การเปลี่ยนทิศทางที่เด่นชัดที่สุดในชีวประวัติของวอลแตร์สำหรับฉันคือเหตุการณ์ที่ทำให้ความเชื่อเชิงปรัชญาและน้ำเสียงการเขียนของเขาหยุดอยู่กับคำถามแทนคำตอบแบบเบา ๆ การสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ลิสบอนทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของโชคชะตาอย่างไม่มีปรนอ่อน — นี่ไม่ใช่แค่ข่าวเหตุการณ์ แต่เป็น
ชนวนให้วอลแตร์ทบทวนแนวคิดเรื่อง 'ความดีเลิศของจักรวาล' ที่นักปรัชญาบางคนเสนอไว้ ผลงานประพันธ์ที่ตามมาอย่าง 'Candide' กลายเป็นเครื่องมือของเขาในการตบหน้าอุดมคติที่ดูสวยงามแต่ไม่สนใจความทุกข์ของมนุษย์จริง ๆ
โทนการเขียนของเขาเปลี่ยนจากความถนัดในเชิงปฏิทินและอารมณ์ขันแบบเฉียบคม มาเป็นอาวุธเสียดสีที่มีเป้าหมายชัดเจนขึ้น ฉันสังเกตว่าฉากสั้น ๆ ในเรื่องราวหลังเหตุการณ์นั้นถูกใช้เพื่อลากผู้อ่านมาพบกับความเป็นจริงที่โหดร้าย แทนที่จะปลอบใจด้วยทฤษฎีปรัชญาที่หรูหรา ผลงานสั้นและเข้มข้นของเขาทำให้การวิพากษ์ศาสนาและการเมืองไม่ใช่แค่ปัญหาเชิงทฤษฎี แต่กลายเป็นเรื่องของชีวิตประจำวันของผู้คนที่ถูกเอาเปรียบ
เมื่ออ่านชีวประวัติควบคู่กับงานวรรณกรรม ฉันรู้สึกว่าเหตุการณ์นั้นเปลี่ยนวอลแตร์จากคนคิดเป็นคนลงมือ ข้อเขียนต่อมาของเขาเต็มไปด้วยความเร่งด่วนและความเอาจริงเอาจังในการเรียกร้องความยุติธรรม แม้จะยังคงมีอารมณ์ขันและสำนวนเฉียบคมอยู่เสมอ แต่หลังจากจุดเปลี่ยนนี้เสียงของเขากลายเป็นเสียงที่ท้าทายมากขึ้น เรียกให้ผู้อ่านไม่เพียงแต่ขบคิด แต่ต้องรู้สึกถึงหน้าที่ทางศีลธรรมด้วย — นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันมองว่าเหตุการณ์นั้นเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้วอลแตร์เป็นมากกว่านักเขียน เพื่อนที่ฉันมองงานของเขาจึงรู้สึกได้ถึงความหนักแน่นและความจริงจังที่เกิดขึ้นหลังจากวันนั้น