นิยายเรื่องนี้พาฉันพุ่งเข้าสู่โลกที่ทุกคนถูกกำหนดตัวตนด้วยตัวเลข มากกว่าชื่อเสียงเรียงนาม และศูนย์กลางของเรื่องคือหญิงสาวที่ถูกเรียกว่า 'สตรี หมายเลข1'—ไม่ได้เป็นเพียงฉายาแต่เป็นตำแหน่งทางสังคมที่มีทั้งอิทธิพลและพันธนาการ เรื่องเปิดด้วยภาพเธอตื่นขึ้นในวังวนของพิธีกรรมและบทบังคับ ซึ่งสังคมมองเธอเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังหรือเครื่องมือทางการเมือง ขณะที่ฉันอ่านไปเรื่อย ๆ ก็รู้สึกถึงความขัดแย้งภายในตัวละครหลัก: เธออยากเป็นอิสระแต่ถูกพันธนาการด้วยหน้าที่, อยากพูดความจริงแต่คำพูดของเธอกลับอาจนำมาซึ่งความหายนะ การเริ่มต้นเรื่องแสดงให้เห็นโลกที่มีการจัดลําดับผู้คนโดยเลขรหัสและการเมืองเบื้องหลังที่ซับซ้อน ทำให้อารมณ์ของการอ่านตั้งแต่ต้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความสงสัย
การเดินทางของเธอไม่ได้เป็นแค่การต่อต้านภายนอก แต่เป็นการต่อสู้เพื่อค้นหาตัวตนภายใน ระหว่างทางมีตัวละครรองหลายคนที่สะท้อนด้านต่าง ๆ ของสังคม ทั้งเพื่อนร่วมชะตากรรมที่เคยถูกตราหน้า, เจ้าหน้าที่รัฐที่เชื่อว่าสิ่งที่ทำคือเพื่อความ
สงบสุข, และนักปฏิวัติลับที่เสนอทางเลือกใหม่ ๆ ตัวอย่างฉากที่ยังติดตาคือเธอถูกพาไป
งานเลี้ยงที่จัดเพื่อย้ำลําดับชั้น แม้แสงสีจะดูหรูหรา แต่บทสนทนาลึก ๆ กลับเปิดเผยความโหดร้ายของระบบ ฉากการพบเจอกับเด็กคนหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจระบบตัวเลขทำให้เกิดคำถามเชิงจริยธรรมว่าเราจะยอมให้คนรุ่นใหม่โตขึ้นในโลกเช่นนี้ต่อไปหรือไม่ เรื่องโยงใยความรัก ความทรยศ และการเสียสละเข้าด้วยกันอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้ทุกการตัดสินใจของ 'สตรี หมายเลข1' มีผลสะเทือนวงกว้าง
บทสรุปของเรื่องไม่ได้ให้คำตอบง่าย ๆ แต่มอบความเปลี่ยนแปลงที่มีทั้งความหวังและความสูญเสีย ในฉากสุดท้ายเธอเลือกทางที่ไม่คาดคิด—ทั้งเป็นการกระทำเล็ก ๆ ที่คิดเห็นว่าไม่มีค่า แต่กลับเป็น
ชนวนให้คนอื่นมองเห็นความเป็นไปได้ใหม่ ๆ เรื่องนิ่งเงียบและให้พื้นที่ให้ผู้อ่านตีความต่อ ความยิ่งใหญ่ของนิยายอยู่ที่การทำให้ฉันย้อนมองการแบ่งชั้นในชีวิตจริงและคำถามว่าเราให้คุณค่ากับคนอย่างไร การอ่าน 'สตรี หมายเลข1' ทำให้รู้สึกทั้งเจ็บปวดและถูกกระตุ้น อยากบอกว่าเล่มนี้เหมาะกับคนที่ชอบเรื่องที่เน้นตัวละครและการเมืองในชีวิตประจำมากกว่าการผจญภัยแบบชัดเจน ส่วนตัวฉันยังคงจดจำภาพบางฉากไว้และรู้สึกว่ามันจะตามหลอกหลอนฉันไปอีกพักใหญ่