แนะนำให้เริ่มจากอารมณ์ที่อยากได้เมื่อเปิดหนังสือขึ้นมา — นี่เป็นตัวตั้งต้นง่ายๆ ที่ช่วยให้เลือกนิยายรักได้ตรงใจ เพราะนิยายรักไม่ได้มีเพียงสูตรเดียว บางคนต้องการความหวานอบอุ่นเหมือนกอด บางคนอยากได้ไฟสว่างของเคมีรุนแรง หรือบางคนต้องการความเจ็บปวดแล้วได้รับการเยียวยา ดังนั้นลองถามตัวเองก่อนว่าอยากรู้สึกยังไงหลังอ่านจบ แล้วตามด้วยจังหวะการเล่าเรื่อง (เร็ว ช้า), ความสมจริง (현실 vs. แฟนตาซี), และระดับความเครียดของความสัมพันธ์ (พล็อตเบาๆ หรือปมหนัก) จะช่วยกรองประเภทได้เร็วขึ้น ฉันมักเริ่มจากการนึกถึงฉากโปรดที่อยากอ่าน เช่น การดื่มชากลางสายฝนกับผู้ร่วมทางคนเดียว หรือการเผชิญหน้าที่เปลี่ยนความสัมพันธ์ไปตลอดกาล — แบบนี้จะพาไปหาประเภทได้ง่ายขึ้น
ต่อมาให้ลองแบ่งแนวตามฟังก์ชันที่ต้องการ: ถ้าอยากได้ความอบอุ่นหัวใจ แนะนำแนวโรแมนติกสมัยใหม่หรือช็อกโกแลตตอนดึก ๆ ที่เล่าเรื่องความรักเรียบง่ายแต่มีรายละเอียดชีวิต เช่น นิยายที่เน้นการเติบโตของตัวละครและฉากวันธรรมดาอย่าง '
kimi ni todoke' ในเวอร์ชันนวนิยายหรือแนวโชชิโอให้ความหวานละมุน ถ้าชอบตื่นเต้นกับเคมีและบทโต้ตอบไว ๆ ให้มองหาโรแมนติกคอมเมดี้หรือ enemies-to-lovers ที่ความขัดแย้งสร้างประกาย เช่น เรื่องที่บทสนทนามีคมและซีนโรแมนติกพุ่งจังหวะเร็ว ส่วนคนที่ชอบดราม่าเรียลและการสูญเสียที่ซ่อมแซมจิตใจได้ ควรเลือกนิยายรักพล็อตเศร้า-หวานปน เช่น แนว tragedy/bittersweet แบบ 'The Fault in Our Stars' เพราะมันให้การระบายอารมณ์และความเข้าใจในความรักที่ไม่สมบูรณ์แบบ
อีกทางเลือกที่น่าสนใจคือการผสมแนว: โรแมนติกแฟนตาซีจะพาไปท่องโลกที่กฎดั้งเดิมไม่ถูกผูกมัด ทำให้ความสัมพันธ์มีภาพพจน์ใหญ่โตแบบ 'The Night Circus' หรือถ้าชอบบรรยากาศประวัติศาสตร์ แนว historical romance อย่าง 'Outlander' ให้ทั้งโรแมนติกและการผจญภัย ซึ่งเหมาะกับคนที่อยากหลีกหนีความจริงสักพัก การอ่านแนว slow-burn เหมาะกับคนที่เพลิดเพลินกับการอ่านปูความสัมพันธ์ทีละนิด และสำหรับคนอยากได้แรงดึงดูดทันที แนว insta-love อาจตอบโจทย์ แม้มักจะสั้นแต่ให้ความฟินฉับไว
ท้ายที่สุด สิ่งที่ทำให้เราจริงจังกับนิยายรักคือการเชื่อมโยงกับตัวละครและรายละเอียดเล็ก ๆ เช่น บทสนทนาที่ทำให้ยิ้ม หรือลายละเอียดเรือนร่างที่ทำให้หัวใจเต้น แนะนำให้ลองอ่านตัวอย่างหน้าแรกหรือคำนำเพื่อดูน้ำเสียงผู้เขียน ถ้าอยากความสบายใจหลังอ่าน เลือกเรื่องที่จบแบบ
ให้กำลังใจ ถ้าต้องการการปะทะทางอารมณ์ เลือกเรื่องที่มีความซับซ้อน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของรสนิยมและช่วงเวลาในชีวิตของแต่ละคน — สำหรับฉัน การเจอนิยายรักที่ตรงใจเหมือนเจอเพลงที่ฟังแล้วทำให้วันธรรมดาเปลี่ยนความหมาย และนั่นแหละเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ยังคงติดตามต่อไป