริมฝีปากของเธอด้วย เมื่อเห็นเธอเป็นเช่นนี้ ไซมอนก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดในใจของเขา“ไม่ มองผมสิ อย่าหลับตานะ!” ไซมอนออกคำสั่งอย่างเจ้ากี้เจ้าการ ก่อนจะกระตุ้นให้คนขับขับเร็วขึ้นชารอนหรี่ตามองเขาด้วยความมึนงง ศีรษะของเธอวางอยู่บนไหล่ของเขา และเมื่อมองเขาใกล้ ๆ เธอก็เห็นความตึงเครียดและความกลัวในดวงตาของชายคนนั้น'เขากลัวเหรอ?’ ความกลัวไม่น่าจะมีผลอะไรกับเขาอย่างไรก็ตาม เธอกลับสัมผัสได้ถึงความกลัวของเขาในตอนนี้ 'เขากลัวฉันจะตายอย่างนั้นเหรอ?เธอจับมือเขาโดยไม่รู้ตัว และพยายามที่จะขยับปากเพื่อพูดอะไรบางอย่าง แต่จิ
“โอ้ คุณยีนส์ คุณฟื้นแล้ว!” หมอที่ถูกไซมอนบังคับให้ไปตรวจดูอาการของชารอนรู้สึกยินดีทันทีเมื่อเห็นเธอลืมตาขึ้นมาไซมอนรีบหันไปมองทันทีที่เขาได้ยินเสียงตื่นเต้นของคุณหมอ แท้จริงแล้ว ผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลได้ลืมตาขึ้นแล้ว เธอหมดสติมาสามวันสามคืน และเขาก็คอยอยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลาขณะที่เธอยังคงตกอยู่ในสภาวะหมดสติ ความอดทนของเขาก็เริ่มลดลงอย่างช้า ๆ และเขาไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป จิตใจของเขาเริ่มสับสนจนหลงทาง 'เธอจะหมดสติแบบนี้ตลอดไปหรือไม่?'ความวิตกกังวลที่ฝังอยู่ในจิตใจของเขาทำให้เขาต้องโทรหาหมออีกครั้ง เพื่อขอให้ตรวจอาการของเธอซ้ำอีกแต่จู่ ๆ เธอก็ตื่นขึ้นมา และนั่นทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นอีกครู่ใหญ่ด้วยอาการตกตะลึง และไม่ตอบสนองต่อสิ่งใดชารอนมองดูชายที่ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิดเดียว ทันทีที่เธอเห็นเขา เธอก็รู้สึกประหลาดใจ ชายคนนั้น คนที่เข้มงวดกับความเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่เสมอ กำลังสวมเสื้อเชิ้ตที่ดูยับยู่ยี่ และกระดุมบนเสื้อตัวนั้นก็ถูกปลดออกสองเม็ดเส้นเลือดในดวงตาของเขาโปน ราวกับว่าเขาไม่ได้หลับได้นอนมาเป็นเวลานานแสนนาน รอบ ๆ ปากของเ
ชารอนจ้องมองชายผู้ดุร้ายตรงหน้าเธอ ใบหน้าของเขาดูตึงเครียด และคิ้วของเขาก็ขมวดเป็นปม แม้แต่ริมฝีปากของเขาก็ยังเม้มจนกลายเป็นเส้นบาง ๆอย่างไรก็ตาม เธอมองเห็นความวิตกกังวลในดวงตาของชายคนนั้นได้อย่างชัดเจน และมันแฝงไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวที่ซ่อนอยู่ในนั้น...เธอนึกถึงเหตุการณ์ที่เธอถูกยิงก่อนจะหมดสติไป เขาพาเธอมาส่งโรงพยาบาล และเธอก็เห็นความหวาดหวั่นในดวงตาของเขาในตอนนั้นด้วยชายผู้ยิ่งใหญ่เช่นเขามักจะเป็นคนที่ชอบครอบงำผู้อื่น และเยือกเย็นอยู่เสมอ เขาไม่แม้แต่จะตื่นกลัวเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกยิง อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขาอุ้มเธอขึ้นมาหลังจากที่เธอถูกยิง เขาก็แสดงความกลัวออกมาให้เห็นเธอเข้าใจดีว่าอารมณ์บางอย่างไม่สามารถปกปิดได้ และความรู้สึกหวาดกลัวของเขาในตอนนั้นก็เป็นอารมณืที่แท้จริงของเขา เขากลัวมากว่าเธอจะตายอันที่จริง เธอไม่ได้คาดหวังว่าตัวเองจะมีความกล้าที่จะกระโดดรับกระสุนแบบนั้น แต่เมื่อเธอเห็นปืนชี้มาที่เขา เธอก็ไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้วิ่งไปหาเขาได้เมื่อเธอหวนนึกถึงเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง เธอก็รู้สึกทั้งสยดสยองและประหลาดใจในเวลาเดียว มันกลับกลายเป็นว่าเขาเป็นผู้เดียวที่