ความโหยหาที่ไม่สิ้นสุดเป็นสิ่งที่ฉันมักจะขบคิดเวลาดูหนังที่เล่นกับเวลาและความทรงจำ
ฉันมองเห็นความโหยหาแบบนี้ชัดที่สุดในฉากที่ตัวละครต่างคนต่างมีความทรงจำที่เชื่อมต่อกันข้ามกาลเวลา อย่างเช่นใน 'Kimi no Na wa' การรอคอยและความรู้สึกที่ไม่สามารถจับต้องได้ถูกถ่ายทอดผ่านการ
สลับร่างและเส้นเวลา ซึ่งทำให้ความโหยหาไม่ได้เป็นแค่ความคิดถึงบุคคล แต่กลายเป็นการโหยหาช่วงเวลาที่หายไป ฉันชอบที่หนังไม่รีบให้คำตอบ แต่ปล่อยให้ความรู้สึกนั้นค้างอยู่ในอกคนดูเหมือนจดหมายที่ยังไม่ได้เปิด
มุมมองส่วนตัวคือความโหยหาชนิดนี้ทำให้ฉันเชื่อมโยงกับความทรงจำเล็กๆ ในชีวิตจริง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นหรือทำนองเพลงที่ดึงภาพเก่า ๆ กลับมา มันอ่อนโยนแต่ก็ทรงพลัง เพราะบางครั้งสิ่งที่เราคิดถึงที่สุดไม่ใช่คนคนเดียว แต่เป็นเวอร์ชันของเราในวันที่ต่างออกไป และนั่นแหละที่ทำให้เรื่องเล่าแบบนี้ยากจะลืม