เริ่มจากความดาร์กและความตึงเครียดที่ทำให้ใจเต้นเหมือนใน '
owari no seraph' นี่แหละคือเหตุผลที่ฉันมองหาอนิเมะแบบเดียวกันต่อทันที — อยากได้ทั้งโลก
หลังวันสิ้นโลก ความขัดแย้งระหว่างมนุษย์กับสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ และมิตรภาพที่เกิดจากความสูญเสีย ในมุมของฉัน เรื่องที่ให้ทั้งบรรยากาศเหมือนกันและเติมเต็มช่องว่างที่ 'Owari no Seraph' เปิดไว้มีหลายเรื่อง แต่ละเรื่องเน้นคนละด้านของสิ่งที่ฉันชอบ: บางเรื่องเน้นเดือดเลือดพล่าน บางเรื่องเน้นดาร์กแฟนตาซีแบบช้า ๆ และบางเรื่องเน้นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครที่หนักแน่นจนเจ็บปวด
ลองเริ่มจาก 'Shingeki no Kyojin' (Attack on Titan) ก่อน เพราะถ้าชอบความรู้สึกว่าโลกกำลังกดทับมนุษยชาติและการต่อสู้เพื่ออยู่รอด นี่ตอบโจทย์สุด รู้สึกเหมือนความสิ้นหวังและการตัดสินใจที่โหดร้ายมีน้ำหนักเท่าๆ กับฉากบู๊ ส่วนถ้าต้องการด้านพิเศษของเรื่องเลือดกับการเป็นอื่น ๆ 'Tokyo Ghoul' จะชวนให้คิดเรื่องความเป็นมนุษย์และคุณค่าของชีวิตในมุมที่บาดลึก — ฉากจัดเต็มทั้งบีบคั้นทางอารมณ์และเลือดสาด เหมาะกับคนที่ชอบด้านมืดของ 'Owari no Seraph' มาก ส่วนใครรักองค์ประกอบสไตล์สตีมพังค์ผสมซอมบี้-
แวมไพร์ ให้โอกาส 'Koutetsujou no Kabaneri' เพราะบรรยากาศรันนิ่งเอาชีวิตรอดในโลกปิดและการต่อสู้แบบทีมทำได้ดีและมีซีนตึงเครียดสวย ๆ
ถ้าหวังฉากแวมไพร์จัดเต็มกับคอนทราสต์ความรุนแรงและกลิ่นอายคลาสสิก 'Hellsing Ultimate' เป็นคำตอบที่เจ็บและคุ้มค่าทางภาพ ส่วนถ้าชอบความเป็นดาร์กแฟนตาซีที่ตัวละครหญิงนักรบต้องต่อสู้กับปีศาจและสังคมไม่เข้าใจ ลอง '
claymore' ที่ให้ความรู้สึกเหงาโหดและภาระหนักของคนที่ถูกตั้งให้เป็นเครื่องมือ สองเรื่องนี้เติมเต็มมุมที่ 'Owari' อาจไม่ได้ย้ำมากนักคือค่าของการเสียสละและร่องรอยบาดแผลทางจิตใจ นอกจากนี้ 'D.Gray-man' กับ '
blue exorcist' จะตอบโจทย์คนที่ชอบองค์ประกอบศาสนา-ไล่ผี-องค์กรลับ ผสมความเป็นชูเนนทำให้ยังมีความหวังและมิตรภาพคั่นความมืดได้ดี
เมื่อคิดเป็นลำดับการดู ฉันมักแนะนำให้เริ่มจากเรื่องที่หนักหน่วงแต่เข้าถึงง่ายก่อน เช่น 'Shingeki no Kyojin' หรือ 'Tokyo Ghoul' แล้วค่อยไปหา 'Claymore' หรือ 'Hellsing Ultimate' เพื่อเติมความดิบและรสชาติคลาสสิกของแวมไพร์ หากต้องการบรรยากาศการต่อสู้แบบกองทัพและเทคนิคยุทธศาสตร์ที่ทำให้ลุ้นทุกตอน ลองตามด้วย 'Koutetsujou no Kabaneri' หรือแม้แต่ 'Fate/Zero' ถ้าชอบโทนดาร์กและมิติของการต่อสู้เชิงปรัชญา สุดท้ายแล้วแต่ละเรื่องจะเติมมุมของโลกหลังหายนะ ความลึกของตัวละคร หรือความโหดร้ายที่ต่างกันไป แต่ทั้งหมดทำให้ฉันยังคงคิดถึงความสัมพันธ์แบบพวกพ้องและแผลเป็นที่ตัวละครต้องแบกรับ เหมือนกับที่ทำให้หลงรัก 'Owari no Seraph' ตั้งแต่แรก