แฟนอาร์ตแนว 'สายโลหิต' มักจะเป็นพื้นที่ที่ศิลปินปล่อยอารมณ์หนักๆ กับธีมของความผูกพันที่มองไม่เห็นแต่จับต้องได้—ทั้งแบบครอบครัวดั้งเดิมและแบบลึกลับอย่าง
แวมไพร์หรือคำสาปรุ่นสู่รุ่น ความน่าสนใจอยู่ตรงที่คำว่า 'สายโลหิต' เปิดทางให้ตีความได้กว้าง: เป็นภาพพอร์เทรตรวมเผ่าพันธุ์, ฉากต่อสู้เพื่อมรดก, หรือแม้แต่โมเมนต์อ่อนโยนระหว่างพ่อแม่กับลูกซึ่งทั้งอบอุ่นและเศร้าพร้อมกัน ฉากพวกนี้โดนใจแฟนๆ เพราะมันเชื่อมโยงกับเรื่องราวส่วนตัวของคนดูและกระตุ้นให้เกิดไดอะล็อกทางอารมณ์ — ใครๆ ก็อยากเห็นว่าตัวละครที่ชอบจะรับมือกับมรดกหรือความผิดบาปของตระกูลยังไง
ธีมยอดฮิตที่เห็นบ่อยมีหลายแบบและแต่ละแบบให้โทนอารมณ์ต่างกัน เช่น ‘‘พอร์ตเทรตตระกูล’’ ที่วาดเป็นภาพเก่าในกรอบไม้หรือเป็นภาพหมู่แนวครอบครัวสมัยใหม่, ‘‘AU รุ่นต่อไป’’ ที่ศิลปินจินตนาการลูกหลานของตัวละครหลักพร้อมพรสวรรค์หรือคำสาปที่สืบทอดมา, ‘‘ความขัดแย้งในครอบครัว’’ ซึ่งมักจะจับคู่การทรยศหรือการสืบทอดบัลลังก์กับความเจ็บปวดเชิงจิตใจ, และฝั่งมืดอย่าง ‘‘สายโลหิตแวมไพร์/คำสาป’’ ที่เน้นบรรยากาศโกธิค เลือด และพิธีกรรม ตัวอย่างสำคัญที่แฟนๆ มักหยิบมาทำแฟนอาร์ตได้แก่เรื่องราวสายเลือดแบบ '
jojo's bizarre adventure' ที่ยึดโยงครอบครัวเป็นแกนกลาง หรือซีรีส์อย่าง '
castlevania' ที่ผูกพันระหว่างตระกูลนักล่าแวมไพร์กับตำนานเลือด
ด้านสไตล์และองค์ประกอบ ศิลปินชอบใช้โทนสีที่สื่อถึงเลือดหรือความโบราณอย่างแดงเข้ม แดงสนิม น้ำตาลซีด และทองหม่น การจัดแสงมักเป็นแบบชัดเจนเพื่อเน้นหน้าตาและริ้วรอยของสายเลือด รายละเอียดเล็กน้อยอย่างแผลเป็น รูปลักษณ์ที่ถูกสืบทอด เครื่องประดับมรดก หรือรูปลักษณ์ที่เหมือนกันในหลายชั่วอายุคนช่วยสร้างคอนเน็กชันระหว่างตัวละคร ภาพแนวเงียบๆ ที่มีหนึ่งคนกำลังมองรูปถ่ายโบราณหรือถือวัตถุของบรรพบุรุษก็ได้รับความนิยมเพราะมันบอกเรื่องราวได้ทันที ส่วนงานที่เน้นกราฟิกจะใช้สัญลักษณ์เช่นต้นไม้ครอบครัว ลายเครือข่ายเส้นเลือด หรือกระจกแตกรวมถึงคอมโพสแบบไทม์ไลน์ที่วางรุ่นก่อนหน้าและรุ่นถัดไปเรียงกัน
การตอบรับจากแฟนๆ มักเป็นไปในทางสร้างสรรค์ — ภาพเหล่านี้กระตุ้นให้คนเขียนเฮดคานอน แฟิค หรือแม้แต่ต่อยอดเป็นซีรีส์ภาพชุด การยกกระชับเรื่องมรดกความผิดพลาด หรือความหวังของคนรุ่นใหม่ทำให้แฟนอาร์ตดูมีเรื่องเล่าและไม่ใช่แค่ภาพสวยๆ เท่านั้น บางครั้งภาพที่เน้นความนุ่มนวลของความสัมพันธ์สายเลือดก็ทำให้คนดูร้องไห้ ขณะที่งานที่เน้นโทนดาร์กก็ปลุกให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับศีลธรรมและตัวตนของตัวละครโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการผสมกับธีมการเมืองหรือการแย่งชิงอำนาจ สุดท้ายแล้วฉันมักจะชอบงานที่ผสานความอบอุ่นและความขมของสายเลือดไว้ด้วยกัน เพราะภาพแบบนั้นทำให้รู้สึกเหมือนกำลังอ่านนิทานตระกูลที่ยังเปิดหน้าต่อไปได้อีกหลายบท