Lahat ng Kabanata ng โคตรคนยอดปรมาจารย์: Kabanata 1301 - Kabanata 1310

1350 Kabanata

บทที่ 1301

เสียงตะโกนกึกก้องนั้น เมื่อเสริมด้วยพลังบำเพ็ญก็เหมือนคลื่นโหมกระหน่ำกระจายไปทั่วเจ้าสำนักโกรธจัด “เธอมันผู้หญิงใจง่าย แล้วกับเย่ซิวอีก!!!”เย่ซิวที่เพิ่งออกจากถ้ำของหานเฟิงและกำลังจะกลับ ก็ได้ยินเสียงตะโกนของหลัวเวยเวยสายตาเขาแข็งกร้าวขึ้น “ไป ตามผมไปดูด้วยกัน!”หานเฟิงกับคนอื่น ๆ รีบตามไปทันทีไม่นาน ที่พักของหลัวเวยเวยก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คนทั้งฝั่งเซียนกระบี่และฝั่งอนุรักษนิยมก็มาครบสองฝั่งยืนเผชิญหน้ากันชัดเจน บรรยากาศตึงเครียดจนเหมือนจะระเบิดแต่ว่าหลัวเวยเวยที่ควรจะยืนข้างเซียนกระบี่ กลับยืนอยู่ฝั่งอนุรักษนิยมเจ้าสำนักมองด้วยสายตาเดือดดาลพอเห็นหลัวเวยเวยอยู่ข้างเย่ซิว ความสงสัยทั้งหมดก็ได้รับการยืนยันเขาโกรธจนเหมือนโดนไฟเผา รู้สึกโดนสวมเขาเข้าเต็ม ๆ“เย่ซิว พวกนายหมายความว่ายังไง เรื่องของครอบครัวฉัน ออกไปเดี๋ยวนี้!”เย่ซิวเอ่ยนิ่ง “เดิมทีคิดจะรออีกสักสองสามวันแล้วค่อยสะสาง แต่ถ้าคุณจะร้อนรนขนาดนี้ งั้นจัดการเลยก็แล้วกัน”หลัวเวยเวยมองเขาอย่างกังวล “มั่นใจแล้วใช่ไหม?”ท่าทีห่วงใยแบบนี้ สำหรับเจ้าสำนักคือการราดน้ำมันลงกองเพลิงเขาระเบิดพลังออกมาราวกับภูเขาไฟท
Magbasa pa

บทที่ 1302

เย่ซิวหยิบตราสำนักโลหิตสังหารออกมาทันใดนั้น ไอสังหารเย็นเยียบก็แผ่กระจายไปทั่วเมื่อเห็นตรานี้ ทุกคนในที่นั้นเหมือนโดนสายฟ้าฟาด หน้าซีดเผือด ตกตะลึงสุดขีด หวาดกลัวสุดใจเมื่อเห็นสีหน้าของพวกเขา เย่ซิวก็เผยรอยยิ้มบาง ๆ ออกมาอย่างคลุมเครือ “ที่แท้พวกคุณก็รู้จักสิ่งนี้ งั้นก็คุยกันง่ายแล้วล่ะขอแนะนำตัวหน่อย ตอนนี้ผมคือเจ้าสำนักโลหิตสังหาร ลองเดาดูสิว่าตอนนี้ในสำนักมีนักฆ่าของเรากี่คนที่แฝงตัวอยู่”ที่พูดออกไปก็แค่ขู่ให้กลัวเท่านั้น แต่เจ้าสำนักกับพรรคพวกกลับไม่รู้แต่ละคนถึงกับตัวสั่น ไม่มีใครสงสัยเลยว่าสัญลักษณ์นั่นจะเป็นของปลอมหรือไม่ เพราะถ้ามีสมองสักนิด ก็จะรู้ว่าไม่มีใครบ้าเอาเรื่องแบบนี้มาล้อเล่นแน่ทุกคนต่างรู้ดีว่านักฆ่าสำนักนี้โหดขนาดไหน แถมยังมีสำนักรัตติกาลหนุนหลังอีกต่อให้ใครอยากตาย ก็คงไม่เลือกวิธีโง่ ๆ แบบนี้หรอกฝั่งเซียนกระบี่แต่ละคนรู้สึกเย็นเฉียบเหมือนตกลงไปในน้ำแข็ง พวกเขายืนนิ่งอยู่กับที่ ไม่รู้ควรจะมีปฏิกิริยายังไงดีเฉินเยียนจือรีบวิ่งเข้าไปคว้ามือเจ้าสำนักไว้ทันที “คุณพ่ออย่าขัดขวางเขาอีกเลย เย่ซิวเก่งมากนะ พ่อสู้เขาไม่ได้หรอก”เจ้าสำนักเบิกตากว้
Magbasa pa

บทที่ 1303

รั่วอวิ๋น "..."เย่ซิว "..."“ดื่มสิ จะยืนเอ๋ออยู่ทำไม คืนนี้เมากันให้สุด ใครถอยก่อนเป็นหมานะ”บนโต๊ะเหล้า เฉินเยียนจือเอาเท้าวางพาดเก้าอี้ ถลกแขนเสื้อขึ้น มือถือแก้วเหล้าใหญ่เหมือนแม่ทัพผู้คว้าชัยชนะแค่ดื่มไปสองแก้วแรกก็ ตุบ ล้มตึงไปนอนกับพื้นทันที ทำเอาผู้หญิงอีกสองคนหัวเราะจนตัวโยกจากนั้นรั่วอวิ๋นกับหลัวเวยเวยก็มองหน้ากันแวบหนึ่ง ในแววตาของทั้งคู่แฝงไปด้วยประกายแห่งความเป็นศัตรูไม่นานนัก ทั้งสองคนก็เริ่มแข่งขันกันทันที ต่างฝ่ายต่างหมายมั่นจะทำให้อีกฝ่ายเมาร่วงให้ได้“มา ๆ สามแก้วรวด!”“จะกินอะไรนักหนา? รีบ ๆ ดื่มเหล้าเดี๋ยวนี้ เธอจะรอให้ปลาในแก้วมันโตก่อนหรือไง เทให้เต็มเลย”บรรยากาศบนโต๊ะเหล้าเดือดสุด ๆ สองสาวไม่มีใครยอมใคร แข่งกันแบบไม่มีถอยทั้งคู่ต่างเร่งใช้พลังบำเพ็ญขับฤทธิ์เหล้า พลางแข่งกันยกชนแก้วอย่างดุเดือดราวกับอยู่ท่ามกลางสนามรบ มีทั้งคมดาบแสงกระบี่ ทุกอย่างเข้มข้นถึงขีดสุดสองสาวไม่มีใครยอมใคร ต่างคนต่างจ้องตาเขม็งใส่กัน วันนี้อีกฝ่ายต้องแพ้เท่านั้นเย่ซิวนั่งดูอยู่เงียบ ๆ เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ใต้โต๊ะ เฉินเยียนจือกอดขาเย่ซิวแล้วหลับปุ๋ยอยู่ตรงนั้น นอน
Magbasa pa

บทที่ 1304

ในห้องของหลัวเวยเวย เย่ซิวกำลังฝึกวิชาโลกีย์หลอมเซียนร่วมกับเธอไม่นานนัก หลัวเวยเวยก็สร่างเมา จึงตกใจจนตัวโยนขึ้นมาทันทีเธออยากจะผลักเย่ซิวออกไป แต่ความรู้สึกที่วิชานี้มอบให้ รวมถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการฝึก มันกลับทำให้เธอไม่อยากหยุดกลางคันได้แต่แอบบ่นตัวเองในใจว่าทำไมถึงห้ามปากตัวเองไม่อยู่ ไปดื่มเสียเยอะขนาดนั้น?ทั้งที่ตามแผนเดิม เธอตั้งใจจะเลี้ยงไข้เย่ซิวให้นานกว่านี้แต่ตอนนี้…เธอกัดฟันแน่น คิดในใจว่าในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว งั้นก็ต้องทุ่มให้สุดตัว อย่างน้อยก็ต้องทำให้เย่ซิวยอมสยบ ให้เขารู้เสียบ้างว่าเธอเจ๋งแค่ไหนเพียงแต่ความฝันนั้นสวยงาม ขณะที่ความจริงนั้นโหดร้ายช่วงแรก หลัวเวยเวยยังสามารถต่อกรกับเย่ซิวได้อย่างสูสีด้วยพลังที่สั่งสมมานานนับสิบปี แต่หลังจากผ่านไปสองชั่วโมงกว่า ๆ เธอก็ถูกต้อนจนถอยไม่ทันเย่ซิวเป็นฝ่ายควบคุมการฝึกอย่างสมบูรณ์ ต่อให้เธออยากแย่ง ‘อำนาจในการควบคุม’ ก็ทำอะไรไม่ได้เลยหลัวเวยเวยตะลึงสุดขีด “ทำไมนายถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้!”เย่ซิวแค่ยิ้ม แต่ไม่ได้ตอบอะไรนี่แหละคือความน่ากลัวของร่างกายที่แข็งแกร่งเป็นทุนเดิม บวกกับพลังจากเคล็ดว
Magbasa pa

บทที่ 1305

เย่ซิวออกคำสั่งทีละข้อเริ่มจากการปรับโครงสร้างสำนักอวิ้นหลังครั้งใหญ่แต่งตั้งหลัวเวยเวยและรั่วอวิ๋นเป็นรองเจ้าสำนักแต่งตั้งเฉินเยียนจือเป็นผู้อาวุโสส่วนจางเสี่ยวอวี๋ก็ถูกเลื่อนขั้นเป็นศิษย์ชั้นยอด และได้รับสิทธิประโยชน์มากขึ้นเป็นเท่าตัวหลังจากนั้นก็เริ่มวางแผนการเปิดร้านขายโอสถตอนนี้เย่ซิวสามารถลงมือได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกสำนักโอสถเอาคืนอีกแล้วเขาได้สมุนไพรปริมาณมหาศาลมาจากสำนักโอสถ จึงลงมือกลั่นโอสถทั้งวันทั้งคืนโอสถที่กลั่นเสร็จถูกส่งออกไปเรื่อย ๆ วางขายในร้านขายโอสถทั่วทุกที่ผ่านไปครึ่งเดือน สิงโตหยกขาวทั้งแปดตัวก็ทะลวงเข้าสู่ระดับถอดจิตได้สำเร็จเย่ซิวยิ่งทุ่มทุนเพิ่มเข้าไปอีกสิบวันถัดมา เสี่ยวอวี่ก็สามารถสะสมพื้นฐานแรกเริ่มได้สำเร็จ พลังปีศาจเริ่มก่อกำเนิดในร่างกาย และได้กลับเข้าสู่เส้นทางการฝึกฝนอีกครั้งการบ่มเพาะรอบที่สองของเธอนั้นก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ราวกับติดจรวดพุ่งทะยานอย่างบ้าคลั่งด้วยการสนับสนุนจากโอสถของเย่ซิวที่มีอย่างเหลือเฟือ ใช้เวลาเพียงแค่เดือนเดียวก็บรรลุถึงระดับวิญญาณก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์เพียงแต่สิ่งที่ทำให้เย
Magbasa pa

บทที่ 1306

พลังทั้งห้าธาตุโหมกระหน่ำราวคลื่นยักษ์ซัดกระแทกฝั่งจนปั่นป่วนไปทั้งสวรรค์!เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว จางเสี่ยวอวี๋ก็เป็นคนแรกที่รีบวิ่งมาถึงตอนนี้เธอดูมีเสน่ห์กว่าเมื่อก่อนเยอะมาก จากหุ่นไซส์เอสเล็กตอนนี้กลายเป็นไซส์เอสใหญ่แบบเต็มตัวเมื่อเห็นว่าเย่ซิวทะลวงพลังได้สำเร็จ ดวงตาของเธอฉายแววระยิบระยับเหมือนสายน้ำ “สุดยอดไปเลย นายทะลวงระดับได้แล้ว งั้นถ้าฉันฝึกกับนายอีกครั้ง ประสิทธิภาพจะดีกว่าเดิมใช่ไหม”เรื่องนี้เย่ซิวเคยพูดไว้ก่อนแล้วเขาพยักหน้าพลางยิ้มบางแววตาเจางเสี่ยวอวี๋ต็มไปด้วยความคาดหวัง กำลังจะเอ่ยปากชวนลองฝึกด้วยกันเลยตอนนี้แต่คำพูดยังไม่ทันออกจากปาก เฉินเยียนจือกับหลัวเวยเวยก็มาถึงก่อนจางเสี่ยวอวี๋ถึงกับห่อเหี่ยวก็ทั้งสองคนนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังหรือสถานะ ก็ล้ำหน้าเธอไปไกล จะให้เธอไปแข่งแย่งความโปรดปรานได้ยังไงล่ะหลัวเวยเวยดีใจสุด ๆ “พลังของนายเพิ่มขึ้นเร็วเกินไปแล้ว นี่มันแค่ไม่กี่เดือนเองนะ”ต่อให้เป็นอัจฉริยะ พอเข้าสู่ระดับถอดจิตแล้วจะทะลวงขึ้นอีกหนึ่งระดับ แม้ทรัพยากรจะเพียบพร้อม ก็ยังต้องใช้เวลาขั้นต่ำสิบกว่าปีเย่ซิวนี่มันเกินไปจริง ๆ แค่ไม่กี่
Magbasa pa

บทที่ 1307

“ของอะไรน่ะ?” หลัวเวยเวยถามขึ้นอย่างสงสัยเย่ซิวหันไปเอ่ยกับเขาว่า “เอาออกมาให้ดูหน่อย”หานเฟิงแตะที่กระเป๋าสัตว์อัญเชิญตรงเอว ก่อนจะมีแสงสว่างวาบขึ้นมาทันใดนั้นก็มีฝูงวานรขนฟูที่ทั้งตัวรวมถึงดวงตาของมันเป็นสีเขียวอมฟ้า สูงประมาณครึ่งเมตรจำนวนร้อยตัว ปรากฏตัวขึ้นเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบหลัวเวยเวยมองแล้วตกใจเล็กน้อย “วานรไม้คราม สัตว์วิญญาณแบบนี้หายากมากนะ ตัวหนึ่งก็ปาเข้าไปสิบล้านศิลาวิญญาณแล้ว นายจะซื้อมาทำไมตั้งร้อยตัว”“จะใช้ตั้งเป็นหน่วยอารักขาที่แข็งแกร่ง”เย่ซิวใช้เวลาค้นคว้าข้อมูลอยู่นานกว่าจะเลือกสัตว์พวกนี้มา พวกมันมีพรสวรรค์ทางด้านร่างกายสูงมาก โดยทั่วไปแค่โตเต็มวัยก็สามารถมีพลังถึงระดับสร้างรากฐานปราณขั้นสมบูรณ์ได้แล้วที่สำคัญกว่านั้น พวกมันมีความสามารถพิเศษด้านการรักษาตั้งแต่เกิด ไม่ใช่แค่รักษาตัวเองดท่านั้น แต่ยังรักษาคนอื่นได้ด้วยและที่สำคัญที่สุด วานรไม้ครามมีความจงรักภักดีสูงมาก พวกมันจะภักดีแค่กับเจ้านายเพียงคนเดียวตลอดชีวิตพอเลือกแล้ว ต่อให้ตายก็จะไม่หักหลังเมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้ว เย่ซิวจึงเลือกพวกมันเขากวาดตามองวานรไม้ครามทั้งร้อยตัว แต่ละตัวหน้า
Magbasa pa

บทที่ 1308

เธอแอบคิดว่าถ้าฝึกอีกสักพักก็คงสามารถทนรับการฝึกหนักจากเย่ซิวได้นานขึ้น และบางทีวันหนึ่งเธออาจจะเป็นฝ่ายกดเขาไว้ได้บ้างเพราะมีเป้าหมายนี้เป็นแรงผลักดัน เธอจึงมีแรงฮึดเต็มเปี่ยมหลังจากฝึกเสร็จ หลัวเวยเวยก็อาศัยช่วงที่ฟ้ายังไม่สว่าง แอบกลับออกไปเงียบ ๆ เธอยังไม่เปิดเผยความสัมพันธ์กับเย่ซิวอย่างเป็นทางการ แม้จะมีคนรู้กันอยู่หลายคน แต่พวกนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรมั่วซั่วออกไปเย่ซิวเดินออกมาที่ห้องโถงใหญ่ ก่อนจะเห็นเหมียวเหวินเหวินตื่นมาแล้ว ตามที่เขากำหนดไว้ ทุกคืนเธอต้องเข้านอนตอนสามทุ่ม และตื่นตอนตีห้าเพื่อเริ่มทำงานตอนนี้เหมียวเหวินเหวินกำลังปัดกวาดเช็ดถูห้องโถง พร้อมกับเตรียมอาหารเช้าไปด้วย พอจัดเตรียมอาหารเสร็จ ก็เป็นเวลาตีห้าครึ่งพอดีหลังจากถูกปรับวินัยมาระยะหนึ่ง ตอนนี้เธอก็กลายเป็นแม่บ้านที่ดูดีมีระเบียบเรียบร้อยไม่มีวี่แววของภาพลักษณ์เดิมซึ่งเป็นอดีตสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักจ้าวโอสถที่เคยเย่อหยิ่งถือดีเลยแม้แต่น้อยพอจัดอาหารเสร็จ เธอก็ยกไปวางตรงหน้าเย่ซิว แล้วโน้มตัวเล็กน้อย “อาหารเช้าจัดเรียบร้อยแล้ว ขอเชิญนายท่านรับประทานค่ะ”เย่ซิวพยักหน้า รับอาหารเช้ามา แล้
Magbasa pa

บทที่ 1309

“ในที่สุดมันก็กลับมาแล้ว ในที่สุดก็ได้ตันเถียนคืนมา” เหมียวเหวินเหวินน้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจตอนที่ตันเถียนของเธอถูกทำลาย พลังบางส่วนที่กระจายออกไปได้ซ่อนอยู่ในเลือดเนื้อทั่วร่าง ตอนนี้ตันเถียนได้รับการฟื้นฟู พลังเหล่านั้นก็เหมือนได้รับแรงดึงดูด ค่อย ๆ ไหลกลับเข้าร่างอีกครั้งระดับพลังของเหมียวเหวินเหวินก็พุ่งขึ้นไปถึงระดับสร้างรากฐานปราณได้ทันที“อ๊าาา!” หลังจากนั้นเธอก็เพิ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสภาพแบบไหน เธอกรีดร้องออกมาเสียงดังแล้วทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยความตกใจเย่ซิวมองเธอ แล้วสั่งเสียงเรียบ “ลุกขึ้น!”แม้ในใจของเหมียวเหวินเหวินจะเต็มไปด้วยความอับอาย แต่เมื่อได้ยินคำสั่งของเขา เธอก็พยายามข่มความเขินอายในใจ แล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนเธอหลับตาปี๋ ไม่กล้ามองเย่ซิวแม้แต่น้อย ผิวกายทั้งตัวถูกย้อมเป็นสีชมพูระเรื่อความรู้สึกแบบนี้เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน หัวใจเต้นรัวจนแทบหลุดออกมานอกอก รู้สึกเก้ ๆ กัง ๆ ไปหมดทั้งตัวเย่ซิวยกมือขึ้นเชยคางของเธอเบา ๆ “ลืมตาแล้วมองมาที่ฉัน”ขนตาของเธอสั่นระริก ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ เธอขบริมฝีปากล่างเบา ๆ ใจเตลิดวุ่นวายสุดจะควบ
Magbasa pa

บทที่ 1310

เย่ซิวแกล้งแหย่เธอเล่น “เธอสอนเหมียวเหวินเหวินใช้ได้เลย ฉันพอใจมาก”ทันใดนั้น ดวงตาของเสี่ยวโหรวก็แดงก่ำขึ้นทันที รู้สึกน้อยใจจนพูดไม่ออก น้ำตาเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำ ราวกับพร้อมจะไหลลงมาได้ทุกเมื่อเย่ซิวไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะอ่อนไหวขนาดนี้ แค่พูดแหย่ไม่กี่คำก็จะร้องไห้แล้ว จึงรีบปลอบทันที “โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะ ไม่แกล้งเธอแล้ว เอาอย่างนี้แล้วกัน ถ้าเธอฝึกจนถึงระดับมหายานเมื่อไหร่ ฉันจะรับเธอไว้แน่นอน โอเคไหม”เด็กคนนี้มีพรสวรรค์สูงมาก แต่ไม่ควรเอาเวลาไปใส่ใจกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อย่างเดียว เย่ซิวเลยอยากให้เธอมีเป้าหมายที่ชัดเจนไว้ต่อสู้เพื่อมันพอเสี่ยวโหรวได้ยินแบบนั้น ดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาทันที “จริงหรือเจ้าคะ นายน้อยพูดจริงใช่ไหมเจ้าคะ”“แน่นอนอยู่แล้ว”“งั้นเรามาเกี่ยวก้อยกัน ห้ามผิดคำพูด ใครผิดเป็นลูกหมา”นิ้วก้อยเล็กใหญ่สองนิ้วยื่นออกมาเกี่ยวกัน หลังจากได้คำสัญญา เสี่ยวโหรวก็ดีใจอย่างยิ่งจนเหมือนทั้งตัวเปล่งแสงออกมา เธอลุกขึ้นทันที แล้ววิ่งกลับไปห้องของตัวเองอย่างกระตือรือร้น เป้าหมายต่อไปคือระดับมหายานสายเลือดของเสี่ยวโหรวไม่ธรรมดา ถ้าเธออยากจะไปถึงระดับนั้น ขยัน
Magbasa pa
PREV
1
...
129130131132133
...
135
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status