ฉันมักจะนึกถึงภาพกลางคืนที่มีแสงไฟจากหน้าต่างเล็กๆ เมื่อได้ยินว่า '
everlasting longing' — ท่อนเปิดที่ค่อยๆ ไต่ขึ้นคล้ายกับลมหายใจช้าๆ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังดูหนังฉากหนึ่งที่ความทรงจำกับความคิดถึงชนกัน
เสียงสายไวโอลินที่ยาวและก้องอยู่บนพื้นซาวด์เป็นหัวใจของเพลงนี้ ในมุมมองของฉัน เพลงไม่ได้แค่พูดถึงความโหยหาแบบโรแมนติกเท่านั้น แต่ยังจับความรู้สึกของการรอและการยอมรับไว้ด้วยพร้อมกัน คำร้องมักใช้ภาพซ้ำ เช่น แสง เงา และการเดินทาง ซึ่งทำให้หัวข้อเรื่องกลายเป็นความคิดที่มีมิติ เพลงมักจะวางคอร์ดในโหมดไมเนอร์ที่ไม่เศร้าจัด แต่มีโทนอบอุ่น จึงให้ทั้งความเจ็บปวดและการปลอบโยนในคราวเดียว
เบื้องหลังตามที่ฉันรู้สึก ผู้แต่งน่าจะได้รับแรงบันดาลใจจากการจากลาหรือความสัมพันธ์ที่ยาวนานซึ่งไม่จบลงอย่างชัดเจน จึงเลือกโครงสร้างเพลงแบบหลอมรวมระหว่างเมโลดี้เรียบง่ายกับแอคคอร์ดที่ซับซ้อน ผลลัพธ์คือ
บทเพลงที่ยิ่งฟังยิ่งพบชั้นความหมาย เหมือนฉากปิดของ 'Your Name' ที่แทรกความโหยหาและเวลาลงไปในทำนอง ถ้าจะวางเพลงนี้คู่กับภาพ มันจะเป็นฉากที่คนสองคนยืนห่างกันแต่ยังมองเห็นเส้นเชื่อมบางๆ ระหว่างพวกเขา — นั่นแหละคือเสน่ห์ที่ทำให้ฉันหยุดฟังซ้ำไปซ้ำมา