วอลแตร์มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมและการเมืองยุคใด?

2025-11-24 21:08:39 275

2 คำตอบ

Ursula
Ursula
2025-11-27 09:06:15
สรุปเป็นข้อย่อยๆ ได้ดังนี้:

- วอลแตร์มีอิทธิพลต่อการเมืองในยุค Enlightenment โดยทำให้แนวคิดเรื่องเสรีภาพความคิดและความอดทนทางศาสนาเป็นหัวข้อสาธารณะ ฉันเห็นว่าบทความและจดหมายของเขาทำหน้าที่เหมือนจุดชนวนให้ประเด็นดังกล่าวถูกนำไปสู่การปฏิรูปกฎหมายและการสนทนาทางสังคม

- ทางวรรณกรรม เขาเป็นผู้ริเริ่มรูปแบบนิยายปรัชญาที่ผสมอารมณ์ขันกับการโต้แย้งเชิงเหตุผล งานอย่าง 'Zadig' แสดงให้เห็นการใช้เรื่องเล่าเพื่อสอนข้อคิดโดยไม่ต้องพิธีรีตองหนักเกินไป ซึ่งส่งอิทธิพลต่อการเขียนเชิงจิกกัดของคนรุ่นต่อมา

- ในเชิงปฏิบัติ วอลแตร์มีบทบาทในการเปิดเผยคดีการประพฤติผิดของศาลและโบสถ์ เช่น กรณีการต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในคดีที่เกี่ยวกับครอบครัวคาลาส ซึ่งทำให้สาธารณชนเริ่มสนใจการตรวจสอบอำนาจรัฐและศาสนา ฉันมองว่าเหตุการณ์เหล่านี้เชื่อมโยงกับคลื่นของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในยุโรปและกระทบถึงแนวคิดสิทธิพลเมืองในวงกว้าง

ท้ายที่สุด วอลแตร์เป็นสะพานเชื่อมระหว่างการวิพากษ์แบบปัญญากับการเคลื่อนไหวทางสังคม เขาอาจไม่ใช่ผู้ปฏิวัติที่ยืนบนท้องถนน แต่คำพูดและงานเขียนของเขาเป็นพลังที่ทลายกรอบคิดเดิม ๆ และสร้างพื้นที่ให้แนวคิดเสรีนิยมเติบโตขึ้นได้
Weston
Weston
2025-11-30 19:43:32
เปิดหนังสือ 'Candide' แล้วหัวเราะทั้งน้ำตา — นั่นคือความรู้สึกแรกที่ทำให้ฉันเริ่มสนใจวอลแตร์จริงจังขึ้น มากกว่าความตลกขบขัน สิ่งที่ดึงดูดคือการใช้อารมณ์ขันเป็นอาวุธทางปัญญาเพื่อโจมตีอำนาจอุปถัมภ์และความงมงาย ฉันชอบวิธีที่เขาทำให้ข้อคิดปรัชญาเข้าถึงคนทั่วไป: เรื่องสั้นเชิงปรัชญา กลิ่นอายของนิยายการผจญภัย และบทสนทนาสั้น ๆ ที่แทงใจ ซึ่งกลายเป็นแบบอย่างให้กับนวนิยายปรัชญาหลังยุคเดียวกัน การเขียนของวอลแตร์ชัดเจน กระชับ และเต็มไปด้วยอารมณ์เสียดสี — นั่นคือสไตล์ที่เปลี่ยนโฉมวรรณกรรมยุโรปให้หันมาสนใจการวิจารณ์สังคมผ่านเลนส์ของเหตุผล ด้านวรรณกรรม วอลแตร์ช่วยผลักดันรูปแบบใหม่ๆ ทั้งการใช้เรื่องเล่าที่แฝงข้อโต้แย้งเชิงปรัชญาและการเขียนเชิงวาทกรรมที่เข้าถึงได้ง่าย ผลงานของเขากระจายออกไปในหลายภาษา ทำให้แนวคิดเรื่องเสรีภาพทางความคิด ความสมเหตุสมผล และการตั้งคำถามต่อศาสนาและอำนาจกลายเป็นเรื่องที่พูดถึงในวงกว้าง นักเขียนรุ่นหลังได้รับอิทธิพลในเชิงเทคนิคการเล่าเรื่อง เช่น การใช้ประโยคสั้น ๆ เพื่อชี้แนะความจริงขมขื่น หรือการสร้างตัวละครที่เป็นพาหะของแนวคิดเพื่อล้อเลียนอำนาจเก่า มุมมองทางการเมืองของวอลแตร์ก็ยิ่งชัดเจน: เขาเป็นผู้ผลักดันแนวคิดเรื่องความอดทนทางศาสนา การยุติการลงโทษโดยอธรรม และการปกป้องสิทธิพลเมือง เหตุการณ์เช่นคดีครอบครัวคาลาส (Affair of the Calas) ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นเสียงสาธารณะที่เรียกร้องการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม งานเรียกร้องอย่าง 'Letters on the English' กับบทความต่าง ๆ ของเขากระตุ้นให้เกิดการถกเถียงเรื่องอำนาจของรัฐและบทบาทของศาสนาในการเมือง ผลสะเทือนของความคิดเหล่านี้สามารถเห็นได้ในขบวนการปฏิรูปกฎหมายและแนวคิดเสรีนิยมที่ตามมา รวมทั้งเป็นส่วนหนึ่งของพื้นฐานแนวคิดที่นำไปสู่การปฏิวัติและการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิพลเมืองในศตวรรษที่ 19 จบด้วยความคิดส่วนตัว: วอลแตร์ไม่ใช่แค่คนตลกที่ยืนบนเวทีเสียดสี แต่เป็นคนที่ใช้ปากกาท้าทายอำนาจด้วยเหตุผลและมนุษยธรรม ฉันมักนึกถึงเขาเมื่อเจอความอยุติธรรมเล็กๆ ในชีวิตประจำวันที่ต้องการคำพูดคม ๆ และความกล้าในการตั้งคำถาม — นี่แหละคือมรดกที่เขาฝากไว้
ดูคำตอบทั้งหมด
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

ท่านรองฯร้อนแรง (NC 18+)
ท่านรองฯร้อนแรง (NC 18+)
ภาคมองหน้าเลขาบนตัก ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ แต่ตอนนี้กูขอเอาก่อนได้ไหมวะ ตอนนี้เขาแข็งจนทนไม่ไหว อะไรก็ได้ไม่ว่าจะมือ จะรู จะอะไรก็ช่าง..แม่ง! ขอกูแตกก่อน ไม่ได้แตกมานาน คนที่เคยคิดว่าจะไม่กินไก่ของตัวเองชักเริ่มร้อนรน "ไม่พูดก็ไม่พูด ช่วยหน่อยได้ไหม มือก็ได้" ภาคขออย่างหน้าไม่อายเพราะ ตอนนี้เขาไม่ไหวแล้ว "ทำยังไงคะ" รริดาหันหน้าไปมองเขา ดูจากอาการปวดร้าวของเขาแล้ว เธอก็สงสารเขาไม่ใช่น้อย แค่ใช้มือก็คงพอได้ เธอก็เคยดูมาบ้างในคลิปโป๊ต่างๆ ที่มีการใช้มือ "ผมขอถอดกางเกงก่อนนะ" ภาคถอดเสื้อกับกางเกงพาดไว้กับราวแขวนผ้า จากนั้นเขาก็มานั่งพิงหัวเตียง "..." รริดามองผู้ชายที่สวมกางเกงในบรีฟสีขาว แบบรัดแน่นพอดีตัวจนมองเห็นอะไรต่ออะไรที่ขดเป็นลำอยู่ภายใต้กางเกงใน ไหนบอกว่าไม่แข็งไง นี่มันขยายเต็มตัวแล้วมั้ง เพราะปลายหัวพ้นขอบกางเกงในออกมาแล้ว "คุณ ถอดชุดไหม เดี๋ยวชุดยับ" เขาถาม "ไม่! ฉันแค่ใช้มือชุดจะยับได้ไง"
10
262 บท
บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง
บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง
ชาติก่อนอานนท์ตายเพราะทำงานหนักจนร่างกายรับไม่ไหว เกิดใหม่ชาตินี้ชีวิตยังสู้กลับ ครอบครัวใหม่ช่างจ๊นจน คนบ้าน ๆ แบบเขาสกิล,ของวิเศษอะไรไม่มีสักอย่าง แล้วจะมีชีวิตต่อไปยังไง เห้อ! เด็กน้อยหัวจะปวด...
9.2
271 บท
แรกแย้ม
แรกแย้ม
หวานหรือพริณตาซึ่งมีอายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้นแต่ต้องถูกแม่เลี้ยงใจร้ายพามาตรวจพรหมจรรย์เพียงเพราะพรรณีต้องการพาเธอไปขายให้เสี่ยชัด ไอ้เสี่ยบ้ากาม มันต้องการเพียงเด็กสาววัยขบเผาะเท่านั้น พริณตาหวาดกลัวอย่างมากเพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์ของมันมาอย่างดีว่าโรคจิตแค่ไหน "ฉันอยากได้ใบรับรองว่ามันยังบริสุทธิ์อยู่ค่ะ" พรรณีบอกคุณหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ในห้องตรวจ เขาเงยหน้าขึ้นมองคนพูดและเด็กสาวอีกคนที่นั่งก้มหน้างุด "มันเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคลเจ้า ตัวเขายอมไหมครับ" พฤกษ์คุณหมอหนุ่มวัยสามสิบสองพูดขึ้นอย่างสุภาพ "มันเป็นลูกฉัน มันก็ต้องยอมสิ แกยอมใช่ไหมอีหวาน" "ค่ะ ค่ะ" เธอรีบตอบ ในหัวกำลังคิดหาทางว่าจะหนีจากแม่เลี้ยงใจร้ายและไอ้เสี่ยบ้ากามนั้นได้อย่างไร "งั้นเชิญญาติคนไข้ไปรอข้างนอกก่อนนะครับ" คุณหมอหนุ่มผายมือให้นางพรรณีออกไปนอกห้องตรวจ "เออ ฉันขอคุยกับคุณหมอตามลำพังได้ไหมคะ" พริณตาพูดขึ้นเพราะเธออยากเจรจากับคุณหมอหนุ่มตรงหน้า เวลานี้คงไม่มีใครช่วยเธอได้อีกนอกจากเขาเท่านั้น พยาบาลผู้ช่วยสาวไม่แน่ใจหันไปมองหน้าคุณหมอหนุ่ม "ตามเข้ามาข้างใน" "มันไม่ใช่แม่หนู"
คะแนนไม่เพียงพอ
151 บท
พยัคฆ์สาวจ้าวดวงใจ
พยัคฆ์สาวจ้าวดวงใจ
เรือนไผ่ริมธารอันเร่าร้อน สู่วังหลวงอันหนาวเย็น อบอวลอุ่นไอรักที่ซ่อนเร้น นางผู้ปรากฏกายให้เห็น พร้อมบุตรสาวของเขา *** นางคืออดีตจอมยุทธ์หญิงฝีมือฉกาจในร่างหญิงสาวอ่อนแอไร้ค่า เขาคือองค์รัชทายาทหนุ่มรูปงาม ในคราบชายอัปลักษณ์ การแต่งงานเกิดขึ้นที่ริมธาร ความเร่าร้อนในค่ำคืนหนึ่งคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง *** มิใช่เพียงเพราะสัญญาหมั้นหมาย หากแต่เป็นเพราะเขากับนางรักกันมาก รักกันมานาน ทว่าภาพที่เห็นคืออันใด น้องสาวแสนดีกับชายคนรักกำลังเดินจูงมือกันอย่างหวานชื่น และหายไปทางเรือนแห่งหนึ่ง หลังจากลอบติดตามและแอบมองเนิ่นนาน เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ก็ยิ่งไม่เข้าใจ พวกเขาทำอะไร? นั่นคือคู่หมั้นอันเป็นที่รักของนางกับน้องสาวผู้แสนดี พวกเขาคงเจอกันโดยบังเอิญ แล้วทักทายกันตามประสา นางมิอาจคิดการไม่บังควรกับพวกเขา... “ช้าก่อน!” ซานซานตวาดก้อง “นี่ข้าต้องเป็นวิญญาณสิงร่างนางโง่งมผู้นี้อย่างนั้นหรือ? คู่หมั้นตัวเองกำลังขย่มกับน้องสาวก็ยังไม่เข้าใจ ข้าจะบ้าตาย ขอลงนรกแทนได้ไหม?” “ไม่ได้!” “...!?”
10
392 บท
ฮูหยินที่ท่านไม่ต้องการ
ฮูหยินที่ท่านไม่ต้องการ
และในที่สุดสิ่งที่ดีที่สุดที่จะแยกสตรีแพศยานั่นออกจากน้องเขยเลวของเขาก็คือ แยกพวกมันจากกันเสีย และนั่นก็เป็นสาเหตุที่เขาส่งคนไปสู่ขอสตรีนางนั้นทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้า แต่ก็ไม่ประสงค์จะเห็นเพราะแค่ได้ยินเรื่องฉาวของแม่นั่นเขาก็รังเกียจแทบจะไม่อยากจะพบเจอ แต่นี่จำต้องรับนางมาเป็นฮูหยินที่เขาไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด ก็แพศยาปานนั้น เปือดเปื้อนกลิ่นอายบุรุษมากี่คนแล้วล่ะ แม้แต่สามีของผู้อื่นนางก็ไม่เว้น แพศยาถึงปานนี้ จะทอดสะพานให้บุรุษเดินไปกี่คนแล้วก็ไม่รู้ได้ แม่ทัพหนุ่มจึงเพียงแค่รับนางเข้าจวนและให้เข้าพิธีแต่งกับป้ายชื่อของเขา โดยอ้างว่าเขาติดราชการด่วน ไม่..ฮูหยินที่เขาไม่ต้องการนั้นร้ายกาจดังเช่นที่น้องสาวของบอกเล่าหรือไม่
10
60 บท
ภรรยาในนาม
ภรรยาในนาม
ก๊อก ก๊อก "บอสคะ" "เข้ามา" สิ้นเสียงอนุญาตประตูของห้องทำงานก็ได้ถูกเปิดเข้ามา "เอกสารที่บอสต้องการค่ะ" "เอามาให้ผมเลย" ชายหนุ่มสั่งเลขาที่ไม่กล้าเอาเอกสารเดินเข้ามาใกล้ เพราะคงเกรงใจที่เห็นเขากำลังคุยกับแม่อยู่ หญิงสาวร่างระหง ก้าวเดินเข้ามาแล้วยื่นเอกสารส่งไปให้กับท่านประธานที่นั่งอยู่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง แต่แทนที่เขาจะรับแฟ้มเอกสารที่เธอยื่นมาให้ ชายหนุ่มกลับคว้ามือของเธอให้นั่งลงไปที่ตัก "??" หญิงสาวตกใจตัวแข็งทื่อ แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกมา "คฑาลูกทำอะไร!!" ผู้เป็นแม่ถึงกับตกใจลุกขึ้นจากเก้าอี้แบบลืมตัว "ต่อไปนี้คุณไม่ต้องกินยาคุมแล้วนะ แม่ผมอยากจะอุ้มหลาน" "????"
9.7
251 บท

คำถามที่เกี่ยวข้อง

วอลแตร์ เขียนงานชิ้นใดที่เปลี่ยนแปลงแนวคิดสังคม?

1 คำตอบ2025-11-24 12:13:08
ขอเริ่มจากงานที่โดดเด่นที่สุดของวอลแตร์ซึ่งมักถูกยกให้เป็นงานที่เปลี่ยนแนวคิดสังคม: 'Candide'. งานชิ้นนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องสั้นเสียดสีธรรมดา แต่เป็นการโจมตีความเชื่อเรื่องอุดมคติที่ว่า "ทุกสิ่งเป็นไปเพื่อสิ่งที่ดีที่สุด" ผ่านการผจญภัยสุดโหดที่แสดงให้เห็นความโหดร้ายของสงคราม ความไร้เหตุผลของการลงโทษ และความ Hypocrisy ของสถาบันศาสนาและชนชั้นนำ ตอนอ่านประโยคที่ว่า 'เราต้องปลูกสวนของเรา' มันเหมือนกับการตบหน้าความคิดแบบตื้นเขินและชวนให้คนธรรมดาเริ่มคิดว่าสิ่งสำคัญคือการลงมือทำเพื่อความเป็นอยู่ ไม่ใช่เอาอุดมคติทื่อๆ มาอ้าง ความเรียบง่ายของสำนวนรวมกับความขบขันทำให้คนทั่วไปที่ไม่ใช่นักปรัชญาสามารถเข้าถึงและตั้งคำถามต่อระเบียบสังคมได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แนวคิดเสรีภาพทางความคิดแพร่หลายมากขึ้น อีกชิ้นที่มีผลทางสังคมอย่างชัดเจนคือ 'Lettres philosophiques' และ 'Traité sur la tolérance'. งานเขียนเหล่านี้ไม่ได้ผลักดันความคิดทางปรัชญาอย่างลอยๆ เท่านั้น แต่ผสมผสานข้อโต้แย้งเชิงเหตุผลกับตัวอย่างจริง เช่น กรณีคดีของ Jean Calas ซึ่งทำให้วอลแตร์ออกมาร้องเรียนต่อสังคมถึงการตัดสินที่ไม่เป็นธรรมและการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐาน ผลงานเกี่ยวกับความอดทนและเสรีภาพทางความคิดจึงกลายเป็นเครื่องมือทางสาธารณะ ช่วยเปลี่ยนแนวโน้มความคิดจากการยอมรับอำนาจโดยไม่ตั้งคำถามเป็นการเรียกร้องให้มีการตรวจสอบอำนาจ และเน้นว่ากฎหมายต้องปกป้องผู้กระทำผิดเพราะเหตุผลทางอุดมการณ์ ไม่ใช่เพราะความหวาดกลัวหรืออคติ ความสำคัญเชิงประวัติศาสตร์ของวอลแตร์ไม่ได้อยู่ที่งานชิ้นใดชิ้นหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่คือวิธีที่ผลงานของเขาทำให้ประชาชนสามารถสนทนาเรื่องการเมือง ศีลธรรม และศาสนาได้อย่างเปิดเผย โดยไม่ต้องพึ่งศัพท์เฉพาะหรือบทบรรยายเชิงอภิปรัชญา ตัวอย่างเช่น การใช้เสียดสีใน 'Candide' ทำให้คำวิจารณ์ต่อสงครามและศาสนาเข้าไปถึงผู้อ่านวงกว้าง ส่วนงานเรียกร้องความยุติธรรมใน 'Traité sur la tolérance' มีผลทางปฏิบัติในการกระตุ้นการปฏิรูปคดีความและการตรวจสอบการใช้อำนาจของศาล ผลงานเหล่านี้จึงเป็นหนึ่งในแรงผลักดันที่ทำให้แนวคิดเรื่องเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน และการแยกอำนาจของศาสนาออกจากรัฐเริ่มกลายเป็นเรื่องที่สาธารณชนยอมรับมากขึ้น ท้ายสุดแล้ว งานของวอลแตร์ไม่เพียงเปลี่ยนคำพูดของนักปรัชญา แต่เปลี่ยนวิธีที่คนธรรมดาพูดถึงสังคมและอำนาจ ผลงานของเขายังกระตุ้นให้คนรุ่นหลังตั้งคำถามและต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในรูปแบบที่จับต้องได้ ซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกว่าวอลแตร์ยังคงเป็นนักเขียนที่มีพลังในการปลุกความคิดและสร้างการเปลี่ยนแปลง แม้เวลาในกระดาษจะผ่านไปนานแล้วก็เถอะ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status