เสียงจักจั่นเป็นเหมือนซาวด์แทร็กที่ฉายภาพฤดูร้อนในหัวของผมเสมอ มาแบบดังและแน่น แต่ชีวิตจริงของมันสั้นกว่าที่เสียงจะคงอยู่ในความทรงจำ
การใช้จักจั่นเป็นสัญลักษณ์ในงานศิลป์ทำให้ผมคิดถึงการประชันกันระหว่างความมีชีวิตที่แสดงออกกับความไม่จีรัง: จักจั่นใช้เวลาส่วนใหญ่ของชีวิตอยู่ใต้ดินเป็นนางไม้ จนกระทั่งวันหนึ่งพวกมันโผล่ขึ้นมา ร้องเสียงดัง เป็นการฉลองเฉพาะช่วงสั้นๆ ก่อนตาย งาน
วรรณกรรมญี่ปุ่นเก่าๆ มักหยิบเอาความขัดแย้งนี้มาเล่นกับธีมความตาย ความเหงา และความทรงจำ
เมื่อผมมองภาพยนตร์หรืออ่านบทกวีที่ใส่จักจั่นเข้าไป มันไม่ใช่แค่เสียงประกอบ แต่เป็นสัญญะของเวลาที่กำลังผ่านไป มันเตือนว่าความทรงจำบางอย่างดูจะสดชื่นและเจ็บปวดพร้อมกัน ทุกครั้งที่ได้ยินจักจั่น ฉันจะนึกภาพของคนที่เติบโตผ่านฤดูร้อนนั้น ๆ — มีทั้งความสุข ความสูญเสีย และความงามชั่วคราวที่เราไม่สามารถยึดมั่นได้ เป็นภาพที่ค้างคาและสวยงามในเวลาเดียวกัน